วันที่ 27 เมษายน 2024

ย้ำอีกครั้ง! ภาษีที่ดินปี 65-66 จัดเก็บอัตราเดิม แต่ไม่ลด 90% บ้านและที่ดินเกษตรได้บรรเทา

People Unity News : รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำอีกครั้ง! ภาษีที่ดินปี 65-66 จัดเก็บอัตราคงเดิม แต่ไม่ลด 90% บ้านและพื้นที่เกษตรยังได้บรรเทา

4 มี.ค. 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีการแชร์ข้อมูลคลาดเคลื่อนในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและการจัดเก็บภาษี จึงขอแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่า รัฐบาลได้ประกาศคงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีภาษี 2565-2566 ในอัตราเช่นเดียวกับปี 2563-2564 แต่ไม่มีการปรับลดการจัดเก็บลง 90% เหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ผู้เสียภาษียังคงได้รับการบรรเทาภาระภาษีในหลายกรณี อาทิ ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประกอบเกษตรกรรมจะได้รับยกเว้นภาษี

ทั้งนี้ การจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2565 เมื่อคำนวณได้เท่าไร จะต้องจ่ายเต็มจำนวน เนื่องจากกระทรวงการคลังมองว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายได้หลักที่นำเข้าสู่ท้องถิ่น ซึ่งจากที่มีการลดภาษีที่ดินฯลง 90% ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ทำให้รายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลดลงปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ขาดรายได้ไปพัฒนาพื้นที่

นางสาวรัชดา ยังเผยว่า ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ต้องประกาศอัตราภาษีที่จะใช้จัดเก็บในปี 2565 เนื่องจากอัตราภาษีเดิมที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะปี 2563 – 2564 แต่ด้วยความเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลจึงคงอัตราภาษีที่ดินฯแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563-2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กับผู้เสียภาษี และเพื่อให้ผู้เสียภาษีได้มีระยะเวลาในการปรับตัวสำหรับการชำระภาษีในอัตราที่แท้จริง

ซึ่งในปี 2565 นี้ ผู้เสียภาษียังคงได้รับการบรรเทาภาระภาษีหลายกรณี ได้แก่ 1) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประกอบเกษตรกรรมได้รับยกเว้นภาษี 2) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา และมีชื่อในทะเบียนบ้านในวันที่  1 มกราคม จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท 3) กรณีที่เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ก็จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือไม่เกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่สำหรับบุคคลที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท หรือเกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะเสียภาษีเต็มอัตราเฉพาะส่วนที่เกินเท่านั้น 4) การผ่อนปรนภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีกรณีมีภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สูงกว่าค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่เคยชำระในปี 2562 จะบรรเทาภาระให้โดยเสียภาษีเท่ากับค่าภาษีปี 2562 บวกกับร้อยละ 75 ของส่วนต่างค่าภาษีปี 2565 กับปี 2562

Advertising

ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-สอบสวนโรค ให้ครอบคลุมโรงแรมที่พัก หลังกรณีทหารอียิปต์

People Unity News : ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-มาตรการสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับประเทศแล้ว

13 ก.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,220 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 283 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 3,090 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยังคงเดิมที่ 58 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.63 ถึงปัจจุบันรวม 49 วันแล้วที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศคูเวต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยเมื่อ 29 มิ.ย.เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อ 11 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ จากอียิปต์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อ 12 ก.ค. ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI มีไข้ จึงได้ส่งตรวจหาเชื้อวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ และจากบาร์เรน 1 ราย เป็นชายไทย สัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางถึงไทยเมื่อ 8 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดระยอง ตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ 12 ก.ค. แต่ไม่มีอาการ ส่วนอีก 30 รายเป็นลูกเรือที่เดินทางมาพร้อมกัน ยังไม่พบผลการติดเชื้อ

