วันที่ 17 พฤษภาคม 2024

“อนุทิน” ขอความกรุณา ปชช. ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

People Unity News : 17 เมษายน 2566 “อนุทิน” ยันไม่มีอำนาจมอบนโยบาย สธ. แล้ว ได้แต่กำชับปลัดฯ ดูแลโควิดหลังสงกรานต์ ขอความกรุณา ปชช.รับวัคซีนเข็มกระตุ้นต้านโอมิครอน โยนถามหมอเป็นคลัสเตอร์ใหม่หรือไม่ เผยยังอยู่ในวิสัยที่ยังไม่เสี่ยง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ตอนนี้ตนเองเป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขไป ให้มาปฏิบัติหน้าที่ตามที่เคยมอบนโยบายไปก่อนหน้านี้

“เพราะตอนนี้ไม่สามารถมอบนโบบาย ทำได้เพียงสนับสนุนเท่านั้น หากผู้บริหารเสนออะไรมาที่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. หรือสิ่งที่จำเป็น ตนต้องสแตนด์บายเร่งเพื่อให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ไม่กล้าใช้คำว่าสั่งการอะไร” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปลัดกระทรวงฯ กำลังเปิดศูนย์ฉุกเฉิน หรือ eoc และให้การยืนยันว่าแม้จะมีการติดเชื้อมากขึ้น ก็ต้องขอให้ประชาชนมารับวัคซีนให้มากขึ้นเช่นกัน เพราะการฉีดวัคซีนจะสามารทำให้ระดับความรุนแรงของเชื้อลดลง ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ก็ยังคงเฝ้าระวังอยู่แล้ว ให้การยืนยันกับทุกคนว่า เรื่องเวชภัณฑ์และทีมแพทย์ที่มีความพร้อมมากๆ

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการมีความใกล้ชิดมากขึ้น แต่จำนวนผู้ป่วยที่มีความรุนแรงส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มผู้ป่วย 608 กลุ่มที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว และมีเชื้อโควิดเป็นตัวเร่งเร้าให้มีอาการหนักขึ้น รวมถึงผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยขอความกรุณาให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ช่วยทำให้ความเสี่ยงทั้งหลายลดลง เพราะยังเป็นเชื้อโอมิครอนอยู่ ซึ่งวัคซีนยังสามารถลดความรุนแรงของเชื้อได้

นายอนุทิน ยังกล่าวถึง ความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นคลัสเตอร์ และทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อพีคมากขึ้นเหมือนปีก่อนหรือไม่ว่า เรื่องนี้ต้องให้ไปถามแพทย์ แต่เท่าที่ได้รับการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขนั้น ยืนยันว่ายังอยู่ในวิสัยที่ยังไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยง การควบคุมดูแลต้องอยู่ทั้งสองฝ่าย หากป่วยแล้วป่วยหนัก เรามียารักษา และที่เพิ่มความคุ้มกันไปด้วยซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มผู้ป่วย 608

Advertisement

นายกฯ ยินดี “ขอนแก่น” เป็นอันดับ 1 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุ้มค่าที่สุด

People Unity News : 15 เมษายน 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ยินดี Agoda จัดอันดับ “จ.ขอนแก่น” เป็นอันดับ 1 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่จังหวัดขอนแก่น ติดอันดับ 1 จากทั้งหมด 10 แหล่งจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 (10 Most Affordable Destinations in Asia Pacific 2023) จาก Agoda แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ตอกย้ำความนิยมในแหล่งท่องเที่ยวของไทย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เว็บไซต์ Travel Daily News ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับดังกล่าว ซึ่งให้ข้อมูลโดย Agoda (https://www.traveldailynews.asia/statistics-trends/khon-kaen-is-the-most-affordable-tourist-destination-in-thailand-says-agoda/) ระบุว่า Agoda ได้วิเคราะห์ราคาเฉลี่ยห้องพักของแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่า ราคาย่อมเยาที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2566 ซึ่งจังหวัดขอนแก่น ได้รับอันดับ 1 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีราคาห้องพักคุ้มค่าที่สุดในเดือนเมษายน 2566 นี้ ด้วยราคาเฉลี่ยคืนละ 1,030 บาท นอกจากนี้เมื่อเทียบราคาเฉลี่ยห้องพักในประเทศไทยรองจากขอนแก่น 4 อำเภอ/จังหวัด ที่ราคาคุ้มค่าเช่นกัน ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา อุดรธานี และหาดใหญ่ ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังระบุว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งสถานที่จัดเทศกาลสงกรานต์ (วันปีใหม่ไทย) ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน 2566 นี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เยี่ยมชมบึงแก่นนครและเตรียมพร้อมกับการเล่นสาดน้ำอย่างสนุกสนานในช่วงเทศกาลที่ถือได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดงานหนึ่งของเอเชีย อีกทั้งจังหวัดขอนแก่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Hidden gems อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ โดยจังหวัดขอนแก่นได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนไดโนเสาร์ของประเทศไทย แต่ยังมีความเป็นเมืองที่ทันสมัย เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่อยู่ในกระแสนิยมมากมาย รวมทั้งมีทะเลสาบประจำเมืองที่สามารถจัดงานเทศกาลได้ตลอดทั้งปี มีตลาดโต้รุ่งต้นตาล ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหารหลากหลาย

โฆษกรัฐบาลระบุว่า จังหวัดขอนแก่นถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถนำผลตอบรับดังกล่าวไปเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล เพื่อยกระดับประเพณีพื้นเมืองของไทยให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ 10 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ช่วงเดือนเมษายน 2566 มีการจัดลำดับดังนี้ 1.ขอนแก่น ประเทศไทย 2.Sibu มาเลเซีย 3.Surakarta อินโดนีเซีย 4.Puri อินเดีย 5.Bacolod ฟิลิปปินส์ 6.Ninh Binh เวียดนาม 7.Chiba ญี่ปุ่น 8.Gwangju เกาหลีใต้ 9.หมู่เกาะ Kinmen ไต้หวัน และ 10.Brisbane ออสเตรเลีย

“นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการจัดอันดับที่ถือว่าย้ำว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ซึ่งไทยยังคงเสน่ห์ และความนิยมในหลายๆ ด้านได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพของไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการเป็นเจ้าภาพที่ดี รวมทั้งด้วยวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ สามารถเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

เจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติช่วงสงกรานต์ เข้าได้ทุก รพ.ที่อยู่ใกล้

People Unity News : 9 เมษายน 2566 รองโฆษกรัฐบาล แจง “เทศกาลหยุดยาวสงกรานต์” หากเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ เข้ารักษาได้ทุก รพ.ที่อยู่ใกล้ ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่” ของรัฐบาล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 มีวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน 2566 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัด เพื่อกลับบ้าน เยี่ยมเยียน เฉลิมฉลองกับครอบครัว รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ และรดน้ำดำหัวขอพรจากญาติผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และมักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำ จากข้อมูลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน เกิดอุบัติเหตุรวม 1,917 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 1,869 คน ผู้เสียชีวิต 278 ราย รัฐบาลจึงมีความห่วงใยประชาชน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย สามารถใช้สิทธิ์ Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP ได้ ดังนี้

1.กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามอัตราที่กำหนด

2.กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤติ หรือกรณีผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง เป็นต้น กรณีนี้ให้เป็นไปตามข้อบังคับ สปสช. ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขกรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ระบุว่าผู้ป่วยสิทธิบัตรทองหากมีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนหน่วยบริการประจำและสถานพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545

“ขอให้ประชาชนเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ ในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อความสะดวก พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลหน่วยบริการที่อยู่ในพื้นที่ระหว่างเดินทางและจุดหมายปลายทาง เพื่อเป็นข้อมูลในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยเร็ว ส่วนประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ควรเตรียมพร้อมยารักษาโรคเพื่อให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง สิ่งที่สำคัญต้องไม่ประมาท พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง และมีสติอยู่ตลอดเวลา ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ สำนักงานสลากฯยังไม่เปิดขายเลข 3 หลัก

People Unity News : 6 เมษายน 2566 รองโฆษกรัฐบาลย้ำสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังไม่เปิดจำหน่ายเลขสลาก 3 หลัก ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “สำนักงานสลากฯ เปิดจำหน่ายเลขสลาก 3 หลัก ให้รางวัลตั้งแต่บาทละ 100 – 1,000 บาท” ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ขณะนี้สำนักงานสลากยังไม่ได้มีการเริ่มดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสลากแบบ N3 (3 หลัก) โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 6 หลัก (L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (N3) ยังอยู่ในขั้นตอนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยหลังจากนี้ จะต้องไปจัดทำประกาศ กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลรูปแบบใหม่ เพื่อนำมาเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณสลากที่เหมาะสม ช่วงเวลาในการจำหน่าย ช่องทาง และวิธีการจำหน่าย เป็นเรื่องที่สำนักงานสลากฯ จะพิจารณาต่อไป

