วันที่ 20 พฤษภาคม 2024

4 ค่ายรถยนต์ยักษ์ยื้อตอบรับนโยบาย 4 ข้อส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล

People unity : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประชุมร่วม 4 ค่ายรถยนต์ เพื่อเปิดรับฟังข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหามาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าระยะแรก หวังยกระดับให้ไทยเป็นฐานที่มั่นการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

15 มีนาคม 2562 : นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากช่องโหว่ของมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในระยะแรก ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้กับผู้ผลิตรถยนต์ HEV/PHEV โดยไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Vehicles) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve ของประเทศ ดังนั้น สศอ. จึงได้นำเสนอมาตรการในการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ “Core Technology” ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต รวมทั้งต้องการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ในราคาประหยัด และยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือเรียกว่า “อีโค่อีวี (ECO EV)”

นายณัฐพล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มาตรการ ECO EV มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ (1) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถปรับพลิกโฉมฐานการผลิตรถยนต์ ECO Car ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งหลักของประเทศไทย ซึ่งถูกกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการภาษีสรรพสามิตของการส่งเสริม EV ระยะแรก และ (2) เพื่อปิดจุดอ่อนของมาตรการส่งเสริม EV ในรอบแรก ซึ่งจากโครงการที่บริษัทเสนอขอรับการสนับสนุนทั้งหมด สศอ. พบว่า มีปัญหาใน 3 ประเด็นหลักคือ ร้อยละ 79.8 ของรถยนต์ทุกคันเป็นการลงทุนผลิต HEV ที่ไม่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ จึงไม่เอื้อให้เกิดการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการพัฒนาให้ไปสู่ BEV ในอนาคตได้ และกว่าร้อยละ 91.8 ของรถยนต์ที่ทุกบริษัทเสนอขอรับการสนับสนุน ไม่มีการลงทุนใน Core Technology ของ EV ในประเทศไทยเลย โดยเป็นการประกอบขั้นปลายสุด คือ ประกอบตัวถังและทดสอบแบตเตอรรี่  นอกจากนี้ รถยนต์ทุกคันที่ทุกบริษัทเสนอขอรับการสนับสนุน มีราคาสูงกว่าที่ประชาชนผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้ คือ ราว 1-6 ล้านบาท ซึ่งย่อมจะทำให้จะไม่แพร่หลายหรือมีขนาดการผลิตที่เพียงพอสำหรับการลงทุนผลิต Core Technology ของ EV ในประเทศไทย ประกอบกับ นายกรัฐมันตรีได้มีข้อสั่งการให้มีการเร่งรัดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจำหน่าย เพื่อเป็นอีกทางเลือกของประชาชนในกานช่วยกันลดฝุ่น pm 2.5 จากการใช้รถยนต์ดีเซล และเบนซิน

นายณัฐพล เปิดเผยอีกว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สศอ. ได้ทำงานร่วมกับ BOI และกระทรวงการคลัง และได้มีการปรับปรุงและสรุปข้อเสนอของมาตรการการ ECO EV จนล่าสุดสามารถตอบวัตถุประสงค์ต่างๆได้ครบทุกข้อ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้สรุปและประกาศมาตรการนี้ ได้รับทราบจากกระทรวงการคลังว่า ได้รับหนังสือร่วมลงนามจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เสนอขอรับการส่งเสริม HEV 3 ราย คือ Toyota Honda และ Nissan และบริษัทผู้จัดจำหน่ายรถปิกอัพ 1 ราย คือ ตรีเพรชอิซูซุ ได้มีข้อท้วงติง และต้องการให้ภาครัฐดำเนินมาตรการในทิศทางอื่น และในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สศอ. จึงได้หารือกับผู้ผลิต HEV ทุกรายอีก ทั้งการหารือแบบรายบริษัท และกลุ่ม 3+1 รายนี้ ซึ่งทั้ง 3 รายรับที่จะเสนอแนวทางในการปรับโครงการการลงทุนของแต่ละบริษัท เพื่อให้ไม่เป็นเพียงโครงการประกอบ HEV ขั้นสุดท้ายดังที่เสนอมาในปัจจุบัน แต่จะเพิ่มให้มีการลงทุนเพื่อพยายามตอบโจทย์ทั้ง 4 ข้อข้างต้น คือ (1) ราคาที่คนไทยต้องเข้าถึง EV ได้ (2) มีกระบวนการผลิตของชิ้นส่วน EV core technology (3) มีการก้าวไปสู่รถยนต์ที่สามารถชาร์ทไฟฟ้าได้ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาโครงข่ายการพัฒนาไฟฟ้า และ (4) มีเส้นทางการพัฒนาฐานการผลิต ECO Car ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต ที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