โฆษก ศบค. กล่าวถึง Timeline ของผู้ป่วยเพศชาย อายุ 43 ปี อาชีพทหาร (ลูกเรือเครื่องบินทหาร) จากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ในวันที่ 6 ก.ค. เดินทางออกจากสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ก.ค. เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปปากีสถาน 8 ก.ค. เดินทางถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง 9 ก.ค. ออกจากโรงแรม จังหวัดระยองไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อบินไปทำภารกิจทางทหารที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไป-กลับวันเดียวกัน กลับเข้าที่พักในโรงแรมจังหวัดระยอง 10 ก.ค. ได้มีทีมเจ้าหน้าที่ CDCU เข้าคัดกรองอาการของคณะเดินทางและลูกเรือ เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ จำนวน 31 ราย และในวันที่ 11 ก.ค. คณะเดินทางออกจากประเทศไทยกลับอียิปต์  ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อ ซึ่งที่ประชุม ศบค. ชุดเล็กมีการหารือว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่เป็นลูกเรือที่มาจากต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย ในข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะขึ้นมา และขณะนี้มีการเปิดสายการบินหลายสาย เดิมใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในครั้งนี้ได้มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จึงทำให้มาตรการของการคุมเข้มในข้อดังกล่าวต้องมีการทบทวนและปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งโรงแรมที่จังหวัดระยองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ดังนั้น มาตรการการเข้าไปสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคได้รับข้อสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องดังกล่าว เพื่อการตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรคจะเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสที่ทางกลุ่มลูกเรือได้เดินทางไป อีกทั้งสำนักงานเขตสุขภาพจังหวัดระยองและทีมส่วนกลางจะเข้าไปร่วมสอบสวนโรคด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยอง

นอกจากนี้ ยังมี Timeline ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี จากภูมิภาคแอฟริกา เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว (คณะทูต) โดยในวันที่ 7 ก.ค. มารดานำผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คน ไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. คัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวอย่างส่งตรวจผลพบเชื้อ แต่บิดานำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีการตรวจซ้ำ ผลพบเชื้อ สมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  ซึ่งรายดังกล่าวอยู่ในประเภทที่ 3 คือ คณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ในมาตรการข้อ 4 ให้เข้ารับการกักกันในที่พำนักของบุคคลดังกล่าว ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัดเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน  ซึ่งรัฐต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดและครอบคลุมเพราะเป็นความเสี่ยง

Advertising

รัฐบาลเตือน ดื่มคลายหนาว อันตรายถึงเสียชีวิต

People Unity News : 2 มกราคม 66 รัฐบาลห่วงใย เตือนอีกครั้ง ดื่มคลายหนาว อันตรายถึงเสียชีวิต แนะดูแลสุขภาพช่วงอากาศหนาวเย็น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงอากาศหนาวเย็น ตามความเชื่อที่ว่าการดื่มเหล้า เบียร์ ในช่วงอากาศหนาว จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ ซึ่งสวนทางกับหลักวิชาการแพทย์ ที่พบว่าอันตรายจากการดื่มสุราช่วงฤดูหนาว มีตั้งแต่หมดสติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต เพราะเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะเกิดการขยายตัวเพื่อเป็นการระบายความร้อนในร่างกาย อุณหภูมิจึงลดต่ำลงมากกว่าปกติ ยิ่งถ้าหากเมาแล้วหลับ ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น สัมผัสกับอากาศเย็นเป็นเวลานาน อาจทำให้มีโอกาสช็อกและเสียชีวิตสูง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงแจ้งเตือนมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทย หลายพื้นที่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวและมีลมแรง ประจวบกับขณะนี้เป็นช่วงของการฉลองเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแต่ละปีมักพบผู้เสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงอากาศหนาวเย็น มีความเสี่ยงจะเกิดสภาวะ “ไฮโปเทอร์เมีย (Hypothermia)” หรือ ภาวะตัวเย็น โดยร่างกายเกิดการสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนได้ อาจส่งผลให้ช็อกและเสียชีวิตได้ในที่สุด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง สำหรับการป้องกันภาวะอากาศหนาว สามารถทำได้โดยดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอุ่นเพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอกระตุ้นให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นภายใน ไม่ควรอาบน้ำอุ่นบ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวแห้งเสีย เตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้พร้อมและทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือผ้าห่ม โดยเฉพาะเสื้อผ้ามือสองให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือต้ม เพื่อป้องกันโรคผิวหนัง งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในช่วงภาวะอากาศหนาว เนื่องจากเป็นปัจจัยเสริมสำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตในช่วงอากาศหนาวได้

Advertisement

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย! มิจฉาชีพ ส่ง SMS หลอกลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกัน

People Unity News : 26 มีนาคม 2566 ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยกลโกงมิจฉาชีพ ส่ง SMS หลอกให้ลงทะเบียนรับสิทธิเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ ส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนหลอกลวงให้กดลิงก์ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์กรณีประชาชนหลายรายได้รับข้อความสั้น (SMS) จากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา แจ้งข้อความว่า “ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 พร้อมลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว เริ่ม 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2566 ” พร้อมแนบลิงก์น่าสงสัยมากับข้อความดังกล่าว ซึ่งหากกดลิงก์แล้วจะเป็นการให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ปลอมชื่อ “ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ” มิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทำการสอบถามข้อมูลทั่วไปของเหยื่อ เช่น เคยลงทะเบียนมาก่อนหรือไม่ แจ้งเงื่อนไขการลงทะเบียน และแจ้งสิทธิส่วนลดต่างๆ ซึ่งเป็นการคัดลอกมาจากเว็บไซต์โครงการของจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ระหว่างนั้นจะส่งลิงก์ให้เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชันโครงการเราเที่ยวด้วยกันปลอม มีการขอสิทธิ์ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก (ไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย หรือไฟล์นามสกุล .APK) ให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล หลอกลวงให้ตั้งรหัสผ่าน 6 หลัก จำนวนหลายๆ ครั้ง เพื่อหวังให้ผู้เสียหายกรอกรหัสชุดเดียวกับรหัสการเข้าถึง หรือทำธุรกรรมการเงินของแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของเหยื่อ รวมไปถึงขอสิทธิ์ในการควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยในขั้นตอนนี้หากเหยื่อไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ มิจฉาชีพจะแสร้งหวังดีสอนเหยื่อว่าจะต้องทำอย่างไร หรือในบางครั้งจะโทรไลน์มาบอกวิธีการด้วยตนเอง กระทั่งเมื่อมิจฉาชีพได้สิทธิ์ควบคุมอุปกรณ์หรือโทรศัพท์มือถือแล้ว จะทำการล็อกหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เสมือนโทรศัพท์ค้าง โดยมักจะแสดงข้อความว่า อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ห้ามใช้งานโทรศัพท์มือถือ จากนั้นมิจฉาชีพจะนำรหัสที่เหยื่อเคยตั้งหรือกรอกไว้ก่อนหน้านี้ ทำการเข้าแอปพลิเคชันธนาคารแล้วโอนเงินไปยังบัญชีม้าที่เปิดรอไว้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงาน หรือโครงการของรัฐ หลอกลวงให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ รวมไปถึงการแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าว มิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลา สถานการณ์ในช่วงนั้นๆ สร้างเรื่องมาหลอกลวงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิ์ต่างๆ การหลอกให้อัปเดตข้อมูล หรือหลอกลวงอย่างไรให้เหยื่อกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมของหน่วยงานที่แอบอ้างนั้นๆ ที่ผ่านมาก็ปรากฏในหลายๆ กรณี เช่น กรมสรรพากร, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กรมที่ดิน, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปา, สายการบิน Thai Lion Air, บริษัท ไทยประกันชีวิต, กระทรวงพาณิชย์ และโครงการของรัฐต่างๆ โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภ ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ใช้ความสมัครใจหลอกลวงเหยื่อให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม มีการใช้สัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ ให้มีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามขอฝากไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังมีสติอยู่เสมอ รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ รวมไปถึงฝากแจ้งเตือนไปยังบุคคลใกล้ชิด หรือแจ้งไปยังหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานนั้นๆ หากพบเห็นข้อความสั้น (SMS) หรือลิงก์ ในลักษณะดังกล่าวให้ช่วยตรวจสอบ เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน ดังนี้

1.ไม่กดลิงก์ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ เพราะอาจเป็นการดักรับข้อมูล หรือการฝังมัลแวร์ของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับข้อความในลักษณะการให้สิทธิพิเศษ หรือให้โปรโมชันต่างๆ

2.ตรวจก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งในกรณีนี้ กำหนดให้มีการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ระหว่าง วันที่ 27 ก.พ. – 2 มี.ค. 66 เวลา 06.00 – 21.00 น. เท่านั้น และไม่มีช่องทางการรับลงทะเบียนช่องทางอื่น รวมทั้งไม่มีการดำเนินการส่งข้อความสั้น (SMS) ออกไปถึงประชาชนแต่อย่างใด

