วันที่ 1 พฤษภาคม 2024

รัฐบาลเปิดแอป ThaifightCOVID ติดตามนักท่องเที่ยวต่างชาติและเฝ้าระวังผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง

People Unity News : รัฐบาลเปิดแอปพลิเคชัน ThaifightCOVID ติดตามนักท่องเที่ยวต่างชาติและเฝ้าระวังผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เน้นการดูแลอย่างใกล้ชิด

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค. 2563) เวลา 14.00 น.ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล COVID-19 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขแถลงชี้แจงข้อสงสัยในประเด็นสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 การปรับพัฒนาการดูแลสุขภาพกลุ่มที่มีความเสี่ยง และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน ThaifightCOVID

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ 2 และยังคงดำเนินมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น และจะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแก่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องทุกวัน

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า วันนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 จากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (Pandemic) อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 121 ประเทศ 120,000 ราย เป็นผู้ที่มีอาการหนัก 5,700 ราย ปัจจุบันไทยมีผู้ติดเชื้อ 70 ราย รักษาหายแล้ว 35 ราย โฆษกกระทรวงสาธารณสุขยังย้ำถึงมาตรการเฝ้าระวังตัวเอง (Quarantine) เกี่ยวข้องกับ 4 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.) ขอให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม ประพฤติตนตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด  2.) ขอให้ติดต่อได้  3.) ถ้าพบว่ามีอาการป่วย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และ 4.) จะบังคับใช้กฎหมายเข้าควบคุม กรณีไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการเฝ้าระวังตนที่บ้าน 14 วัน นั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชนช่วยดูแลตามหลักวิชาการ จึงขอฝากไปถึงประชาชนว่า ผู้เฝ้าระวังตนเป็นเพียงผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่ใช่ผู้ป่วย ต้องให้กำลังใจและชื่นชมว่าเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงไม่มีการปิดศูนย์เฝ้าระวังเพียงแต่ปรับรูปแบบในการดูแลกลุ่มที่มีความเสี่ยง และพัฒนาให้ศูนย์ที่ดูแลกลุ่มที่มีความเสี่ยง สามารถใช้ประโยชน์อื่นๆตามสถานการณ์ เช่น ได้เตรียมโรงพยาบาลบางขุนเทียนเพื่อเป็นศูนย์ในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่ใช้มาตรการ State Quarantine หรือ Local Quarantine คือ การควบคุมติดตามดูแลกลุ่มผู้เสี่ยงในพื้นที่ที่จัดหาโดยรัฐบาลรวมทั้งในภูมิลำเนานั้น จะให้เน้นเป็น Home Quarantine คือ การเฝ้าระวังตนเองที่พักอาศัย โดยใช้กลไกความร่วมมือขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคประชาสังคม ช่วยกันสอดส่องดูแล ซึ่งการเฝ้าตนเองที่บ้านช่วยให้ได้รับความสะดวกสบายทั้งทางกายและทางจิตใจ เนื่องจากมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ที่ตนคุ้นเคย เน้นใช้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกัน ซึ่ง ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะเข้าไปติดตามดูแลสุขภาพของผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเนื่องทุกวัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังแถลงเพิ่มเติมว่า ไทยไม่ได้มีการปิดประเทศแต่เพียงเพิ่มความเข้มงวดและรัดกุมในการเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งการยกเลิกฟรีวีซ่า 3 ประเทศ และการยกเลิกวีซ่า On Arrival 18 ประเทศ เป็นหนึ่งในมาตรการลดการแพร่ระบาดของโควิด – 19  โดยจะให้มีผลตั้งแต่ 13 มีนาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2563 ชาวต่างประเทศยังสามารถเดินทางมาไทยได้ โดยยื่นขอวีซ่า ณ สถานเอกอัครราชทูตในประเทศนั้นๆ โดยอาจต้องมีเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ ประกันสังคม เพื่อเป็นการรับรอง อาจเพิ่มเติมความปลอดภัยโดยอนุมัติวีซ่าหลังจากนั้นประมาณ 14 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการการเฝ้าระวังสังเกตอาการของกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวถึงโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยภายใต้ชื่อ #ThaiFightCOVID โดยเปิดตัวแอปพลิเคชัน AOT Airports สำหรับใช้เก็บข้อมูลเพื่อติดตามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย รวมถึงชาวไทยที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปเก็บรวบรวมที่กรมควบคุมโรค เพื่อเจ้าหน้าที่ติดตามพิกัดที่อยู่ของผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและผู้เดินทางร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว และจะถูกลบออกจากระบบภายใน 14 วัน ตามการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักการสากล สำหรับแอปพลิเคชัน SydeKick for ThaifightCOVID นั้น จะเป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามและเฝ้าระวังผู้ที่ต้องกลับไปกักตัวที่ภูมิลำเนาเดิม ติดตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มเสี่ยง โดยจะทำงานควบคู่กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดที่จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เปิดโรมมิ่งไว้แล้ว สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทันที ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่มีซิมการ์ดสามารถซื้อซิมการ์ดได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่วางจำหน่าย ในราคา 49 บาท ซึ่งสามารถใช้ได้ 14 วัน โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะตรวจสอบรายละเอียดข้อมูล ก่อนอนุญาตให้เข้าประเทศต่อไป

