วันที่ 2 พฤษภาคม 2024

กบน.ปรับลดราคาดีเซลอีกเหลือ 33 บาท มีผล 7 เม.ย.

People Unity News : 3 เมษายน 2566 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ประกาศลดราคาดีเซลรอบที่ 4 อีก 50 สตางค์/ลิตร เหลือ 33 บาท/ลิตร มีผล 7 เม.ย. หลังสภาพคล่องดีขึ้นกองทุนน้ำมันฯ ติดลบลดลงเหลือ 9.1 หมื่นล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันนี้ (3 เม.ย.66) มีมติปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาท/ลิตร จากราคา 33.50 บาท/ลิตร เป็น 33.00 บาท/ลิตร มีผลวันที่ 7 เมษายน 2566 เป็นต้นไป โดยเป็นปรับลดลงครั้งที่ 4 หรือรวมการปรับลงแล้ว 2 บาท/ลิตร นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สาเหตุการปรับลดลงครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล เดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 98.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 4.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยอัตราเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 5.00 บาท/ลิตร อย่างไรก็ดี สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลโลกยังคงมีความผันผวนจากวิกฤติด้านการเงิน ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีน

สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มทยอยติดลบลดลง ณ วันที่ 2 เม.ย.66 ติดลบ 91,860 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 45,008 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG 46,860 ล้านบาท

Advertisement

ด่วน!! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีโรดโชว์ เพิกถอนหมายจับ “ยิ่งลักษณ์”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 มีนาคม 2567 ศาลฎีกานักการเมืองฯ มติเอกฉันท์ยกฟ้องคดีโรดโชว์ จากการไต่สวนพยานหลักฐาน ไม่มีพฤติการณ์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ทุจริตต่อหน้าที่-เอื้อประโยชน์ให้เอกชน โดยการใช้วิธีพิเศษในการจ้างเอกชน พร้อมสั่งเพิกถอนหมายจับอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ  0 พิพากษายกฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 6 คน ประกอบไปด้วย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล  นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ  บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) , บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)  และ นายระวิ โหลทอง และสั่งเพิกถอนหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ความผิดเกี่ยวกับการเสนอโครงการโรดโชว์ ที่ไม่ใช่กรณีเร่งด่วน  ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ใช้ดุลยพินิจบิดผันสั่งอนุมัติงบกลาง มีเจตนาร่วมกันในการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษอันเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ  และยังมีการร่วมกันดำเนินการเพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีมติยกเว้นการลงนามในสัญญาก่อนได้รับเงินประจำงวดทั้งที่ไม่ได้เข้าเงื่อนไข  เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  จำนวนเงิน 239,700,000 บาท

โดยศาลชี้ว่าจำเลยที่ 1-3 ไม่มีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157 และไม่มีความผิดตามกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ปี 2561 มาตรา 192 และมาตรา 123 /1 รวมถึงไม่มีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ปี 2542 มาตรา 12 และ 13 ไม่ปรากฏว่ามีการคบคิดกัน ฉ้อฉลหรือไม่สุจริต หรือมีผู้ใดสั่งการ หรือแทรกแซงการกำหนดราคากลางและคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ  และเมื่อทราบเรื่องก็ยังมีคำสั่งให้ชะลอการจ่ายเงินค่าจ้าง และชี้ว่าจำเลยที่ 4 -6 ไม่มีความผิดตามคำฟ้องเช่นกัน  โดยยังไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

จากการไต่สวนพยานและหลักฐาน ศาลชี้ว่า การที่จำเลย 1-3 ดำเนินนำงบกลางจำนวน 40 ล้านบาท มาจัดดำเนินโครงการโรดโชว์ เป็นการดำเนินนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งศาลมีอำนาจวินิจฉัยถึงการใช้งบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐและตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของนางสาวยิ่งลักษณ์ และไม่ได้กำหนดเวลากระชั้นชิด  เพียงเพื่อเป็นเหตุอ้างในการใช้งบกลาง  ประกอบกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความเห็นว่าสมควรที่นายกรัฐมนตรีจะอนุมัติงบกลางนี้ได้   จึงเป็นดุลย์พินิจที่กระทำไปบนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น อีกทั้งการจัดโครงการโรดโชว์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด  และยังกล่าวถึงพฤติการณ์ของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ  ว่าไม่ปรากฏว่ามีส่วนร่วมหรือแนะนำโดยมิชอบ ในกระบวนการเสนออนุมัติงงบกลาง ในการดำเนินการ และไม่ปรากฏพฤติการณ์ในการร่วมกันแทรกแซงหรือมีคำสั่งให้ เลือกบริษัทมติชนและบริษัทสยามสปอร์ตเป็นผู้รับจ้างโครงการไว้ล่วงหน้าก่อนเริ่มการจัดจ้าง หรือไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะอย่างใดเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์หรือเลือกเฉพาะเจาะจงหรือกีดกันผู้เสนอราคารายอื่น

