วันที่ 17 พฤษภาคม 2024

วว. แนะกิน “แตงโม” ป้องกันการติดเชื้อ

People Unity News : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แนะทาน “แตงโม” เพื่อช่วยคลายร้อน คลายความเครียด ด้วยคุณสมบัติอุดมด้วยสารอาหาร ที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อ รักษาแผลให้หายเร็ว ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ในสภาวะที่มีแรงกดดันมากมายในยุคปัจจุบัน การรับประทานแตงโมสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะสารโพแทสเซียมในแตงโมจะช่วยควบคุมความดันโลหิตทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี เย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้แตงโมยังมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้

“ช่วยป้องกันการติดเชื้อ” เพราะการดื่มน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มเบต้าแคโนทีน (Beta Carotene) ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ในการสร้างวิตามินเอ หากร่างกายมีวิตามินเอในปริมาณมากๆ จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย

“ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น” แตงโมมีสารซิตรัลลีน (citrulline) อยู่มาก โดยสารนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ทั้งนี้ในการรับประทานแตงโมไม่ใช่เพียงจะดื่มน้ำแตงโมอย่างเดียว เราควรกินเนื้อแตงโมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวาน แต่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย

“ช่วยต้านมะเร็ง มีประโยชน์ต่อหัวใจ” แตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งสารนี้จะมีอยู่มากในมะเขือเทศด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วแตงโมจะมีมากกว่าถึง 40% นอกจากนี้วารสารวิชาการ “โรคมะเร็ง” แห่งเอเชียแปซิฟิก ได้ระบุว่าสารไลโคปีนนี้จะช่วยเป็นโล่ปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็งผิว

นอกจากนี้ทีมนักวิจัยจาก Florida State University พบว่าแตงโมมีกรดอะมิโน L-Citrulline อยู่มาก ซึ่งกรดชนิดนี้เป็นสารตั้งต้นของ L-Arginine ที่ช่วยควบคุมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตเป็นไปโดยสะดวก จำเป็นต่อการสร้างกรดไนตริก ซึ่งเป็นก๊าซที่ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันเส้นเลือดสมองแตกได้

“มีประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวาน” แตงโมมีแคลอรี่ต่ำและยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ วารสารโภชนาการของต่างประเทศ “Journal of Nutrition” ได้ให้ข้อมูลว่า กรดอะมิโนในแตงโมที่มีชื่อว่า “อาร์จินิน (Arginine)” มีอยู่มากมายในเนื้อแตงโม เป็นสารที่ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกลูโคส ส่วนไขมันในแตงโมมี 96 แคลอรี่เท่านั้น ฉะนั้นการกินแตงโมที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ จะช่วยทำให้เราอิ่มได้เร็วขึ้น

“แตงโมกับความงาม” ความเย็นของแตงโมจะช่วยผ่อนคลายผิวหน้าภายนอกให้ดูสดชื่น ส่วนสารสีแดงจากแตงโม คือ ไลโคปีน ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) จะสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี และวิตามินเอที่มีในแตงโมจะช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้น และวิตามินซีจะช่วยให้ผิวกายสดใสขึ้น แตงโมสีแดงสดยังเต็มไปด้วยโพแทสเซียมที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยให้รูขุมชนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น น้ำของแตงโมก็มีประโยชน์ต่อผิวสวยของทุกคน เพราะในน้ำของแตงโมจะมีโมเลกุลของน้ำตาล รวมทั้งมีกรดอะมิโนอยู่เล็กน้อย ซึ่งจะช่วยในการบำรุงผิวของสาวๆ ให้สวยใสยิ่งขึ้น

แม้ว่าแตงโมแช่เย็นจะให้ความสดชื่นแก่ผู้รับประทาน แต่อาจมีคุณค่าทางโภชนาการลดลงเมื่อเทียบกับแตงโมที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากแตงโมยังผลิตสารอาหารต่อเนื่องแม้ถูกเก็บมาจากต้นแล้ว ซึ่งกระบวนการนี้จะลดลงหากนำแตงโมไปเก็บในอุณหภูมิเย็น อย่างไรก็ตามรสเย็นของแตงโมก็มีส่วนช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ “แตงโม” ยังมีคุณค่าทางสมุนไพร อาทิ “ราก” มีน้ำยางใช้กินแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง “ใบ” ใช้ชงเป็นยาลดไข้ ผลที่แสนอร่อยนั้นมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ ช่วยย่อย แก้เบาหวาน และดีซ่าน จากคุณประโยชน์ที่หลากหลายนี้แตงโมจึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักสุขภาพทุกๆท่าน

โฆษณา

ด่วน!ออมสินแจ้งเลื่อนลงทะเบียนยื่นกู้ฉุกเฉินเป็น 15 เม.ย.63 ย้ำยื่นทางออนไลน์เท่านั้น

People Unity News : ธนาคารออมสินเลื่อนเปิดรับลงทะเบียนพร้อมกรอกข้อมูลใบสมัครออนไลน์ช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน (สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ)” และ “โครงการสินเชื่อพิเศษ (สำหรับผู้มีรายได้ประจำ)” ตามมติ ครม. จากวันที่ 1 เม.ย.63 เป็นวันที่ 15 เม.ย.63 เกรงลูกค้าสับสนกับการลงทะเบียนรับ 5,000 บาทของรัฐบาล ย้ำ!!…ลงทะเบียนพร้อมกรอกข้อมูลใบสมัครออนไลน์ในเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เท่านั้น

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้แจ้งประชาสัมพันธ์เรื่อง เปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) และ สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความจำนงใช้บริการผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน ในวันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป และให้เริ่มกรอกข้อมูลใบสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน ได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป นั้น ธนาคารฯขอเลื่อนกำหนดการดังกล่าวเป็น เปิดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบและต้องการเข้าโครงการสินเชื่อดังกล่าว เริ่มลงทะเบียนแจ้งความจำนงใช้บริการและกรอกข้อมูลใบสมัครออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะเกิดความสับสนกับการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือชดเชยรายได้จากการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (COVID-19) ซึ่งกระทรวงการคลังได้เปิดรับลงทะเบียนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา และกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

สำหรับ “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน” ตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ให้บริการด้วยสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.10% ต่อเดือน (Flat Rate) ผ่อนชำระคืนนานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้หลักประกันใดๆ คุณสมบัติผู้กู้ มีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสารแท็กซี่-สามล้อ มัคคุเทศก์ เป็นต้น

ขณะที่ “โครงการสินเชื่อพิเศษ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ด้วยสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ให้ผ่อนชำระคืนนานถึง 3 ปี โดยการค้ำประกันสามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ได้ เพียงมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ เป็นผู้มีรายได้ประจำแต่รายได้ลดลงหรือขาดรายได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และภัยอื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ ธนาคารออมสินเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563

โฆษณา

การบินพลเรือนฯประกาศห้ามเครื่องบินโดยสารบินเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 7-18 เม.ย.2563

People Unity News : สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 7 – 18 เมษายน 2563

ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 2)

ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) รุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินข้างต้นให้ยุติลงโดยเร็ว นั้น

ด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการคงความต่อเนื่องของมาตรการดังกล่าวเพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรค อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

1.ห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.59 น.

2.การอนุญาตการบินที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกให้แก่อากาศยานขนส่งคนโดยสาร สำหรับการบินเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงระยะเวลาตาม 1. ให้เป็นอันยกเลิก

3.ข้อห้ามตาม 1. ไม่รวมถึงอากาศยานดังต่อไปนี้

(1) อากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร (State or Military aircraft)

(2) อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency landing)

(3) อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค (Technical landing) โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง

(4) อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) (Humanitarian aid, medical and relief flights)

(5) อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับภูมิลำเนา (Repatriation)

(6) อากาศยานขนส่งสินค้า (Cargo aircraft)

4.ให้ผู้โดยสารบนอากาศยานที่ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานต้นทางก่อนประกาศนี้ใช้บังคับอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยต้องได้รับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

ทั้งนี้ บัดนี้เป็นต้นไปหรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

นายจุฬา สุขมานพ

ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

โฆษณา

ธอส.ทำสายคล้องหน้ากาก 1 ล้านชิ้นแจกบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานดูแลประชาชน

People Unity News : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารบ้านของคนไทย เปิดตัวโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” ร่วมประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัย จำนวน 1,000,000 ชิ้น โดยแบ่งเป็นผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานของ ธอส. และหน่วยงานพันธมิตร จำนวน 600,000 ชิ้น ผู้สูงอายุ/ผู้พิการในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่ธนาคารสนับสนุน จำนวน 400,000 ชิ้น ภายใน 1 เดือน ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2563 หวังบรรเทาความเจ็บจากการกดทับของสายหน้ากากอนามัยเมื่อใส่เป็นเวลานานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และทุกสาขาอาชีพที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในหลายประเทศทั่วโลกจนทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในประเทศไทยซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากความสามัคคีของประชาชนที่ต่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมพร้อมกับให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆของภาครัฐ รวมถึงกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุด นั่นคือการปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเต็มกำลังเพื่อดูแลรักษาให้บริการประชาชนของบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและความเจ็บจากการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานานของผู้ที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระหว่างการทำงาน จึงได้จัดทำโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” ขึ้นมา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของคุณยายประเพ็ญ ฮั่นตระกูล วัย 92 ปี ที่เผยแพร่ในรายการ “คนค้นฅน” ซึ่งตัดเย็บสายคล้องหน้ากากอนามัยด้วยตัวเอง เพื่อหวังบรรเทาความเจ็บจากการกดทับของสายหน้ากากอนามัยเมื่อใส่เป็นเวลานานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ธนาคารจึงได้เชิญชวนผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานของธนาคาร หน่วยงานพันธมิตร และผู้สูงอายุร่วมกันประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัยให้ได้จำนวน 1,000,000 ชิ้น โดยแบ่งเป็นการประดิษฐ์โดยผู้ปฏิบัติงานของ ธอส.และหน่วยงานพันธมิตร จำนวน 600,000 ชิ้น ผู้สูงอายุ/ผู้พิการในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่ธนาคารให้การสนับสนุน จำนวน 400,000 ชิ้น โดยมีระยะเวลาจัดทำสายคล้องหน้ากากอนามัย 1 เดือน ตั้งแต่วันนี้ (15 พฤษภาคม 2563) ซึ่งถือเป็นวัน Kick Off โครงการไปถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2563

“โครงการ ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส. ถือเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมให้คนในองค์กรและประชาชนทั่วไปเกิดความรัก ความสามัคคี เห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือดูแลกันและกัน พร้อมทั้งตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการจัดทำโครงการ CSR ของ ธอส.คือ “ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือความห่วงใย” และเมื่อครบ 1,000,000 ชิ้นแล้ว ธอส. จะนำไปอบฆ่าเชื้อก่อนนำไปส่งมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และทุกกลุ่มอาชีพที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนต่อไป” นายปริญญากล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังพิธีเปิดโครงการฯ ธอส. ยังได้จัดสถานที่ ณ ห้องวิมานเมฆ ชั้น 3 อาคาร 2 สำนักงานใหญ่ ให้คณะผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของธนาคาร ร่วมกันประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัยโดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม และทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 67 ปี ธอส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามควรแก่อัตภาพมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ทั้งด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม และกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และปลูกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของพนักงานในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน

โฆษณา

ด่วน!การรถไฟฯ เปิดเดินขบวนรถทางไกล และขบวนรถนำเที่ยวแล้ว เริ่มพรุ่งนี้ 1 ก.ค.

People Unity News : การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศเปิดให้บริการขบวนรถทางไกล ขบวนรถนำเที่ยววันหยุด  และขบวนรถพิเศษโดยสารวันหยุดเป็นการเพิ่มเติม จำนวน 40 ขบวน ภายหลังมีการยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว และการขนส่งสาธารณะข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป และยกเลิกขบวนรถโดยสารพิเศษที่ให้บริการชั่วคราว

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว และการขนส่งสาธารณะข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ในการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกและตามผลการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุข พร้อมทั้งอนุญาตให้กิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกลับมาดำเนินการได้ แต่ยังควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท (รถโดยสารประจำทาง รถปรับอากาศ รถตู้ รถไฟ เรือ เครื่องบิน) โดยผู้ประกอบการต้องจัดระบบและระเบียบต่างๆ รวมทั้งให้มีการจอดพักรถ การเว้นที่นั่ง และการจำกัดจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยว ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมีความต้องการในการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถไฟ ทั้งการเดินทางภายในเขตเมือง ระหว่างเมือง และทางไกล ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด การรถไฟฯจึงได้ประกาศเปิดเดินขบวนรถโดยสารทางไกลเพิ่มเติม จำนวน 40 ขบวน เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรการผ่อนคลายการเดินทาง ระยะที่ 4 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับขบวนรถที่เปิดให้บริการในเส้นทางต่างๆ มีดังนี้