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงยังไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ เป็นเพียงผู้เฝ้าระวัง เราทุกคนจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ หากพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ให้ความรักและกำลังใจซึ่งกันและกัน

โฆษณา

เดินหน้าปลูกกัญชา 6 ต้น! “อนุทิน”ปลื้ม! 3 เดือนปิดจ็อบรถไฟฟ้า-แบน 3 สารพิษ

People Unity : “อนุทิน”มั่นใจโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินไปลิ่ว ไร้อุปสรรค เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน โชว์ความคืบหน้า 3 เดือน นโยบายกัญชาย้ำพอใจ หลาย รพ.ใช้รักษาโรค ยันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น เผยกฎหมายถึงสภาฯแล้ว ลั่นภูมิใจไทยพร้อมผลักดันสุดกำลัง

วันที่ 25 ต.ค.2562 จากการลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่าโครงการ 224,544.36 ล้านบาท ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะ กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายอันดี ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการ EEC ไม่ใช่การขายฝัน แต่เรากำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ และมีความพร้อมในการรับการลงทุนจากทั่วโลก ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน มีความสำคัญ เพราะเป็นตัวจุดประกายความสำเร็จให้กับโครงการ EEC หลังจากการเซ็นสัญญาจะมีการจ้างงาน จะเกิดการใช้จ่ายมหาศาล เศรษฐกิจจะขยายตัว มีเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบ และจะเกิดโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา

“การเจรจาจบแล้ว ถึงได้มีการลงนาม การลงนามที่มีนายกฯ เป็นประธาน มันต้องเอาจริง ต้องทำให้เสร็จ จะมาเล่นๆไม่ได้ โครงการไปได้แน่นอน และคิดว่าน่าจะเปิดใช้งานได้ตามกำหนดเวลา อย่างที่ผมเคยบอก อะไรที่ช่วยกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ก็ให้ช่วยเหลือกัน การตีความกฎหมาย อย่าไปตีหาอุปสรรค แต่ให้หาทางออก เพราะยิ่งทำได้เร็ว ยิ่งเกิดประโยชน์กับคนไทย”

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า การสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โครงการกรุงเทพฯขึ้นเชียงใหม่ และกรุงเทพ ลงไปสุราษฎร์ธานีล้วนอยู่ในแผนการพัฒนา แต่ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม อย่างไรก็ตามตอนนี้ ต้องจัดการเรื่องท่าเรือ และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อผลักดันโครงการ EEC ก่อน

เผย สธ.ไม่ยุ่งเรื่องสารทดแทนแต่หากพบมีอันตรายก็ต้องแบน

นายอนุทิน กล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องสารทดแทน ที่จะให้ใช้แทน 3 สารที่ถูกแบน หรือ พาราควอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพริฟอส โดยคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางรับมือไว้แล้ว แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ ต้องเรียนให้เข้าใจก่อน เราต้องดูแลสุขภาพของประชาชน ซึ่งถ้าสารทดแทน มีอันตรายต่อชีวิตประชาชน ก็ปล่อยให้ใช้ไม่ได้

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขร่วมแรงร่วมใจในการแบนสารพิษ แสดงพลังขึ้นป้ายต่อต้านการใช้ โดยไม่ได้นัดหมาย คิดว่าบุคลากรทางการแพทย์ น่าจะเคยเห็น เคยรักษาผู้ที่ป่วยจากสารพิษ ซึ่งบางคนเนื้อเน่า ไปถึงเป็นมะเร็ง และตระหนักว่าจะปล่อยให้ใช้ต่อไปไม่ได้ นี่เป็นหลักการ ดังนั้น สารที่มาใช้แทน ถ้าเกิดมีผลกระทบกับสุขภาพคนไทย เราเดินหน้าลุยแน่ มันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องกลุ่มต้านการแบนสารพิษ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่น พร้อมยอมรับ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ของเรายังไม่จบ ต้องดูแลคนไทยต่อไป ให้ประชาชนได้รับการบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุด

ลั่นไม่ชี้แจงสถานทูตสหรัฐฯขอไทยทบทวนมติแบนสารพิษ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่กรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกา ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอให้ทบทวนการแบนสารเคมีอันตราย โดยเฉพาะสารไกลโฟเซต โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2562 แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน เช่นนี้แสดงว่า เป็นการกดดันหรือไม่ จะมาบอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้า ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงเรื่องกระเป๋าของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมภายใต้กฎหมายของประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือประชุมภายใต้กฎหมายต่างชาติ เพราะฉะนั้นกฎหมายไทยให้อำนาจคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาการใช้หรือห้ามใช้ ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 29 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความรู้ทั้งนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเรียกประชุมในวันเดียว แต่มีการเตรียมมาเป็นปี และมีมติการห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ ไม่ได้มีการกดดันใดๆ ทางการเมืองแม้แต่น้อย มติที่ออกมาให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้ก็เป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อพี่น้องและสุขภาพประชาชน

