วันที่ 6 กรกฎาคม 2025

ศปช. เตือนภาคใต้ 11 จังหวัด เฝ้าระวังอันตรายฝนตกหนักช่วง 2-8 พ.ย นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 พฤศจิกายน 2567 ศปช. เตือนภาคใต้ 11 จังหวัด เฝ้าระวังอันตรายฝนตกหนักช่วง 2-8 พ.ย นี้

วันนี้ (2 พ.ย. 67) เวลา 10.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ศปช. เตือนประชาชนพื้นที่ภาคใต้ช่วงวันที่ 2 – 8 พ.ย. 67 ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ใน 11 จังหวัดภาคใต้  ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย จ.ชุมพร อำเภอเมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ  จ.ระนอง อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ  จ.สุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี กาญจนดิษฐ์ พนม บ้านนาสาร บ้านนาเดิม พุนพิน เคียนซา พระแสง ดอนสัก และเกาะสมุย จ.พังงา อำเภอตะกั่วป่า และกะปง  จ.ภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง จ.กระบี่ อำเภอเมืองกระบี่ เหนือคลอง และคลองท่อม  จ.ตรัง อำเภอเมืองตรัง ย่านตาขาว ห้วยยอด นาโยง และวังวิเศษ จ.นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ ขนอม ทุ่งสง สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร   จ.พัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง และควนขนุน จ.สงขลา อำเภอเมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด นาทวี สิงหนคร หาดใหญ่ และรัตภูมิ

นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังน้ำในอ่างเก็บน้ำพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำรัชชประภา  และอ่างเก็บน้ำบางลาง นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กอีก 7 แห่ง อาทิ  อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น  อ่างเก็บน้ำบางกำปรัด  อ่างเก็บน้ำห้วยลึก  อ่างเก็บน้ำคลองหยา  อ่างเก็บน้ำบางวาด อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ  และอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ  รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 1 แห่ง  ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสวนหนังที่มีปริมาณน้ำมากกว่าความจุต้องมีการปรับระบายน้ำบางส่วน

Advertisement

อัปเดตเส้นทาง พายุ “จ่ามี” เคลื่อนเข้าฝั่งเวียดนาม เผยพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางแห่ง อัปเดตเส้นทาง พายุ “จ่ามี” เคลื่อนเข้าฝั่งเวียดนาม

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก หลังจากนั้นมีอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และด้านตะวันออกของภาคเหนือและภาคกลาง ประกอบกับมีพายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 27 – 28 ต.ค. 67

สำหรับลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

Advertisement

ศปช. เตือน “พายุจ่ามี” เข้าใกล้เวียดนาม ส่งผลไทยฝนตกหลายจังหวัด ช่วง 26-29 ต.ค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 ตุลาคม 2567 ศปช. เตือน “พายุจ่ามี” เข้าใกล้เวียดนาม ส่งผลไทยฝนตกหลายจังหวัด ช่วง 26-29 ต.ค ด้านกรมชลฯ ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนป่าสักแต่ไม่กระทบ ปชช.ท้ายเขื่อน ส่วนเชียงใหม่ ฟื้นฟูคืบหน้า เร่งขนย้ายกระสอบทรายออกจากพื้นที่

วันนี้ (26 ตุลาคม 2567) เวลา 12.00 น. นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่  26 – 29 ต.ค 67  คาดการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” เคลื่อนตัวใกล้เข้าชายฝั่งเวียดนามมากขึ้น แต่ยังไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง  โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของภาคอีสาน (จ.สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ) ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้นในวันที่ 27 ต.ค.67   ในส่วนของภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักโดยเฉพาะด้านฝั่งอันดามัน

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สทนช.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณเทศบาล ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนบางวาด อ.กะทู้ และในวันนี้จะมีการประชุมหารือแนวทางบริหารจัดการน้ำร่วมกันเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รับมือในจุดเสี่ยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อประชาชนในช่วงฤดูฝนของภาคใต้ให้ได้มากที่สุด

สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี  หลังจากที่มีปริมาณน้ำสะสมจากฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก เพื่อบริหารจัดการน้ำสอดให้คล้องกับสถานการณ์ และควบคุมระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จะทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนี้ วันที่ 27 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 70 ลบ.ม./วินาที เป็น 100 ลบ.ม/วินาที และวันที่ 28 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 100 ลบ.ม./วินาที เป็น 120 ลบ.ม/วินาที ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 50-60 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจะยังอยู่ในลำน้ำและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน และหากมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จะรีบแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบเป็นระยะต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศปช. รับทราบรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึงข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรง  7 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ 2. การสร้างการรับรู้แก่ประชาชน 3. การดูแลสถานที่ท่องเที่ยว 4. กรณีมีแนวโน้มเกิดขึ้นลมแรงขึ้นซัดชายฝั่ง 5. การเผชิญเหตุ กรณีฝนตกหนัก ฝนตกสะสม รวมถึงคลื่นซัดชายฝั่ง 6. กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงในพื้นที่ และ 7. เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายแล้ว

ส่วนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยใน จ.เชียงใหม่ นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เจ้าหน้าที่และกำลังพลที่เดินทางมาจากอำเภอต่างๆ  ได้ลงพื้นที่ดำเนินการการฟื้นฟู ทำความสะอาด และเก็บถุงกระสอบทรายออกจากถนน ทางเท้า และบ้านเรือนประชาชน ที่ยังคงตกค้าง หลังจากสถานการณ์น้ำลดลง  ปัจจุบันยังนำออกจากพื้นที่ไม่หมด  จึงได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ ช่วยขนย้ายออกจากถนน ทางเท้า และหน้าบ้านเรือนประชาชน  เพื่อทำความสะอาดและไม่กีดขวางทางสัญจร  ถุงกระสอบทราย จะถูกขนย้ายไปไว้ตามที่ดินของหน่วยงานรัฐในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง  เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ และประชาชนที่มีความต้องการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ต่อไป เช่น การซ่อมแซมและการก่อสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ ใช้ในภาคการเกษตร หรือนำไปใช้ทำเป็นฝายกั้นน้ำเตรียมพร้อมสำหรับช่วงหน้าแล้ง เป็นต้น

Advertisement

สภาพอากาศวันนี้ ภาคกลาง-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันออก ฝนตกหนัก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับฝนตกหนักบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านอ่าวไทยตอนบน ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

Advertisement

มาเหนือเมฆ มิจฯ อ้างสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หลอกดูดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับสิทธิคุ้มครองเงินฝาก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ตุลาคม 2567 สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) แจ้งเตือนภัยประชาชน อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกดูดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับสิทธิการคุ้มครองเงินฝาก

เนื่องจากในขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพใช้ชื่อสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) ในการหลอกลวงประชาชนให้แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลและยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Scan) ผ่านช่องทางที่กลุ่มมิจฉาชีพกำหนด เพื่อลงทะเบียนและขอข้อมูลส่วนบุคคลโดยอ้างจุดประสงค์เพื่อการยกระดับความปลอดภัยของบัญชีเงินฝากและให้ได้รับสิทธิการคุ้มครองเงินฝากนั้น

DPA ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการขอข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้ฝากและประชาชน โดยการคุ้มครองเงินฝากเป็นนโยบายภาครัฐ ซึ่งผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองทันทีที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ไม่ต้องมีการยื่นข้อมูลใดๆ มายัง DPA เพื่อให้ได้รับสิทธิการคุ้มครอง นอกจากนี้ DPA จะดำเนินกระบวนการคุ้มครองผู้ฝากก็ต่อเมื่อมีกรณีสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังเพียงกรณีเดียวเท่านั้น

ในการนี้จึงขอแจ้งเตือนผู้ฝากและประชาชนโปรดเพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อรับสิทธิการคุ้มครองเงินฝาก โปรดอย่าหลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มมิจฉาชีพได้

หากผู้ฝากและประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลคุ้มครองเงินฝาก (DPA Contact Center) 1158 หรือ www.dpa.or.th

Advertisement

 

“จิราพร” เผย สคบ.เตรียมริบโล่ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” วันนี้เรียกผู้บริหารบริษัท ดารา เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “จิราพร” เผย สคบ. เตรียมริบโล่ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” หลังตรวจแล้วใช้ผิดวัตถุประสงค์ สั่งตั้ง คกก. สอบ “เทวดา สคบ.” รับส่วย

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงระบุมีเทวดาที่ สคบ. เรียกรับผลประโยชน์ ขณะนี้มีการดำเนินการอย่างไรบ้างว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมมากที่สุด ในการตรวจสอบประเด็นนี้จะมีการเชิญคนนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการในการตรวจสอบ โดยได้มีการประสานบุคคลที่มีชื่อเป็นคณะกรรมการครบแล้ว

แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลายอย่างว่ามีการพาดพิงหน่วยงานและบุคคลภายนอกด้วย เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพ จึงต้องยกระดับการตรวจสอบ เสนอให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูล รวมถึงหน่วยงานและบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมด้วย

สำหรับชื่อแคนดิเดตเลขาธิการ สคบ. อย่าง พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรองเลขาธิการ สคบ. จะมีการตรวจสอบอย่างไรบ้าง นางสาวจิราพร กล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับกรณีปรากฏภาพนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สคบ.จำนวนมากนั้น นางสาวจิราพร ชี้แจงว่า ในส่วนนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการ และนำคนนอกมาสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในอนาคต โดยคณะกรรมการชุดนี้จะให้ข้อเสนอแนะและนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป

ส่วนการขีดเส้นในการตรวจสอบ จากกรอบเวลาที่วางไว้คือไม่เกิน 30 วัน สำหรับโครงสร้างของคณะกรรมการ ในโครงสร้างใหญ่ จะมีตัวแทนอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และตัวแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่รับผลประโยชน์จะมีการสอบสวนในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า จะมีการสอบสวนรวมประเด็นทุกอย่างที่เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน เนื่องจากคณะกรรมการมีหน้าที่ศึกษาข้อเท็จจริง และจะมีการตรวจสอบทั้งหมด ทั้งเรื่องคลิปเสียง และกรณีอื่นๆ

นางสาวจิราพร เปิดเผยอีกว่า วันที่ 16 ต.ค. เวลา 10.00 น. ทาง สคบ. ได้เรียกผู้บริหารบริษัท และดารา เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูล ซึ่งผลการสอบจะต้องมีการส่งไปให้ สตช. เพื่อประกอบการพิจารณา

ทั้งนี้ สตช. แจ้งว่ามียอดผู้ร้องทุกข์เข้ามาทะลุพันคน จำนวนความเสียหาย 380 ล้านบาท อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล วัตถุ เอกสาร เพื่อให้เกิดความรัดกุมที่สุด ในการตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในประเด็นการโฆษณาต่างๆ

ส่วนกรณีผู้เสียหายบางคนที่กังวลเรื่องการสืบทรัพย์เพื่อเยียวยานั้น นางสาวจิราพร กล่าวว่า ประชาชนสามารถไปที่สำนักงานตำรวจ ในส่วนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ข้อมูลกับทางตำรวจ แต่ขั้นตอนหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ในเรื่องที่จะได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ เนื่องจากหากตำรวจได้ข้อเท็จจริง และข้อกล่าวหาที่ชัดเจนแล้วจะส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ปปง. และหากเกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็จะส่งเรื่องต่อไปให้เช่นเดียวกัน ย้ำว่าทุกหน่วยงานกำลังรวบรวมสรรพกำลังในตอนนี้ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงให้กับประชาชน

นางสาวจิราพร เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการป้องกันในระยะยาว ซึ่ง สตช. เองก็เป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียนในการสอบสวนข้อเท็จจริงกับหน่วยงานอย่าง สคบ. และกระทรวงการคลัง ที่ดูแลเรื่องแชร์ลูกโซ่ ให้ไปดูกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ส่วนกรณีมีพระภิกษุสงฆ์เกี่ยวข้องด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องช่วยมาดูแลในประเด็นนี้อย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่า เราทราบดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เข้าใจความกังวลของประชาชนว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงาน ทางรัฐบาลเองจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็น ส่วนพระสงฆ์จะต้องเข้าให้ข้อมูลด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ส่วนจำนวนคณะกรรมการที่วางไว้ ขณะนี้มี 7 คน และมีเลขาฯ 1 คน สำหรับรายชื่อคนนอก ต้องรอการลงนามให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงสามารถเปิดเผยชื่อได้

สำหรับกรณีการมอบโล่ให้บริษัทดังกล่าว จากการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สคบ. พบว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ยืนยันว่าโล่นี้เป็นรางวัลเกี่ยวกับกับสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่การประกอบธุรกิจ ซึ่ง สคบ. ได้มีการส่งหนังสือแจ้งเรียกคืนเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีความผิดเพิ่มเติมหรือไม่ คณะกรรมการจะสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