นางสาวรัชดา กล่าวว่า การออกสลากกินแบ่งรัฐบาล แบบตัวเลข 6 หลัก (L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (N3) จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถควบคุมราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมามีการออกผลิตภัณฑ์สลากหลายประเภทก็สามารถช่วยลดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลลงมาได้ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาหวยใต้ดินในทางอ้อม เพราะเป็นตัวเลือกที่ถูกกฎหมาย อีกทั้งการซื้อสลาก 1 ใบ มีสิทธิ์ถูกรางวัลถึง 4 รางวัล คือ 3 ตัวตรง 3 ตัวสลับ 2 ตัวตรง และมีโอกาสถูกรางวัลแจ๊คพอต และในส่วนของช่องทางการจำหน่าย

“ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.glo.or.th หรือโทร. 02 5289999”

Advertisement

กบน.ปรับลดราคาดีเซลอีกเหลือ 33 บาท มีผล 7 เม.ย.

People Unity News : 3 เมษายน 2566 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ประกาศลดราคาดีเซลรอบที่ 4 อีก 50 สตางค์/ลิตร เหลือ 33 บาท/ลิตร มีผล 7 เม.ย. หลังสภาพคล่องดีขึ้นกองทุนน้ำมันฯ ติดลบลดลงเหลือ 9.1 หมื่นล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันนี้ (3 เม.ย.66) มีมติปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาท/ลิตร จากราคา 33.50 บาท/ลิตร เป็น 33.00 บาท/ลิตร มีผลวันที่ 7 เมษายน 2566 เป็นต้นไป โดยเป็นปรับลดลงครั้งที่ 4 หรือรวมการปรับลงแล้ว 2 บาท/ลิตร นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สาเหตุการปรับลดลงครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล เดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 98.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 4.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยอัตราเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 5.00 บาท/ลิตร อย่างไรก็ดี สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลโลกยังคงมีความผันผวนจากวิกฤติด้านการเงิน ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีน

สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มทยอยติดลบลดลง ณ วันที่ 2 เม.ย.66 ติดลบ 91,860 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 45,008 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG 46,860 ล้านบาท

Advertisement

เชียงใหม่หมอกควัน-ฝุ่นพิษยังท่วมเมือง ยืน 1 เมืองอากาศแย่ของโลก

People Unity News : 31 มีนาคม 2566 เชียงใหม่หมอกควัน-ฝุ่นพิษยังท่วมเมือง ยืน 1 เมืองอากาศแย่ของโลก ฝุ่นพิษรายชั่วโมงสูงสุดทะลุ 800 มคก./ลบ.ม. เผยสาเหตุเกิดจากไฟไหม้ป่าบนดอยปุย พร้อมเฝ้าระวังไฟป่าอีก 3 ดอยหลัก

ตลอดทั้งวันเมืองเชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยหมอกควันฝุ่นพิษปกคลุมหนาแน่นกว่าทุกวัน ค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากกรมควบคุมมลพิษ สูงสุดช่วงบ่ายวันนี้ (31 มี.ค.) อยู่ที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว วัดได้ 326 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) แต่ค่าฝุ่นพิษรายชั่วโมงจากศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สูงสุดเมื่อช่วงเที่ยงอยู่ที่วัดบ้านดอนศรีสะอาด ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว วัดได้ 817 มคก./ลบ.ม. ทำให้เมืองเชียงใหม่ยังยืน 1 เมืองอากาศยอดแย่อันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ไอคิวแอร์ เมื่อเวลา 13.00 น.

นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เปิดเผยว่า สาเหตุหนึ่งที่ฝุ่นพิษในตัวเมืองเชียงใหม่หนาแน่นขึ้น มาจากไฟไหม้ป่าบนดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเมือง ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดมกว่า 100 นาย เข้าดับไฟตลอดทั้งคืนจนถึงวันนี้ เพื่อไม่ให้ไฟไหม้ลุกลามเข้ามาในเขตเมือง และสภาพอากาศปิด เฮลิคอปเตอร์จึงไม่สามารถบินเข้าไปช่วยดับไฟได้ สั่งเฝ้าระวังไฟไหม้ป่าใน 3 ดอยหลักของเชียงใหม่ ทั้งดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ และดอยหลวงเชียงดาว ปีนี้พบจุดความร้อนจากการเผาสะสมมากถึง 7,000 จุดแล้ว คาดว่าจะมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดเกิดจากฝีมือคนจุดไฟเผา

ขณะที่ตัวแทนหน่วยงานและภาคประชาชนได้ร่วมกันนำน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารแห้ง มามอบให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เพื่อส่งต่อกำลังใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานดับไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่