เมื่อถามว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือโดยแนบท้ายหนังสือของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ขอให้ไทยมีการทบทวนมติแบนสารเคมี โดยเฉพาะไกลโฟเซต ไทยจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยืนยันตามมติเดิม ส่วนกระทรวงอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง เราก้าวก่ายกันไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน เมื่อถามต่อว่าจะต้องชี้แจงปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง แต่หน้าที่ของ สธ.คือรับผิดชอบสุขภาพประชาชน อะไรก็ตามที่บริโภคเข้าไปแล้วเป้นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสแล้วเกิดแผลพุพอง สูญเสียอวัยวะ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการค้า ซึ่ง สธ.เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตคน เรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องที่ สธ.จะให้ความเห็นอะไรได้ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงจุดยืนของ สธ.ได้

โชว์ความคืบหน้า 3 เดือนนโยบายกัญชายันไม่ทิ้งนโยบาย 6 ต้น

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ได้ผลักดันนโยบายนี้มาเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม ซึ่งผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ จากที่กัญชาต้องอยู่ใต้ดิน ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมาบนดิน วันนี้จะเห็นว่าหลายโรงพยาบาลมีคลีนิคกัญชา ให้บริการใช้กัญชารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม มีสารสกัดจากกัญชา ส่งไปยังหลายโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้รักษาประชาชน

สำหรับโรงพยาบาลเอกชน สามารถประสานขอใช้ได้เช่นกัน โดยแพทย์ที่จ่ายยา ต้องผ่านการอบรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น หมอพื้นบ้าน มีโอกาสนำสูตรยากัญชามาขึ้นทะเบียน ระหว่างการใช้รักษา ได้มีการจดบันทึกผลการรักษาอยู่ตลอด นี่คือรูปธรรมที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามเปลี่ยนกัญชาจากผู้ร้ายให้เป็นพระเอก ส่วนกัญชง ได้ออกประกาศ ให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้ว เราพยายามทำอย่างเต็มที่

นายอนุทิน กล่าวต่อว่าเรื่อง 6 ต้นที่เคยหาเสียงไว้ จำเป็นต้องมีการแก้กฎหมาย เพราะมันไม่เหมือนเรื่องการใช้ทางการแพทย์ ที่สามารถใช้อำนาจของรัฐมนตรีแก้ไขได้เลย แต่นโยบาย 6 ต้น เกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องแก้กฎหมาย ผ่านสภา ซึ่งได้นำกฎหมายเข้าไปแล้ว 2 ฉบับ นายชวน หลักภัย ประธานสภา มารับเรื่องด้วยตนเอง เท่ากับนับ 1 แล้ว จากนี้ กระบวนการจะเป็นไปตามขั้นตอน เราเดินหน้าอย่าวรัดกุม รอบคอบ มันมีเรื่องต้องพิจารณามากมาย เราลุยแน่ ขอให้ใจเย็น

“สมมุติ ถ้าทำนโยบายกัญชาแบบไม่รอบคอบ ปล่อยให้ประชาชนพกสารสกัดกัญชาไปไหนมาไหน แล้วพกไปต่างประเทศแบบไม่มีความรู้ เผลอนำเข้าไปในประเทศที่ยังให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ หากถูกจับได้ แม้จะอธิบายว่าไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องโดนโทษหนักมาก ถ้าเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ มันต้องทำนโยบาย และวางมาตรการอย่างรอบคอบที่สุด แต่ขำย้ำว่า ถึงมันจะยาก แต่พรรคภูมิใจไทยต้องพยายาม”

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบายกัญชา หลักใหญ่คือต้องเป็นไปเพื่อการรักษาโรค เมื่อทำสำเร็จ กัญชากลายเป็นพระเอก การดำเนินนโยบายต่อไปจะง่ายทันที ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นโยบายนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายการเมืองขยับ แต่ข้าราชการก็ทำงานเต็มที่ ไม่มีเกียร์ว่าง เพราะรัฐมนตรีมาด้วยความวางใจของประชาชน ต้องตอบแทนประชาชน ต้องทำงาน ให้เกิดผลจับต้องได้ โดยอาศัยการขับเคลื่อนของข้าราชการอีกต่อหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่มีข้าราชการที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามแน่นอน

“สมศักดิ์”เป็นสักขีพยานเซ็น MOU “ม.สงฆ์ มจร – 24 หน่วยงาน”ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

People Unity News :  “สมศักดิ์”เป็นสักขีพยานเซ็น MOU “ม.สงฆ์ มจร – 24 หน่วยงาน” เครือข่ายสันติภาพ ร่วมพัฒนานักไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในสังคมไทย

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานลงนามความร่วมมือในการพัฒนาผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ย พ.ศ. 2562 ของหน่วนงานจำนวน 25 แห่ง ในจำนวนนี้มีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) รวมอยู่ด้วย โดยได้มอบหมายให้พระมหาเผื่อน กิตฺติโสภโณ, ผศ.ดร. รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC)

เจ้าคุณเทียบต้อนรับนายกฯรัสเซียชมวัดโพธิ์ โอกาสเยือนไทยหารือ”บิ๊กตู่”

People Unity News : เจ้าคุณเทียบต้อนรับนายกฯรัสเซียชมวัดโพธิ์ โอกาสเยือนไทยหารือ”บิ๊กตู่” ระหว่างประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35

วันที่ 3 พ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย หลังจากเข้าพบปรึกษาหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางไปที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ เพื่อชมโบราณสถานและโบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยมีพระราชปริยัติมุนี หรือเจ้าคุณเทียบ สิริญาโณ ป.ธ.9 ผู้ช่วยเจ้าอาวาส คณบดีคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ให้การต้อนรับพาเยี่ยมชม

Cr.ภาพจากเพจ Phra Rajapariyattimuni Thiab

ถ่ายทอดสด “ประยุทธ์” มอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 จันทร์ที่ 11 ม.ค.นี้

People Unity News : โฆษกรัฐบาล ชวนติดตาม นายกรัฐมนตรีในการมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เผยเป้าหมายการใช้จ่ายงบฯ 65 ฝ่าวิกฤตโควิด19 ขับเคลื่อนประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เชิญชวนติดตามรายการพิเศษ “การมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565” โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะกล่าวถึงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2565  ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) และ Facebook : Live NBT2HD วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 เวลา 08.30-09.00 น. โดยมี นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ร่วมพูดคุย

ในรายการ นายกรัฐมนตรีจะไฮไลท์การใช้จ่ายงบประมาณต้องตอบโจทย์ภารกิจเร่งด่วน คือ -สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ  เช่น รักษาการจ้างงาน  ช่วยเหลือ SMEs กระจายความเจริญลงไปในเมืองหลัก เมืองรอง และระดับพื้นที่  – ยกระดับขีดความสามารถของประเทศส่งเสริมอุตสาหกรรมและการบริการทางการแพทย์ การท่องเที่ยว ยกระดับภาคการเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร ยานยนต์ – พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคน ทั้งการปรับทักษะ ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาระบบหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงด้านสุขภาพ – เน้นปัจจัยในการพัฒนาประเทศ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงกฎหมาย พัฒนาภาครัฐดิจิทัล นวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือของเครือข่ายภาคประชาสังคม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้วางนโยบายอย่างชัดเจนให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงการบริหารงบประมาณต้องคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความจำเป็นกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังให้ความเชื่อมั่นว่า แม้จะจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 วงเงิน​ 3,100,000 ล้านบาทแบบขาดดุล​ ซึ่งจำนวนขาดดุลเพิ่มขึ้นจากปี 64 อยู่ที่ 91,037.5 ล้านบาท แต่รัฐบาลยึดมั่นในวินัยและความมั่นคงทางการเงินการคลัง โดยงบประมาณขาดดุลจะนำมาขับเคลื่อนประเทศผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ปกติตามศักยภาพอย่างยั่งยืนต่อไป

Advertising

ด่วน! เปิดนโยบายหลักของรัฐบาล 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง

People Unity : 20 กรกฎาคม 2562 มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า นโยบายของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ จะประกอบไปด้วยนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ดังนี้

นโยบายหลัก 12 ด้าน

1.การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์

2.การสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศ และความสงบสุขของประเทศ

3.การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม

4.การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก

5.การพัฒนาเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของไทย

6.การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ และการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

7.การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก

8.การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพคนไทยทุกช่วงวัย

9.การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม

10.การพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

11.การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ

12.การป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และกระบวนการยุติธรรม

นโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง

1.การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน

2.การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

3.มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

4.การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม

5.การยกระดับศักยภาพของแรงงาน

6.การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต

7.การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

8.การแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายราชการประจำ

9.การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

10.การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน

11.การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย

12.การสนับสนุนให้มีการศึกษา รับฟังความคิดเห็นประชาชน และดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

การเมือง : ด่วน! เปิดนโยบายหลักของรัฐบาล 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง

People Unity : post 20 กรกฎาคม 2562 เวลา 23.31 น.

การเมือง/วิเคราะห์ : จับตาเกมถล่ม “อุตตม”-“สนธิรัตน์” ลดทอนอำนาจบารมี “ขั้วสมคิด”!!??

