วันที่ 5 พฤษภาคม 2024

รัฐบาลตั้งวอร์รูม รับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู”

People Unity News : 26 กันยายน 2565 รัฐบาลตั้งวอร์รูม รับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ ประเมิน ตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

รัฐบาลเปิดศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่น “โนรู (NORU)” ติดตาม ประเมิน รายงานสถานการณ์พายุ ร่วมกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาภูมิภาค ทั้ง 5 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา และศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก จ.ภูเก็ต

ซึ่งศูนย์อำนวยการฯ จะ Conference ประเมินสถานการณ์สถานีอุตุนิยมวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ หรือบริเวณที่พายุจะเคลื่อนผ่านอย่างแม่นยำ ร่วมกันประเมินสถานการณ์ของพายุ ซึ่งหากมีความรุนแรงจะตรวจวัดสภาพอากาศและปริมาณฝนให้ถี่ขึ้น รวมทั้งสั่งการดำเนินการในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกันได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ ประเมินสถานการณ์ และให้ทุกฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด

ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น ”โนรู” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ก.ย. 65 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ โดยจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทยในวันที่ 29 ก.ย. 65

Advertisement

รัฐบาลเตือนฝนตกหนักทั่วประเทศ 28 ก.ย.-1 ต.ค.65

People Unity News : 26 กันยายน 2565 รัฐบาลเตือนประชาชน ฝนตกหนักทั่วประเทศ ช่วง 28 ก.ย.-1 ต.ค. 2565 ขอให้ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุไต้ฝุ่น “โนรู” โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 กันยายน 2565 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565

นายอนุชา กล่าวว่า ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น จึงขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือสอบถามที่ 02-399-4012 ถึง 13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

30 ก.ย. ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบ ศบค.

People Unity News : 23 กันยายน 2565 ศบค. มีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร มีผล 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป และถือเป็นที่สิ้นสุดของ ศบค. จะใช้ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 แทน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุม พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รายงานภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้เสียชีวิตลดลง และกระทรวงสาธารณสุขได้ปรับให้โควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง

ที่ประชุมจึงได้มีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 24 มีนาคม 2563 และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 19) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีและ ครม. ใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยให้มีผล 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป และถือเป็นที่สิ้นสุดของ ศบค. และจะให้ใช้ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 แทน ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2564 โดยที่ประชุมมีการคาดการณ์ว่า หลังจากนี้อาจจะมีการติดเชื้อแบบเป็น Wave เล็กๆ ผู้เสียชีวิตจะต่ำลงมาเป็นหลัก 10

Advertisement

เตือนประชาชนระวังโรค “ไข้ฉี่หนู – เมลิออยด์” มากับน้ำท่วม พบป่วยแล้วกว่า 3,300 ราย!!

People Unity News : 21 กันยายน 2565 ในช่วงฤดูฝนนี้มีฝนตกหนัก ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ประชาชนอาจเจ็บป่วยด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังที่มากับน้ำท่วม คือ โรคไข้ฉี่หนู และโรคเมลิออยด์ (Melioidosis) หรือโรคไข้ดิน ซึ่งในช่วง 8 เดือนแรกของปี 65 นี้ พบผู้ป่วยทั้งสองโรครวมแล้วกว่า 3,300 ราย

โรคไข้ฉี่หนู เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ผิวหนังที่อ่อนนุ่มจากการแช่น้ำนาน หรือการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากฉี่หนู หรือสัตว์อื่นๆ ที่ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว จะปวดมากบริเวณน่องและโคนขา อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียและตาแดงด้วย

ส่วนโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei ที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ และการสูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อ 1 – 21 วัน จะมีอาการป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง ปวดท้อง ปวดข้อปวดกระดูก มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ บางรายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยและรักษา

การป้องกันทั้ง 2 โรคนี้ ให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูท หรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้าไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ หมั่นล้างมือ ล้างเท้าด้วยน้ำสบู่บ่อยๆ และอาบน้ำทันทีหลังจากลุยน้ำ หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย

Advertisement

สธ.ยกเลิก “โควิด-19” จากโรคติดต่ออันตราย เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” เริ่ม 1 ต.ค. 65

