วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

โฆษก รบ. เผย นักท่องเที่ยวจีนยังคงเชื่อมั่นประเทศไทย หลังเกิดเหตุสยามพารากอน

People Unity News : 14 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – โฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลขอบคุณความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีน ยืนยันที่พักมาไทยถึง 5.9 แสนคน พร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มความปลอดภัยเพื่อนักท่องเที่ยวและคนไทยทุกคน

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อประเทศไทย จากการสำรวจพบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงยืนยันเที่ยวบินและที่พักถึง 5.9 แสนคน รัฐบาลให้สัญญาจะดำเนินมาตรการ ดูแลความปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตัวเลขจากการท่าอากาศยานไทยแสดงว่านักท่องเที่ยวจีนที่จองการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 6.5 แสนคน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่สยามพารากอน ยังคงยืนยันที่พัก และเที่ยวบินมาที่ไทยถึง 5.9 แสนคน ลดน้อยลงเพียง 9.2% ซึ่งถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงสะท้อนได้ว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยวเมืองไทยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า เมื่อเที่ยบกับภาวะปกติที่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวจริงจะแตกต่างจากจำนวนที่จองเข้ามาล่วงหน้าราวๆ +-15% ดังนั้นจึงถือได้ว่า ความแตกต่างของตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยก่อนและหลังเหตุการณ์ที่สยามพารากอนมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และยืนยันที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเช่นเดิม

“ขอขอบคุณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าใจประเทศไทย และเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการกำชับการทำงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการที่ยกมาตรฐานขึ้นอย่างดีที่สุด เพื่อดูแลนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน

People Unity News : 13 ตุลาคม 2566 “รัดเกล้า” ย้ำ รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนรายย่อย ตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนให้ลดต่ำกว่าระดับ ร้อยละ 80

วันนี้ (13 ตุลาคม 2566) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ซึ่งกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง เดินหน้าแก้ไขปัญหา และลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตลอดจนให้ความรู้ทางการเงิน และพัฒนากำลังคน เพื่อรองรับการทำงานตามนโยบายรัฐบาลในอนาคต ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายและย้ำถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน โดยให้ดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด

นางรัดเกล้า กล่าวว่า เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล ธนาคารออมสินจึงได้จัด “โครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันนวมินทรมหาราช วันที่ 13 ตุลาคม 2566” มาตรการแก้ไขหนี้ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อลูกหนี้รายย่อยธนาคารออมสิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการผ่อนชำระ และลูกหนี้บางส่วนที่มีสถานะ NPLs จากผลกระทบดังกล่าว โดยจะเปิดให้เข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566

สำหรับมาตรการแก้ไขหนี้ดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยสินเชื่อธนาคารออมสิน ด้วยการให้พักชำระเงินต้น และให้ทางเลือกจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่ 25% – 100% แล้วแต่กรณี ตามเงื่อนไขธนาคารและสถานะของลูกหนี้แต่ละราย เมื่อสามารถผ่อนชำระได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ ธนาคารจะยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้ามาตรการให้ รวมถึงลูกหนี้ที่มีสถานะ NPLs อยู่ก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ธนาคารจะชะลอกระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย แล้วแต่กรณี โดยให้ผ่อนชำระได้สูงสุด 10 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามเงื่อนไขธนาคาร ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการ สามารถติดต่อธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีเงินกู้ หรือสาขาที่สะดวกได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566

“รัฐบาลผลักดันนโยบายไปสู่การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา พลิกฟื้นเศรษฐกิจ และยกระดับชีวิตประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเตรียมความพร้อมดำเนินมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและยั่งยืน ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนคลี่คลายขึ้นได้ในระยะต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะลดหนี้ภาพรวมให้ลดลงอยู่ในระดับที่ยั่งยืน หรือต่ำกว่า 80% ต่อจีดีพี” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

รัฐบาลหนุนสร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้เป็น Soft Power