1.ขบวนรถโดยสารทางไกล จำนวน 34 ขบวน (ไป-กลับ) ดังนี้

1.1 สายเหนือ

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 6 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 4 ขบวน

1.2 สายตะวันออกเฉียงเหนือ

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 9 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 5 ขบวน

1.3 สายใต้

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 7 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 3 ขบวน

2.ขบวนรถนำเที่ยววันหยุด และขบวนรถพิเศษโดยสารวันหยุด เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จำนวน 6 ขบวน (ไป-กลับ)

2.1 ขบวนรถนำเที่ยว 909/910 กรุงเทพ-น้ำตก-กรุงเทพ

2.2 ขบวนรถนำเที่ยว 911/912 กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์-กรุงเทพ

2.3 ขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 997/998 กรุงเทพ-บ้านพลูตาหลวง-กรุงเทพ

นอกจากนี้ ได้ประกาศยกเลิกขบวนรถโดยสารพิเศษที่ได้ขยายระยะเวลาให้บริการผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราว 30 วัน โดยจะประกาศยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 – 17 กรกฎาคม 2563 จำนวน 6 ขบวน (ไป-กลับ) ประกอบด้วย 1. ขบวนรถโดยสารพิเศษที่ 9071 (กรุงเทพ–อุบลราชธานี) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9075 (กรุงเทพ–หนองคาย) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9051 กรุงเทพ- เชียงใหม่ ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1–16 กรกฎาคม 2563 และ 2. ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9072 (อุบลราชธานี-กรุงเทพ) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9076 (หนองคาย-กรุงเทพ) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9052 เชียงใหม่ – กรุงเทพ ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 – 17 กรกฎาคม 2563

การรถไฟฯ ยังคงให้ความสำคัญในด้านมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด โดยให้พนักงานด้านปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ถุงมือยางและ Face shield ตลอดเวลาที่ให้บริการ การตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มข้น การจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริการอย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งบริเวณสถานีและบนขบวนรถ การรักษาระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน /นั่ง ให้ชัดเจน ทั้งที่สถานีและขบวนรถ โดยจำกัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารไว้ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด เมื่อจำหน่ายเต็มตามที่ระบุแล้ว จะไม่จำหน่ายตั๋วอีกรวมทั้งตั๋วไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน) และการงดจำหน่ายอาหารบนขบวนรถ หากผู้โดยสารที่เดินทางไกลเกินกว่า 3 ชั่วโมง ให้เตรียมอาหารไปรับประทานเอง และจะดำเนินการติดตั้ง แอปพลิเคชั่น (application) “ไทยชนะ” ที่สถานีและบนขบวนรถ (เป็นรายตู้/โบกี้) เพื่อใช้ควบคุมการเข้าออกของผู้โดยสารที่มาใช้บริการผ่าน Check-in และ Check-out จากแอปพลิเคชั่นดังกล่าว สำหรับผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทาง สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้แต่วันที่ 27 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดเวลาต่างๆ ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ สถานีรถไฟ หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

Advertising

“บิ๊กตู่” สั่งกองทัพ สนับสนุนควบคุมต้นเหตุปัญหาฝุ่นพิษเร่งด่วน

People Unity News : “บิ๊กตู่” สั่งกองทัพ สนับสนุนเร่งควบคุมต้นเหตุปัญหาฝุ่นพิษเร่งด่วน พร้อมร่วมเสียสละและรับผิดชอบสังคมไปด้วยกัน

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และ รมว.กห. ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพลงพื้นที่ทำงานร่วมกับจิตอาสา สนับสนุนส่วนราชการต่างๆ เร่งแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่วิกฤตเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะการควบคุมต้นเหตุของปัญหา

โดยให้กองทัพอากาศ นำอากาศยานไร้คนขับตรวจสภาพอากาศ เพื่อวางแผนสนับสนุนการทำฝนหลวงและขยายผลสำรวจจุดความร้อนในพื้นที่ แจ้งเตือนกำลังภาคพื้น เร่งเข้าไปควบคุมไฟป่าและพื้นที่ก่อให้เกิดควัน พร้อมกับให้กำลังทางบกของหน่วยทหารในพื้น ร่วมตรวจสอบและสนับสนุนส่วนราชการต่างๆ กวดขันบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมต้นเหตุของปัญหา ทั้งจากการเผาพืชไร่ โรงงาน การก่อสร้างและยานพาหนะควันดำ พร้อมจัดกำลังพลและยานพาหนะ สนับสนุนการชำระล้างถนน ทางเท้าและต้นไม้ริมทาง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นระดับต่ำที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์สนาม กระจายลงพื้นที่ดูแลสุขภาพเด็กและคนชราและให้คำแนะนำกับประชาชน