People Unity News : 21 กันยายน 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1) ประกาศฯ ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2565 และ 2) ประกาศฯ เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565 สาระสำคัญ คือ เป็นการยกเลิกโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” ตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 เป็นต้นไป

เนื่องจากขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง – เสียชีวิต การแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคในทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับจำนวนวัคซีนป้องกันโรคในประเทศมีเพียงพอ โดยประชาชนได้รับวัคซีนในระดับความครอบคลุมสูง มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น จึงสมควรปรับมาตรการทางกฎหมายให้สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ

สำหรับแนวปฏิบัติเมื่อเข้าสู่ภาวะหลังการระบาดใหญ่ (Post-pandemic) และโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 23 ก.ย. นี้ จะมีการพิจารณาอนุมัติแนวทางดำเนินการต่างๆ ทั้งด้านกฎหมาย การจัดการในภาพรวม ด้านสาธารณสุข – การแพทย์ การสื่อสารสร้างความเข้าใจ ฯลฯ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยและดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ

Advertisement

คปภ. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบกรณีน้ำท่วม

People Unity News : 13 กันยายน 2565 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีฝนตกหนักถึงหนักมากและในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นอย่างมากและได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาคกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม ณ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ สำนักงาน คปภ. เขตบางนา สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ โดยศูนย์ดังกล่าวมีหน้าที่อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยในการรับแจ้ง ตรวจสอบข้อมูลและเอกสารการจัดทำประกันภัย รวมทั้งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ประชาชนผู้เอาประกันภัย และบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มที่

อีกทั้งยังได้กำหนดช่องทางในการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนผู้ประกันภัยในการแจ้งข้อมูลด้านการประกันภัย โดยเพิ่มช่องทางในการแจ้งข้อมูลการช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายสามารถแจ้งข้อมูลและขอรับการช่วยเหลือด้านการประกันภัย ผ่านช่องทาง E-mail : floodppd@oic.or.th มายังสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ หลังจากนั้นสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์จะรวบรวมตรวจสอบ และประสานไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อให้การดูแลด้านประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ยังได้มีหนังสือถึงนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ให้แจ้งบริษัทสมาชิก ได้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัย พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบความเสียหายเพื่อเตรียมพร้อมในการพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ.ภาค/จังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสบภัยรีบสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สิน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มักจะได้รับความเสียหายเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โดยให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป และระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย

ทั้งนี้ ขอให้ผู้เอาประกันภัยแสดงรายละเอียดของความสูญเสียและมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นของทรัพย์สิน ส่วนกรณีเสียชีวิตให้ทายาทแสดงหลักฐานสำเนาใบมรณบัตร และสำเนาบันทึกประจำวันตำรวจ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นขอให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่าให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่อย่างไร โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองถึงภัยน้ำท่วม อาทิ เช่น การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินและการประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติม การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น การประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติอีก 4 ภัย (น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ) รวม 20,000 บาทต่อปี และการประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ซึ่งให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติ 4 ภัย (น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ) รวม 10,000 บาทต่อปี

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความห่วงใยและขอส่งกำลังใจไปยังผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทุกพื้นที่ และขอให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักว่าปัจจุบันภัยธรรมชาติได้สร้างความสูญเสียหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากประชาชนทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยบรรเทา เยียวยาความเดือดร้อนและความเสียหายทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นการประกันชีวิต หรือการประกันภัยทรัพย์สินต่างๆ โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมจะดูแลเพื่อให้ระบบประกันภัยเยียวยาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือติดต่อได้โดยตรง ณ สำนักงาน คปภ. ภาค/จังหวัด ทั่วประเทศ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Advertisement

รัฐบาลเตือนผู้ประกันตน ม.33 ม.39 ที่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน อย่าลืมขอรับบำเหน็จ-บำนาญ

People Unity News : 12 กันยายน 2565 รัฐบาลเตือนผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 ที่อายุครบ 55 ปี และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน อย่าลืมเช็กสิทธิและยื่นขอรับบำเหน็จ-บำนาญชราภาพ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้แจ้งเตือนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ซึ่งมีอายุครบ 55 ปี และปัจจุบันมีสถานะสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนแล้ว ให้ตรวจสอบสิทธิการได้รับบำเหน็จ หรือบำเหน็จชราภาพ พร้อมกับยื่นขอรับเงิน ณ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด

สำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิและยอดเงินสมทบชราภาพ หากไม่สะดวกเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 3 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ของ สปส. www.sso.go.th, แอปพลิเคชัน SSO Connect สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android และ Line Official Account ของ สปส. @ssothai

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบและทราบสิทธิที่จะได้รับแล้ว สามารถยื่นขอรับบำเหน็จ หรือบำเหน็จชราภาพ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด โดยใช้เอกสารเป็นบัตรประชาชนตัวจริง และกรอกใบคำขอ สปส. 2-01 หรือ SSO. 2-01 พร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ที่จะรับโอนเงิน แต่หากผู้ประกันตนมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ใช้เลขบัตรประชาชนผูกกับบัญชีออมทรัพย์ สามารถแจ้งขอรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ไปพร้อมการยื่นคำร้องได้ โดยไม่ต้องใช้สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ไม่สามารถใช้ได้)

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับสิทธิของผู้ประกันตนกรณีชราภาพนั้นจะแยกเป็น 2 กรณี ได้แก่

1) รับบำเหน็จชราภาพ ได้แก่ ผู้จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ซึ่งจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม แต่หากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน รวมกับส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี

2) กรณีรับบำนาญชราภาพ ได้แก่ ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ในอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง (ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง และกรณีที่จ่ายเกินกว่า 180 เดือน จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญให้อีกร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผู้รับบำนาญชราภาพเสียชีวิตลงระหว่างรับบำนาญชราภาพยังไม่ถึง 60 เดือน ที่ทายาทสามารถติดต่อเพื่อรับบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนได้ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หรือสอบถามที่สายด่วน สปส. 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

นายกฯขอบคุณทุกภาคส่วน ทำให้เชียงใหม่ ได้รับคัดเลือก “เมืองเทศกาลโลก”

People Unity News : วันนี้ (4 กันยายน 2565) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันจนทำให้ จ.เชียงใหม่ ได้รับเลือกจากสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (International Festivals & Events Association : IFEA) เป็น “เมืองเทศกาลโลก” (World Festival and Event City) ประจำปี 2022 โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)  ร่วมกับกับสมาคมวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว (Visit Lanna) เป็นผู้ส่งจังหวัดเชียงใหม่เข้าประกวดชิงรางวัลครั้งนี้

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมการบูรณาการระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และเครือข่ายภาคเอกชนและประชาชน  เพื่อชูจุดแข็งของประเทศด้าน Soft Power ทั้งงานเทศกาลของประเทศที่มีความโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อาหาร วัฒนธรรม ความงามตามธรรมชาติ และด้านสุขภาพ (wellness)  ซึ่งจากความร่วมมือของทุกหน่วยงานทำให้ เชียงใหม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองเทศกาลโลก โดย IFEA คัดเลือกจากเมืองที่มีงานเทศกาลโดดเด่น มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆอย่างใกล้ชิด และเหมาะสมที่จะเป็นต้นแบบในการใช้งานเทศกาลสร้างเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมในพื้นที่ และการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ นอกจากจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังมีอีก 4 เมืองที่ได้รับรางวัลได้แก่ Jinju-South Korea,  McAllen- USA, Penghu County- Taiwan และ Philadelphia- USA

ภายใต้ความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งเป็น Soft Power ที่โดดเด่นของภาคเหนือ รัฐบาลได้กำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ หรือ  Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน เป็นแหล่งผลิตสินค้า และบริการที่ต่อยอดจากฐานวัฒนธรรมล้านนา จากการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ต่อยอดให้เกิดผลิตภัณฑ์ บริการ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดในภาคเหนือยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาว และจีนตอนใต้ ผ่านระบบโครงข่ายเส้นทางคมนาคม รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเส้นทางแม่น้ำโขงออกไปมณฑลยูนนาน ทำให้มีโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้นอีกด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกด้านต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน สอดคล้องกับศักยภาพและการยอมรับของคนในพื้นที่ รางวัล “เมืองเทศกาลโลก” ที่ จ.เชียงใหม่ได้รับ ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งในระยะต่อไป รัฐบาลได้กำหนดโครงการระเบียงเศรษฐกิจ ที่จะสร้าง “พื้นที่เศรษฐกิจ” ใหม่ๆ กระจายไปทั้ง 4 ภาคของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในทุกภูมิภาค ต่อยอดของดี ที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ ขับเคลื่อน Soft Power ให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ สร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน

Advertisement

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทย 5 – 9 ก.ย. 65 ระวังฝนหนักถึงหนักมาก

People Unity News : 3 กันยายน 2565 กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ในวันที่ 5 – 9 ก.ย. 65 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึง กทม. และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ และฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและที่ลุ่ม ชาวเรือทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนติดตามสถานการณ์สภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th

Advertisement

เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ 5 ก.ย.-19 ต.ค. 65 ทั้งผู้มีบัตรแล้ว และยังไม่เคยมีบัตร

People Unity News : 2 กันยายน 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานรับลงทะเบียนมีความพร้อมในการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ที่จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนวันแรกวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา รวมจุดรับลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 7,000 จุด ทั่วประเทศ สำหรับการลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ในครั้งนี้จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) ในปัจจุบันและผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน

การเตรียมการสำหรับผู้ลงทะเบียน

1.การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้

1.1 เข้าไปที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ”

1.2 เลือกปุ่ม “เริ่มลงทะเบียน” กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ กดปุ่ม “ตรวจสอบข้อมูล”

1.3 กรอกข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน ได้แก่ ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด และเลข laser หลังบัตร

1.4 กรอกข้อมูลผู้ลงทะเบียน ได้แก่ ที่อยู่ วุฒิการศึกษา สถานภาพครอบครัว (หากมีครอบครัว ต้องกรอกข้อมูลสมาชิกในครอบครัว) อาชีพ รายได้ และหนี้สิน

1.5 ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม “ยืนยันข้อมูล”

1.6 ผู้ลงทะเบียนที่โสด/ไม่มีครอบครัว กดยอมรับเงื่อนไขและยืนยันการลงทะเบียน เพื่อจบขั้นตอนการลงทะเบียน โดยไม่ต้องไปยื่นเอกสารหรือเดินทางไปหน่วยงานรับลงทะเบียน

1.7 ผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว (มีคู่สมรส (สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส) และบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่ตามข้อมูลของกรมการปกครอง (แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม)) เมื่อกรอกข้อมูลทางเว็บไซต์สำเร็จ จะต้องเลือกหน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก เพื่อไปยื่นเอกสารที่ลงลายมือชื่อครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ถึงจะถือว่าจบขั้นตอนการลงทะเบียน       (หากไม่ได้เดินทางไปยื่นเอกสารที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะถือว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จ)

1.8 ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

2.การลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน อย่างไรก็ดี หากคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน ทั้งนี้ แบบฟอร์มการลงทะเบียนสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

3.ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

การเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ในการลงทะเบียน

โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากลงทะเบียนแล้วผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป หากผู้ลงทะเบียนพบว่าผลการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์เนื่องจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนหรือข้อมูลสมาชิกในครอบครัวไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง ผู้ลงทะเบียนสามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน หากเป็นผู้ลงทะเบียนที่ไม่มีครอบครัวที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก หากตรวจสอบพบว่าผลการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป และจะมีการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งวันประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ การใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการในรอบใหม่จะเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น หลังการประกาศผล หากผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้ได้รับสิทธิฯ) ผู้ได้รับสิทธิฯ จะต้องไปยืนยันตัวตนผ่าน ธ.ก.ส ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทยฯ ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้สนใจเกี่ยวกับโครงการฯ สามารถศึกษาข้อมูล เช่น คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ช่องทางการลงทะเบียน เป็นต้น เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th

โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเน้นย้ำกว่า ในช่วงเวลาที่มีการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ผู้ที่มีบัตรฯ ปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิรอบใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไป

สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร 094-858-9794 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ

โทร. 08-5842-7102 , 08-5842-7103, 08-5842-7104 ,08-5842-7105

08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)

ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02-109-2345 (เวลาทำการ 08.30 – 17.30 น.)

Advertisement

Verified by ExactMetrics