วันที่ 25 กรกฎาคม 2025

ครม.เข้มแก้ปัญหาอาวุธปืน-ยาเสพติด ขออนุญาตมีอาวุธปืนต้องมีใบรับรองแพทย์ ตรวจสุขภาพจิต

People Unity News : 7 กุมภาพันธ์ 2566 ครม.รับทราบ 4 มาตรการเร่งด่วนแก้ปัญหาอาวุธปืน-ยาเสพติด โชว์ผลงานจับผู้ต้องหากระทำผิดอาวุธปืน-ระเบิดได้ 2.7 หมื่นราย กวาดล้างยาบ้า 12.29 ล้านเม็ด อายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 11 ล้านบาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการสำคัญแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดตามที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ให้กระทรวงยุติธรรมรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดในภาพรวมเสนอต่อครม.ภายใน 90 วัน

“สรุปผลการดำเนินการตามมาตรการฯ รวม 4 ประการ ดังนี้ 1. มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน  1.1 การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เช่น เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดหรือนายจ้าง และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขออนุญาต นั้น กระทรวงมหาดไทยได้หารือกับกรมสุขภาพจิตและโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติดของผู้ยื่นขอใบอนุญาต และได้ศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 เพื่อเพิ่มอำนาจให้นายทะเบียนท้องที่ออกคำสั่งให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติดและตรวจสอบประวัติอาชญากรและการรับรองความประพฤติของผู้ขออนุญาตทุกราย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 1.2 กำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขออนุญาตทั้งก่อนและหลังการออกใบอนุญาตและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวภายในเขตจังหวัด 1.3 เชื่อมโยงฐานข้อมูล โดยกระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติสิทธิให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ส่วนกลาง) สามารถเข้าระบบเพื่อตรวจดูข้อมูลทะเบียนอาวุธปืน และอยู่ระหว่างหารือด้านเทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน 1.4 กระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นในระบบกฎหมายกลางเพื่อจัดการอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต

“1.5 การป้องกันและปราบปรามในเชิงรุก ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน และสืบสวน ปราบปราม ตรวจค้นแหล่งค้า/ผลิตอาวุธปืนผิดกฎหมาย ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและวัตถุระเบิด (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2565) รวม 29,464 คดี ผู้ต้องหา 27,637 ราย 1.6 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการมาตรการทางดิจิทัล เช่น การป้องกันการค้าอาวุธปืนบนแพลตฟอร์มดิจิทัลและเครือข่ายสังคมออนไลน์ และการป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสมในการปิดกั้นแพลตฟอร์มหากมีข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอันเกี่ยวเนื่องกับอาวุธปืนและยาเสพติด” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 2. มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 2.1 การควบคุมสารเคมีที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด เช่น ระงับการส่งออก และชะลอการนำเข้าวัตถุอันตรายบางรายการชั่วคราว ยึดและอายัดวัตถุอันตราย ที่ใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด โดยอายัดสารโซเดียมไซยาไนด์ 220 ตัน หากนำไปใช้ในกระบวนการผลิตสารตั้งต้นจะสามารถนำไปใช้ในการผลิตยาบ้า 4,840 ล้านเม็ด 2.2 การทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น ดำเนินการสืบสวนและขยายผลเพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดโดยได้จัดทำรายงานข่าวสารยาเสพติดของเครือข่าย 739 ฉบับและรายงานเป้าหมายบุคคลในเครือข่าย 1,098 คน และสามารถอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,280 ล้านบาท (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565)