ขณะเดียวกัน จากการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่า เห็นว่านายสุรนันทน์ไม่ได้กระทำการ ในลักษณะที่เป็นการชี้นำ หรือจูงใจ หรือให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ และไม่ได้มีบุคคลใดสั่งให้เลือกบริษัทเอกชนทั้งสองเป็นผู้รับจ้าง ซึ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เป็นไปภายใต้เงื่อนไขการดำเนินโครงการที่กระชั้นชิด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำได้ตามระเบียบกฎหมาย จึงไม่ได้ใช้วิธีการประกวดราคา ตามข้อกล่าวหาจึงขาดเรื่องเจตนาพิเศษ ในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการอนุมัติจัดโครงการ เพื่อทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

โดยประการสำคัญที่สุด หลังเกิดเหตุรัฐประหาร เลขาธิการนายกรัฐมนตรีสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการดังกล่าว  ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าโครงการโรดโชว์ เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ จึงอนุมัติเบิกจ่าย   สอดคล้องกับการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานรัฐ ดังนั้นจึงฟังได้ว่านายสุรนันทน์ไม่ได้ละเว้นการปฎิบัติ

สำหรับโครงการอีก 10 จังหวัดในวงเงิน 200 ล้านบาท  เป็นการดำเนินการที่กระชั้นชิด ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะใช้วิธีการประกวดราคา  และเข้าเงื่อนไขตามระเบียบสำนักนายกฯรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุเช่นเดียวกัน ส่วนจำเลย 4-6 จากข้อเท็จจริงทางไต่สวนรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งกรณีการแบ่งจังหวัดของบริษัทมติชนและบริษัทสยามสปอร์ตนั้น เป็นไปตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและเพื่อจัดทำงานนำเสนอ   จึงไม่ถือว่าเป็นการตกลงร่วมกันฮั้วประมูล  จึงไม่ผิดตามคำฟ้อง องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ให้พิพากษายกฟ้อง

Advertisement

หนาวยะเยือก! “ดอยอินทนนท์” เหลือ 3 องศาฯ เกิดน้ำค้างแข็ง

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2565 อินทนนท์หนาวยะเยือก อุณหภูมิลดเหลือ 3 องศาเซลเซียส ต่ำสุดตั้งแต่เริ่มเข้าหนาวและเกิดน้ำค้างแข็งเป็นครั้งที่ 3 ของหน้าหนาวปีนี้

เช้าวันนี้ น้ำค้างที่เกาะตามใบไม้และยอดหญ้า บริเวณยอดดอยอินทนนท์ และริมข้างทางหลักกิโลเมตรที่ 43-44 กลายเป็นน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบจนขาวโพลน หลังอุณหภูมิบนดอยอินทนนท์ลดต่ำเหลือเพียง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่เข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของปีนี้ และเป็นการเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งครั้งที่ 3 ในช่วงหน้าหนาวปีนี้ โดย 2 ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 และ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปสัมผัสความหนาวเย็นบนดอยอินทนนท์อย่างมาก และไม่พลาดที่จะเก็บภาพความสวยงามของน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบไว้เป็นที่ระลึก พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามในหน้าหนาวบนดอยอินทนนท์ โดยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.65) มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นดอยอินทนนท์ กว่า 2,700 คน

Advertisement

กรมอุตุฯ เตือน ฉ.4 พายุดีเปรสชันจ่อทวีกำลังเป็นโซนร้อน

People Unity News : 14 ตุลาคม 2565 กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ส่งผลให้ไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง” ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2565

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (14 ต.ค. 65) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 527 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 14.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันที่ 14-15 ต.ค. 65 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว

ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 14-15 ต.ค. 65 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 05.00 น

Advertisement

ฝนถล่มทั่วไทย

People Unity News : 11 ตุลาคม 2566 กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 80% ของพื้นที่ และตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน โดยมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