นายณัฐพล เปิดเผยถึงผลการประชุมเปิดรับฟังข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหามาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าระยะแรกในวันนี้ว่า “หลังจากที่ทั้ง 3 บริษัทได้ทราบโจทย์และขอกลับไปหาแนวทางประมาณ 1 เดือน ซึ่งในวันนี้บริษัทได้มารายงานผล ซึ่งสรุปได้ว่า บริษัทไม่มีข้อเสนอที่จะตอบโจทย์ทั้ง 4 ข้อ ในการแก้ปัญหามาตรการ EV ระยะแรกได้ โดยเห็นว่า ในช่วง 6 ปีนี้ ภาครัฐยังไม่ควรมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ควรรอให้มาตรการภาษีสรรพสามิตจบลงในปี 2568 ก่อน จึงควรหามาตรการแก้ไขต่อไป โดยหลังจากนี้ สศอ. จะสรุปสถานการณ์ล่าสุดเสนอกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ industry 4.0 เพื่อทราบสถานะและพิจารณาตัดสินใจต่อไปว่าประเทศไทยและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะเดินออกจากข้อติดขัดของการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านี้ร่วมกันหรือไม่อย่างไร”

เศรษฐกิจ : 4 ค่ายรถยนต์ยักษ์ยื้อตอบรับนโยบาย 4 ข้อส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล

People unity : post 17 มีนาคม 2562 เวลา 20.40 น.

“สมคิด” สั่งรัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติต่อเนื่อง รักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 62

People unity : “สมคิด” ให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562

วันนี้ (13 มีนาคม 2562) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จัดสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ “SOE CEO Forum” ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง เข้าร่วมการสัมมนา SOE CEO Forum ในครั้งนี้ ซึ่ง SOE CEO Forum เป็นการสัมมนาที่ได้จัดให้มีอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารนโยบายต่างๆ รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง CEO ของรัฐวิสาหกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ระหว่างกัน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างปี 2558 – 2561 อัตราการเติบโตของ GDP ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมากจนทำให้ปี 2561 ประเทศไทยมี GDP เท่ากับ 4.1% จากที่ในปี 2557 ที่ GDP เติบโตต่ำกว่า 1% จากการลงทุนและการดำเนินโครงการที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลของรัฐวิสากิจ

ทั้งนี้ นายสมคิด ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ ดังนี้

1.สานต่อการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนใน EEC และการพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชนตามภารกิจ

2.เร่งรัดสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้สามารถสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจ เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการสาธารณะแก่ประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลงทุนและพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

3.เร่งการพัฒนาการบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มากขึ้น และให้มีการใช้ข้อมูลที่มีร่วมกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆแก่ประชาชน

4.ร่วมมือกันให้มากขึ้นในการพัฒนาการทำงาน ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน มีการแบ่งปันความรู้และทรัพยากรและสร้างนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้กลุ่มรัฐวิสาหกิจมีความเข้มแข็งมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ

5.ขอให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพพิจารณาสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่เกี่ยวข้องกับกิจการของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถต่อยอดในการพัฒนางานต่างๆของรัฐวิสาหกิจ