3.ไม่ดาวน์โหลด หรือติดตั้งโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่ผู้อื่นส่งมาให้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นโปรแกรมที่รู้จักก็ตาม เพราะอาจเป็นแอปพลิเคชันปลอม โดยหากต้องการใช้งานให้ทำการติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น

4.ไม่อนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก หรือไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ไฟล์นามสกุล .Apk

5.ไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ และควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด

6.ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอปพลิเคชันในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ซ้ำกับรหัสแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ หากตั้งซ้ำกันให้รีบเปลี่ยนทันที และไม่บันทึกรหัสไว้ในโทรศัพท์มือถือดังกล่าว

7.หากท่านติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบทำการ Force Reset หรือการบังคับให้อุปกรณ์นั้นรีสตาร์ต (ส่วนใหญ่เป็นการกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มปรับเสียงค้างไว้) ในกรณีเกิดอาการค้างไม่ตอบสนอง หรือเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือปิดเครื่องเพื่อตัดสัญญาณไม่ให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ออก หรือทำการปิด Wi-fi Router

8.อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

Advertisement

23 – 25 มิ.ย.นี้ ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก สะท้อนศักยภาพอุตสาหกรรม MICE

People Unity News : 22 มิ.ย. 65 ระหว่างวันที่ 23 – 25 มิ.ย. 65 ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก 2565 (Global Summit of Women) ภายใต้หัวข้อหลัก “Women: Creating Opportunities in the New Reality” ณ กรุงเทพฯ สะท้อนความเชื่อมั่นของนานาประเทศในการส่งเสริมบทบาทสตรีของไทยในภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ รวมถึงศักยภาพในอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) และการเป็นประเทศเป้าหมายในการจัดประชุมระดับนานาชาติ – การท่องเที่ยว

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก ในวันที่ 23 มิ.ย. 65 ซึ่งการประชุมดังกล่าวนับเป็นการประชุมระดับนานาชาติขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นแบบ face-to-face ในรอบ 2 ปีของไทย และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 80 ล้านบาท

สำหรับอุตสาหกรรม MICE ในไทย แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในปี 2564 ยังคงสร้างรายได้กว่า 33.2 พันล้านบาท สร้างงานกว่า 46,000 ตำแหน่ง ซึ่งในปี 2565 นอกจากการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก อีกหนึ่งการประชุมสำคัญ คือ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 (18 – 19 พ.ย. 65) ที่จะเป็นไฮไลท์ดึงดูดความสนใจของทั่วโลกมายังประเทศไทยได้

Advertisement

ศธ.เตรียมจ้างผู้ช่วยครูปฐมวัย 6 เดือน กว่า 1 หมื่นคน

People Unity News : รมว.ศธ. เผย ศธ.เตรียมช่วยเหลือครูตกงาน จ้างเป็นครูปฐมวัยชั่วคราว 6 เดือน รับเงินเดือน 9,000 บาท

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ คือ การจัดสรรงบประมาณทุกกระทรวงเพื่อช่วยเหลือผู้ไม่มีงานทำ

รมว.ศธ. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงจัดสรรงบประมาณตามความต้องการ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังไม่มีงานทำ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ปกครองถึงความต้องการให้บุตรหลานในระดับปฐมวัย ได้กลับมาเรียนที่โรงเรียน หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโนา (โควิค-19) ดีขึ้น ซึ่งหากมีการรับนักเรียนในระดับชั้นดังกล่าวกลับมาเรียนที่โรงเรียนในสภาวการณ์ขณะนี้ มีความจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนครูต่อนักเรียนมากขึ้น จากเดิม นักเรียน 20 คน ต่อครู 1 คน เป็นสัดส่วนนักเรียน 7 คน ต่อครู 1 คน หรือนักเรียน 20 คน ต่อ ครู 3 คน

ดังนั้น ศธ. จะต้องจัดหาผู้ช่วยครูในการดูแลนักเรียน โดยอาจคัดเลือกจากครูระดับปฐมวัยที่สอบบรรจุในตำแหน่งครูผู้ช่วย และได้ขึ้นบัญชีไว้แล้วเพื่อรอการบรรจุแต่งตั้ง