ทั้งนี้ นรม.และ รมว.กห.ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพ ขยายผลนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถบรรเทาปัญหา รวมทั้งเร่งตรวจสอบปรับปรุงยานพาหนะในสังกัดและระงับการนำยานพาหนะเข้าพื้นที่วิกฤตหากไม่จำเป็น พร้อมทั้งขอความร่วมมือรณรงค์ให้กำลังพลและครอบครัว รวมทั้งประชาชนในพื้นที่โดยรอบหน่วยทหาร ร่วมเสียสละและรับผิดชอบสังคมไปด้วยกัน ในการลดต้นเหตุกิจการที่ก่อให้เกิดควันและลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัวเข้าพื้นที่วิกฤตเป็นการชั่วคราว โดยให้หน่วยพิจารณาจัดยานพาหนะเป็นส่วนรวม สนับสนุนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

โฆษณา

การประปาส่วนภูมิภาคยกเว้นเก็บเงินค่าประกันการใช้น้ำ ขอคืนเงินประกันได้ทางออนไลน์

People Unity News : การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ขานรับนโยบายของรัฐบาลและมติคณะกรรมการ กปภ. ยกเว้นการเรียกเก็บเงินค่าประกันการใช้น้ำประปา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่ผู้ใช้น้ำ ตั้งแต่ 14 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

นายกฤษฎา ศังขมณี รองผู้ว่าการ (วิชาการ) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. เปิดเผยว่า การประปาส่วนภูมิภาค เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจในการจัดหาแหล่งน้ำดิบ ผลิตจัดส่งและจำหน่ายน้ำประปาทั่วประเทศ ยกเว้น (กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ) ขานรับนโยบายรัฐบาลและมติคณะกรรมการ กปภ. ช่วยเหลือผู้ใช้น้ำที่ประสบความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยการยกเว้นการเรียกเก็บเงินค่าประกันการใช้น้ำประปา เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้น้ำประเภท 1 ที่อยู่อาศัย และสถานที่ทำการหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถานทูต และสถานกงสุล

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้น้ำที่มีความประสงค์ขอรับคืนเงินประกันการใช้น้ำ แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถยื่นความประสงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ของ กปภ. โดยเลือกทำรายการผ่านเว็บไซต์ของ กปภ. www.pwa.co.th,Application PWA 1662 และ Application Line Official Account: @pwathailand ทั้งนี้ ผู้ใช้น้ำสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PWA Contact Center1662   อ่านต่อที่: https://www.pwa.co.th/news/view/82515

Advertising

Advertising

รอลุ้นได้เลย 15-17 เม.ย.63 โอนเงินเยียวยารอบที่ 3 อีก 8 แสนราย

People Unity News : ก.คลังรายงานความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาท ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเม็ดเงินช่วยเหลือเยียวยาถึงคนเดือดร้อนจากสถานการณ์ Covid-19 รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.2563 และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 13-14 เม.ย.2563 จำนวน 2.4 ล้านราย คิดเป็นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีเม็ดเงินช่วยเหลือเยียวยาถึงคนทำงานที่เดือดร้อนจากสถานการณ์ Covid-19 ในรอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2563 และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน 2563 แล้วจำนวน 2.4 ล้านราย คิดเป็นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท

กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเร่งกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนกว่า 27 ล้านคนโดยเร็วที่สุด โดยในช่วงวันที่ 15-17 เมษายน 2563 จะเริ่มทยอยส่ง SMS และโอนเงินเยียวยาในรอบที่ 3 ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณ 8 แสนราย คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์แต่ได้รับแจ้งว่าการโอนเงินไม่สำเร็จ เนื่องจากบัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปี ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อที่ลงทะเบียน เลือกรับโอนเงินผ่านพร้อมเพย์แต่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์  หรือเข้ามาแก้ไขข้อมูลบัญชีแล้ว แต่ใส่ข้อมูลไม่ถูกต้องสามารถแก้ไขได้โดยการผูกบัญชี พร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชนผ่าน Mobile Banking หรือตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร เพื่อรอรับการโอนเงินเยียวยางวดเดือนเมษายนอีกครั้งในวันที่ 22 หรือ 29 เมษายน 2563

