วันที่ 28 พฤศจิกายน 2025

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักในภาคเหนือตอนบน-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่ง ตต.

วันที่ 5 มิย. 61 เวลา 7.00 น. มีฝนตกหนักตามที่กรมอุตุได้พยากรณ์ไว้ ส่งผลให้ถนนสายหลักและสายรองในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารหลายแห่งถูกน้ำท่วม เส้นทางพิทักษ์พนมเขตสายหลักในเขตเมือง ประชาชนใช้ในการสัญจรไปตามทุกพื้นที่ในเขตเมือง เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหาร โรงเรียนมุกดาหาร และโรงเรียนอนุบาล มีรถติดยาวจากเมืองใหม่ถึงหน้าโรงเรียน เส้นทางใหญ่สายนอกอย่างชยางกูร ข. เส้นทางศรีบุญเรือง ถนนยุทธพัฒน์ ตัดจากจุดตลาดนัดเทศบาล 1 ไป บขส. ถนนศรีบุญเรือง ถนน-ทางซอยหลายสาย เกิดน้ำท่วมสูงประมาณ 20-50 เซนติเมตร รถยนต์เล็กต้องลุยน้ำท่วมขังทำให้เกิดความล่าช้า การจราจรติดขัดไม่สะดวกในการสัญจร ประกอบกับเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งต่างก็ต้องเร่งส่งลูกไปโรงเรียน และเข้าสำนักงาน เหตุน้ำท่วมขังน่าจะเกิดจากการระบายไม่ทัน เนื่องจากความเจริญของบ้านเมือง ที่มีการถมดินก่อสร้างอาคารบ้านเรือน มีโครงการต่างๆ มากมาย ทำให้เส้นทางน้ำที่เคยซึมซับไปกับพื้นที่ลุ่ม ไหลลงไม่ทันจากท่อระบายน้ำในเขตเทศบาลเมือง ส่วนใหญ่เป็นน้ำที่รอการระบาย เพียงไม่นานสภาพถนนทุกเส้นทางก็เข้าสู่ภาวะปกติ จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งให้ทราบว่า 5-8 มิย. มีพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ประมาณ 255 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนทางทิศตะวันออกเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 12 กม./ชม. และคาดว่าจะเคลื่อนเข้าเกาะไหหลำ ประเทศจีน ร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหารมีเมฆมาก ฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมฉับพลัน +++///***        

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 สิงหาคม 2567 กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

Advertisement

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แนะการใช้ไฟฟ้า ในกรณีที่มีน้ำท่วมหรือน้ำท่วมขัง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 สิงหาคม 2567 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แนะการใช้ไฟฟ้า ในกรณีที่มีน้ำท่วมหรือน้ำท่วมขัง‏

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสภาพอากาศ ประกาศเตือนจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมทุกขณะ PEA มีข้อแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า กรณีเกิดน้ำท่วมหรือน้ำท่วมขัง เพื่อความปลอดภัย ดังนี้

1.ก่อนน้ำท่วมเข้าภายในบ้านหรือบริเวณบ้าน ให้รีบขนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและสิ่งของจำเป็นไว้ที่สูงหรือที่ปลอดภัยน้ำท่วมไม่ถึง

2.กรณีบ้านชั้นเดียว ให้งดใช้ไฟฟ้าโดยเด็ดขาด งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ขณะตัวเปียกหรือยืนแช่น้ำห้ามเปิดหรือปิดสวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟที่น้ำท่วมห้ามใช้งานเด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

3.กรณีบ้านสองชั้นและมีสวิตช์แยกแต่ละชั้น หากน้ำกำลังจะท่วมชั้นล่าง ให้ปลดสวิตช์ตัดกระแสไฟฟ้าเฉพาะชั้นล่าง น้ำท่วมขังเป็นเวลานานและมีความจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในบ้าน ให้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชั้นบน โดยให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าปลดสวิตช์ที่ชั้นล่าง เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือช่างไฟฟ้าเพื่อแยกวงจรชั้นบนและชั้นล่าง

สอบถามข้อมูล แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องหรือขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับไฟฟ้าได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โทร.1129 PEA Contact Center ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

ด่วน!! กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น-ตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 สิงหาคม 2567 กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น-ตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน

กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังปานกลาง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

Advertisement

อัพเดทสถานการณ์น้ำท่วม 7 จว. เช้านี้ ระดับน้ำลด เร่งคลี่คลายสถานการณ์-ช่วยเหลือ ปชช.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 น. ปภ. รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี และภูเก็ต รวม 43 อำเภอ 187 ตำบล 1,069 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,971 ครัวเรือน ประสานพื้นที่เร่งคลี่คลายสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชน

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่าจากอิทธิพลของ ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 – 24 ส.ค. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง ภูเก็ต และยะลา รวม 62 อำเภอ 255 ตำบล 1,454 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,807 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด รวม 43 อำเภอ 187 ตำบล 1,069 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,971 ครัวเรือน ดังนี้

1)เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงชัย อ.เชียงแสน อ.ป่าแดด อ.พญาเม็งราย อ.แม่สาย อ.แม่จัน อ.เทิง อ.เชียงของ อ.ขุนตาล อ.เวียงแก่น และ อ.เวียงป่าเป้า รวม 33 ตำบล 231 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,381 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

2) พะเยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ปง อ.เชียงม่วน อ.ดอกคำใต้ อ.ภูซาง อ.เมืองฯ และ อ.เชียงคำ รวม 40 ตำบล 313 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,500 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

3)น่าน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เวียงสา อ.นาน้อย อ.เชียงกลาง อ.ทุ่งช้าง อ.บ้านหลวง อ.ท่าวังผา อ.ปัว อ.ภูเพียง อ.เมืองฯ และ อ.บ่อเกลือ รวม 56 ตำบล 283 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,517 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

4) แพร่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ร้องกวาง อ.สอง อ.เมืองฯ อ.สูงเม่น และ อ.หนองม่วงไข่ รวม 23 ตำบล 102 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 383 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

5) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วังโป่ง อ.ชนแดน และ อ.เมืองฯ รวม 6 ตำบล 22 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,726 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

6) อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ไชยวาน อ.กู่แก้ว อ.เพ็ญ อ.หนองหาน และ อ.ประจักษ์ รวม 26 ตำบล 109 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 255 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

7) ภูเก็ต เกิดน้ำท่วมและเกิดดินสไลด์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ รวม 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 209 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว

ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เพื่อแก้ไขปัญหา เร่งระบายน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย และผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”

Advertisement

เหนือตอนบน-อีสานตอนบน ฝนตกหนักมากบางแห่ง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 สิงหาคม 2567 กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน และอีสานตอนบน มีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขณะที่ กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศรายภาค วันที่ 20 ส.ค.67

กทม.-ปริมณฑล : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคเหนือ : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

Advertisement

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่า

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 18 สิงหาคม 2567 กรมอุตุฯ เผยร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้ทั่วไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “อ็อมปึล” มีศูนย์กลางบริเวณทิศตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย

Advertisement

เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อไลน์ปลอมชื่อ “สำนักงาน ปปง. ” อ้างเป็นสำนักงาน ปปง.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 สิงหาคม 2567 เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อไลน์ปลอมชื่อ “สำนักงาน ปปง. ” อ้างเป็นสำนักงาน ปปง. รับปรึกษาปัญหา ย้ำ ปปง. มีบัญชีไลน์บัญชีเดียว ชื่อ @insideamlo

วันนี้ (11 ส.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการส่งต่อข้อมูลแอบอ้างว่า สำนักงาน ปปง. รับปรึกษาปัญหาไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านไลน์ชื่อ “สำนักงาน ปปง. ” ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า บัญชีไลน์ดังกล่าว ไม่ใช่ไลน์ของสำนักงาน ปปง. แต่เป็นไลน์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นโดยใช้ภาพตราสัญลักษณ์ของสำนักงาน ปปง. เป็นภาพโปรไฟล์

นายคารม ย้ำ สำนักงาน ปปง. มีบัญชีไลน์บัญชีเดียว ชื่อ Inside AMLO ประชาชนสามารถเพิ่มบัญชีไลน์ของสำนักงาน ปปง. โดยเพิ่มเพื่อนด้วยไอดี @insideamlo เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือสอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม

กฎหมายฟอกเงินได้ทางช่องทางบัญชีไลน์ชื่อนี้เท่านั้น และสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ที่เว็บไซต์ https://www.amlo.go.th/index.php/th/ หรือ โทร. 02-219-3600

“เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อไลน์ชื่อ “สำนักงาน ปปง. ” และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ยืนยัน บัญชีไลน์ ชื่อ “สำนักงาน ปปง.” เป็นไลน์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นโดยใช้ภาพตราสัญลักษณ์ของสำนักงาน ปปง. เป็นภาพโปรไฟล์ “ นายคารม ย้ำ