ทั้งนี้ ศธ.จะรวบรวมข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป เช่น การจ้างเป็นผู้ช่วยครู เป็นระยะเวลา 6 เดือน ได้รับอัตราเงินเดือนๆละ 9,000 บาท  ซึ่ง ศธ.มีงบประมาณดำเนินการไว้แล้วกว่า 500 ล้านบาท สามารถจ้างครูช่วยสอนได้ประมาณ 10,000 คน

โฆษณา

อย. เผยมีมาตรการดูแลอาหารจีเอ็มโอ เพิ่มความปลอดภัยผู้บริโภค สับปะรดสีชมพู ต้องห้ามนำเข้า

People Unity News : 3 มิถุนายน 2565 อย. เผยมีมาตรการกำกับดูแลพืชผักจีเอ็มโออย่างเข้มงวด และได้ออกประกาศเพิ่ม 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษา

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สภาองค์กรของผู้บริโภคได้จัดแถลงข่าว “ผักผลไม้ GMOs บุกไทย หน่วยงานรัฐใดต้องรับผิดชอบ หวั่นปนเปื้อนผลไม้พื้นถิ่น ผู้บริโภคเสี่ยง กระทบการส่งออกผลไม้” ซึ่งเรียกร้องให้ภาครัฐจัดการปัญหาลักลอบนำเข้าผักผลไม้จีเอ็มโอ โดยเฉพาะสับปะรดสีชมพูนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลตามกฎหมาย โดยกำหนดให้อาหารที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรมหรือ GMO เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย เว้นแต่ผ่านการประเมินความปลอดภัยตามเกณฑ์ที่กำหนด และแก้ไขให้อาหาร GMO ทุกชนิดต้องแสดงฉลากตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องอาหารจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการแสดงฉลากครอบคลุมอาหารที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ขณะนี้ ประกาศฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว อยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับทางกฎหมายต่อไป

สับปะรด จัดเป็นอาหารทั่วไป ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 การนำเข้าซึ่งอาหารเพื่อจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และผ่านการตรวจสอบของด่านอาหารและยา แต่สับปะรดสีชมพู เป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 การนำเข้าจึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว

อย. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เฝ้าระวังการนำเข้าสับปะรดสีชมพูอย่างเข้มงวด และจากการตรวจสอบของทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่พบข้อมูลการนำเข้าสับปะรดสีชมพู แต่จากการที่พบมีการจำหน่ายเชื่อว่าไม่ผ่านตามขั้นตอนของกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงานจะประสานกับกรมศุลกากรเพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าสับปะรดสีชมพูเข้ามาในประเทศต่อไป รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด

Advertisement

CAAT เรียกสายการบินหารือมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 บนเครื่อง ก่อนกลับมาเปิดให้บริการ

People Unity News : CAAT หารือมาตรการควบคุมโรคกับสายการบิน ก่อนกลับมาเปิดให้บริการ

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) โดย นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ CAAT เชิญสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินต่างชาติ กว่า 20 สายการบิน มาประชุมเพื่อหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรค เพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 หลังจากที่ก่อนหน้านี้สายการบินส่วนใหญ่ได้ประกาศหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

ผู้อำนวยการ CAAT กล่าวว่า “แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจะลดลงและสายการบินภายในประเทศเตรียมกลับมาให้บริการได้ แต่ทุกสายการบินยังจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยให้ขายบัตรโดยสารในลักษณะที่นั่งเว้นที่นั่ง เมื่อถึงช่วงเดินทางต้องรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสาร (Social Distancing) ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเช็กอิน การขึ้นและลงเครื่องบิน จะไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน ทั้งนี้เส้นทางที่มีระยะเวลาการบินเกินกว่า 90 นาที สายการบินจะต้องกันที่นั่งแถวหลังไว้พิเศษสำหรับแยกผู้โดยสารที่มีอาการน่าสงสัยระหว่างเที่ยวบิน ด้านลูกเรือจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือ และ Face shield ส่วนผู้โดยสารต้องรับผิดชอบสวมใส่หน้ากากอนามัยมาเองและใส่ตลอดเวลาการเดินทาง รวมถึงไม่สามารถนำอาหารของตนเองมารับประทานในเครื่องบินได้”

ทั้งนี้ ขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบเที่ยวบินที่ให้บริการในประเทศกับสายการบินโดยตรง เนื่องจากอาจจะยังไม่เปิดให้บริการในทุกเส้นทาง และสามารถติดตามประกาศการเดินทางทางอากาศที่เกี่ยวกับ COVID-19 ได้ที่ www.caat.or.th/corona