Advertisement

ภาคกลางตอนล่าง-ตะวันออก-ใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ รายงานภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนบนและอีสานตอนบน อากาศเย็นในตอนเช้า

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักบางแห่ง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น กำลังอ่อนยังคงปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ตาก พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

Advertisement

 

อีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนเพิ่มขึ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40%

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้มีลมฝ่ายตะวันออกพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือตอนบน ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

Advertisement

น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล่าสุดปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 ตุลาคม 2567 ชัยนาท – น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรัง ที่ไหลไปรวมกันที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้ (6 ต.ค.) น้ำมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,575 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 194 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน 51 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 17.31 เมตร (ระดับทะเลปานกลาง) ทำให้น้ำล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรนอกคันกั้นน้ำ บริเวณหมู่ 4, หมู่ 7 ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท บ้านเรือนอย่างน้อย 30 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วม สวนกล้วยน้ำว้า ไร่ข้าวโพด ถูกน้ำท่วมสูง 20-50 เซนติเมตร และน้ำท่วมยังขยายวงกว้างต่อเนื่อง

นางสุนทร อายุ 78 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.ธรรมามูล บอกว่า น้ำขึ้นเร็วมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำก็ขึ้นมาถึงหัวเข่าแล้ว ต้องรีบนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ออกไปจอดบนถนน แล้วรีบกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นไว้บนชั้นสองของบ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเก็บได้ กลัวว่าหากปล่อยให้ข้าวของจมน้ำจะเสียหายทั้งหมด เมื่อน้ำลดไม่อยากต้องเสียเงินไปซื้อของใหม่ เพราะภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง เงินทองหายาก

ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.00 น. ระบายน้ำท้ายเขื่อนอยู่ในอัตรา 2,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 151 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นจากเมื่อวาน 47 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 14.97 เมตร (ระดับทะเลปานกลาง)

และล่าสุดเมื่อ 11.00 น. ที่ผ่านมา เพจกรมชลประทาน ได้ประกาศแจ้งเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ส่วนที่ จ.อ่างทอง ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงต่อเนื่องใกล้แตะจุดวิกฤติ ที่วัดสนามชัย ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง เหลืออีกเพียง 1 ขั้นบันได หรือเพียง 10 เซนติเมตรเท่านั้น ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านพื้นที่เศรษฐกิจอ่างทองก็จะแตะจุดวิกฤติที่ 8 เมตร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดต่ำสุดของพื้นที่และเป็นจุดเสี่ยงสำคัญของพื้นที่ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดอ่างทอง โดยเทศบาลเมืองอ่างทองได้นำแท่งแบริเออร์มาปิดจุดเสี่ยง และเตรียมกระสอบทรายเพื่อตั้งคันกั้นน้ำเสริมด้านหลังแล้ว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดอ่างทอง ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เตรียมพร้อม หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได ในอัตราไม่เกิน 2,400 ลบ.ม/วินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 0.60-0.80 เมตร และจะส่งผลกระทบตั้งแต่เช้าวันนี้เป็นต้นไป

ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคกลาง รายงานระดับน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 2,150 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำที่สถานีชลมาตร C7A สำนักชลประทานที่ 12 หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง อยู่ที่ 7.95 เมตร/รทก. เพิ่มขึ้น 13 ซม. โดยทางจังหวัดอ่างทอง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งพื้นที่อ่างทองมีน้ำท่วมแล้ว 3 อำเภอ คือ ต.จำปาหล่อ อ.เมือง ต.โผงเผง อ.ป่าโมก และ ต.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 300 หลังคาเรือน

Advertisement

ปภ.ประสาน 10 จว. เฝ้าระวังระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 ตุลาคม 2567 ปภ.ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง และ กทม. เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 67 เป็นต้นไป

เวลา 09.30 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัด ภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่า ประเทศไทยตอนบนมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยปัจจุบันปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำล่วงหน้า 1 – 7 วันข้างหน้า คาดว่าในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ประมาณ 2,200 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำ Sideflow ประมาณ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ร่วมกับคาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบกรมชลประทาน ทั้ง 2 ฝั่ง ในอัตรา 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราไม่เกิน 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะมีการระบายเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.60 – 0.70 เมตร ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) วัดสิงห์ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี วัดไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ตำบลโพนางดำ อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท วัดเสือข้าม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี และอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำและบริเวณจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับประชาชน ขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา

Advertisement

Verified by ExactMetrics