“2.3 การติดตามจับกุมผู้มีหมายจับคดียาเสพติด สามารถดำเนินการเร่งรัดติดตามจับกุมผู้มีหมายจับคดียาเสพติดได้ 88หมายจับ โดยกระทรวงกลาโหมได้เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า-ส่งออกบริเวณชายแดน ทำให้สกัดกั้นจับกุมยาเสพติด ได้แก่ ยาบ้า 12.29 ล้านเม็ด เฮโรอีน 11 กิโลกรัม ยาไอซ์ 586,956.75 กรัม และยาอี 15,000 เม็ด (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 26 ธันวาคม 2565) และได้ปราบปรามยาเสพติดโดยในเดือนพฤศจิกายน 2565 สามารถจับกุม/ตรวจยึดยาเสพติด ผู้ต้องหา 18 คน ยาบ้า 11.93 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 435.1 กิโลกรัม และเคตามีน 9.9 กิโลกรัม”  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 2.4 การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อค้นหาผู้เสพยาเสพติดทั่วประเทศ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้หารือร่วมกันในการบูรณาการฐานข้อมูลผู้เสพ ผู้ติด ผู้มีอาการทางจิตเวช โดยจัดตั้งฐานข้อมูลด้านยาเสพติดที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ Re X-ray ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ผู้มีอาการทางจิตเวช 158,333 ราย โดยผู้ใช้ ผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบำบัด 106,937 ราย ผู้มีอาการทางจิตเวชที่มีสาเหตุจากยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด 25,586 ราย (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 20 ธันวาคม 2565)

“2.5 การตรวจสอบและติดตามข้อร้องเรียนของประชาชน มีการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของประชาชนผ่านสายด่วน 1386 มีการรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 5,016 เรื่อง ดำเนินการแล้ว 2,256 เรื่อง และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ 330 หมู่บ้าน/ชุมชน (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565) 3. มาตรการด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด มีระบบบูรณาการดูแลผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติดที่มีความเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง (SMI-V) ระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่าย 30 จังหวัดในพื้นที่ต้นแบบเพื่อลดอัตราการกลับมาเสพซ้ำและไม่ก่อความรุนแรง และเร่งรัดสำรวจศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล โดยได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนศูนย์คัดกรองแล้ว จำนวน 9,473 แห่ง รวมถึงเร่งรัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการมีส่วนร่วมของครอบครัวแล้ว 659 ชุมชน  และจัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชในโรงพยาบาลชุมชน 439 แห่ง รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานของสถานฟื้นฟูผู้ติดยา และยื่นขึ้นทะเบียนศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดถึงระดับตำบล” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 4. มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต เช่น จัดทำแนวปฏิบัติในการขอรับการตรวจประเมินปัญหาสุขภาพจิตสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งหอผู้ป่วยในจิตเวชและยาเสพติดทุกโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปให้ครอบคลุม 65 จังหวัด ใน 12 เขตสุขภาพ 97 แห่ง จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลชุมชนให้ครบทุกแห่ง โดยได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนแล้ว 1,080 แห่ง และสนับสนุนให้สภาเด็กและเยาวชนเป็นกลไกอบรมเพื่อป้องกันยาเสพติดใน 603 กิจกรรม จำนวน 37,620 คนทั่วประเทศ

Advertisement

“ประยุทธ์” สั่งขยายผลต่อแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888”

People Unity News : 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ รับทราบผลการจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888” กำชับทุกหน่วยงานขยายผลต่อเนื่องตามหลักกฎหมายอย่างจริงจัง รอบคอบ และโปร่งใส

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีการเข้าจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888” พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลต่อเนื่อง ตามข้อร้องเรียนและเบาะแสต่างๆ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้น 8 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบสถานที่แห่งหนึ่งจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เว็บพนันออนไลน์ใช้รวบรวมโพยพนันบอล หวย รวมถึงข้อมูลของลูกค้า และเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวนโดยตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่น เข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน” และออกหมายจับแล้ว 13 หมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเพียงพอที่สามารถจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะได้เข้าทำการตรวจค้นสถานที่อื่น ๆ ที่คาดว่าจะเป็นสถานที่ฟอกเงิน และจะทำการตรวจยึดทรัพย์สินตามแนวทางปฏิบัติต่อไป

“นายกรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินงานดังกล่าว และได้สั่งการให้เข้มงวดกับการดำเนินการ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการขยายผลต่อเนื่องในทุกประเด็นที่เป็นข้อร้องเรียนและเบาะแสต่าง ๆ ที่ได้รับจากประชาชน ให้ยึดหลักตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างจริงจัง รอบคอบ และโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯ สั่ง ตร.เข้มกฎหมายจราจร หลังพบสถิติอุบัติเหตุสูง