ด้าน นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. เปิดเผยว่า ในการสัมมนา SOE CEO Forum ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารให้ CEO ของรัฐวิสาหกิจรับทราบสถานการณ์ต่างๆในปัจจุบัน และเตรียมความพร้อมต่อความท้าทายปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจเสนอแนะและให้ความเห็นต่อการพัฒนาประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ โดยที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจถือเป็นกลไกหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการลงทุน การดำเนินนโยบายรัฐบาล และการนำส่งรายได้แผ่นดิน รวมทั้งมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2560 รัฐวิสาหกิจมีสินทรัพย์รวมจำนวน 15 ล้านล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2556 และมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 4 แสนล้านบาท เติบโต 21% ทำให้รัฐวิสาหกิจสามารถนำส่งรายได้แผ่นดินสูงถึง 1.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% จากปี 2556 นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจยังเป็นส่วนสำคัญของการลงทุนภาครัฐ โดยในปี 2561 รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายงบลงทุน 3.8 แสนล้านบาท เติบโต 70% จากปี 2556 อีกทั้งรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินโครงการที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นให้แก่เศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) การสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ และการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 มีความท้าทายต่อการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ อาทิ เรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง สงครามทางการค้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝากให้รัฐวิสาหกิจร่วมมือกันและเตรียมความพร้อมต่อความท้าทายต่างๆ โดยให้ใช้ Technology และ Big Data ให้มากขึ้น เพื่อให้ยังคงเป็นกำลังสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติต่อไปได้ และให้ สคร. สนับสนุนการทำงานของรัฐวิสาหกิจในเชิงรุกอย่างเต็มที่ในฐานะ Active Partner

เศรษฐกิจ : “สมคิด” สั่งรัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติต่อเนื่อง รักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 62

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 21.40 น.

13 มี.ค. “บิ๊กตู่” เปิดงาน “One Transportation for all” ที่ขอนแก่น-โคราช เร่งรถไฟทางคู่อีสาน

People unity : รัฐบาลเดินหน้าโครงข่ายคมนาคมรถไฟทางคู่ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน “One Transportation for all : ระบบคมนาคมหนึ่งเดียว เพื่อประชาชนทุกคน” ณ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเป็นประธานเปิดงาน “One Transportation for all : ระบบคมนาคมหนึ่งเดียว เพื่อประชาชนทุกคน” โดยกระทรวงคมนาคม เพื่อพัฒนาเครือข่ายคมนาคมและศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางรางและถนน ณ จังหวัดนครราชสีมา และทดลองการเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ณ จังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย โดยในวันพุธที่ 13  มีนาคม 2562  นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจสำคัญ ณ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมา  ดังนี้

ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานอาคารสถานีรถไฟขอนแก่น และตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่และทดลองเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น  ช่วงบ่าย เป็นประธานเปิดงาน “One Transportation for all : ระบบคมนาคมหนึ่งเดียว เพื่อประชาชนทุกคน” ของกระทรวงคมนาคม และตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา จุดเชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟทางคู่

ทั้งนี้ การตรวจราชการส่วนภูมิภาคเป็นหนึ่งในภารกิจที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นการติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินนโยบายรัฐบาลด้วยตนเอง อีกทั้งยังทำให้เข้าใจลักษณะพื้นที่ สภาพปัญหา ความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง เพื่อเป้าหมายการพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาจังหวัด ทำให้จัดสรรงบประมาณได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด  นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยสร้างการรับรู้ของประชาชนต่อนโยบายของรัฐบาล และเป็นขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

เศรษฐกิจ : 13 มี.ค. “บิ๊กตู่” เปิดงาน “One Transportation for all” ที่ขอนแก่น-โคราช เร่งรถไฟทางคู่อีสาน

People unity : post 11 มีนาคม 2562 เวลา 10.20 น.