People Unity : กลายเป็น “จำเลย” ทั้งคู่ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กับกรณีที่พรรคเล็กก่อหวอดเคลื่อนไหวจะแยกตัวออกจากซีกรัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งในรัฐบาล

โดยถูกหัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เพียงเสียงเดียวอย่าง “มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์”  หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งเป็นแกนนำพรรคเล็กที่ออกมาก่อหวอด ระบุชื่ออย่างไม่ให้เกียรติว่า เหตุผลหนึ่งที่จะแยกตัวออกจากรัฐบาลเพราะไม่พอใจอุตตมและสนธิรัตน์

ถูกหัวหน้าพรรคเล็กไม่ให้เกียรติยังไม่พอ ยังมาถูกผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”  รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาให้ท้ายมงคลกิตติ์และพรรคเล็ก ว่า “ใครไปสัญญาอะไรกับพรรคเล็กไว้ ก็ต้องไปทำตามสัญญา ไปแก้ปัญหากันเอง” ซึ่งพูดอย่างนั้นแม้ไม่เอ่ยชื่อใครก็รู้ว่าหมายถึงอุตตมและสนธิรัตน์ เพราะในช่วงที่กำลังรวบรวมเสียง ส.ส.เพื่อให้ได้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อสนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯ ทั้งอุตตมในฐานะหัวหน้าพรรคและสนธิรัตน์ในฐานะเลขาธิการพรรคต้องแบกรับภาระวิ่งสิบทิศเพื่อหาเสียงมาสนับสนุน “ลุงตู่” ให้พอ โดยไปเกลี้ยกล่อม 10 พรรคเล็กให้มาสนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯด้วย

แต่มาตอนนี้ ตั้งรัฐบาลเสร็จ ผู้ใหญ่ในพรรคได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกันถ้วนหน้า แฮปปี้กันแทบทุกกลุ่มทุกมุ้ง เหลือแต่ 10 พรรคเล็กที่ยังไม่มีตำแหน่งในรัฐบาลให้ ก็โยนความผิดและภาระความรับผิดชอบมาให้อุตตมและสนธิรัตน์แก้ปัญหาเพียงลำพัง มันก็ออกจะ “โหด” เกินไป

ถ้าตอนนั้นอุตตมและสนธิรัตน์ไม่ไปเกลี้ยกล่อม 10 พรรคเล็กมาตุนเสียงไว้ในมือก่อน 10 พรรคเล็กก็คงไปเป็นฝ่ายค้าน และบางที “ลุงตู่” ก็อาจไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะเสียงสนับสนุนไม่พอ และจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ

เหตุการณ์จัดตั้งรัฐบาลตอนนั้น ก็รู้กันอยู่ว่ายากลำบากขนาดไหน เพราะ 7 พรรคฝ่ายค้านก็สู้จนยกสุดท้ายในการชิงตั้งรัฐบาล แต่ที่เหนื่อยหนักที่สุดและเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่สุด คือ พรรคใหญ่ต่างเล่นตัวต่อรองไม่ยอมตอบโอเคเข้าร่วมรัฐบาลง่ายๆ ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา ทั้งอุตตมและสนธิรัตน์จึงต้องใช้กลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” หันไปดึงเสียงเล็กเสียงน้อยของ 10 พรรคเล็กมาตุนไว้ก่อน เพื่อให้มีอำนาจต่อรองกับพรรคใหญ่ ไม่ใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย และเพื่อมิให้ 10 เสียงของพรรคเล็กพรรคน้อยกระเด็นไปเป็นของฝ่ายค้าน ไม่งั้นจะยุ่งไปกันใหญ่

ล่าสุด อุตตมและสนธิรัตน์รับผิดชอบแก้ปัญหา 10 พรรคเล็กสำเร็จ ด้วยการหาเก้าอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ให้กับพรรคเล็กนั่งกันถ้วนหน้า โดยตนเองนั้นมอบเก้าอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีในกระทรวงที่ตนเป็นรัฐมนตรีให้ คือ คลัง และ พลังงาน

คิดแล้วมันน่าน้อยใจ สร้างพรรคมากับมือ กระสุนก็หาให้พรรค ทำทุกอย่างจน “ลุงตู่” ได้เป็นนายกฯ พรรคได้เป็นแกนรัฐบาล พอวันนี้ถูกพวก “มาทีหลัง” ดิสเครดิตไม่เว้นแต่ละวัน เป้าหมายลึกๆนั้นหวังแซะให้พ้นเก้าอี้หัวหน้าและเลขาฯพรรค โดยจะเชิด “ลุงตู่” เป็นหัวหน้าพรรค “ลุงป้อม” เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ต่อจากนั้นจะได้ยึดเก้าอี้ รมว.พลังงาน และคลัง ลดทอนอำนาจบารมี “ขั้วสมคิด” !!??

จับตาเกมโค่น “อุตตม”-“สนธิรัตน์” ให้ดีๆ ทั้งการหาเหตุโจมตีการทำงานในพรรคและการทำงานในกระทรวงการคลังและพลังงาน?

การเมือง/วิเคราะห์ : จับตาเกมถล่ม “อุตตม”-“สนธิรัตน์” ลดทอนอำนาจบารมี “ขั้วสมคิด”!!??

People Unity : post 13 สิงหาคม 2562 เวลา 12.00 น.