โฆษณา

ด่วน! “ปธน.ทรัมป์” สั่งถอนการลงมติร่างกฎหมาย “ทรัมป์แคร์” หลังมีเสียงสนับสนุนไม่พอในสภาฯ

APTOPIX Trump Health Overhaul

People unity news online : วันนี้ (25 มีนาคม 2560) “ปธน.ทรัมป์” สั่งถอนการลงมติร่างกฎหมาย “ทรัมป์แคร์” หลังมีเสียงสนับสนุนไม่พอในสภาฯ

บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนแผนประกันสุขภาพที่ทางพรรครีพับลิกันต้องการนำมาใช้แทนกฎหมาย Obamacare ได้ถอนการหารือและการลงมติในร่างกฎหมายนี้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯไปแล้ว ตามคำขอของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

เดิมทีมีการกำหนดว่าจะลงมติในร่างกฎหมายนี้ในวันนี้ แต่หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.พอล ไรอัน แจ้งให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดของร่างกฎหมายที่สื่อมวลชนเรียกกันว่า “Trumpcare” ประธานาธิบดีทรัมป์จึงตัดสินใจถอนการลงมติดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความเห็นประชาชนอเมริกัน ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์สและ Ipsos ซึ่งเปิดเผยในวันศุกร์ แสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า Trumpcare ไม่ได้ดีกว่า Obamacare แต่อย่างใด

เรื่องนี้ถือเป็นความชะงักงันล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วง “ฮันนีมูน” ที่รัฐสภาสหรัฐฯมักจะผ่านร่างกฎหมายต่างๆอย่างง่ายดาย

โดยก่อนหน้านี้ คำสั่งฝ่ายบริหารของ ปธน.ทรัมป์ ที่ห้ามพลเมืองมุสลิมจากบางประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือเข้าสหรัฐฯ ก็ถูกยับยั้งไปแล้วในศาล จนทำให้ต้องมีการลงนามในคำสั่งฉบับที่สองออกมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว

อีกเรื่องซึ่งเป็นที่โต้แย้งและได้รับแรงต้านจากสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองพรรคเป็นอย่างมาก คือข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางขนานใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของแผนงานสวัสดิการสังคมที่ช่วยเหลือคนยากจน และโครงการช่วยเหลือระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะที่จะเพิ่มงบประมาณกลาโหมมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 54,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ (ข่าวจาก voathai.com)

People unity news online : post 25 มีนาคม 2560 เวลา 12.51 น.

กลับมาอีกแล้ว!! ฝุ่น PM 2.5 บุก กทม. เผยต่อเนื่องถึง 17 ธ.ค.

People Unity News : ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เผย สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เพราะสภาพอากาศปิด ประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และ กทม. ตรวจสอบรถควันดำในกรุงเทพ ให้ทำต่อเนื่องจนถึงหน้าแล้ง และประสาน สตช.ดูแลการจราจรบริเวณสี่แยก-จุดกลับรถ เพราะพบ PM 2.5 สูงในบริเวณดังกล่าว

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลทางอากาศภาพรวม โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า สภาพอากาศค่อนข้างนิ่ง รวมทั้งการยกตัวของมวลอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มขึ้น จึงประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และกรุงเทพมหานคร ช่วยกันตรวจสอบรถควันดำ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งจากการสุ่มตรวจ 100 คัน จะพบถึง 46 คันที่ก่อมลพิษ โดยวางแผนให้ทำการตรวจรถทุกวันต่อเนื่องไปจนถึงช่วงหน้าแล้ง และจากการตรวจสอบจุดที่ฝุ่น PM 2.5 สูง คือ บริเวณแยก หรือ สี่แยก รวมทั้งจุดกลับรถ ที่มีปริมาณรถสะสม จึงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ช่วยดูแลด้านการจราจร ในจุดดังกล่าวให้เกิดความคล่องตัวขึ้น

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำความเข้าใจเกษตรกร งดการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งไปจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และช่วยกันตรวจบำรุงรักษารถยนต์ตามวงรอบ ซึ่งสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เนื่องจากสภาพอากาศปิด

Advertising

Verified by ExactMetrics