ธ.ออมสินยกระดับอาหารริมทาง จัดแข่งขันพัฒนาอาหารริมทาง “สตรีทฟู้ด 4 มิติ”

People unity : แบงก์ออมสิน พัฒนาร้านอาหารริมทางเท้าทั่วไทย เปิดโครงการ GSB Street Food เปลี่ยนชีวิต (กล้าคิด ชีวิตเปลี่ยน) จัดแข่งขันแสดงความคิดสร้างสรรค์ในหัวข้อ “พัฒนาสตรีทฟู้ด 4 มิติ” ที่ต้องมีดีทั้งรสชาติ นวัตกรรม และหน้าตาอาหาร ชิงเงินรางวัลกล้าเริ่มกว่า 2 ล้านบาท พร้อมเชิญเชียร์และชมการแข่งขันผ่านรายการเรียลลิตี้สตรีทฟู้ด รายการแรกของไทยทางช่อง True4U 24  เปิดรับสมัคร 15 มี.ค.-15 เม.ย.62 นี้

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนายกระดับอาชีพต่างๆ รวมถึงการค้าขายริมทางเท้า หรือ สตรีทฟู้ด ที่มีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนสาธารณสุข เข้ามาช่วยยกมาตรฐานทั้งความอร่อย ความสะอาด ถูกสุขอนามัย โดยที่ธนาคารออมสินได้เป็นแหล่งทุนสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดมานานกว่า 16 ปี ผ่านโครงการธนาคารประชาชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับกลุ่มผู้ประกอบการนี้มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ ธนาคารออมสินเปิดโอกาสครั้งสำคัญให้กลุ่มผู้ประกอบการสตรีทฟู้ด ด้วยโครงการ GSB Street Food เปลี่ยนชีวิต (กล้าคิด ชีวิตเปลี่ยน) ด้วยการจัดประกวดร้านค้าริมทางเท้า เปิดโอกาสแสดงความคิดเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจร่วมแข่งขันภายใต้หัวข้อ “พัฒนาสตรีทฟู้ด 4 มิติ” หรือ “4 D Street Food Upgrade” โดยเปิดรับสมัครทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ถึงวันที่ 15 เมษายน 2562 นี้

หัวข้อ “พัฒนาสตรีทฟู้ด 4 มิติ” หรือ “4 D Street Food Upgrade” ประกอบด้วย 1.D Food ด้านอาหาร ที่นอกเหนือจากส่วนผสม วัตถุดิบ ที่นำมาปรุงให้มีรสชาติที่ดีเลิศ รวมถึงกระบวนการปรุงที่ดีด้วยแล้ว จะต้องปรับปรุงอาหารให้มีมิติใหม่ 2.D Innovation ด้านนวัตกรรม นำนวัตกรรมดีๆ ทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยปรับปรุงอาหารให้น่าสนใจ 3.D Design การออกแบบ การใช้ความคิดสร้างสรรค์อาหาร และ 4.D Marketing ด้านการตลาด ต้อมมีมุมมองด้านการตลาดใหม่ๆ ซึ่งการแข่งขันนี้จะมีการนำเสนอภาพการแข่งขันในรายการเรียลลิตี้สตรีทฟู้ด ซึ่งถือเป็นรายการเรียลลิตี้สตรีทฟู้ดรายการแรกของไทย ผ่านสถานีโทรทัศน์ ช่อง True4U 24 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.30-13.30 น.

สำหรับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการต้องมีสัญชาติไทย มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และประกอบอาชีพค้าขายอาหารสตรีทฟู้ดเป็นอาชีพหลัก ทั้งอาหารหรือเครื่องดื่มที่พร้อมบริโภค โดยจำหน่ายริมทางเท้า หรือที่สาธารณะ ทั้งร้านตึกแถว ซุ้มขายอาหาร รถเข็นอาหาร หาบเร่ รถเร่ หรือรถบรรทุกอาหาร โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ทางเฟซบุ๊กโครงการ www.facebook.com/gsbstreetfoodtv

“มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสตรีทฟู้ด ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการธุรกิจสตรีทฟู้ดมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับธนาคารออมสินซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจนี้ โดยมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ผู้ประกอบการธุรกิจสตรีทฟู้ดมาแล้วทั่วประเทศ และครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐหลักที่สำคัญ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันอาหาร และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในที่สุด

เศรษฐกิจ : ธ.ออมสินยกระดับอาหารริมทาง จัดแข่งขันพัฒนาอาหารริมทาง “สตรีทฟู้ด 4 มิติ”

People unity : post 5 มีนาคม 2562 เวลา 20.40 น.

ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงเชิญชวนนักธุรกิจฮ่องกงร่วมลงทุนใน EEC

People unity : ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมเชิญชวนนักธุรกิจฮ่องกงร่วมลงทุนในโครงการ EEC

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.2562) เวลา 11.30 น. นางแคร์รี หล่ำ (Carrie Lam) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงเดินทางมาเยือนไทยเพื่อร่วมพิธีเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office: HKETO) ประจำประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีได้เชิญบริษัทฮ่องกงมาร่วมลงทุนในโครงการ EEC ซึ่งสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ (Greater Bay Area – GBA) ได้แก่ กวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า รวมถึงอนุภูมิภาค ACMECS ด้วย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าไทยในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ยินดีผลักดันความร่วมมือระหว่างอาเซียนและฮ่องกงในมิติต่างๆ

ด้านดิจิทัล ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อความก้าวหน้าของโครงการเคเบิลใต้น้ำของไทยสู่ฮ่องกง เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาค (ASEAN Digital Hub) รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)

ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงพร้อมเชิญชวนนักธุรกิจฮ่องกงมาลงทุนในไทยมากขึ้น และกล่าวว่า ฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยมีมูลค่าเป็นอันดับ 3 จึงพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีการเงินให้แก่ไทยซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานทางการเงินและการธนาคารของไทยและภูมิภาค สำหรับด้านการศึกษา ฮ่องกงยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาให้แก่ไทยโดยเฉพาะวิทยาการในสาขาที่ฮ่องกงมีความก้าวหน้า โดยปัจจุบันมีโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านวิชาการระหว่างกัน และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนในระดับปริญญาตรีด้วย

อนึ่ง ก่อนหน้าจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี นางแคร์รี หล่ำ (Carrie Lam) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้เข้าพบและหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาแล้ว

เศรษฐกิจ : ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงเชิญชวนนักธุรกิจฮ่องกงร่วมลงทุนใน EEC

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 น.

กบข.จับมือแบงก์กรุงไทย เปิดให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่สมาชิก กบข. ดอกเบี้ยถูกที่สุดในระบบ

People unity : กบข. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย เปิดให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยธนาคารกรุงไทยเพื่อสมาชิก กบข. เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิก กบข. อัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในระบบ

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย เปิดให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยธนาคารกรุงไทยเพื่อสมาชิก กบข. เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิก กบข. ที่ต้องการซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ปรับปรุง ต่อเติม หรือไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยเดิมจากสถาบันการเงินอื่น

จุดเด่นของสินเชื่อดังกล่าว คือ ให้อัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในระบบคือ 0% ในปีแรก อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่  2.88% ต่อปี ให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หรือ ราคาซื้อขายจริง ผู้ขอกู้ต้องเป็นสมาชิก กบข. และเป็นลูกค้าสินเชื่อรายใหม่ของธนาคารกรุงไทยเท่านั้น

นายวิทัยกล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากสมาชิก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในระบบ ช่วยให้สมาชิกสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสิทธิพิเศษนี้มอบให้สำหรับสมาชิก กบข. เท่านั้น ผู้ที่สนใจควรรีบสมัครใช้สิทธิเพราะโครงการจะหมดเขตวันที่ 30 เมษายนนี้แล้ว

สมาชิก กบข. สามารถสมัครใช้สิทธิได้ที่ My GPF Application กดเมนูสิทธิพิเศษ แล้วเลือกแบนเนอร์สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสมาชิก กบข. เมื่อกดใช้สิทธิจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับภายใน 1 – 2 วันทำการ หรือ สมัครใช้บริการได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center ธนาคารกรุงไทย 0-2111-1111 หรือศึกษาข้อมูลโครงการเพื่อเตรียมเอกสารประกอบการสมัครได้ที่เว็บ กบข. เมนูสวัสดิการลดรายจ่าย เลือกหัวข้อ สินเชื่อกรุงไทยเพื่อสมาชิก กบข.