พยากรณ์อากาศรายภาค

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

Advertisement

รัฐบาลตั้งวอร์รูม รับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู”

People Unity News : 26 กันยายน 2565 รัฐบาลตั้งวอร์รูม รับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ ประเมิน ตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

รัฐบาลเปิดศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่น “โนรู (NORU)” ติดตาม ประเมิน รายงานสถานการณ์พายุ ร่วมกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาภูมิภาค ทั้ง 5 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก จ.ภูเก็ต

ซึ่งศูนย์อำนวยการฯ จะ Conference ประเมินสถานการณ์สถานีอุตุนิยมวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ หรือบริเวณที่พายุจะเคลื่อนผ่านอย่างแม่นยำ ร่วมกันประเมินสถานการณ์ของพายุ ซึ่งหากมีความรุนแรงจะตรวจวัดสภาพอากาศและปริมาณฝนให้ถี่ขึ้น รวมทั้งสั่งการดำเนินการในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกันได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ ประเมินสถานการณ์ และให้ทุกฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด

ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น ”โนรู” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ก.ย. 65 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ โดยจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทยในวันที่ 29 ก.ย. 65

Advertisement

ตร.เตือน “ยิงปืนขึ้นฟ้า” ฉลองลอยกระทง ผิดกฎหมาย-อันตรายถึงชีวิต

People Unity News : 8 พฤศจิกายน 2565 โฆษก ตร. ห่วงความปลอดภัยลอยกระทง เตือน “ยิงปืนขึ้นฟ้า” ค่านิยมผิด อันตรายถึงชีวิต โทษหนักจำคุกสูง 10 ปี วอนประชาชนเป็นหูเป็นตา

วานนี้ (7 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวเตือน “การยิงปืนขึ้นฟ้า” เฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทง ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต และผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

โฆษก ตร.กล่าวว่า ผบ.ตร.มีความกังวลในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ประชาชนทำกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการ “ยิงปืนขึ้นฟ้า” เป็นค่านิยมที่ผิด และก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น โดยอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

“การยิงปืนขึ้นฟ้า มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากกระสุนตกใส่ หรือทะลุหลังคาบ้านเรือน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.อาชยน กล่าว

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.กำชับตำรวจทั่วประเทศ ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการยิงปืนขึ้นฟ้า และกวดขันบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุข ปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จะได้เฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงอย่างมีความสุข

Advertisement

ทร.วางมาตรการคุมเข้มคลังอาวุธ

People Unity News : 20 กรกฎาคม 2566 กองทัพเรือวางมาตรการคุมเข้มคลังอาวุธ เรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง หลังกระสุนลอตใหญ่หาย เตรียมปลดออก และออกหมายจับกำลังพลผู้ก่อเหตุ หลังหลบหนี ขาดราชการ เกิน 15 วัน

พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่กระสุนปืนกลแบบ M855 และ M856 ที่เป็นกระสุนของปืนเล็กยาว ไรเฟิลจู่โจม ขนาด 5.56 มม. หายนับหมื่นนัด และกระสุนหัวระเบิดแบบ 40 มม. สำหรับปืนยิงเครื่องยิงลูกระเบิด นับพันหาย จาก คลังสรรพาวุธของนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ขณะนี้ได้เข้าตรวจสอบ และได้ดำเนินการใน 3 ด้าน คือ 1.ในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ 2. ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน   และ 3. ติดตามตัวเจ้าหน้าที่คลังคนที่เป็น ต้นเหตุซึ่งเป็นคนขโมยกระสุนปืนออกไป

โดยวานนี้ (19 ก.ค.) ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านซึ่งตรวจพบกระสุนปืนอยู่บางส่วนที่ยังมีตกค้างอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้มีการลักลอบขโมยกระสุนปืนออกมาจากคลังจริง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังหลบหนีอยู่ โดยปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด ซึ่งได้ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปในพื้นที่ที่คาดว่าจะหลบซ้อนตัวอยู่ ซึ่งคาดว่ายังอยู่ในประเทศ ยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากระสุนปืนที่หาย เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในช่วงนี้แต่อย่างไร เพราะได้ติดตามดูในสเตทเม้นท์ บุ๊คแบงค์ธนาคาร ของตัวผู้ต้องหา พบว่าได้มีการดำเนินการลักลอบนำกระสุนปืนออกจากคลังมานานพอสมควร มีการโอนเงินผ่านเข้า ออกในบัญชีมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นทำมานานแล้ว ไม่ได้ใช่เพิ่งเริ่มทำเป็นครั้งแรก นั่นก็หมายความว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงนี้   โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ขาดราชการตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.66 ถึงวันนี้ 20 ก.ค.66  เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งถือว่าขาดราชการทางต้นสังกัดจะได้ทำเรื่องถึงกระทรวงกลาโหมให้ปลดออกจากราชการ และให้นายทหารพระธรรมนูญ ไปขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับ ซึ่งทางกองทัพเรือได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ด้วยอีกทาง