People Unity News : 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ ห่วงใยผู้ใช้รถใช้ถนน หลังข้อมูลเดือน ม.ค. ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนยังเพิ่มขึ้น กำชับ ตร.บังคับใช้มาตรการตามกฎหมาย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกได้เริ่มใช้ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 66 เป็นต้นมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้ความสนใจติดตามข้อมูลเกี่ยวกับดำเนินการตามมาตรการและผลต่อสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างใกล้ชิดอย่างไรก็ตาม ข้อมูลผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในเดือน ม.ค. 66 ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้นายกรัฐมนตรีห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกวดขัน บังคับใช้มาตรการทั้งส่วนของการตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างวินัยจราจรให้เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังห่วงใยกรณีของอุบัติเหตุที่เกิดจากงานก่อสร้างบนท้องถนน จึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างทั้งส่วนของกรมทางหลวง ทางหลวงชนบท หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่ควบคุมการก่อสร้างในสายทางย่อย ให้กำกับติดตามการทำงานของผู้รับเหมาให้มีการจัดสัญญาณแจ้งเตือนประชาชน หรือมีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้รัดกุมด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.66 ได้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งสิ้น 1,408 ราย เพิ่มขึ้นจาก 1,302 ราย ในช่วงเดียวกันของปี 65 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.14 ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 70,044 คน ลดลงจาก 80,178 คน ในปี 65 หรือลดลงร้อยละ 12.63 ซึ่งจากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดนี้เป็นผู้ประสบภัยจากจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 มาจากรถยนต์

ทางด้านกรมการขนส่งทางบก รายงานข้อมูลการดำเนินการตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นมา พบว่าจนถึงวันที่ 30 ม.ค.66 มีผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและถูกตัดแต้มสะสม 11,531 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถูกตัด 1 คะแนน ซึ่งเป็นกลุ่มความผิด เช่น ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถบนทางเท้า ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ไม่หลบรถฉุกเฉิน เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า จากผู้ถูกตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่ทั้งหมดข้างต้นเป็นผู้มีคะแนนคงเหลือจากคะแนนเต็ม 12 คะแนน สรุปได้ดังนี้ เหลือ 11 คะแนน จำนวน 9,717 คน เหลือ 10 คะแนน 1,718 คน เหลือ 9 คะแนน 71 คน เหลือ 8 คะแนน 14 คน เหลือ 7,6,5 และ 2 คะแนน อย่างละ 1 คน และเหลือ 1 คะแนน 7 คน

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้เตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่กระทำผิดแล้วโดนตัดแต้มใบขับขี่ให้สามารถเข้าอบรบเพื่อขอคืนแต้ม ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ช่วยสร้างพฤติกรรมการขับรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย ลดพฤติกรรมเสี่ยงสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุและการสูญเสียในภาพรวมลง

Advertisement

“ศรีสุวรรณ” พาชาวบ้านร้องศาลปกครองยักษ์ใหญ่อสังหาฯสร้างคอนโดไม่ชอบด้วย กม.

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 ชาวบ้านร้องศาลปกครอง เทศบาลเมืองบางแก้วอนุมัติก่อสร้างคอนโดหรูไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านเศรษฐสิริ ถ.บางนาตราด ซอย 66 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว สมุทรปราการ และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร  การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรณีใช้อำนาจโดยมิชอบให้ความเห็นชอบรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ( อีไอเอ) และอนุมัติให้บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยขนาดใหญ่ความสูงจำนวน 34 ชั้น โดยไม่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อชาวบ้านในชุมชนหลังโครงการก่อสร้างดังกล่าวอย่างมาก ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมจนทนอยู่ในพื้นที่ไม่ได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ของบริษัทชื่อดังในตลาดหลักทรัพย์ มีพื้นที่อาคารรวมทั้งสิ้น 56,375.79 ตร.ม. ตั้งอยู่บนถนนเมกาอเวนิว ซึ่งมีความกว้างของเขตทางไม่เป็นดามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 50 (พ.ศ.2540) ออกตามความ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดไว้ว่าที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นมากกว่า 30,000 ตร.ม. ต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร นอกจากนั้น อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในแนวเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ 2551 แต่กลับพบข้อพิรุธจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยว่า อาคารดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแนวเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ทั้งๆที่หลักฐานในราชกิจจานุเบกษาปรากฏชัดแจ้งว่าอยู่ในแนวเขต ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งต่อหลักฐานของทางราชการเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านเคยร้องเรียนไปยังเทศบาลเมืองบางแก้ว รวมทั้ง คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไขจึงมาร้องเรียนสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนให้ช่วยเป็นธุระและนำความมายื่นฟ้องต่อศาลในวันนี้เพื่อขอให้ศาลพิพากษาระงับและเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างและเพิกถอนรายงาน EIA ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไปด้วย