เศรษฐกิจ : กบข.จับมือแบงก์กรุงไทย เปิดให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่สมาชิก กบข. ดอกเบี้ยถูกที่สุดในระบบ

People unity : post 27 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 14.30 น.

คิกออฟ “บสย.รักพี่วิน” ให้กู้มอไซค์รับจ้างซื้อรถใหม่ 1 แสน ซ่อมรถ-ใช้หนี้นอกระบบ 5 หมื่น

People unity : กระแสตอบรับดี คิกออฟโครงการ “บสย. รักพี่วิน” ตอบโจทย์ “เติมทุน” กลุ่มอาชีพอิสระ ซื้อรถใหม่ ซ่อมรถ กู้ฉุกเฉิน ปลดหนี้นอกระบบ ชูกลไกรัฐ “ค้ำประกันสินเชื่อ” นำร่องมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ตั้งเป้า 10,000 ราย มั่นใจสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 4,580 ล้านบาท ลดปัญหาหนี้นอกระบบกว่า 100 ล้านบาท กู้ซื้อรถใหม่ อนุมัติไม่เกิน 100,000 บาท กู้ซ่อมแซมรถ กู้ฉุกเฉิน แก้หนี้นอกระบบ อนุมัติไม่เกิน 50,000 บาท

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นประธานเปิดโครงการ “บสย. รักพี่วิน” ในวันนี้ (21 ก.พ.2562) โดยกล่าวว่า โครงการ บสย.รักพี่วิน ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมให้การช่วยเหลือกลุ่มอาชีพอิสระ พี่วิน หรือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้เข้าถึงแหล่งทุน  โดยมี บสย.หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง  “ค้ำประกันสินเชื่อ” มั่นใจว่าเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ทางตรงกับกลุ่มพี่วิน ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกทั่วประเทศกว่า 200,000 ราย

“โครงการ บสย.รักพี่วิน เป็นโครงการที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน “เติมทุน” ให้ผู้ประกอบการ มั่นใจว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 4,580 ล้านบาท และช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบได้ 100 ล้านบาท จากการดำเนินโครงการนี้ ซึ่งตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการ พี่วิน 10,000 ราย”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย.  เปิดเผยว่า โครงการนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งภาครัฐมีนโยบายอย่างต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย.เพื่อช่วยให้กลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้ไม่แน่นอน ไม่มีการเดินบัญชี ทำให้ธนาคารไม่สามารถพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ได้

โครงการนี้จะเริ่มจากกลุ่มพี่วิน โดยการช่วย “เติมทุน” ผ่านธนาคารพันธมิตร ซึ่งในวันนี้ได้มาร่วมเปิดบูธให้คำปรึกษาภายในงาน 5 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) รวมถึงองค์กรพันธมิตรอื่นๆ ได้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ให้บริการตรวจเครดิตบูโร ฟรี, กรมการขนส่งทางบก, กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และสำนักงานประกันสังคม

โครงการ บสย. รักพี่วิน ตั้งเป้าสนับสนุนค้ำประกันสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ 10,000 ราย  เฉลี่ยรายละ 100,000 บาท แบ่งเป็น 1. กู้ซื้อรถใหม่ อนุมัติไม่เกิน 100,000 บาท  2. กู้ซ่อมแซมรถ กู้ฉุกเฉิน แก้หนี้นอกระบบ อนุมัติวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งจะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 4,580 ล้านบาท  และช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบได้ 100 ล้านบาท (จากผลการสำรวจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าผู้ขับขี่มีการกู้เงินนอกระบบ 10%)

“โครงการนี้จะช่วยให้ พี่วิน ประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากโครงการนี้ ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ต่อปี เช่น ถ้ากู้เงินจำนวน  50,000 บาท ผ่อน  4 ปี เพื่อซื้อมอเตอร์ไซค์จากร้านค้าทั่วไป  ต้องผ่อนเดือนละ 2,500 บาท หากกู้ผ่านโครงการรักพี่วิน จะผ่อนเดือนละ 1,500 บาท สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเดือนละ 1,000 บาท หรือประหยัดได้มากกว่า 40,000 บาท ในระยะเวลาการผ่อน 4 ปี”

ดร.รักษ์ กล่าวว่า โครงการ บสย. รักพี่วิน  ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มพี่วิน หลังจาก บสย.ได้ระดมทีมงานลงพื้นที่พบพี่วินทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าจะเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง หลังจากนี้ บสย.ยังได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มอาชีพอิสระสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้มากที่สุด

สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก โดยมีบัตรประจำตัวประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์สาธารณะ (บัตรเหลือง) และมีสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน  5  ล้านบาท โดย บสย. ได้เปิดช่องทางการสื่อสารหลากหลายสำหรับพี่วิน นอกเหนือจากสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ Call Center 0-2890-9999 และเฟสบุ๊ก บสย. ยังได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารผ่าน Line @tcgloveswin เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น

คิกออฟ “บสย.รักพี่วิน” ให้กู้มอไซค์รับจ้างซื้อรถใหม่ 1 แสน ซ่อมรถ-ใช้หนี้นอกระบบ 5 หมื่น

People unity : post 21 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 20.50 น.

นายกฯขอให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเป็นแบบอินทรีย์ ปลอดสารพิษ

People unity : นายกรัฐมนตรี ขอให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเป็นแบบอินทรีย์ ปลอดสารพิษ ทำมาตรฐาน GAP ปรับตัวเรียนรู้การค้าขายด้วยระบบออนไลน์ เพิ่มยอดขายสินค้า

วันนี้ (9 มกราคม 2662) เวลา 15.50 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ฯ โดยใส่ชุดเสื้อม่อฮ่อม ขึ้นรถไถนา (รถอีแต๊ก) เพื่อไปเกี่ยวข้าวร่วมกับเกษตรกรเขตหนองจอกและผู้บริหารกรุงเทพมหานคร

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การต้อนรับ และกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความยินดีที่ได้มาตรวจพื้นที่กรุงเทพฯด้านตะวันออก และได้มาพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในเขตหนอกจอก ซึ่งถือเป็นเขตที่มีพื้นที่มากที่สุดของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพื้นที่สีเขียวที่เป็นท้องทุ่งนาเกษตรกรรม ซึ่งพี่น้องประชาชนยังคงรักษาวิถีชีวิตเกษตรกรรมได้เป็นอย่างดี เป็นเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากเขตอื่นๆในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ การทำนามีความสำคัญต่อชุมชนในเขตหนองจอก รวมทั้งกรุงเทพฯ เป็นฐานการผลิตและเศรษฐกิจหลัก ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญแก่พื้นที่เกษตรกรรมและอนุรักษ์พื้นที่เกษตรกรรมเอาไว้ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำทางธรรมชาติ คูคลอง หนาแน่น เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทาน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำเกษตรกรรม ตลอดจนเป็นช่องระบายน้ำในช่วงฤดูฝนและเป็นพื้นที่รับน้ำ บรรเทาปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ประชาชนต้องเรียนรู้ระบบการค้า ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชแบบอินทรีย์ ปลอดสารพิษ ทำมาตรฐาน GAP จะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น แต่ต้องหาวิธีลดต้นทุนด้วย และต้องปรับตัวเรียนรู้การค้าขายด้วยระบบออนไลน์ จากนั้นได้เกี่ยวข้าวในที่นาของนางยวงเว้ บ้านแพ้ว ซึ่งเป็นเจ้าของแปลงนาเนื้อที่ 15 ไร่ พันธุ์ข้าว กข 51 โดยได้ปลูกเมื่อ 15 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา

เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำแขวง ประกอบด้วย แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงกระทุ่มราย แขวงโคกแฝด แขวงหนองจอก แขวงโคกแฝด แขวงคลองสิบสอง และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มอาชีพตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน สำหรับการตั้งราคาข้าว การประกันราคารัฐบาลกำหนดจากค่าเฉลี่ยซึ่งมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ต่อจากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมชมกระบวนการสีข้าวของโรงสีชุมชน การบรรจุใส่ถุง เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มว่า เราจะต้องร่วมมือพัฒนาให้เขตพื้นที่ เป็นเขตเกษตรกรรมที่มีการผสมผสานระหว่างการทำเกษตรกรรม โดยใช้วิถีชีวิต และภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมร่วมกับการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัยกับการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการผลิต รวมทั้งเพิ่มมูลค่าและปริมาณของผลผลิตทางการเกษตร โดยการพัฒนามุ่งเน้นในด้านกสิกรรม เสริมด้วยการทำเกษตรแบบผสมผสาน

เศรษฐกิจ : นายกฯขอให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเป็นแบบอินทรีย์ ปลอดสารพิษ

People unity : post post 9 มกราคม 2562 เวลา 22.40 น.

“บิ๊กตู่” ยินดีอียูปลดใบเหลืองประมงไอยูยูไทย ชี้ประมงไทยจะดีขึ้น

People unity : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปลดใบเหลืองการทำประมงไอยูยู หรือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ของไทย ซึ่งถือเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก

“ขอบคุณอียูที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่สำคัญต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ทั้งชาวประมง ผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันเสียสละ อดทน และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและปฏิบัติตามหลักสากล”

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการประมงและชาวประมงพื้นบ้านคงเห็นถึงประโยชน์ที่ทุกคนได้ลงแรงกันมา และนับจากนี้สถานการณ์ประมงของไทยจะดีขึ้น ค้าขายได้มากขึ้น เพราะนานาประเทศมีความเชื่อมั่น ส่วนรัฐบาลยืนยันว่าจะยกระดับมาตรฐานการประมงไทยทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือไอยูยูฟรี อย่างสมบูรณ์ต่อไป

เศรษฐกิจ : “บิ๊กตู่” ยินดีอียูปลดใบเหลืองประมงไอยูยูไทย ชี้ประมงไทยจะดีขึ้น

People unity : post post 9 มกราคม 2562 เวลา 10.00 น.

สรรพากรชี้แจงช็อปช่วยชาติมิได้เอื้อนายทุนเจ้าของห้างสรรพสินค้า

People unity news online : กรมสรรพากรชี้แจงการออกมาตรการช็อปช่วยชาติ ตามที่ปรากฏคำวิจารณ์เกี่ยวกับมาตรการช็อปช่วยชาติว่า เป็นการช่วยนายทุนเจ้าของห้างสรรพสินค้ามากกว่าช่วยประชาชนและควรนำงบประมาณไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและชาวบ้านระดับรากหญ้ามากกว่านั้น

กรมสรรพากรขอเรียน ดังนี้

1.มาตรการช็อปช่วยชาติหรือมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม

2.นอกจากนั้น การกำหนดประเภทสินค้า 3 ประเภทยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อนจากราคาผลผลิตตกต่ำ การพัฒนาทุนมนุษย์ และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนโดยตรง จึงคุ้มค่าที่จะดำเนินการ ดังเห็นได้จากแนวทางการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อสินค้าแต่ละประเภทซึ่งกำหนดไว้ดังนี้

2.1 สินค้าประเภทยางล้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานได้กำหนดว่า วัตถุดิบต้องมาจากยางที่การยางแห่งประเทศไทยรวบรวมหรือรับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนยาง จึงจะช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้น

2.2 สินค้าประเภทหนังสือและ e-Book เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์และเป็นไปตามที่กรมสรรพากรได้เคยหารือกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยจะช่วยยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศผ่านการอ่าน

2.3 สินค้า OTOP ได้กำหนดให้ซื้อจากผู้ที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน แต่จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ก็ได้ จึงมิได้จำกัดอยู่แค่ห้างสรรพสินค้า แต่จะช่วยกระจายรายได้ไปยังชุมชนต่างๆอย่างทั่วถึง

People unity news online : post 2 ธันวาคม 2561 เวลา 20.44 น.

Verified by ExactMetrics