Advertisement

กรมการข้าว แนะ 4 วิธีป้องและกำจัด “หนูศัตรูข้าว”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 สิงหาคม 2567 “เกณิกา” เผย กรมการข้าว แนะ 4 วิธีป้องและกำจัด “หนูศัตรูข้าว” หยุดยั้งการบุกรุกของหนูศัตรูข้าวที่กัดกินเมล็ดข้าวที่งอก จนเกิดความเสียหาย

วันนี้ (10 สิงหาคม 2567) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นห่วงและใส่ใจปัญหาในการปลูกข้าวของชาวนาที่อาจพบเจอตั้งแต่ระยะเริ่มปลูก คือ การบุกรุกของหนูศัตรูข้าวที่กัดกินเมล็ดข้าวที่งอก

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า ข้อมูลจากกรมการข้าว ระบุว่า หนูศัตรูข้าวที่พบใน ประเทศไทย มี 3 สกุล 8 ชนิด ได้แก่ หนูพุกใหญ่ หนูพุกเล็ก หนูนาใหญ่ หนูนาเล็ก หนูท้องข้าวบ้าน หนูหริ่งนาหางยาว หนูหริ่งนาหางสั้น และหนูหริ่งใหญ่ ซึ่งหนูศัตรูข้าวจะกัดกินเมล็ดข้าวที่งอก ทำให้ข้าวเสียหายตั้งแต่เริ่มปลูก และเมื่อข้าวเริ่มงอกถึงระยะแตกกอ หนูจะกัดต้นข้าวโดยรอยกัดจะเป็นลักษณะเฉียงทำมุมประมาณ 45 องศา หรืออาจพบรอยกัดแทะลักษณะรอยถากด้านข้างลำต้น ซึ่งไม่ได้กัดให้ต้นข้าวขาด แต่ทำให้ต้นข้าวแสดงอาการใบเหลืองและเหี่ยว เมื่อข้าวออกรวงหนูจะกัดลำต้นหรือคอรวงให้ขาด แล้วแกะเมล็ดออกจากรวงกิน นอกจากนี้ยังเก็บสะสมรวงข้าวไว้ในรัง เพื่อเป็นอาหารหลังฤดูกาลเกี่ยว

กรมการข้าวจึงขอแนะนำให้เกษตรกรป้องกันและกำจัดหนูศัตรูข้าว โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้กับดักชนิดต่างๆ วางบริเวณทางเดินของหนู ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูกข้าวที่มีแรงงานและเวลามากพอ นิยมดำเนินการในช่วงฤดูแล้งหรือหลังการปลูกข้าว ขุดและจับหนูออกมาทำลายให้มากที่สุด หรือปรับสภาพแวดล้อมบริเวณแปลงนา ไม่ให้เหมาะต่อการอยู่อาศัยของหนู เช่น การปรับลดขนาดของคันนาให้เล็ก เพื่อลดพื้นที่อยู่อาศัยและที่ผสมพันธุ์ ให้มีขนาดเล็กกว่า 30 เซนติเมตร และการกำจัดวัชพืชหรือกองวัสดุเหลือใช้ตามบริเวณคันนาอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีการใช้ชีววิธี เป็นการป้องกันกำจัดหนูโดยอาศัยสัตว์ศัตรูธรรมชาติของหนู และการใช้ปรสิตที่พบเฉพาะในหนู ทำให้หนูป่วยเป็นโรคและตาย หรือการใช้สัตว์ศัตรูธรรมชาติ เช่น นกแสก งู พังพอน เหยี่ยว ช่วยกำจัดหนู รวมถึงการทำรั้วกั้น หรือการล้อมรั้วร่วมกับลอบดักหนูหรือกรงดักหนู พื้นที่ที่ปลูกพืชเป็นแปลงขนาดใหญ่ การล้อมรั้วและติดตั้งลอบดักหนู ในบริเวณที่หนูเข้าทำลายก่อน หรือแปลงปลูกพืชล่อ สามารถป้องกันหนูเข้าทำลายในพื้นที่ล้อมรั้วไว้ได้ และกำจัดหนูที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบได้ด้วย ซึ่งแปลงที่ทำการล้อมรั้วและติดตั้งลอบดักหนูควรมีขนาดกว้าง ประมาณ 20 – 50 เมตร และยาวประมาณ 20 – 50 เมตร และยาวประมาณ 20 – 25 เมตร ระบบนี้มีประสิทธิภาพการป้องกันกำจัดหนูได้ในรัศมี 200 เมตร จากแปลงที่ทำการล้อมรั้ว