“ประยุทธ์” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

People Unity : นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายลงคะแนนโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกรัฐสภา โดยได้ขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และสมาชิกของทั้ง 2 สภา ที่ให้การสนับสนุน และทำให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย รวมทั้งขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนถึงวันนี้

“นายกฯ ย้ำว่า คะแนนเสียงที่มากกว่านั้นได้มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อน แล้วค่อยรวมกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภา เป็น 500 คะแนนซึ่งก็เป็นไปตามกติกาเดิม พร้อมทั้งยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน”

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนแม้จะไม่สนับสนุน แต่ก็ได้ทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจากนี้ไปอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานด้วยเจตนารมณ์ที่คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชน ซึ่งยังมีปัญหาอีกมายมายที่รอการแก้ไข รวมทั้งนำบทเรียนในอดีตมาเป็นแนวทางในปัจจุบัน ส่วนพี่น้องประชาชนนั้นขอให้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเหตุผลในการปฏิเสธไม่ไปแสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรี 5 มิ.ย. นี้ว่า เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ ตนเองได้ตอบไปแล้ว ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่โดยพยายามทำให้ดีที่สุด พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของตนคือมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ภายในหลักการสามัญคือการมองอนาคตไปข้างหน้า และมีแผนปฏิบัติราชการมาโดยตลอด ซึ่งได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ เพิ่มความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งกายภาพและในส่วนของดิจิทัล ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในวันนี้ด้วย

สำหรับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มองในทางที่ดี อย่าไปมองในทางที่ไม่ดี โดยเชื่อในวุฒิภาวะของ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติ รวมถึงขีดความสามารถ ประสบการณ์ของประธานรัฐสภาทั้งสองคน น่าจะทำให้การประชุมในวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องการให้พูดกันเฉพาะวาระที่กำหนดไว้ในการประชุมเท่านั้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้คนไทยทุกคน มุ่งหวัง คาดหวัง และรอฟังการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ ต้องการให้ทุกคนมั่นใจนักการเมือง ส.ส.ต่างๆ ที่ได้คัดเลือกจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ผู้ทรงเกียรติ และทุกคนทราบดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะเวลากว่า 10 ปี ทุกคนต้องนำมาเป็นบทเรียนว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดขึ้นอีก ทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เบื่อหน่าย ทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ทำอย่างไรสิ่งที่ได้หาเสียงไว้ทำตามขั้นตอนตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ ซึ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะได้โดยเร็วทั้งหมด เพราะทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของรัฐด้วย ถ้ายังเป็นแบบเดิมๆ ประเทศไทยจะเสียโอกาสอีกมากมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา สงครามการค้ายังไม่จบ สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกับประเทศไทยและอาเซียนและทุกภูมิภาคของโลกใบนี้ หลายคนบอกว่าอยากให้มีการปฏิรูป ซึ่งได้เริ่มต้นปฏิรูปมาระยะหนึ่งแล้ว จากนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองในระบบรัฐสภา โดย ส.ส. และ ส.ว. ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ต้องช่วยให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้าไปด้วยดี ไม่กลับไปสู่ปัญหาเดิมๆอีก ดังนั้น ควรเริ่มจากการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แสดงให้ประชาชนมั่นใจว่าเลือกมาแล้วไม่ผิด ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง

การเมือง : “ประยุทธ์” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

People Unity : post 6 มิถุนายน 2562 เวลา 22.00 น.

“นฤมล” บุกเหนือสุดแดนอีสาน สร้างแรงงานภาคเกษตร พัฒนาเศรษฐกิจประเทศ

People Unity News : นฤมล บุกเหนือสุดแดนอีสาน สร้างแรงงานภาคเกษตร พัฒนาเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 3 ตุลาคม 2563 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเพื่อพบปะเกษตรกรและร่วมมอบเอกสารสิทธิให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับเกษตรกร หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมกิจกรรมแรงงานสัญจร บริการพี่น้องประชนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดบึงกาฬ 5 หน่วยงาน ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์และให้บริการภารกิจของกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานภาคการเกษตร ณ ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบังกาฬ จำกัด ตำบลท่าสะอาด อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดยการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้กระทรวงแรงงานขับเคลื่อนภารกิจเพื่อให้แรงงานไทยมีงานทำ โดยพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ จึงมอบหมายกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเร่งพัฒนาทักษะกำลังแรงงานของประเทศ ภายใต้แนวคิด “สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติ” โดยจะเดินหน้าสร้างแรงงานภาคการเกษตรให้เป็นแรงงานคุณภาพ ยกระดับฝีมือให้มีทักษะที่หลากหลาย สามารถประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงแรงงานมีภารกิจในด้านการจัดหางาน การพัฒนาทักษะฝีมือ การคุ้มครองสวัสดิการแก่ผู้ทำงานในระบบและนอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มภาคการเกษตร จะผลักดันให้ได้รับความช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ซึ่งกระทรวงแรงงานมีหน่วยงานทุกจังหวัด เพื่อบริการประชาชนให้ได้รับบริการอย่างทั่วถึง ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ต้องการรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนที่ต้องการให้กระทรวงแรงงานดำเนินการภายใต้ภารกิจของกระทรวง เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ โดยเฉพาะการพัฒนายกระดับการผลิตและการแปรรูปยางพาราและเกษตรกรรมด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี ให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อการส่งออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอนุภาคลุ่มน้ำโขง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การค้าชายแดน  ตลอดจนการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง

รมช. แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจของกระทรวงแรงงานที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จะเกิดผลสําเร็จได้ต้องอาศัยฟันเฟืองกลไกที่สําคัญในพื้นที่ในระดับหมู่บ้าน คือ อาสาสมัครแรงงาน ซึ่งเป็นผู้แทนกระทรวงแรงงานในพื้นที่และเป็นผู้ที่สมัครใจทํางานให้กับกระทรวงแรงงาน เพื่อให้เกิดสันติสุขด้านแรงงานแก่ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง ลูกจ้าง และประชาชนทั่วไป ทําหน้าที่เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านแรงงานให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบกันอย่างทั่วถึงและติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน จึงขอชื่นชมและขอขอบคุณอาสาสมัครแรงงานทุกท่าน

กิจกรรมแรงงานสัญจรบริการพี่น้องประชาชน ประกอบด้วย โครงการแรงงานสัญจรพบประชาชนพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ให้ความรู้แก่อาสาสมัครแรงงานและเครือข่ายด้านแรงงาน จำนวน 70 คน เพื่อนำนโยบายและภารกิจของกระทรวงแรงงานไปสู่การปฏิบัติ และจัดกิจกรรมการให้บริการการรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน กิจกรรมการรับสมัครงาน แนะแนวอาชีพ และประชาสัมพันธ์มาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ โครงการ Co-Payment (จ้างงานเด็กจบใหม่) “รัฐช่วยเสริม เอกชนช่วยสร้าง” โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดบึงกาฬ การสาธิตการใช้โซลาเซลล์ เพื่อการประกอบอาชีพ Smart Farmer และการมอบป้ายศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่วิทยาลัยเทคโนโลยีเอ็น-เทค อินเตอร์เนชั่นแนล บึงกาฬ โดยสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานบึงกาฬ การให้คำปรึกษาแนะนำ การรับคำร้องทุกข์ร้องเรียน เกี่ยวกับสภาพการจ้างแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ และให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบึงกาฬ และการให้ความรู้ในเรื่องสิทธิประโยชน์กับผู้ประกันตน การรณรงค์ส่งเสริมการสมัครเป็นผู้ประกันตน และบริการรับสมัครผู้ประกันตน มาตรา 40 โดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบึงกาฬ

“เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเจอคุณนา กลุ่มแรงงานนอกระบบหลังจากที่ถูกบริษัทเลิกจ้าง ซึ่งได้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรช่างเย็บผ้ากับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และได้กู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินที่ค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 50,000 บาท เพื่อนำไปซื้อจักรเย็บผ้าและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จนปัจจุบันสามารถสร้างอาชีพใหม่ รับจ้างตัดชุดได้ราคาชุดละ 3,600 บาท และมีการจ้างตัดชุดเป็นจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าแรงงานกลุ่มนี้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ มีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน”  รมช. แรงงาน กล่าวในท้ายสุด

Advertising

“ถวิล”โพสต์เตือน”เสรีพิศุทธ์” ระวังหลุดเก้าอี้เหมือน”ยิงลักษณ์”

People Unity News :  “ถวิล”โพสต์เตือน”เสรีพิศุทธ์” ยกบทเรียน”ยิงลักษณ์”หลุดเก้าอี้นายกฯเทียบ”มติโดเรมอน”

วันที่ 23 พ.ย.2562 นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์โพสต์บุ๊กส่วนตัวความว่า มติโดเรม่อน สองสามวันมานี้ มีเรื่องเกิดขึ้นในกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการเอาเรื่องที่ยังไม่เกิด มาทำเป็นมติ และหนังสือลงนามแจ้งล่วงหน้าเป็นตุเป็นตะ เหมือนว่าเกิดขึ้นแล้ว …. ใช่ครับผมกำลังพูดถึงหนังสือ ที่ประธานกรรมาธิการคณะนี้ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาประธาน แล้วมีผู้นำออกมาแสดงตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย 62 โดยหนังสืออ้างมติเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ วันที่ 20 พ.ย 62 ซึ่งยังมาไม่ถึง

เรื่องนี้ แปลกดี และเป็นข่าวเกรียวกราว. ผู้ที่เกี่ยวก็ออกมาให้ข้อมูล. ตลอดจนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางแล้ว แม้จะรู้สึกแหม่งๆ แต่ผมก็ขอเว้นไม่พูดถึงนะครับ แต่อยากจะพูดเรื่องคล้ายๆกันนี้ ที่เคยเกิดขึ้นกับผมมาแล้ว ซึ่งซับซ้อน และต่อยอดยิ่งกว่านี้… โดยเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญมาเล่าให้ฟัง ประกอบกรณีที่เกิดขึ้น ครับ

เรื่องนี้ ต้องย้อนไปถึงปี 2554 เมื่อเดือนกันยายน ปีนั้น ที่ผมถูกย้ายโดยไม่เป็นธรรม. และผมไปฟ้องศาลปกครอง จนชนะได้ตำแหน่งคืน และต่อมาท่านสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านในขณะนั้น ได้ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย จนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้ย้ายผม ต้องพ้นตำแหน่ง พร้อมรัฐมนตรีทั้งคณะที่มีมติ เรื่องทราบทั่วกันแล้ว

ในเอกสารประกอบการย้ายผมครั้งนั้น. เริ่มจากเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2554 เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ทำหนังสือ 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งมีไปถึงรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หน่วยงานต้นสังกัดผม อีกฉบับมีไปถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยที่จะรับโอน แม้จะรีบเร่งทำกันในวันอาทิตย์ แต่ก็เป็นไปตามวิธีการที่ราชการปฏิบัติกันอยู่ครับ แต่ที่ประหลาดจนผมต้องนำมาเล่าวันนี้อีกครั้ง ก็เพราะหนังสือที่ลงวันที่ 4 กันยายน วันเดียวกันนี้ ที่มีไปถึงรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบไม่ขัดข้องให้โอนผมไปนั้น ดันไปแจ้งว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นชอบพร้อมรับโอน

ทั้งๆที่ต่อมาปรากฏว่ารัฐมนตรี เพิ่งลงนามเห็นชอบเอาวันที่ 5 กันยายน รุ่งขึ้นอีกวัน ซึ่งในขั้นการพิจารณาของศาลปกครองนั้น เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการปกปิด ข้อเท็จจริง หรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อประกอบการพิจารณา ไปยังรองนายกฯ ด้วยซ้ำ

หนังสือฉบับที่มีถึงรองนายกรัฐมนตรี ที่อ้างอิงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นฉบับนี้ ไปปรากฎอีกครั้ง เมื่อท่านสมาชิกวฺฒิสภาไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี ของนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ดังที่ผมกล่าวแล้ว ในชั้นนั้น ผมไปเป็นพยาน และมีการใช้หนังสือฉบับนี้อีก แต่ที่แปลกก็คือวันที่เคยลงไว้เดิม 4 กันยายน กลายเป็นวันที่ 5 กันยายน เสียแล้ว

ในการไต่สวนวันนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง ให้ผมดูสำเนาหนังสือ 2 ฉบับ ทั้งสองฉบับเป็นหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีถึงรองนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน เลขที่หนังสือเดียวกัน เนื้อหาและข้อความในหนังสือก็ตรงกันหมดทุกอย่าง แต่ทั้ง 2 ฉบับ ลงวันที่ไม่ตรงกัน ฉบับที่ผมนำส่งศาลนั้นลงวันที่ 4 กันยายน 2554 ส่วนฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกจากนายกรัฐมนตรีนั้น ลงวันที่ 5 กันยายน 2554

ผมได้เรียนท่านไปว่า เมือหนังสือทั้งสองฉบับ ออกมาจากที่เดียวกัน เลขที่ตรงกัน และข้อความเหมือนกัน เเต่ลงวันที่ต่างกันเช่นนั้น แสดงว่าต้องมีฉบับหนึ่งปลอม หรือถูกแก้ไข ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าฉบับใดปลอมฉบับใดจริง แต่ฉบับที่ผมนำส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผมได้รับมาตั้งแต่หลังมืคำ

สั่งโอนย้ายผม เมื่อเดือนกันยายน 2554 ซึ่งผมก็ได้ใช้หนังสือฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2554 นี้ ส่งให้ กพค.และศาลปกครองเป็นพยานเอกสารมาตลอด

ข้อสังเกตเรื่งนี้ก็คือ ถ้าหนังสือลงวันที่ 5 กันยายน ตามฉบับที่เรียกจากนายกรัฐมนตรีภายหลัง. ข้อความในหนังสือที่อ้างว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี. เห็นชอบ( 5 กันยายน ) ก็จะสอดคล้อง ต้องกันพอดี แต่ถ้าเป็นวันที่ 4 กันยายน ตามที่ผมใช้ส่งให้ทั้ง กพค. ศาลปกครอง มาแต่ต้น จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ ข้อความที่อ้างว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นขอบ ก็เป็นเท็จ เพราะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเพิ่งมาเกษียนเห็นชอบ 5 กันยายน

เรื่องการปลอมแปลงแก้ไข และใช้เอกสารปลอมในคดีผมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญท่านให้บันทึกไว้นะครับ ที่มาเล่าให้ฟังนี่ ก็อยากจะบอกว่า การกระทำแบบสะเพร่า น่าหัวเราะนี้ มันเคยมีมาแล้วและเคยมีถึงขั้นพยายามไปแก้ไขกลบเกลื่อนภายหลัง แต่วิสัยคนทำผิด คิดไม่ซื่อ มันก็ทิ้งร่องรอยให้ผู้คนจับได้เสมอ เหมือนกรณีคดีผมไงครับ

Verified by ExactMetrics