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนมาโดยตลอด และเตรียมเปิดกลไกการขอทบทวนสิทธิ์ในวันที่ 20 เมษายน 2563 ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com จึงขอเน้นย้ำว่าประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เพราะไม่ได้มีช่องทางการเปิดรับเอกสาร และเป็นการดำเนินการตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งต่อตัวผู้ประสงค์จะขอทบทวนสิทธิ์เองและต่อส่วนรวมของสังคมไทย

การขอทบทวนสิทธิ์นี้ ในระยะแรกจะเปิดกว้างสำหรับประชาชนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการตรวจสอบและคัดกรองก่อน และในระยะต่อไปจะขยายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้กดยกเลิกการลงทะเบียนโดยความเข้าใจผิดด้วย กลไกการทบทวนสิทธิ์จะดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยการลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและความเดือดร้อนของผู้ลงทะเบียน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ เช่น คลังจังหวัด สรรพากรพื้นที่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น รวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ด้วยทั้งนี้ ผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะยังได้รับเงินเยียวยาครบทั้ง 3 เดือน เนื่องจากการให้เงินเยียวยาจะใช้วันลงทะเบียนในการเริ่มนับสิทธิ์

โฆษกกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอและมีความตั้งใจที่จะดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ให้ครอบคลุมครบทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มต่อไป

โฆษณา

ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าประกันน้ำ-ไฟ

People Unity News : คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 รับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชน ดังนี้

โฆษณา

ออมสินเปิดให้บริการตามปกติพรุ่งนี้ 7 เม.ย. เตรียมรองรับจ่ายเงินเยียวยา 5 พันวันแรก 8 เม.ย.

People Unity News : ออมสินเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่ 7 เม.ย.63 เป็นต้นไป ยังจำกัดผู้ใช้บริการต่อวันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เตรียมพร้อมรองรับประชาชนเบิกเงินเยียวยา 5,000 ของรัฐรอบแรก แนะนำ “ได้รับเงินเยียวยาโอนเข้าบัญชีแล้ว ถอนเงินที่ตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร”

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เตรียมโอนเงิน  ให้ผู้ที่ขอรับสิทธิ์ตาม “มาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน)” ในวันที่ 8 เมษายน 2563 เป็นวันแรกนั้น ธนาคารออมสินคาดว่าจะมีลูกค้าและประชาชนมาใช้บริการที่สาขาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเปิดบัญชีใหม่ ผูกพร้อมเพย์ที่สาขาเพื่อให้การโอนเงินได้รับความสะดวก ธนาคารฯ จึงได้เตรียมความพร้อมบริหารจัดการการให้บริการที่สาขาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรวมทั้งคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัยตามหลัก Social Distancing ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขยายไปในวงกว้างและเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วย รวมถึงพระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในภาวะฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมนั้น โดยตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 เป็นต้นไป สาขาของธนาคารออมสินจะเปิดให้บริการตามปกติ แต่จะจำกัดการให้บริการหน้าเคาน์เตอร์เป็นบางธุรกรรม ได้แก่ จำกัดการเปิดบัญชีใหม่และผูกพร้อมเพย์วันละไม่เกิน 50 คิว และเบิกถอนเงินหน้าเคาน์เตอร์สาขาวันละไม่เกิน 100 คิว

ทั้งนี้ ขอแนะนำว่าการเบิกถอนเงินสดนั้น ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว สามารถถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มได้ทุกธนาคาร ส่วนลูกค้าของธนาคารออมสินสามารถใช้บริการผ่าน Mobile Banking on MyMo ของธนาคารออมสิน และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และออนไลน์ของธนาคารฯได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือชดเชยรายได้ของผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ จำนวน 5,000 บาทนั้น ธนาคารฯขอย้ำถึงหลักความปลอดภัย “3 ไม่” คือ 1.ไม่ต้องมาธนาคาร โดยสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่บ้านผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันเท่านั้น ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีกำหนดปิดรับ 2.ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีธนาคารเดิมที่มีอยู่แล้วบัญชีใดก็ได้ และ 3.ไม่ต้องไปรับเงินที่ธนาคาร เพราะผู้ได้รับสิทธิ์จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์หรือบัญชีที่ได้แจ้งในการลงทะเบียนไว้

โฆษณา

Verified by ExactMetrics