People Unity News : 2 ตุลาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ ย้ำ รัฐบาลหนุนสร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้ไทยเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดโอกาส Start up ด้านอาหารรายใหม่ ผลักดันให้ไทยมีความมั่นคงด้านอาหาร เป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลที่หลายประเทศต้องการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับฟังการนำเสนอ Thailand Soft Power Halal & Future Food จากนายบุญเลิศ อ่องไพบูลย์ รองประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต (PFC) สภาหอการค้าไทย

นายบุญเลิศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมฮาลาล ครอบคลุมสินค้าและบริการ ได้แก่ การเงิน อาหาร แฟชั่น สื่อและสันทนาการ ยาและการแพทย์ ท่องเที่ยว เครื่องสำอาง ฯ มีอัตราการเติบโต 7.5% (2021-2025) มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (2025) ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาล และอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ โดยอาหารฮาลาล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของการส่งออกอาหารทั้งหมดของประเทศไทย และร้อยละ 60 ของการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564/2565

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมองเห็นโอกาสในสินค้า Halal ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวนมาก มีศักยภาพในการจับจ่ายสูง และในกลุ่ม Future food ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราอยากใช้อุตสาหกรรมอาหารมาเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ และอยากผลักดัน Gastronomy Diplomacy โดยไทยเป็นประเทศแรกที่ผลักดันการทูตเชิงอาหาร (Gastronomy diplomacy) แต่ประเทศเกาหลีใต้ผลักดันได้ไกลกว่าประเทศไทย โดยรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญทั้งเงินทุน การตลาด การทำหลักสูตร การทำ Certificate การส่งออกอาหาร จะช่วยทำให้สินค้าการเกษตรมีราคาที่ดีขึ้น เพราะเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าในประเทศทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง สร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้ประเทศไทยเป็น Soft Power โดยอาหารไทยรูปแบบใหม่ ๆ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ Start up ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้

“นายกรัฐมนตรี ฝากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนภาคเอกชน โดยให้บูรณาการการทำงาน กำหนดแผน กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านอาหาร เป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลที่หลายประเทศมีความต้องการ” โฆษกรัฐบาล กล่าว

Advertisement

นายกฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเย็น และมอบเงินบริจาค 45,000 บาท แก่มูลนิธิเด็ก

People Unity News : 1 ตุลาคม 2566 นครปฐม – นายกฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเย็น และมอบเงินบริจาค 45,000 บาท เพื่อใช้สำหรับจัดหาสิ่งของที่เป็นประโยชน์กับเด็กๆ ในมูลนิธิเด็ก

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในวันนี้ (1 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเย็นแก่เด็กๆ ที่มูลนิธิเด็ก (โครงการบ้านทานตะวัน) 95/24 หมู่ 6 ซอยกระทุ่มล้ม 18 ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม “อาหารเพื่อชีวิตใหม่ บ้านทานตะวัน” ในเมนูยำวุ้นเส้นกับไก่ทอด รวมทั้งเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเย็นแก่เด็กๆ ที่มูลนิธิเด็กอนุบาลหมู่บ้านเด็กสานรัก ในเมนูแกงส้มผักรวมกุ้งสดกับปีกไก่ทอด ด้วย

นายชัย กล่าวว่า โอกาสนี้ มูลนิธิเด็กได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กของมูลนิธิเด็ก ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ผู้ใหญ่ใจดี เป็นเจ้าภาพมื้ออาหารเย็น ว่า น้องๆ และพนักงานของมูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ขอบคุณนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ที่ได้มอบเงินบริจาค จำนวน 45,000 บาท เพื่อใช้สำหรับจัดหาสิ่งของที่เป็นประโยชน์กับเด็กๆ ในมูลนิธิ จำนวน 90 คน สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กๆ และคณาจารย์อย่างมากมาย พร้อมกับติดแฮชแท็ก ขอบคุณโครงการดีๆ #นายกส่งต่อ #ผู้นำต้องทำก่อน ของนายกฯ เศรษฐา ที่เข้ามาสนับสนุนมูลนิธิเด็กในครั้งนี้ และยังรับฟังปัญหาเพื่อนำไปหาทางออกให้พวกเราด้วยนะคะ

“นายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้สนับสนุนโครงการดีๆ ของมูลนิธิเด็ก รวมทั้งยินดีที่มีส่วนช่วยสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กๆ และคณาจารย์ในครั้งนี้” นายชัย กล่าว

Advertisement

“พวงเพ็ชร” ยันรัฐบาลให้ความสำคัญโรงเรียนพระปริยัติธรรม เผยปี 67 จะได้รับงบเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท

People Unity News : 29 กันยายน 2566 รัฐสภา – รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับโรงเรียนพระปริยัติธรรม ย้ำปี 2567 จะได้รับการจัดสรรงบเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้  (28 ก.ย.) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา นายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย  ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี  กรณีการจัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมาพบว่ามีการจัดสรรงบประมาณล่าช้า  พร้อมฝากถามรัฐบาลว่าการพิจารณางบประมาณกรณีดังกล่าวในปีถัดไปจะจัดสรรมากกว่าที่ผ่านมาหรือไม่  รวมทั้งฝากให้รัฐบาลไปพิจารณาในเรื่องของการอนุมัติงบประมาณกำหนดตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่  ฝากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับโรงเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อสร้างโอกาสให้กับการศึกษาพระพุทธศาสนา

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้มีการลงพื้นที่และมีการรับข้อร้องเรียน กรณีการจ่ายเงินและค่าตอบแทนของครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่มีความล่าช้า นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ  ได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว  ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการเร่งรัดและอนุมัติงบประมาณเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมาตามขั้นตอน  ส่วนคำถามที่ว่าจะมีการจัดสรรงบประมาณในปี 2567 ให้กับโรงเรียนพระปริยัติธรรมจะมีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มมากกว่าเดิมหรือไม่ กรณีนี้ตามระเบียบสำนักงบประมาณ การดำเนินการจัดสรรงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณ ตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งการพิจารณาการจ่ายเงินค่าตอบแทนของการศึกษาพระปริยัติธรรม จะเป็นแนวทางเดียวกันโดยจากการสำรวจในปี 2567 จะได้งบประมาณมากกว่าเดิม 584 ล้านบาท  ซึ่งจะได้มีการรายงานให้กระทรวงการคลังได้เห็นชอบเพื่อพิจารณาต่อไป

ส่วนกรณีการอนุมัติการกำหนดตำแหน่งนั้น  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าหลักเกณฑ์ในการอนุมัติงบประมาณในตำแหน่งต่างๆ จะต้องมีภารกิจในลักษณะงานสอนหรือการสนับสนุนการศึกษาของพระปริยัติธรรม รวมทั้งมีหน้าที่และบทบาทที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาของพระปริยัติธรรม และมีความเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการการศึกษาในสถานศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งหากตำแหน่งที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรอยู่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็จะสามารถเสนอให้กระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามหลักเกณฑ์ต่อไป