Advertisement

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 ให้พนักงาน Work from Home ลดการสัญจร

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 ปตท. ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานในกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัดปฏิบัติงานในที่พักระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์เพื่อร่วมลดฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการสัญจร

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร

ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก “ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ

ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Advertisement

เช็คด่วน!! ครม.ไฟเขียวอัตราค่าจ้างฝีมือ 3 ระดับ 17 สาขา ถ้านายจ้างไม่จ่ายโทษทั้งจำทั้งปรับ

People Unity News : 31 มกราคม 66 ครม.เห็นชอบอัตราค่าจ้างฝีมือ 3 ระดับ รวม 17 สาขา มีผล 90 วันหลังประกาศราชกิจจาฯ ถ้านายจ้างไม่จ่ายตามที่กำหนด มีโทษจำคุก ปรับเป็นแสน หรือทั้งจำทั้งปรับ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 สาขาอาชีพ รวม 17 สาขา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 ครั้งที่ 11/2565 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 17 สาขา ดังนี้ กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย 1.สาขาช่างระบบส่งถ่ายกำลัง ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 495 บาทต่อวัน 2.สาขาช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาทต่อวัน 3.สาขาช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาทต่อวัน 4.สาขาช่างปรับ 500 บาทต่อวัน 5.สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก – แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ 520 บาทต่อวัน และ 6.สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 545 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 635 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 715 บาทต่อวัน

“กลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล ประกอบด้วย 1.สาขาช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 465 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 535 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 620 บาทต่อวัน 2.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาทต่อวัน 3.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาทต่อวัน 4.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาทต่อวัน (โดยปรับขึ้นจากเดิม 550 บาทต่อวัน) และ 5.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตัก 520 บาทต่อวัน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ ประกอบด้วย 1.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบำบัด) ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 2.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (วารีบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 3.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 4.สาขาพนักงานผสมเครื่องดื่ม  (ระดับ 1) 475 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 525 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 600 บาทต่อวัน 5.สาขาการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 530 บาทต่อวัน และ 6.สาขาช่างเครื่องช่วยคนพิการ (ระดับ 1) 520 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

“เมื่อประกาศกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กำหนด หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเผยสถานการณโควิดปี 66 ผู้ติดเชื้อลดลง

People Unity News : 27 มกราคม 66 รองโฆษกรัฐบาล เผยสถานการณ์โควิด-19 ปี 66 ผู้ติดเชื้อใหม่ยังลดลง สวนทางจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยเพิ่มต่อเนื่อง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทางรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภายหลังทางการประเทศจีนประกาศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้มีการติดตามโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อมีข้อมูลนำไปสู่การบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 15–21 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของปี 66 ในรายงานสถานการณ์โควิด-19 พบว่า มีรายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (8-14 ม.ค.) ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 ราย

ซึ่งชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 คน โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 คน และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ ประเทศละ 1 คน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์ของโควิด-19 ก็รายงานว่าสายพันธุ์ที่พบในไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 และผู้เสียชีวิตจะลดลง รัฐบาลยังคงสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยและเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้น และยังคงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค

Advertisement

นายกฯ ร่วมรำลึก “หมอกระต่าย” ในวันความปลอดภัยผู้ใช้ถนน

People Unity News : 21 มกราคม 66 นายกรัฐมนตรีร่วมรำลึกถึง “หมอกระต่าย” เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม กระตุ้นเตือนให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญชวนคนไทยร่วมรำลึกถึง พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม ของทุกปี ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเตือน สร้างความตระหนักให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน ทุกเพศ ทุกวัย และผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ตลอดจนส่งเสริมและสร้างการรับรู้ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัย มีระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนขึ้นอีก