Advertisement

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย! มิจฉาชีพ ส่ง SMS หลอกลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกัน

People Unity News : 26 มีนาคม 2566 ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยกลโกงมิจฉาชีพ ส่ง SMS หลอกให้ลงทะเบียนรับสิทธิเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ ส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนหลอกลวงให้กดลิงก์ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์กรณีประชาชนหลายรายได้รับข้อความสั้น (SMS) จากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา แจ้งข้อความว่า “ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 พร้อมลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว เริ่ม 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2566 ” พร้อมแนบลิงก์น่าสงสัยมากับข้อความดังกล่าว ซึ่งหากกดลิงก์แล้วจะเป็นการให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ปลอมชื่อ “ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ” มิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทำการสอบถามข้อมูลทั่วไปของเหยื่อ เช่น เคยลงทะเบียนมาก่อนหรือไม่ แจ้งเงื่อนไขการลงทะเบียน และแจ้งสิทธิส่วนลดต่างๆ ซึ่งเป็นการคัดลอกมาจากเว็บไซต์โครงการของจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ระหว่างนั้นจะส่งลิงก์ให้เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชันโครงการเราเที่ยวด้วยกันปลอม มีการขอสิทธิ์ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก (ไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย หรือไฟล์นามสกุล .APK) ให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล หลอกลวงให้ตั้งรหัสผ่าน 6 หลัก จำนวนหลายๆ ครั้ง เพื่อหวังให้ผู้เสียหายกรอกรหัสชุดเดียวกับรหัสการเข้าถึง หรือทำธุรกรรมการเงินของแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของเหยื่อ รวมไปถึงขอสิทธิ์ในการควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยในขั้นตอนนี้หากเหยื่อไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ มิจฉาชีพจะแสร้งหวังดีสอนเหยื่อว่าจะต้องทำอย่างไร หรือในบางครั้งจะโทรไลน์มาบอกวิธีการด้วยตนเอง กระทั่งเมื่อมิจฉาชีพได้สิทธิ์ควบคุมอุปกรณ์หรือโทรศัพท์มือถือแล้ว จะทำการล็อกหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เสมือนโทรศัพท์ค้าง โดยมักจะแสดงข้อความว่า อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ห้ามใช้งานโทรศัพท์มือถือ จากนั้นมิจฉาชีพจะนำรหัสที่เหยื่อเคยตั้งหรือกรอกไว้ก่อนหน้านี้ ทำการเข้าแอปพลิเคชันธนาคารแล้วโอนเงินไปยังบัญชีม้าที่เปิดรอไว้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงาน หรือโครงการของรัฐ หลอกลวงให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ รวมไปถึงการแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าว มิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลา สถานการณ์ในช่วงนั้นๆ สร้างเรื่องมาหลอกลวงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิ์ต่างๆ การหลอกให้อัปเดตข้อมูล หรือหลอกลวงอย่างไรให้เหยื่อกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมของหน่วยงานที่แอบอ้างนั้นๆ ที่ผ่านมาก็ปรากฏในหลายๆ กรณี เช่น กรมสรรพากร, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กรมที่ดิน, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปา, สายการบิน Thai Lion Air, บริษัท ไทยประกันชีวิต, กระทรวงพาณิชย์ และโครงการของรัฐต่างๆ โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภ ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ใช้ความสมัครใจหลอกลวงเหยื่อให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม มีการใช้สัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ ให้มีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามขอฝากไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังมีสติอยู่เสมอ รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ รวมไปถึงฝากแจ้งเตือนไปยังบุคคลใกล้ชิด หรือแจ้งไปยังหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานนั้นๆ หากพบเห็นข้อความสั้น (SMS) หรือลิงก์ ในลักษณะดังกล่าวให้ช่วยตรวจสอบ เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน ดังนี้

1.ไม่กดลิงก์ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ เพราะอาจเป็นการดักรับข้อมูล หรือการฝังมัลแวร์ของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับข้อความในลักษณะการให้สิทธิพิเศษ หรือให้โปรโมชันต่างๆ

2.ตรวจก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งในกรณีนี้ กำหนดให้มีการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ระหว่าง วันที่ 27 ก.พ. – 2 มี.ค. 66 เวลา 06.00 – 21.00 น. เท่านั้น และไม่มีช่องทางการรับลงทะเบียนช่องทางอื่น รวมทั้งไม่มีการดำเนินการส่งข้อความสั้น (SMS) ออกไปถึงประชาชนแต่อย่างใด