Advertisement

เตือน ปชช. ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ผ่านแอป “ทางรัฐ” และจุดบริการ 5,207 แห่งเท่านั้น อย่าหลงเชื่อโจรออนไลน์ลงทะเบียนผ่านโซเซียล

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 สิงหาคม 2567 รัฐบาลย้ำเตือน ปชช. ลงทะเบียน ยืนยันตัวตนเข้าร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และจุดที่รัฐบาลเปิดให้บริการ 5,207 แห่งเท่านั้น อย่าหลงเชื่อโจรออนไลน์ หลอกลวงให้ลงทะเบียนผ่านโซเซียล

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”  และจุดให้บริการ Walk-in ของหน่วยงานรัฐ จำนวน 5,207 จุด ทั่วประเทศ นั้น

นายคารม กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลต่าง ๆ พบการกระทำต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ดังนี้ 1.การจัดตั้งกลุ่ม หรือ แฟนเพจ Facebook แอบอ้างให้ความรู้ ข้อมูลเรื่องโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้บัญชีแอคเคาท์ที่ไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ  2.การแชร์ และเผยแพร่ลิงก์ข่าวที่มีข้อมูลบิดเบือน ข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ  3.การโพสต์ข้อความหลอกลวงให้ช่วยเหลือประชาชนในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ

รัฐบาลย้ำเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อรูปแบบการหลอกลวงต่าง ๆ ที่แอบอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ โดยประชาชนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ต้องสมัครยืนยันตัวตน และลงทะเบียนด้วยตนเองในแอปฯ ทางรัฐ เท่านั้น ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟนดังนี้

1.แอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ดาวน์โหลดได้ที่ https://apps.apple.com/th/app/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3-%E0%B8%90/id1514331336?l=th

2.แอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ดาวน์โหลดได้ที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=th.or.dga.citizenportal

สำหรับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลได้เปิดจุดให้บริการ (Walk – in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดังนี้ 1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ 2.ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) 3.ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ 4.ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ  รวมจำนวนจุดให้บริการทั้งหมด 5,207 แห่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาลที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

ข่าวดี กรมการจัดหางาน รับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 31 กรกฎาคม 2567 “คารม” เผยข่าวดี กรมการจัดหางาน รับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ส.ค. 67 ยื่นใบสมัครทางออนไลน์ ฟรี !

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2567) นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2567 ครั้งที่ 6 (เพศชาย)  ในตำแหน่งผู้ฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิค ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและงานก่อสร้าง อาทิ งานหล่อแบบ กลึง / ขึ้นรูป / ชุบ / เชื่อมโลหะ ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บำรุงรักษาเครื่องจักร บำรุงรักษารถยนต์ แปรรูปอาหาร ก่อสร้างแบบหล่อ ก่อสร้างโครงเหล็ก เดินท่อ เป็นต้น โดยเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ฟรีค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ เมื่อฝึกปฏิบัติงานครบ 3 ปี โดยผู้ผ่านการคัดเลือก เดือนแรกจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 80,000 เยน หรือประมาณ 18,420 บาท ฟรี ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ เดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนด เมื่อสำเร็จการฝึกปฏิบัติครบ 3 ปี จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงานทางเทคนิค และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ลงทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน และดำเนินการสมัครไปทำงาน โดยเลือกหัวข้อ “สมัครไปทำงานโดยรัฐจัดส่ง สมัครไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น”

สำหรับ คุณสมบัติเบื้องต้นเป็นเพศชาย อายุ 18 – 30 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือปริญญาตรีไม่จำกัดสาขาวิชา สูงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ พ้นภาระทางทหาร ไม่มีรอยสักบนร่างกาย ไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่เคยทำงานหรือเข้าเมืองหรือพำนักโดยผิดกฎหมายหรือต้องห้ามเข้าญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับการสอบคัดเลือกจะใช้วิธีการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย และประเมินภาษาญี่ปุ่น  ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร   โดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ ภายในวันที่ 6 กันยายน 2567  ทางเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas และ facebook: IMthailand

“ผู้สนใจสามารถศึกษาวิธีการลงทะเบียน คุณสมบัติผู้สมัครและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ toea.doe.go.th รายการ “ข่าวประกาศรับสมัคร” หัวข้อ “ประกาศคณะอนุกรรมการจัดส่งผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น เรื่อง การรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านองค์กร IM Japan ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 6 (เพศชาย) ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9428 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน”

Advertisement

Verified by ExactMetrics