วันที่ 14 กันยายน 2025

“มาลี” เบาได้เบา หลังโฆษกกลาโหมกัมพูชาลวงโลกรายวัน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 สิงหาคม 2568 “มาลี” เบาได้เบา หลังโฆษกกลาโหมกัมพูชาลวงโลกรายวัน ย้ำเส้นทางสันติภาพจะมั่นคงได้ ต้องเริ่มต้นจาก “ความจริง” เท่านั้น

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนขอเรียกร้องให้โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา หยุดการสร้างข่าวปลอม บิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง และเลิกนำข้อมูลเท็จมาอ้างเพื่อกล่าวหาโจมตีประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตัวอย่างล่าสุด คือการกล่าวอ้างผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่าไทยเตรียมอพยพประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเปิดฉากโจมตีกัมพูชาก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันไม่มีคำสั่งอพยพใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าว

ข้อมูลเท็จลักษณะนี้ไม่เพียงสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณะชน แต่ยังเป็นบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของกัมพูชาเอง ในเวทีระหว่างประเทศ จึงขอให้ หยุดการกระทำดังกล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการละเมิดข้อตกลงซ้ำซากโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีการเคลื่อนไหวกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

“เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่แทนที่จะร่วมมือกันลดความตึงเครียด ฝ่ายกัมพูชายังคงเลือกใช้การบิดเบือนข้อมูล ซึ่งเป็นบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศกัมพูชาเองบนเวทีนานาชาติ ทุกการตอบโต้ของประเทศไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เราพร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนและองค์กรระหว่างประเทศได้ทุกเมื่อ และขอยืนยันว่า เส้นทางสันติภาพจะมั่นคงได้ ก็ต่อเมื่อเริ่มต้นจากความจริงเท่านั้น” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Advertisement

ครม. ตั้งบิ๊กข้าราชการลอตใหญ่ “ชญานันท์” นั่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กรกฎาคม 2568 ครม. ตั้งบิ๊กข้าราชการลอตใหญ่ “ชญานันท์” นั่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งข้าราชการหลายกระทรวงตามที่มีการเสนอ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ครม.มีมติแต่งตั้ง นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แทนตำแหน่งที่ว่าง

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย น.ส.นฤมล สงวนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง, นายกฤษ อุตตมะเวทิน ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง, น.ส.ทัศนีย์ เมืองแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง, นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมหม่อนไหม, นายอานนท์ นนทรีย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว และนายนิรันดร์ มูลธิดา ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 เป็นต้นไป

ด้านกระทรวงพาณิชย์ ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทผู้บริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอาอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุน ประกอบด้วย น.ส.จิตติมา ศรีถาพร ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง , นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ,นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงางานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง นายวิเชียร สุขสร้อย เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม

กระทรวงมหาดไทย ครม.มีมติแต่งตั้ง นายสราวุธ อ่อนละมัย ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย ของนายเดชอิศม์ ขาวทอง นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรมช.มหาดไทย

กระทรวงสาธารณสุข ครม.มีมติแต่งตั้ง นายฐิติพันธ์ จูจันทร์โชติ ให้ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รมช.สาธารณสุข ของนายอนุชา สะสมทรัพย์

Advertisement

อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยา เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 กรกฎาคม 2568 กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และทหารพราน ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท 2.กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท 3.กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท 4.กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท และ 5.กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลขอแสดงความห่วงใยและรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้านความเป็นอยู่และสภาพจิตใจ รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว พร้อมทั้งขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

ในการนี้ ประชาชนที่มีความประสงค์จะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถร่วมบริจาคได้ที่ “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล บัญชีเลขที่ 067-0-06895-0 โดยยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

Advertisement

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กรกฎาคม 2568 “ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้

เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน

Advertisement

สส.ปชน. จี้ถาม “สรวงศ์” โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ใช้งบไปแล้วเท่าไหร่-เกิดความเสียหายใครรับผิดชอบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 กรกฎาคม 2568 รัฐสภา 17 ก.ค.-สส.ปชน. จี้ถาม “สรวงศ์” โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ใช้งบไปแล้วเท่าไหร่-ถ้าเกิดความเสียหายใครรับผิดชอบ อัดแอปมีปัญหาเยอะเหตุรัฐบาลทำงานไม่เป็น ด้าน “รัฐมนตรี” แจงพยายามอุดรอยรั่วแล้ว ย้ำรัฐบาลเร่งเรียกความเชื่อมั่น ดึงนักท่องเที่ยวกลับไทย เผยเที่ยวไทยคนละครึ่ง สิทธิยังว่างกว่า 3 แสนสิทธิ ลงทะเบียนได้ถึง 31 ต.ค.นี้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ถามนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ว่า เนื่องจากสภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปีนี้ซบเซาลงกว่าปีที่แล้ว เพราะนักท่องเที่ยวจีนไม่มั่นใจในความสามารถของรัฐบาลที่้บังคับใช้กฎหมายการค้ามนุษย์จนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดหลักของเราลดลงไปเหลือไม่ถึงครึ่ง ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวจึงได้จัดสรรงบประมาณจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทมาดำเนินโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จำนวน 1.75 พันล้านบาท แต่จนถึงวันนี้มีการใช้สิทธิ์ห้องพักไปแล้ว 1.58 แสนสิทธิ์ ไม่ถึง 1 หมื่นสิทธิ์ต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าที่คาด เหตุเพราะรัฐบาลทำงานไม่เป็น ขาดความรู้ความสามารถ มีการออกแบบแอปพลิเคชั่นใหม่ทั้งที่โครงการนี้คล้ายกับโครงการเที่ยวคนละครึ่ง แต่หลังจากที่เปิดตัวแอปพลิเคชั่นออกมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการต่างประสบปัญหา เช่น การลงทะเบียนของประชาชนมีขั้นตอนเยอะ ลงทะเบียนยาก ระบบล่ม อีกทั้งการแก้ปัญหาเรื่องราคาห้องพักก็มีปัญหาและล่าช้า ทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาส รวมถึงการตั้งราคาที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่คุ้นค่าและเสียสิทธิ์ต่างๆ

ว่าที่ ร.ต.สมชาติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลนี้่ขยันที่จะทำแอปพลิเคชั่นออกมาจำนวนมาก โดยมีการของบประมาณในการทำแอปพลิเคชั่นจากหน่วยงานต่างๆ จำนวนกว่า 4.2 พันล้านบาท แต่แอปพลิเคชั่นที่ประชาชนรู้จักมีไม่ถึงร้อยตัว แอปพลิเคชั่นบางตัวไม่มีคนรู้จักและไม่ได้ใช้งานจริงจนถูกทิ้งร้างเป็นแอปผี ฉะนั้น จึงขอถามนายสรวงศ์ว่าเหตุใดจึงไม่ใช้ธนาคารกรุงไทยทำโครงการนี้ต่อ เนื่องจากมีแอปพลิเคชั่นอยู่แล้ว รวมถึงประชาชนและผู้ประกอบการก็ต่างเคยติดตั้งแอปพลิเคชั่นเป๋าตังและถุงเงินในมือถือเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ตนได้ลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับการทำแอปพลิเคชั่นนี้แล้วทั้งในเว็บไซต์และของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ หรือเว็บไซต์ไม่ได้อัปเดต หรือเพราะใช้ชื่อโครงการเป็นอย่างอื่น หรือใช้หน่วยงานภาครัฐอื่นเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้าง หรือให้ผู้จัดซื้อจัดจ้างดำเนินการไปก่อนแล้วไปทำการจัดซื้อจัดจ้างทีหลังหรือไม่อย่างไร รวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างในการทำโครงการดังกล่าวนี้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่

ว่าที่ ร.ต.สมชาติ กล่าวด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมถึงหน่วยงานในกำกับมีการสร้าง แอปพลิเคชั่นไปแล้วทั้งหมดกี่แอปพลิเคชั่น รวมงบประมาณทั้งหมดกี่บาท มีการใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ มีผู้ใช้งานมากขนาดไหน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายกรณีแอปพลิเคชั่นทำงานผิดพลาดที่สามารถจองห้องพักได้มากกว่า 1 ห้องต่อคืน และลูกค้าได้ทำการเช็กอินเข้าห้องพักแล้ว อีกทั้งการให้ประชาชนโอนเงินแล้วอัปเดตสลิปโอนเงินเข้ายืนยันในระบบเว็บไซต์นั้น เราสามารถอัปเดตรูปภาพอะไรไปแทนสลิปโอนเงินก็ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการเปิดช่องว่างให้มีการทุจริตหรือฮั้วกันได้ เพื่อรับเงินอุดหนุนจากภาครัฐโดยที่ไม่มีการจองห้องพักจริง หากเกิดการทุจริตจริงใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แอปพลิเคชั่นนี้จะใช้งานได้อย่างเสถียรภาพเมื่อไหร่ จะมีการขยายขีดความสามารถ Thai-D เพื่อให้สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้อย่างเพียงพอหรือไม่

ด้านนายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนขอใช้เวทีนี้กราบขอโทษประชาชนอีกครั้งกับความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการที่ว่าที่ ร.ต.สมชาตินำตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมาผูกพันกับคำถามต้องขอชี้แจงว่า อย่างแรกคือเป็นคนละเรื่องกัน โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเป็นนโยบายที่จะออกมากระตุ้นโครงการไทยเที่ยวไทย คนที่จะใช้สิทธิ์ได้ต้องมีบัตรประชาชนคนไทยเท่านั้น เป็นคนละเรื่องกับตลาดจีน ซึ่งต้องบอกว่าโครงการที่ผ่านมา ปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังคงมีคดีค้างกับผู้ประกอบการ มีประชาชนได้รับหมายเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้น กว่า 1,300 คดี โดยสิ่งที่พวกเราอยากทำและอยากให้เกิดคือฐานข้อมูลนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทย เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในอนาคตต่อไปอย่างยั่งยืน ส่วนคำถามที่ว่าเหตุใดจึงไม่ใช้แอปพลิเคชันเก่า หรือฐานข้อมูลจากธนาคารกรุงไทยนั้น ขอเรียนว่าจาก MOU ที่ผ่านมา ตนไม่ทราบว่ามีการทำอย่างไร แต่ในปัจจุบันธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ดังนั้น การที่จะไปผูกพันอะไรกับธนาคารธนาคารหนึ่ง จะเป็นการปิดกั้นธนาคารพาณิชย์ด้วยกันเอง ส่วนการเปิดให้ลงทะเบียนวันแรก แน่นอนว่าประชาชนยังคงสับสน ซึ่งตนได้มีการต่อว่าและตั้งคณะกรรมการสอบขึ้นมาแล้วว่าเหตุใดประชาชนจึงยังคงสับสน เพราะโครงการนี้ไม่เหมือนกับโครงการที่ผ่านมา เนื่องจากเราเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน 500,000 สิทธิ์ และมีการปิดลงทะเบียนทันที โดยต้องมีการจองภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้น จะถือว่าหมดสิทธิ์ แต่ครั้งนี้เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ ต้องการให้คนที่มีแผน และพร้อมจะเที่ยวทันที ได้มีการซื้อ จอง และจ่ายเงิน นี่คือสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งตนเคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่าหากใช้ระบบนี้ ประชาชนจะไม่ต้องลงทะเบียน เพื่อใช้สิทธิ์เลย จะได้ไปเน้นในส่วนปลายทาง หรือคือผู้ประกอบการ และการจ่ายเงินจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้กับผู้ประกอบการ

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีสิทธิ์ ทุกคนมีบัตรประชาชนอยู่แล้ว แต่ด้วยคดีที่ค้างอยู่ ทุกกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานต่างๆ จึงต้องการปกป้องและป้องกันตัวเอง ไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องผ่านแอปพลิเคชันไทยไอดี ในวันลงทะเบียน เมื่อมีปัญหาตนก็ได้มีการสั่งการทันที ให้มีการบายพาส เพื่อให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้ โดยใช้การลงทะเบียนในภายหลัง เมื่อระยะเวลาผ่านไป ก็ยังมีปัญหาเรื่องการส่งโอทีพี สำหรับประชาชนที่ใช้จีเมล์ เนื่องจากเราไม่มีการแจ้งไว้ก่อนว่า จะมีทราฟฟิกเข้าไปจำนวนมากขนาดนี้ จึงทำให้เอไอของกูเกิลจับว่าเป็นสแกม ซึ่งมีการปิดระบบในเบื้องต้น ซึ่งเราก็ได้มีการประสานกับทางกูเกิลไปในทันที และสุดท้ายตนได้ลงไปสั่งการด้วยตัวเองว่าจะขอปิดระบบการลงทะเบียน ซึ่งในวันที่ปิดการลงทะเบียนนั้น มีจำนวนประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 1.4 ล้านคน จากนั้นเราจึงมาแก้ปัญหาหลังบ้านของเราในการเพิ่มสเปซคลาวด์ และเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น จนถึงตอนนี้ ตัวเลขที่ถูกยืนยันแล้ว คือมีผู้ลงทะเบียนประสงค์จะใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 1.11 ล้านคน มีผู้ที่จองเรียบร้อยแล้ว และจ่ายเงินแล้ว 1.4 แสนคน ขณะที่ระยะเวลา เราเปิดให้ประชาชนสามารถเที่ยวได้ถึง 31 ตุลาคมนี้ แม้จากกำหนดการเดิมที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ด้วยเรื่องการของบประมาณ ทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งเมื่อมีการอนุมัติ เราก็มีการประกาศคิกออฟโครงการทันที

“ผมต้องขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนอีกครั้งในความไม่สะดวก ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนของการทำงาน และเราก็พยายามจะอุดรูรั่วนั้นแล้ว ส่วนในอนาคตจะมีเฟสสอง เฟสสามหรือไม่ ต้องขอดูอีกครั้ง เนื่องจากโครงการนี้ แต่เดิมทีมีการออกนโยบาย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงสถานการณ์โควิด-19 และขอใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า โครงการนี้ยังสามารถจองสิทธิ์เข้ามาเพิ่มได้” นายสรวงศ์ กล่าว

ทำให้ว่าที่ ร.ต.สมชาติ กล่าวว่า นายสรวงศ์ ยังตอบคำถามตนไม่ครบขอให้ช่วยตอบด้วยว่าการจัดซื้อจัดจ้างไปอยู่ที่เล่มไหน ไปสอดใส้อยู่ในโครงการอะไรหรือไม่ รวมถึงที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วเท่าไหร่ และหากเกิดความเสียหายขึ้นมาใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เราจะโยนความผิดให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่อาจจะมีบางส่วนที่ทุจริตอย่างเดียวนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะมีตัวอย่างจากโครงการจำนำข้าวที่พรรคของท่านเคยโดน ผู้มีอำนาจเพิกเฉยไม่ป้องกันการช่องโหว่การทุจริต ซึ่งถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน และสุดท้ายขอฝากไปยังรัฐบาลว่าให้นำคำแนะนำของตนไปปรับปรุงแอปพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับความสะดวก ซึ่งหากปรับปรุงไม่ทันเฟสนี้ก็ขอให้นำไปปรับปรุงในเฟสหน้าก็ได้

นายสรวงศ์ ชี้แจงว่า นักท่องเที่ยวจีนหายจากทุกประเทศทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่ที่ประเทศไทย แต่เรื่องความเชื่อมั่นและเรื่องความปลอดภัยที่ถูกถาม รัฐบาลจะรับไปดำเนินการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้เร็วที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทย สำหรับงบประมาณที่เราขอในการดำเนินการทำแอปพลิเคชันนี้ อยู่ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท และเราได้มีการขอคืนเงินในส่วนการแอปพลิเคชัน 10 ล้านบาทที่ขอไป เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับไม่ทันการต่อการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหา เพราะเราไม่ได้จ้างคนที่มีประสบการณ์ แต่มีการแก้ไขแล้ว ยืนยันว่า งบประมาณในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงงบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่ได้ถูกใช้ในการทำแอปพลิเคชันไปเป็นจำนวนเยอะ

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่มีทางที่ตนจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ย้ำว่าตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กราบขออภัยประชาชนอีกครั้งในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น จะทำให้ดียิ่งขึ้นและทำให้ประชาชนได้รับความลำบากน้อยที่สุด และจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

Advertisement

เพื่อไทย จ่อชงร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา เข้าสภา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 กรกฎาคม 2568 “ชูศักดิ์” เผย “เพื่อไทย” เตรียมชงร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนาเข้าสภา แก้ปัญหาพระสงฆ์-ฆราวาส ประพฤติผิด-เสพเมถุน เอาผิดอาญาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านพระพุทธศาสนาของพรรค ว่า จากปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติของพระสงฆ์ขณะนี้ ทั้งในเรื่องการจัดการทรัพย์สินของวัดโดยไม่โปร่งใส การประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง การเสพเมถุนกับสีกาจนเป็นข่าวครึกโครมในขณะนี้ ตนเองได้รับมอบหมายจากพรรคให้พิจารณาดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาเพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหาพระสงฆ์ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงและหามาตรการในการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา

โดยวันนี้ (14 ก.ค.) ตนได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทยยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นมาโดยด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ที่กำหนดให้ รัฐต้องมีมาตรการและกลไกในการปกป้องมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ดังนั้น ในร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้การกระทำบางอย่างเป็นความผิดอาญา นอกเหนือไปจากมาตรการทางวินัยสงฆ์จะมีบทกำหนดโทษอันเป็นโทษทางอาญาสำหรับผู้ที่กระทำความผิดอันเข้าข่ายเป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการกระทำของพระสงฆ์และฆราวาสที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงการกระทำอื่นๆ เหตุที่ต้องใช้มาตรการทางอาญาเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันลำพังการลงโทษตามวินัยสงฆ์ไม่เพียงพอที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาได้ จึงต้องมีมาตรการเด็ดขาด โดยจะกำหนดความผิดและกำหนดอัตราโทษก็ให้เหมาะสม โดยจะเร่งรัดดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อเสนอต่อสภา

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ อันเป็นผลจากการกระทำของพระสงฆ์บางรูป ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงการพระสงฆ์ทั่วประเทศ กระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ขอให้คิดว่านั่นเป็นการกระทำส่วนบุคคล แต่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาต่างๆ ที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดีไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงขอให้พุทธศาสนิกชนยังคงยึดมั่นในหลักศาสนาและช่วยกันส่งเสริมและคุ้มครองพระพุทธศาสนาต่อไป

Advertisement

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 กรกฎาคม 2568 รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อประเมินความพร้อมของตัวรถ โดยเฉพาะระบบห้ามล้อ (ระบบลมเบรก)

2.พนักงานขับรถต้องผ่านการอบรมหลักสูตร “การขับรถขนาดใหญ่บนเส้นทางลาดชัน” ผ่านระบบ e-learning เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และ 3.ต้องขับรถโดยใช้ความเร็วตามที่กำหนดไว้ในป้ายจำกัดความเร็วอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ในระหว่างการผ่อนปรน กรมการขนส่งทางบกจะติดตามและประเมินผลมาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ GPS แบบสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและกำกับการเดินรถ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเส้นทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี – วังน้ำเขียว ยังคงห้ามมิให้รถโดยสารสองชั้น (มาตรฐาน 4) เดินรถในเส้นทางหลวงหมายเลขดังกล่าว เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูงและมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง

“รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชน ทุกมาตรการที่ผ่อนปรนอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด และพร้อมทบทวนอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของข้อมูลจริงเพื่อไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยโดยเด็ดขาด” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Advertisement

โฆษกรัฐบาล ย้ำ ไทยยังคงมาตรการตัดวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 กรกฎาคม 2568 โฆษกรัฐบาล ย้ำ ไทยยังคงมาตรการตัดวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลัง ออกหมายจับ “ก๊ก อาน” พร้อมเดินหน้าประสานงานกับทั่วโลกอย่างเข้มข้น ตั้งเป้าหมายจัดการวงการต้มตุ๋นระดับโลกให้สิ้นซาก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลรับทราบรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ดำเนินการเข้มข้นในการสืบสวนสอบสวน และจับกลุ่มกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และผู้อยู่เบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุด มีการออกหมายจับ “ก๊ก อาน” เจ้าพ่อบ่อนปอยเปต กัมพูชาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทยและคนต่างชาติไปทั่วโลก จากการรายงานทราบว่า ตำรวจได้บุกค้น 19 จุดใน 3 จังหวัด กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี นำหมายค้นของศาลอาญาและอนุมัติหมายจับ MR.Kok An หรือ “ก๊ก อาน” สัญชาติกัมพูชา เจ้าของเครือข่าย crown casino resort ตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น และตึก Hiso ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมืองปอยเปต ตรงข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แหล่งฟอกเงิน พร้อมทั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่กระจายกันเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมาย 19 จุดในพื้นที่ กทม., สมุทรปราการ และ ชลบุรี ในเครือข่าย “ก๊ก อาน” เจ้าพ่อคราวน์กาสิโน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกกองบัญชาการรับนโยบายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อ 3 เดือนที่แล้วให้ดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ขณะเดียวกันยังได้รับรายงานอีกว่า ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ยังคงปฏิบัติการหลอกลวงประชาชนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งโทรศัพท์มาหลอกลวงในรูปแบบเดิมๆ และการส่งจดหมาย หรือแม้กระทั่งการใช้ SMS หลอกลวงก็ยังพอปรากฏให้เห็นอยู่ ซึ่งรัฐบาลได้ให้นโยบายในการปราบปรามอย่างเข้มข้นต่อไป โดยคาดว่าภายในเดือนนี้จะทลายแหล่งตัวการสำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากกลุ่มนี้

“ส่วนนโยบายการตัดไฟฟ้าและระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ต รัฐบาลยังคงไว้ทั้งทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพื่อตัดวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ต่อไป ขณะที่การประสานงานข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ UNOCS และ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ที่ระบุว่าประเทศกัมพูชาเป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับโลกนั้นรัฐบาลไทย จะดำเนินการประสานงานกับทุกประเทศเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” นายจิรายุ กล่าว

Advertisement

รัฐบาล เดินหน้าช่วยชาวสวนผลไม้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 กรกฎาคม 2568 รัฐบาล เดินหน้าช่วยชาวสวนผลไม้ หลังสถานการณ์ชายแดน กห.ส่งทหาร ออกมาช่วยเก็บลำไย แก้ปัญหาแรงงานขาด ขณะที่กรมราชทัณฑ์ส่งนักโทษชั้นดีช่วย ด้านพาณิชย์ประสานผู้ส่งออกรวบรวมล้ง เร่งเปิดจุดรับซื้อ พร้อมดึงเซเว่น กระจายผลไม้ผ่าน 8,200 สาขา

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรกระจายผลไม้ภาคตะวันออกในช่วงปลายฤดู ที่ไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านจากสถานการณ์การปิดด่านชายแดน โดยได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 10,000 ตัน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การร่วมมือกับตลาดสด 13 แห่ง ระบายผลผลิตทุเรียน จับมือบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ซื้อมังคุด ลำไย สับปะรดภูแล นำไปผลิตอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายบนเครื่องบิน จับมือบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ซื้อผลไม้จำหน่ายในห้างแม็คโคร และโลตัส จับมือห้างโก โฮเซลล์ ซื้อผลไม้ไปจำหน่าย ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดึง 40 บริษัทจดทะเบียนกลุ่ม SET50 รับซื้อผลไม้ไทย ประสานห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ช่วยรับซื้อไปจำหน่าย และดึงหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยรับซื้อ ซึ่งทุกภาคส่วน พร้อมที่จะช่วยรับซื้อผลไม้ต่อเนื่อง ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด

นายอนุกูล กล่าวว่า หลังจากนี้ อีกไม่กี่สัปดาห์ ผลไม้ภาคตะวันออกจะสิ้นสุดฤดูกาล โดยในส่วนของภาคเหนือ ผลผลิตลำไย มะม่วง ลิ้นจี่ สับปะรด กำลังจะออกสู่ตลาด รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ทำการประสานไปยังกองทัพ เพื่อขอกำลังพลทหารให้เข้ามาช่วยเก็บผลไม้แล้ว โดยเฉพาะลำไย ที่ปีนี้คาดว่าผลผลิตจะมีมาก เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งได้ประสานไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อนำผู้ต้องหาชั้นดี ออกมาช่วยเก็บลำไยด้วยแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของลำไย ได้เตรียมแผนระบายผลผลิต โดยจะผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ อินเดีย ที่เป็นอีกหนึ่งตลาดที่เริ่มนิยมบริโภคลำไยไทย และตะวันออกกลาง ที่เป็นตลาดที่มีโอกาสสูง โดยจะใช้จุดขายการเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน เหมาะสำหรับบริโภคของชาวมุสลิมที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน รวมถึงตลาดจีน ที่จะมุ่งเจาะเมืองและมณฑลใหม่ ๆ เพราะยังมีโอกาสอีกมาก

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะช่วยเร่งระบายผลผลิต โดยประสานหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้เข้ามาช่วยรับซื้อ ซึ่งล่าสุดได้ประสานความร่วมมือไปยังบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ให้เข้ามาช่วยรับซื้อมังคุดภาคตะวันออก ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูกาล และบางส่วนมีปัญหาจากการที่กัมพูชาปิดด่าน ทำให้ระบายผลผลิตไม่ได้ จึงได้เข้าไปช่วยรับซื้อ โดยเบื้องต้นซื้อแล้ว 70 ตัน และจะซื้อต่อเนื่อง เพื่อนำมาจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 8,200 สาขาทั่วประเทศ ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 40 บาท รวมทั้งมีแผนที่จะซื้อมังคุดภาคใต้ ลำไยภาคเหนือ และผลไม้ชนิดอื่น ๆ เข้าไปจำหน่ายด้วย อีกทั้ง ยังมีแผนสำรองไว้รองรับผลไม้ หากมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด หรือผลผลิตออกกระจุกตัว โดยจะร่วมมือกับหอการค้าไทย วางแผนระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อรับมือผลผลิต โดยจะเชื่อมโยงโรงงานเข้าไปรับซื้อ นำผลผลิตไปแปรรูป และช่วยกันทำตลาด โดยขอพี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า รัฐบาลได้กำหนดแผนเพื่อจะช่วยดูแลผลผลิตผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้ที่กำลังออกสู่ตลาด และดูแลเกษตรกรให้ขายผลผลิตได้ให้มากที่สุด

Advertisement

ภูมิใจไทย กดดันรัฐบาลยุติกาสิโนถาวร แฉจีนเตือนแล้ว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 กรกฎาคม 2568 ภูมิใจไทย กดดันรัฐบาลยุติกาสิโนถาวร แฉจีนเตือนแล้ว ไทยไม่ฟัง สุดท้ายธุรกิจท่องเที่ยวล่ม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยโพสต์ Facebook ส่วนตัว ในประเด็นการถอนร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจรออกจากการพิจารณาในสภา ระบุว่า

พรรคภูมิใจไทยยินดีและพร้อมสนับสนุนให้มีการถอนญัตติ การนำเสนอร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างกฎหมายกาสิโน ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ หากรัฐบาลยืนยันว่าจะยกเลิกนโยบายนี้และไม่นำกลับเข้าสู่การพิจารณาอีกต่อไป

นโยบายสถานบันเทิงครบวงจรเป็นสิ่งที่ถูกอ้างว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ให้ความร่วมมือกับพรรคแกนนำรัฐบาลและเป็นหนึ่งในสารตั้งต้นที่มีความคิดจะกดดันให้พรรคภูมิใจไทยต้องออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่พร้อมที่จะให้การสนับสนุนร่างกฏหมายนี้เพียงแต่ไม่พูดออกมาเพราะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้อย่างชัดเจนแล้ว จึงพร้อมใจกันให้พรรคภูมิใจไทยรับบทเป็นผู้ร้ายต่อพรรคแกนนำรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว จนกระทั่งถึงวันที่มีความพยายามจะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ในสมัยประชุมสภาที่แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลแทบทุกพรรคก็ได้แสดงท่าทีที่ไม่สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ และถึงขั้นที่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนต่อสาธารณชน โชคดีที่นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจชะลอการนำเสนอกฎหมายในวันนั้นและได้ขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไปอีกสมัยประชุมหนึ่ง

ถึงแม้ว่าวันนี้รัฐบาลจะมีการเสนอให้ถอนญัตตินี้ออกไปแต่ก็ถือว่ามันสายไปเสียแล้ว การดำเนินนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่องได้สร้างความเสียหายอย่างยับเยินแก่ภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรงที่สุดจนไม่อาจเยียวยาได้อีก

รัฐบาลทราบเป็นอย่างดีว่าจีนมีท่าทีไม่เห็นด้วยที่ทางการไทยจะผ่านกฎหมายให้มีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมกับอนุญาตให้มีการเล่นการพนันได้และได้มีการพูดตอกย้ำถึงสามครั้งในที่ประชุมระดับผู้นำของทั้งสองประเทศว่าขอให้ยกเลิกนโยบายนี้เสีย มิฉะนั้นรัฐบาลจีนมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการต่างๆที่จะทำให้คนจีนและกิจการต่างๆของจีนปรับท่าทีต่อการท่องเที่ยวรวมไปถึงท่าทีต่อการค้าและการลงทุนกับไทยให้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นี่คือการหารือในระดับผู้นำประเทศทั้งสองคือ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนและนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งผมได้ร่วมประชุมอยู่ด้วยและได้จดบันทึกการประชุมในประเด็นนี้อย่างละเอียดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้ซึ่งจะต้องมีความเกี่ยวข้องเป็นอันมากต่อการดำเนินนโยบายนี้ แต่ท่าทีของรัฐบาลไทยออกไปในทางเมินเฉยและไม่ให้ความสำคัญต่อคำเตือนจากผู้นำของจีนในวันนั้น และยังดำเนินการผลักดันเร่งรัดให้ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร(กาสิโน) ได้รับการบรรจุอยู่ในวาระแรกของสมัยประชุมสภานี้

นายอนุทินระบุเพิ่มเติมว่า ผลพวงอันเลวร้ายที่ได้เกิดขึ้นมาจนถึงบัดนี้ก็คือ การหายไปของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนกว่าร้อยละ 90 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ประชาชนที่อยู่ในภาคธุรกิจบริการ กิจการโรงแรม ที่พัก การขายสินค้าไทย ของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก แผงขายของ ทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลที่พวกเขาไม่เคยประสบมาก่อน นี่เพียงแค่อยู่ในขั้นตอนการบรรจุญัตติเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายเท่านั้นนะ เขายังส่งสัญญาณเตือนมาขนาดนี้ คงไม่ต้องนึกถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาและมีผลบังคับใช้ ซึ่งหากการถอนญัตตินี้ รัฐบาลไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะไม่นำกลับเข้ามาอีกแล้ว ความสูญเสียและความเสียหายของภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องก็จะยังคงดำรงอยู่ต่อไปโดยไม่มีใครทราบว่าจะฟื้นสภาพขึ้นมาได้อีกเมื่อใด ผู้คนที่อยู่ในภาคส่วนนี้ก็คงจะต้องประสบสภาวะสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างสาหัสที่สุดเป็นแน่แท้ คนจีนที่ยังคงอยู่ในเมืองไทยก็คงจะเป็นพวกจีนเทาเสียเป็นส่วนใหญ่ คนเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่จะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเรา

นายอนุทินระบุอีกว่า ช่วงนี้รัฐบาลดำเนินการผิดพลาดหลายเรื่องซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจที่ประมาณค่าความเสียหายไม่ได้ ทั้งเรื่องความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน การเปลี่ยนนโยบายแจกเงินประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และล่าสุดการยืนยันของประธานาธิบดีสหรัฐในเรื่องภาษี ดังนั้นวันนี้ขอรัฐบาลอย่าทำผิดพลาดอีกเลย อย่านึกถึงกลุ่มทุนเพียงไม่กี่กลุ่มแล้วแลกด้วยความเสียหายย่อยยับของพี่น้องประชาชนที่เขาเคยได้รับรายได้เลี้ยงชีพจากนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมหาศาลก่อนที่จะมีคำว่าสถานบันเทิงครบวงจรซึ่งแฝงด้วยบ่อนการพนันหรือคาสิโนมาทำลายชีวิตและธุรกิจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง รัฐบาลมีหน้าที่สร้างความมั่นคง สร้างรายได้ให้กับประชาชนของประเทศ ไม่ใช่ให้กับกลุ่มทุนซึ่งมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของเรา รัฐบาลต้องไม่ผลักดันนโยบายที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศและต่อคู่ค้าที่มีสถานะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอีกด้วย เราควรต้องให้ความสำคัญต่อความเห็นและท่าทีของประเทศที่มีทัศนคติที่ดีต่อเราและยังมีการสานต่อสายสัมพันธ์อันดี จนมีคำกล่าวว่า “จีนและไทยมิใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน” หากการยกเลิกนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรจะมีส่วนทำให้นักท่องเที่ยวและการค้าการลงทุนจากจีนพลิกฟื้นกลับขึ้นมาแล้วส่งผลให้ประชาชนของเราได้สร้างรายได้อย่างที่เคยเป็นมา รัฐบาลก็ต้องนึกถึงโอกาสของพวกเขาเป็นลำดับแรก

นายอนุทิน ระบุ แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะอยู่ในซีกฝ่ายค้านในวันนี้ แต่ผมในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ยืนยันเสมอว่า พรรคพร้อมที่จะให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล หากนโยบายนั้นเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน วันนี้ขอให้พรรคภูมิใจไทยได้สนับสนุนการถอนญัตติกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรหรือ Entertainment Complex และได้ยินการประกาศยกเลิกนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาลชุดนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ด้วยเถิดครับ พรรคภูมิใจไทยพร้อมยกมือเห็นด้วย และเชื่อว่าสิ่งที่เป็นมงคลก็จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลและประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราในที่สุด

Advertisement

Verified by ExactMetrics