3.ไม่ดาวน์โหลด หรือติดตั้งโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่ผู้อื่นส่งมาให้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นโปรแกรมที่รู้จักก็ตาม เพราะอาจเป็นแอปพลิเคชันปลอม โดยหากต้องการใช้งานให้ทำการติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น

4.ไม่อนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก หรือไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ไฟล์นามสกุล .Apk

5.ไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ และควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด

6.ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอปพลิเคชันในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ซ้ำกับรหัสแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ หากตั้งซ้ำกันให้รีบเปลี่ยนทันที และไม่บันทึกรหัสไว้ในโทรศัพท์มือถือดังกล่าว

7.หากท่านติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบทำการ Force Reset หรือการบังคับให้อุปกรณ์นั้นรีสตาร์ต (ส่วนใหญ่เป็นการกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มปรับเสียงค้างไว้) ในกรณีเกิดอาการค้างไม่ตอบสนอง หรือเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือปิดเครื่องเพื่อตัดสัญญาณไม่ให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ออก หรือทำการปิด Wi-fi Router

8.อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

Advertisement

อย. เตือนอย่านำยาทาเล็บไปใช้ทาฟัน มีสารเคมีหลายชนิด

People Unity News : 19 มีนาคม 2566 อย. เตือนยาทาเล็บเป็นเครื่องสำอางสำหรับใช้ภายนอกเท่านั้นห้ามนำเข้าปาก เพราะมีสารเคมีหลายชนิด เป็นอันตรายหากดูดซึมในเยื่อบุช่องปากหรือกลืนกิน หลังมีผู้นำยาทาเล็บมาทาฟันให้ฟันขาว

เภสัชกร วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงว่ายาทาเล็บมีส่วนประกอบของสารที่ทำให้เกิดฟิล์ม สารให้ความยืดหยุ่น ตัวทำละลายสี และสารต้านการเกิดฟอง เป็นสารเคมีสำหรับใช้ภายนอกร่างกาย การใช้ทาเล็บแล้วปล่อยให้สีแห้งสนิทก่อนหยิบจับอาหารหรือใช้ชีวิตประจำวันสามารถกระทำได้ไม่เกิดอันตราย แต่หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำมาทาฟัน สารเคมีจะถูกดูดซึมเข้าทางเยื่อบุช่องปากที่สามารถดูดซึมสารเคมีได้ดีกว่าเล็บ จึงทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้หากใช้ผิดวิธี

ภก.วีระชัย นลวชัย แนะเลือกซื้อยาทาเล็บให้สังเกตฉลากบนบรรจุภัณฑ์ ต้องแสดงเลขที่ใบรับจดแจ้ง ชื่อเครื่องสำอาง ชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ คำเตือน ชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ ยาทาเล็บที่ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่ระบุผู้ผลิต อาจมีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น ไดบิวทิลทาเลต (Dibutyl Phthalate) หรือสารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่ปัจจุบันถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางแล้ว เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง สารก่อการกลายพันธุ์และสารที่มีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ (CMR Substances)

หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าผิดกฎหมายสามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

Advertisement

โฆษกรัฐบาลยืนยันเกาหลีไม่มีการขึ้นบัญชีดำคนไทย

People Unity News : 17 มีนาคม 2566 โฆษกรัฐบาลประชาสัมพันธ์สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประกาศเตือนข่าวปลอม ไม่มีการขึ้นบัญชีดำคนไทยจากบางภูมิภาค

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความว่า สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ขึ้นบัญชีดำคนไทยที่มีภูมิลำเนาจากบางภูมิภาคในไทยในการเดินทางเข้าเกาหลีใต้นั้น ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้ออกประเทศเตือนว่าข้อความดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ดังนี้

“เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการแพร่กระจายข่าวลงสื่อในบางช่องทาง เกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำคนไทยที่มีภูมิลำเนาจากบางภูมิภาค โดยรัฐบาลเกาหลีนั้น เราขอแจ้งว่าข่าวนั้นไม่เป็นจริง จึงขอความร่วมมือทุกท่านให้ระมัดระวังการรับข่าวเท็จ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายใดๆ ขอบคุณค่ะ”

นายอนุชา กล่าวว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการรับทราบข่าวสาร โดยขอให้รับข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากข่าวสารก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย ความสับสน และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

Advertisement

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนรับมือ “พายุฤดูร้อน”

People Unity News : 12 มีนาคม 2566 กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนเฝ้าระวัง “พายุฤดูร้อน” ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศจีนตอนกลางแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ส่งผลทำให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอันตรายจากฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนถึงปานกลางและการระบายอากาศไม่ดี

Advertisement

Verified by ExactMetrics