Advertisement

บ้านเมืองไม่สงบเพราะไม่เคารพกฎหมาย-เห็นแก่ผลประโยชน์

People Unity News : 29 กันยายน 2566 รัฐสภา – “ประธานรัฐสภา” ชี้บ้านเมืองไม่สงบเพราะคนไม่เคารพกฎหมาย – เจ้าหน้าที่รับผลประโยชน์จากผู้มีอิทธิพล แนะทบทวนกฎหมายต่างๆ ให้เสมอภาค ลดต่อต้าน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรยายตอนหนึ่งในงานสัมมนาของกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา หัวข้อ บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย ว่า ความสงบในบ้านเมือง คือ ให้คนในประเทศอยู่ด้วยหลักการ หลักความจริง ถูกต้อง ตามกฎเกณฑ์ กติกาและกฎหมายที่สร้างและตกลงจะใช้ร่วมกัน ต้องใช้ให้หมดไม่ใช่ใช้เฉพาะที่ชอบ เพราะจะทำให้การใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กฎหมายต้องมีหลักการ ยึดมั่นความถูกต้อง เป็นธรรมเป็นใหญ่ ไม่ใช่ยึดบุคคลหรือองค์คณะ ปัจจุบันยอมรับว่าคนมีความนิยมในสื่อสังคมออนไลน์และวัตถุมากขึ้น ทำให้เกิดความเสื่อมของศีลธรรมทั้งที่ลับและที่แจ้ง

“ปัญหาของประเทศที่ธรรมดา แต่คนอื่นเห็นว่าไม่ธรรมดา คือ การเติบโตของอิทธิพลในวงการการเมือง การศึกษา ธุรกิจ นอกจากนั้นการคอร์รรัปชั่นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่บางคนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เป็นเรื่องไม่ธรรมดา ส่วนกฎหมายที่ไม่เสมอภาค ทำให้เกิดการต่อต้านได้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ถ้ามีกฎหมายมาก แต่ไร้คนปฏิบัติตามหรือเชื่อถือจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่น เรื่องสีเทา เรื่องกำนันนก เป็นต้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่รับผลประโยชน์ทำให้เกิดเป็นผู้มีอิทธิพล บ้านเมืองไม่สงบ เพราะคนไม่เคารพกฎหมาย จึงต้องทบทวน เพื่อให้กฎหมายอำนวยความยุติธรรม และประชาชนมีศีลธรรมจรรยา

Advertisement

“เศรษฐา” ไม่รับเงินเดือนนายกฯ– เบี้ยประชุม บริจาคทุกบาท ให้มูลนิธิต่างๆ

People Unity News : 28 กันยายน 2566 ทำเนียบ – “เศรษฐา” ประกาศ ไม่รับเงินเดือนนายกฯ – เบี้ยประชุม บริจาคทุกบาท ให้มูลนิธิต่างๆ ต่อยอดโอกาสเพื่อกลุ่มเปราะบางในประเทศ ประเดิม ‘มูลนิธิเด็ก’ ที่แรก ย้ำ รัฐบาลต้องมีส่วนช่วยเหลือระยะยาวด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือนที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตลอดการดำรงตำแหน่งให้มูลนิธิฯต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เปราะบางที่ต้องการการช่วยเหลือ

นายชัย กล่าวว่า นายกฯ มีดำริว่า การให้เป็นเรื่องที่ดี ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน นายกฯ จึงตั้งใจเริ่มที่ตัวเองก่อน ขณะที่รัฐบาลเองมีหลายนโยบายที่พยายามอย่างมากในการมุ่งสร้างประโยชน์สุข  และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย  โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ทั้งยังสามารถได้รับการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทั้งหมด  หลังจากได้รับมาแล้วรวมเป็นเงิน 125,590 บาทต่อเดือน โดยเป็นเงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ขอส่งต่อให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที แต่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ คือหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง  ซึ่งทำได้เร็วกว่าการพึ่งระบบของรัฐที่ต้องใช้เวลา เพราะต้องอาศัยการทำผ่าน พ.ร.บ. ต่างๆ ตามกลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว

นายชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้น จะมีทีมงานเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ โดยครั้งแรกจะบริจาคให้กับ มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ช่วยเหลือเด็กด้านปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่างๆ ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมทางร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ รวมถึงทางด้านการศึกษา ที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าระบบการศึกษาได้อย่างถูกต้องต่อไป อย่างที่แจ้งไว้ การส่งต่อเงินเดือนเป็นเพียงแค่ส่วนแรก ซึ่งนายกฯ พยายามที่จะหาโอกาสไปพบปะพูดคุยกับองค์กรกลุ่มต่าง ๆ เพื่อรับฟังเสียง รับทราบถึงปัญหา และความเดือดร้อนของมูลนิธิที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป

Advertisement

“ภูมิธรรม” หนุนดึง “ทักษิณ” ช่วยแก้ปัญหาประเทศ หลังพ้นโทษ

People Unity News : 22 กันยายน 2566 ทำเนียบ – “ภูมิธรรม​” หนุนแนวคิด​ “เศรษฐา”​ ดึง “ทักษิณ” ช่วยแก้ปัญหาประเทศ​หลังพ้นโทษ​ ยก เป็นผู้มีประสบการณ์บริหารประเทศมา 6 ปี

นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว บลูมเบิร์กทีวีว่า หากนายทักษิณ  ชินวัตร พ้นโทษ จะให้มีบทบาทในรัฐบาลนี้ โดยอาจจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ในรัฐบาลชุดนี้​ ว่า​ เป็นความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่อยากได้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถของนายทักษิณ ก็ต้องไปดูว่ามีข้อติดขัดอะไรทางด้านกฎหมาย ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีปัญหาตรงนี้อย่างไร แต่คิดว่าหากพ้นทุกอย่างแล้ว การให้ข้อคิดเห็นข้อแนะนำ เป็นบทบาทที่นายทักษิณทำได้ ซึ่งท่านก็พูดอยู่เสมอ ว่า กลับมาคราวนี้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ท่านก็จะอยู่กับครอบครัว ส่วนเรื่องของประเทศชาติไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ถ้าสามารถช่วยได้ก็ยินดี และตนคิดว่าเป็นไปได้ ถ้าเป้าหมายอยู่ที่ประเทศชาติดีขึ้น เพราะการบริหารราชการแผ่นดินนายทักษิณมีประสบการณ์ สามารถบริหารมา 6 ปีต่อเนื่อง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากมีความร่วมมือและรับฟังความคิดเห็นจากท่าน

ส่วนหากเป็นที่ปรึกษาฯ แต่ไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจะไม่เกิดความขัดแย้งอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว นายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ห่วงใยบ้านเมือง และสามารถให้ข้อคิดเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ได้

Advertisement

ศาลสั่ง “ช่อ” หมดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง – ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

People Unity News : 20 กันยายน 2566 ศาลฎีกา – ศาลฎีกาพิพากษา “ช่อ พรรณิการ์” ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง โพสต์หมิ่นสถาบัน เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 หมายเลขแดงที่ คมจ. 5/2566 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้คัดค้าน โดยผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านโพสต์ภาพถ่ายและข้อความตามคำร้องข้อ 4.1 (1) ถึง (6) ในลักษณะเป็นการกระทำอันมิบังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “Pannika Chor Wanich” ของผู้คัดค้าน ต่อมาผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในบัญชีการใช้งานเฟซบุ๊กของผู้คัดค้านในลักษณะเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปดูได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้คัดค้านมิได้กระทำการใดๆ หรือลบภาพและข้อความดังกล่าวออกจากบัญชีเฟซบุ๊กของผู้คัดค้าน เป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้พิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กับเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย มาตรา 235 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 27

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การกระทำของผู้คัดค้านเกิดขึ้นก่อนที่จะมีบทกฎหมายและมาตรฐานทางจริยธรรม จึงไม่อาจใช้บังคับย้อนหลังเอากับผู้คัดค้านได้ และบทกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายใช้บังคับแก่บุคคลที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะถูกร้องและดำเนินคดี แต่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้องต่อศาล ขณะผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มิได้กระทำการใดอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ส่วนการที่ยังคงมีภาพถ่ายและข้อความตามคำร้องปรากฏอยู่ไม่ถือเป็นการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ขอให้ยกคำร้อง

ศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้รับคำร้องของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 กล่าวหาว่าผู้คัดค้านขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งขณะนั้นมีผลใช้บังคับแล้วไว้พิจารณา ซึ่งขณะนั้นผู้คัดค้านยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้ต่อมาผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งแล้ว ผู้ร้องยังคงมีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้องคดีนี้ได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 234 (1) มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ประกอบมาตรา 55 (3) ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 2 บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” มาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพ สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 บัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…” ผู้คัดค้านมีเชื้อชาติและสัญชาติไทย นอกจากมีหน้าที่ตามมาตรา 50 (1) อันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยแล้ว ผู้คัดค้านในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังต้องยึดถือปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งและความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ย่อมต้องระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์มิให้มีภาพถ่ายหรือข้อความพาดพิงหรือแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควร เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ เป็นมิ่งขวัญและศูนย์รวมความสามัคคีของปวงชนชาวไทย โดยกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ว่า “ในหลวง” “พ่อหลวง” หรือ “พ่อของแผ่นดิน”เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย ปวงชนชาวไทยมีความรักและความภาคภูมิใจในองค์พระมหากษัตริย์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา เมื่อพิจารณาการกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้องซึ่งกระทำอย่างต่อเนื่องกันมาจึงต้องนำการกระทำของผู้คัดค้านทั้งหกกรณีมาพิเคราะห์ร่วมกันเพื่อหยั่งทราบเจตนาของผู้คัดค้านว่ามุ่งประสงค์

การกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้อง ข้อ 4.1 (1) ถึง 4.1 (4) และ 4.1 (6) ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาพาดพิงถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนการกระทำตามคำร้อง ข้อ 4.1 (5) เป็นการลงข้อความพาดพิงถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พระนามในขณะนั้น) อันเป็นการแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควรอย่างยิ่ง เป็นการไม่เคารพในหน้าที่ของปวงชนชาวไทยที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้  ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้คัดค้านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 ที่กำหนดให้ผู้คัดค้านต้องพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์  ซึ่งการผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ นอกจากการกระทำโดยตรงแล้ว ยังหมายรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย เมื่อผู้คัดค้านยังคงปล่อยให้ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์บัญชีการใช้งานเฟซบุ๊กของผู้คัดค้านในลักษณะเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ พฤติการณ์ของผู้คัดค้านเป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพ และเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 6 มาตรา 50 (1) และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 การที่ผู้คัดค้านไม่ลบหรือนำภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวทั้งหมดออกจากระบบคอมพิวเตอร์ทั้งที่สามารถกระทำได้ เพื่อไม่ให้ปรากฏอยู่และเพื่อไม่ให้บุคคลใดสามารถเข้าถึงภาพถ่ายและข้อความทั้งหกกรณีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วยการกระทำของผู้คัดค้าน ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 ประกอบ ข้อ 27 วรรคหนึ่ง ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 วรรคสามและวรรคสี่ แต่ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 5 จึงยังไม่เห็นสมควรเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน

Advertisement

รมว.ยุติธรรม ชี้ “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษหรือไม่ ขึ้นกับกฎหมาย

People Unity News : 16 กันยายน 2566 พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม​ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ใกล้จะครบ 30 วัน ที่รักษาตัวนอกเรือนจำแล้ว ว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มีหลักปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักสากล ย้ำว่ามีมาตรฐานการควบคุมตัวเป็นไปตามระเบียบ ขณะนี้เป็นขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ หากมีการรักษาตัวนอกเรือนจำนานกว่า 30 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หากนานกว่า 60 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางปลัดกระทรวงยุติธรรม และหากนานเกิน 120 วัน จะต้องมีความเห็นจาก รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีความเห็นของแพทย์ที่รักษาด้วย เรื่องนี้มีรายละเอียด ส่วนกรณีนายทักษิณจะเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษหรือไม่ รมว.ยุติธรรม ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ทุกอย่างขึ้นกับกฎหมาย

Advertisement

Verified by ExactMetrics