“ยืนยันว่ากองทัพเรือ ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะตามผู้กระทำผิด มาลงโทษทั้งวินัย และอาญา ให้ได้โดยเร็ว กองทัพเรือ โดยผู้บัญชาการทหารเรือ มีนโยบายชัดเจน ที่ไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน” โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

Advertisement

ค่าไฟแพง มิจฉาชีพหลอกขายแผงโซลาร์เซลล์ทิพย์

People Unity News : 29 เมษายน 2566 รัฐบาลเตือนระวังมิจฉาชีพ หลอกขายแผงโซลาร์เซลล์ทิพย์ พบระบาดช่วงหน้าร้อน แม้แนวโน้มการแจ้งความคดีออนไลน์ลดลงหลังกฎหมายเข้มงวดขึ้น แต่ตำรวจยังพบการหลอกลวงหลายรูปแบบ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาล ได้บังคับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 ได้ปราบปรามอย่างเข้มงวด โดยศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า สถิติการแจ้งความคดีออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มี.ค. 65 -24 เม.ย.66 มีคดีออนไลน์ 244,734 คดี นับว่ามีแนวโน้ม ลดลงจาก 27,000 คดีต่อเดือนในเดือน ธ.ค.65 ลดลงเป็น 24,000 คดีในเดือนมกราคม 21,000 คดีกุมภาพันธ์ และ 20,000 คดีในเดือน มี.ค.66 ตามลำดับ

แม้ข้อมูลรายเดือน เห็นแนวโน้มคดีออนไลน์ลดลง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังพบการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งการขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ทำธุรกรรมต่างๆ จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ยังคงระมัดระวังตนเอง ดูแลสอดส่องคนในครอบครัวไม่หลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่ติดต่อมาทุกช่องทาง โดยเฉพาะหากมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการให้ทำธุรกรรม ให้โอนเงิน ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ให้ตั้งข้อสงสัยก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำธุรกรรม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า มิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ใช้ในการหลอกลวงไปตามสถานการณ์ ล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งเตือน ในช่วงประชาชน สนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า หลอกลวงขายแผงโซล่าเซลล์ โดยใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มต่างๆ ที่มีการซื้อขายโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ติดตั้งแล้วโพสต์ขายสินค้าในราคาถูกกว่าท้องตลาด ด้วยภาพที่คัดลอกมาจากช่องทาง มีการซื้อขายจริง และมีการเร่งรัดให้รีบตัดสินใจว่าสินค้าใกล้จะหมด ซึ่งปรากฏว่ามีผู้หลงเชื่อแล้วโอนเงินให้ แต่ไม่ได้รับสินค้าจำนวนมาก

โดย บช.สอท. ได้มีข้อแนะนำจุดสังเกตเพื่อการซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ที่ปลอดภัยว่า ให้หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ระวังการซื้อสินค้าราคาถูกกว่าปกติของท้องตลาด ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ประกาศขายสินค้า มีความเคลื่อนไหวหรือไม่ ประวัติเป็นอย่างไร

ตรวจสอบความมีอยู่จริงของสินค้า โดยขอดูภาพหลายๆ มุมนอกจากภาพที่ประกาศขาย สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน ตรวจสอบการรีวิวสินค้า และต้องระวังการรีวิวปลอม เป็นผู้รีวิวจริงหรือหรือบัญชีอวตาร และก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน และชื่อหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, https://www.blacklistseller.com หรือ https://www.chaladohn.com เป็นต้น

Advertisement

 

อุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนตกหนัก ระวังน้ำป่าไหลหลาก

People Unity News : 17 กันยายน 2566 กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

Advertisement

Verified by ExactMetrics