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำให้มีการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ 4 ห้าม 2 ต้อง ได้แก่ ห้ามขับเร็ว ห้ามดื่ม-เมาขับ ห้ามง่วงขับ ห้ามโทรขับ และต้องคาดเข็มขัด ต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่จักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเพิ่มการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ นำไปสู่เป้าหมายแห่งการสร้างถนนปลอดภัย มุ่งเน้นให้ทุกคนในประเทศมีจิตสำนึก ปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน

“นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่กวดขันบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจังและเข้มงวด เน้นย้ำขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนน ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯมอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 “ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต”

People Unity News : 10 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ รับมอบดอกกล้วยไม้สัญลักษณ์วันครู ชื่นชมบทบาทครูไทย พลังสำคัญพัฒนา สร้างเด็กให้เป็นอนาคตชาติ หวังเด็กไทยเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ พร้อมขอให้เด็กเป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและนักเรียน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ. 2566 โดยนายกรัฐมนตรีรับมอบดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วันครูและชิปการ์ดในรูปแบบสมาร์ทการ์ดจากนักเรียนโรงเรียนอนุบาลสามเสน และนักเรียนโรงเรียนประถมสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โดยข้อมูลที่บรรจุอยู่ในชิปการ์ด ประกอบด้วย 1. เพลงวันครู จำนวน 19 บทเพลง 2. สปอตวิทยุวันครู จำนวน 31 สปอต และ 3. ป้ายประชาสัมพันธ์งานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมครูไทยทุกคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาท และมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เป็นผู้กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มความรู้และพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ส่งเสริมและสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในด้านการศึกษาและการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต

“ขอให้เด็ก ๆ เป็นคนดี เดินหน้าไปสู่ความฝันด้วยความมุมานะและความเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่และร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง ขอชื่นชมและขอบคุณครูทุกคนที่เสียสละและมีความตั้งใจแน่วแน่ในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไทยมาโดยตลอด และนายกฯ เป็นกำลังใจให้ครูไทยทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนาอนาคตของประเทศชาติให้เติบโต เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และมีศักยภาพสืบไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับงานวันครูประจำปี 2566 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังครู คือ หัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” Teacher’s Power is the Heart of Transforming the Educational Quality มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดี หรือทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 ว่า ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต

ทั้งนี้ ในส่วนกลางกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2566 ณ หอประชุมคุรุสภาและสนามหญ้าหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ส่วนภูมิภาคพิจารณาการจัดกิจกรรมตามความเหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ และการจัดงานในรูปแบบ Online ผ่านทาง Platform วันครู (www.วันครู.com)

Advertisement

ไทยติดอันดับ 9 ประเทศน่าอาศัยอยู่หลังเกษียณ

People Unity News : 7 มกราคม 66 นายกฯ ยินดีนิตยสาร Forbes จัดประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศที่น่าอาศัยอยู่หลังเกษียณในปี 2566 และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบผลการสำรวจของเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ซึ่งเปิดเผย Annual Global Retirement Index 2023 ซึ่งจัดอันดับประเทศที่ค่าครองชีพถูกและเหมาะสำหรับอาศัยอยู่หลังเกษียณ ในปี 2566 โดยได้จัดอันดับให้ประเทศไทย อยู่ในอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย (https://www1.internationalliving.com/sem/retirement/retirement-index/report/ppc.html?utm_source=blueshift)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดอันดับนี้ ทาง Annual Global Retirement Index ได้ประเมินจากหลายๆ ปัจจัยร่วมกัน ทั้งค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต คุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รวมถึงสภาพอากาศ วีซ่า ค่าอาหาร ที่พัก และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดันต้น ๆ ของโลก เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ มีวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ทำให้สามารถรักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างดี จึงทำให้ประเทศไทยได้กลายเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในการพำนักของชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศหลังเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส และ สวิตเซอร์แลนด์

“นายกรัฐมนตรียินดีที่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดมุ่งหมายของชาวต่างชาติทั้งจากการมาท่องเที่ยว และการมาอาศัยอยู่หลังเกษียณ โดยไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม และมีมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นที่น่าสนใจในหมู่ชาวต่างชาติ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และแรงจูงใจสำหรับชาวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวของ และขอบคุณประชาชนทุกคนที่มีส่วนในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของชาวต่างชาติ และได้รับความสนใจจากทั่วโลกเรื่อยมา” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics