วันที่ 26 เมษายน 2024

ปูตินส่งเรือติดขีปนาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ มุ่งหน้ามหาสมุทรแอตแลนติก

People Unity News : 5 มกราคม 2566 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งเรือลาดตระเวณ ติดขีปนาวุธนำวิถีความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ รุ่นใหม่มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติก ในวันพุธซึ่งเป็นสัญญาณไปยังโลกตะวันตกว่า รัสเซียจะไม่ผ่อนท่าทีในสงครามยูเครน ตามรายงานของรอยเตอร์

ขณะนี้ รัสเซีย จีน และสหรัฐฯ กำลังเเข่งขันกันพัฒนาอาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ ซึ่งเร็วกว่าการเดินทางของเสียงอย่างน้อย 5 เท่า เพื่อความได้เปรียบทางทหาร

รอยเตอร์รายงานว่า ปูตินระบุถึงศักยภาพของอาวุธดังกล่าว ที่ติดไปกับเรือฟริเกตของรัสเซียชื่อ ‘Admiral of the Fleet of the Soviet Union Gorshkov’ ระหว่างการประชุมผ่านระบบวิดีโอกับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู และอิกอร์ โครคห์มอล ผู้บัญชาการเรือลำดังกล่าว

โดยอาวุธ ‘ไฮเปอร์โซนิก’ นี้มีชื่อว่า ‘เซอร์คอน’ (Zircon) ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของโครงการอาวุธความเร็วสูงของรัสเซีย

ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า “ผมมั่นใจว่า อาวุธที่มีอานุภาพขนาดนี้จะสามารถปกป้องรัสเซียอย่างหวังผลได้ หากมีภัยคุกคามภายนอกเกิดขึ้น”

ปูตินระบุอีกว่า อาวุธดังกล่าวยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบชั้นกับรัสเซียได้

ทั้งนี้ ในยูเครนรัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็ว ‘ไฮเปอร์โซนิก’ อีกชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่าคินซอล (Kinzhal)

รัฐมนตรีชอยกู กล่าวว่า เรือฟริเกต Gorshkov จะเดินทางไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติกและมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีภารกิจหลักคือต้านภัยคุกคามต่อรัสเซีย และรักษา “สันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคร่วมกับมิตรประเทศ”

ชอยกูกล่าวว่า ขีปนาวุธ ‘เซอร์คอน’ มีความเร็วสูงถึง 9 เท่าของเสียง และยิงได้ไกลว่า 1,000 กิโลเมตร

รายงานของหน่วยงานวิจัยของรัฐสภาสหรัฐฯ U.S. Congressional Research Service ระบุว่า ขีปนาวุธ ‘ไฮเปอร์โซนิก’ ของรัสเซียกับจีนถูกออกเเบบมาเพื่อใช้กับหัวรบนิวเคลียร์

เนื่องจากมีความเร็วและศักยภาพในการหลบหลีกสูง จึงเป็นการยากที่จะยิงสกัดจรวด ‘ไฮเปอร์โซนิก’

ประเทศอื่น ๆ ที่กำลังพัฒนาอาวุธชนิดเดียวกันนี้ ได้เเก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และญี่ปุ่นตามข้อมูลของหน่วยงานวิจัยดังกล่าว

Advertisement

ปูตินเตือนชาติตะวันตก “รัสเซียจะยกเลิกสัญญาซื้อขายทั้งหมด” เพื่อตอบโต้มาตรการลงโทษชุดใหม่

People Unity News : 3 พฤษภาคม 65 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตกว่า รัสเซียจะยกเลิกสัญญาการซื้อขายสินค้าและพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตอบโต้อย่างเข้มแข็งที่สุดของรัสเซียต่อมาตรการลงโทษต่างๆ ที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรนำมาใช้กับรัสเซียในช่วงกว่าสองเดือนที่ผ่านมา

ปธน.ปูติน ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ในวันอังคาร ซึ่งจะห้ามการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ ไปยังบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการรัสเซียลงโทษซึ่งปูตินสั่งให้รัฐบาลกรุงเครมลินจัดทำขึ้นภายใน 10 วัน

โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที จะมอบอำนาจให้รัฐบาลรัสเซียในการยกเลิกสัญญาการส่งออกสินค้าที่ทำไว้กับผู้ที่ถูกลงโทษจากรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้คือการตอบโต้ต่อ “การกระทำผิดกฎหมายของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร” ที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดสิทธิในสินทรัพย์ของสหพันธรัฐรัสเซีย พลเมืองของรัสเซียและนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย

ที่ผ่านมา มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่รัสเซียนำมาใช้กับชาติตะวันตก คือการตัดการขนส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โปแลนด์และบัลแกเรีย รวมทั้งการบังคับให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าก๊าซจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิลเท่านั้น

คำเตือนของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปกำลังร่วมประชุมในกรุงบรัสเซลล์เพื่ออนุมัติข้อเสนอให้ใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ซึ่งจะมุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงานของรัสเซีย โดยอาจรวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซีย

ข้อมูลจาก Centre for Research on Energy and Clean Air ระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศในสหภาพยุโรปยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นมูลค่าราว 47,000 ล้านยูโร

ทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคพลังงานของรัสเซียยังคงถูกยกเว้นจากการลงโทษของชาติตะวันตก และรัสเซียยังคงใช้รายได้จากส่วนนี้ในการสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

ที่มา: รอยเตอร์

Advertisement

แฉ “ทรัมป์” ออกรอบตีกอล์ฟตามปกติ หลังสั่งยิงจรวดมิสไซล์ถล่มซีเรีย

People unity news online : 10 เมษายน 2560 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกรอบตีกอล์ฟในวันอาทิตย์เป็นวันที่สองติดต่อกัน ที่สนามกอล์ฟของตนเองในรัฐฟลอริด้า หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการพบหารือกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และคำสั่งให้ยิงจรวดมิสไซล์โจมตีซีเรียเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวต่างปิดปากเงียบเกี่ยวกับกิจกรรมของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการออกรอบตีกอล์ฟสองครั้งที่สนามกอล์ฟ Trump International Golf Club และการสนทนาทางโทรศัพท์ราว 45 นาทีกับนายกฯญี่ปุ่น ชินโซ่ อาเบะ

นายกฯอาเบะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและซีเรีย หลังจากที่เรือรบของสหรัฐฯได้ยิงจรวดมิสไซล์หลายสิบลูกถล่มฐานทัพอากาศของซีเรียเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นฐานทัพที่ซีเรียใช้โจมตีด้วยอาวุธเคมีใส่บริเวณที่กลุ่มแข็งข้อต่อต้านครอบครองอยู่ เป็นผลให้มีประชาชนบริสุทธิ์ รวมทั้งเด็กๆ เสียชีวิตจำนวนมาก นายกฯอาเบะ ยังกล่าวด้วยว่า “ตนและประธานาธิบดีทรัมป์ ต่างเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อต้านทานภัยคุกคามจากจรวดขีปนาวุธและการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ”

ทางด้านทำเนียบขาวได้มีแถลงการณ์ออกมาในวันอาทิตย์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวขอบคุณนายกฯอาเบะ ที่สนับสนุนการโจมตีของสหรัฐฯใส่ซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผู้นำทั้งสองคนยังได้เห็นพ้องกันในการขยายความร่วมมือในหลายเรื่อง รวมทั้งการตอบโต้ภัยคุกคามจากกรุงเปียงยาง”

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม โดนัลด์ ทรัมป์ ออกรอบตีกอล์ฟแล้วในอัตราความถี่หนึ่งครั้งทุกๆ 5.3 วัน เมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีโอบาม่าที่ออกรอบเฉลี่ยทุก 8.8 วัน

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงหาเสียง โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ที่กล่าวโจมตีโอบาม่าหลายครั้งว่า มัวแต่เล่นกอล์ฟโดยไม่สนใจเหตุบ้านการณ์เมือง

ถึงกระนั้น ระหว่างการออกรอบตีกอล์ฟในวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้โพสต์ข้อความออกมาจากในสนามกอล์ฟ ลงในบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ระเบิดที่โบสถ์สองแห่งในอียิปต์ ซึ่งกลุ่มรัฐอิสลามออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบ

ปธน.สหรัฐฯยังได้ทวีตแสดงความมั่นใจว่า ประธานาธิบดี เอล-ซิสซี่ ของอียิปต์ จะสามารถรับมือเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน (ข่าวจากเว็บไซต์ voathai.com)

People unity news online : post 10 เมษายน 2560 เวลา 23.53 น.

 

“ปูติน” ประกาศไว้อาลัยเหตุกราดยิง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 มีนาคม 2567 รัสเซีย – ผู้นำรัสเซีย แถลงเหตุกราดยิงที่งานคอนเสิร์ต จับมือปืนได้แล้ว 4 คน ชี้ทั้งหมดต้องถูกลงโทษ พร้อมประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย แถลงผ่านโทรทัศน์ถึงชาวรัสเซียทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม โดยระบุว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีงานคอนเสิร์ตที่อาคาร ครอคัส ซิตี ฮอล ใกล้กรุงมอสโก ทั้งหมดจะถูกลงโทษ และเรียกการโจมตีงานคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ เป็นการก่อการร้ายที่ป่าเถื่อน ส่วนมือปืนทั้ง 4 คน ถูกจับได้แล้ว พร้อมระบุข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีกลุ่มคนในยูเครน เตรียมให้การช่วยเหลือกลุ่มมือปืนหลบหนีข้ามพรมแดนรัสเซียเข้าไปในยูเครน ผู้นำรัสเซีย ยังประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันนี้ (24 มี.ค.) ตามวัน เวลาท้องถิ่น ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 133 คน และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 140 คน

ด้านนายอังดรี ยูซอฟ โฆษกสำนักงานข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมยูเครน กล่าววันเดียวกันว่า ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายในรัสเซีย และการกล่าวอ้างว่ายูเครนเกี่ยวข้อง ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยูเครนต่อสู้และป้องกันอธิปไตยจากกองกำลังทหารรัสเซีย ไม่ได้ต่อสู้กับพลเรือน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายมิไคโล โพโดลยาค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้โพสต์ข้อความในเอกซ์ หรือ ทวิตเตอร์เดิม ระบุว่า ทุกความพยายามที่เชื่อมโยงยูเครนให้เกี่ยวข้องกับการโจมตีของผู้ก่อการร้าย เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นโดยสิ้นเชิง

Advertisement

โพลชี้ อเมริกันชนหนุน ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ น้อยลง หลังกระทบเศรษฐกิจ

People Unity News : 1 มิถุนายน 2565 ผลสำรวจจากสำนักข่าวเอพี-ศูนย์วิจัยกิจการสาธารณะนอร์ก เมื่อไม่นานนี้ เปิดเผยว่าชาวอเมริกันที่สนับสนุนการลงโทษรัสเซีย กรณีความขัดแย้งกับยูเครน มีจำนวนน้อยลง หากการลงโทษดังกล่าวกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้ความสำคัญต่อการคว่ำบาตร โดยปัจจุบันผู้ใหญ่สหรัฐฯ ร้อยละ 45 กล่าวว่าความสำคัญอันดับแรกของประเทศควรเป็นการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขณะร้อยละ 51 ระบุว่าการคว่ำบาตรควรจำกัดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ เทียบกับเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งผู้เข้าร่วมสำรวจร้อยละ 55 กล่าวว่าการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดควรเป็นความสำคัญอันดับแรกของประเทศ

รายงานระบุว่าความคิดเห็นที่เปลี่ยนแปลงไปสะท้อนว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังกระทบต่อหลายครัวเรือนในสหรัฐฯ หลังการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ได้สร้างความตึงเครียดด้านการเงินแก่ประชาชนหลายล้านคน

Advertisement

 

“อิวังก้า ทรัมป์” เตรียมบรรจุเป็นลูกจ้างทำเนียบขาว แต่ปฏิเสธรับเงินเดือน

People unity news online :  เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า “อิวังก้า ทรัมป์” ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมบรรจุเป็น ‘ลูกจ้างทำเนียบขาว’ อย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันนี้ พร้อมห้องทำงานส่วนตัวที่ปีกด้านตะวันตกของทำเนียบ หรือ West Wing ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการหลัก

แม้อิวังก้าจะไม่รับเงินเดือนในหน้าที่ที่ทำในทำเนียบขาว แต่เธอจะสามารถเข้าถึงเอกสารลับของราชการ และจะต้องทำตามกฎเรื่องจริยธรรม เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ

ก่อนหน้านี้ เธอเองเขียนในแถลงการณ์ว่า “จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาประธานาธิบดีในเรื่องต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา อย่างที่เธอทำมาตลอดชีวิต”

ทั้งนี้ สามีของอิวังก้า คือ นายจาเร็ด คุชเนอร์ มีตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเป็นทางการในทำเนียบขาวเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ตกเป็นข่าวว่าช่วยปรับแนวทางด้านนโยบายและถ้อยคำจากรัฐบาลสู่ประชาชน ให้สะท้อนแนวคิดคนรุ่นใหม่มากขึ้น

อิวังก้าเคยถูกวิจารณ์ว่า เข้าร่วมประชุมร่วมกับผู้นำต่างประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ ของญี่ปุ่น โดยไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และอาจเข้าถึงข้อมูลที่บุคคลภายนอกทั่วไปไม่ควรทราบ (ข่าวจากเว็บไซต์ voathai.com)

People unity news online : post 3 เมษายน 2560 เวลา 21.33 น.

“ทรัมป์” กล่าวหา “ไบเดน” เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ด้าน “ไบเดน” กล่าวหา “ทรัมป์” คบแต่เผด็จการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 มีนาคม 2567 จอร์เจีย – โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวหาโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันว่า เป็นภัยต่อประชาธิปไตย

ทรัมป์ วัย 77 ปี กล่าวในการหาเสียงที่รัฐจอร์เจียเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เมื่อไม่กี่คืนก่อนทุกคนได้ฟังการปราศรัยแถลงผลงานและนโยบายประจำต่อรัฐสภาหรือสเตทออฟเดอะยูเนียน (State of the Union) ของไบเดนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียด ไบเดนเป็นภัยต่อประชาธิปไตยจากการที่นำรัฐบาล สำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ และกระทรวงยุติธรรมมาใช้เป็นอาวุธ เป็นคนที่ไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิง ปราศรัยสุนทรพจน์ที่ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและสุดโต่งอย่างที่ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดทำมาก่อน

ทรัมป์อ้างด้วยว่า ประธานาธิบดี ไบเดน วัย 81 ปี เพิ่งกล่าวขอโทษทางโทรทัศน์ในเรื่องที่เรียกฆาตกรที่ฆ่านักศึกษาพยาบาลวัย 22 ปี ในรัฐจอร์เจียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า เป็นผู้ลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และคิดว่าควรเรียกว่าผู้ลอบเข้าเมืองไร้เอกสาร ทรัมป์กล่าวว่า ไบเดนควรขอโทษที่ไปขอโทษฆาตกรมากกว่า

รัฐจอร์เจียมีคดีอาญาค้างคาเรื่องฟ้องร้องทรัมป์บ่อนทำลายการเลือกตั้งปี 2563 เป็นรัฐสมรภูมิ (Battleground State หรือ Swing State) ที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตมีโอกาสชนะเท่ากัน โดยในการเลือกตั้งปี 2563 ไบเดนคว้าชัยชนะในรัฐนี้ ทำให้ทรัมป์กล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี คาดว่าทรัมป์จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารนี้ พร้อมกับรัฐฮาวาย มิสซิสซิปปีและวอชิงตัน

ขณะที่ทางด้าน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐหาเสียงกล่าวหาโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีว่า คบหาแต่ผู้นำเผด็จการ

ประธานาธิบดีไบเดน วัย 81 ปี ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ คืนเดียวกับที่ทรัมป์ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองโรมในรัฐเดียวกัน ไบเดนกล่าวว่า ทรัมป์เพิ่งเลี้ยงต้อนรับนายกรัฐมนตรีวิกตอร์ ออร์บานของฮังการีที่ไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตย และยกย่องผู้นำฮังการีว่าเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม ทรัมป์พยายามเอาใจบรรดาเผด็จการและอันธพาลเบ็ดเสร็จจากทั่วโลก เช่น บอกว่าคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเขียนจดหมายที่สละสลวยมาให้ เรียกประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนว่าเป็นกษัตริย์ บอกให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียทำอะไรก็ได้กับพันธมิตรของสหรัฐ

แต่ในระหว่างที่ไบเดนกำลังพูดอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ฟังตะโกนขึ้นหาว่าไบเดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตัวออกไป จากนั้นไบเดนได้หาเสียงต่อว่า เสรีภาพของสหรัฐขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ทรัมป์และกลุ่มเมกาในพรรครีพับลิกัน (MAGA เป็นคำขวัญหาเสียงที่ย่อมาจากคำว่า Make America Great Again) กำลังหาทางช่วงชิงเสรีภาพไป เขาเชื่อในชาวอเมริกันทุกคน และเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดเกินความสามารถเมื่อร่วมใจกัน ขอให้ทุกคนออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง

Advertisement

รัสเซียอ้างประสบความสำเร็จในการประชุมสุดยอดจี 20

People Unity News : 11 กันยายน 2566 นิวเดลี – นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียอ้างชัยชนะทางการทูตด้วยการประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 (G20) ที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย

นายลาฟรอฟกล่าวหลังจากการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 2 วันปิดฉากลงว่า รัสเซียสามารถขัดขวางโลกตะวันตกที่พยายามทำให้วาระการประชุมครั้งนี้เป็นเรื่องยูเครน แต่เนื้อหาปฏิญญาการประชุมไม่ได้พูดถึงรัสเซียเลย ประธานจี 20 คืออินเดียสามารถรวบรวมเสียงของจี 20 จากซีกโลกใต้ได้อย่างแท้จริง บ่งบอกว่าพันธมิตรของรัสเซียอย่างบราซิล แอฟริกาใต้ อินเดียและจีนได้แสดงบทบาทในการประชุมนี้

ผู้นำจี 20 แสดงความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเรื่องรัสเซียทำสงครามในยูเครน และกล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากสงคราม แต่ไม่ได้ประณามรัสเซียในปฏิญญาที่ตกลงเนื้อหากันในวันที่ 9 กันยายน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศยูเครนประณามปฏิญญานี้ว่า ไม่มีสิ่งใดน่าภาคภูมิใจ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเผยว่า สหรัฐพอใจกับผลการประชุม

จี 20 ประกอบด้วย 7 ชาติในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) (อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่นและสหรัฐ) และประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้และทูร์เคียหรือตุรกี โดยในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ไม่มีประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเข้าร่วม

Advertisement

จีนตอบโต้ ‘นาซา’ กล่าวหาโครงการอวกาศจีนเป็นโครงการ “ทางทหาร”

People Unity News : เมื่อไม่นานนี้ จ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าจีนคัดค้านคำกล่าวอันไร้ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่องค์การนาซา (NASA) เกี่ยวกับโครงการอวกาศของจีน หลังจากมีรายงานว่า บิล เนลสัน ผู้อำนวยการองค์การฯ อ้างว่าโครงการอวกาศของจีนนั้นเป็นโครงการอวกาศ “ทางทหาร”

จ้าวระบุว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์การฯ เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและใส่ร้ายจีน โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯบางส่วนกล่าวร้ายป้ายสีการดำเนินงานด้านอวกาศอันเป็นปกติและสมเหตุสมผลของประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง และจีนคัดค้านคำพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

จ้าวระบุว่าเนลสัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการบินและอวกาศของสหรัฐฯ ควรตระหนักถึงประวัติศาสตร์อันดำมืดของโครงการอวกาศสหรัฐฯ บทบาทเชิงลบของสหรัฐฯในการสร้างขยะอวกาศ ปลุกปั่นการแข่งขันสะสมอาวุธในอวกาศ และบ่อนทำลายเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก รวมถึงก่อให้เกิดภัยคุกคามขนาดใหญ่ต่อการใช้ทรัพยากรในอวกาศอย่างสันติ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯนิยามว่าอวกาศนั้นเป็นอาณาเขตการต่อสู้อย่างเปิดเผย เร่งรัดการจัดตั้งกองกำลังอวกาศ พัฒนาและปรับใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ในอวกาศอย่างอุกอาจ และต่อต้านการเจรจาเอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอวกาศมาเนิ่นนาน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในอวกาศกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง

จ้าวระบุว่าสหรัฐฯได้สร้างอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือด้านอวกาศ คว่ำบาตรหน่วยงานอวกาศของประเทศอื่นๆโดยพลการ และออกกฎหมายจำกัดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านอวกาศกับจีน สวนทางกับจีนที่สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในอวกาศอย่างสันติ ต่อต้านการแข่งขันสะสมอาวุธในอวกาศ และกระตุ้นการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในอวกาศ

นอกจากนั้นจ้าวย้ำว่าการสำรวจอวกาศของจีนมุ่งตอบสนองความต้องการอันชอบด้วยกฎหมายด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความมั่นคงของประเทศ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีนนั้นประสบความสำเร็จด้วยตนเอง ซึ่งสิทธิและความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้มิควรถูกเคลือบแคลงสงสัยหรือถูกใส่ร้ายได้

“เรากระตุ้นเตือนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แบกรับความรับผิดชอบของการเป็นประเทศขนาดใหญ่อย่างจริงจัง ทบทวนและแก้ไขคำพูด รวมถึงการกระทำเชิงลบในอวกาศของฝ่ายสหรัฐฯ และมีส่วนสนับสนุนการปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในอวกาศที่ยั่งยืน” จ้าวกล่าว

Advertisement

เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่ควบคุมการใช้งานที่มากเกินไปของกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

People Unity News : 14 ตุลาคม 2564 เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่สำหรับแพลตฟอร์มต่างๆของตน ที่มีจุดประสงค์ในการควบคุมการใช้งานที่มากเกินไป เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

หลังจากประกาศเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่าบริษัทตัดสินใจระงับโครงการอินสตาแกรมสำหรับเด็กไว้ก่อน เฟสบุ๊ค เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวระบบควบคุมใหม่ๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับบรรดาผู้ปกครองที่จะใช้ในการควบคุมการใช้ทั้ง เฟสบุ๊ค และอินสตาแกรม ในกลุ่มบุตรหลานของตน

นิค เคล็กก์ รองประธานเฟสบุ๊ค ด้านกิจการต่างประเทศ แย้มความถึงระบบควบคุมใหม่นี้แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ระหว่างออกเดินสายให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN และ ABC ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึมของเฟสบุ๊ค และข้อกล่าวหาที่ว่า ระบบดังกล่าวมีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ให้กับประชาชนก่อนเกิดเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 มกราคม

เคล็กก์ บอกกับ CNN ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆมาโดยตลอด แต่ต้องยอมรับว่า บริษัทไม่ได้มีอำนาจวิเศษใดๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบได้ โดยสิ่งที่ทำได้คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหลายให้มีความปลอดภัยและให้ผู้ใช้งานรู้สนุกเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผู้บริหารเฟสบุ๊ครายนี้เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนเม็ดเงินถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้แพลตฟอร์มต่างๆของตนมีความปลอดภัย ทั้งยังจ้างพนักงานถึง 40,000 คนเพื่อคอยดูและตรวจสอบงานด้านนี้

การออกเดินสายให้สัมภาษณ์ของเฟสบุ๊คครั้งล่าสุดนี้มีขึ้น หลังอดีตลูกจ้างบริษัทผู้พัฒนาและให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ กล่าวหาว่า เฟสบุ๊ค มุ่งเน้นแต่กำไรมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆของตน ระหว่างการขึ้นให้ข้อมูลต่อวุฒิสภาสหรัฐฯในประเด็นดังกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

จอช โกลิน ผู้อำนวยการของ Fairplay ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก ให้ความเห็นว่า ระบบควบคุมใหม่ๆที่ เฟสบุ๊ค มีแผนจะเปิดตัวนั้นไม่น่าจะมีประสิทธิภาพดังหวัง เพราะเด็กๆสมัยนี้ต่างสร้างบัญชีใช้งานที่เป็นความลับไม่ให้ผู้ปกครองทราบอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า ผู้ใหญ่จะไม่มีโอกาสได้ใช้งานระบบใหม่ๆที่ว่านี้ได้ตามจุดประสงค์

Advertising

Verified by ExactMetrics