วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

“พล.อ.ประวิตร” ประชุมสั่งการเตรียมรับมือผลกระทบจาก “เอลนีโญ”

People Unity News : 16 สิงหาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-“พล.อ.ประวิตร” ประชุม กอนช. สั่งเตรียมรับมือผลกระทบจากสภาวะ “เอลนีโญ” เพิ่มมาตรการลดเสี่ยงพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค พร้อมรณรงค์ทุกภาคส่วน ใช้น้ำประหยัดคุ้มค่า

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมรับทราบสถานการณ์จากอิทธิพลของปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกน้อยในหลายพื้นที่ และแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำจำกัดโดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภค แม้ว่าปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตาม “12 มาตรการรับมือฤดูฝน” อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงได้ และขณะเดียวกันปรากฏการณ์เอ็นโซ่ (ENSO) อยู่ในสภาวะเอลนีโญ และจะมีแนวโน้มที่มีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.66  ทำให้ประเทศไทยช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.66 จะมีปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบร่างมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ ”เอลนีโญ” ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการที่สำคัญ ได้แก่มาตรการที่ 1)การจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด เกี่ยวกับการวางแผนการระบายน้ำ มาตรการที่ 2) ให้ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง (ตลอดช่วงฤดูฝน) และให้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร และมาตรการที่ 3) ให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ (ตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่การใช้น้ำภาคการเกษตร เช่น การปลูกพืชใช้น้ำน้อย  การปรับปรุงระบบการให้น้ำพืช และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น รวมถึงการประหยัดน้ำของทุกภาคส่วน ส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้ระบบ 3R เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งต่างๆ และการลดการสูญเสียน้ำในระบบประปา และระบบชลประทาน ด้วย

พล.อ.ประวิตร กำชับ สทนช.และหน่วยงานต่าง ๆ เร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้ประชาชน รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง ทันเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมและจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค อย่างเพียงพอของประชาชนเป็นอันดับแรก น้ำที่เหลือจึงใช้เพื่อการอื่นๆ รวมถึงพื้นที่ EEC ที่มีความสำคัญด้วยต่อไป พร้อมรณรงค์ขอให้ประชาชน เกษตรกรและทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่าในโอกาสนี้ด้วย

Advertisement

ขยายเวลาแรงงานต่างด้าวทำงานถึง 30 ก.ย.

People Unity News : 8 สิงหาคม 2566 นายกฯ เผย ครม.ตามความคืบหน้างานด้านต่างๆ พร้อมเห็นชอบขยายเวลาแรงงานต่างด้าวทำงานต่อถึง 30 ก.ย. ป้องกันผู้ประกอบการขาดแรงงาน บอกเรื่องดีๆ มีอีกมาก ขอให้ ปชช.เข้าใจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า  ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีมี 5 กลุ่มงานนำเสนอผลงานตัวเอง ซึ่งมีความก้าวหน้า ทั้งในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน ด้านเอไอ ด้านสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ได้นำนโยบายของรัฐบาลไปดำเนินการและประสบผลสำเร็จนระยะหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันขอชื่นชมเด็กและเยาวชนของไทยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันประกวดร้องเพลง นอกจากนั้นยังมีซอฟพาวเวอร์ของไทย ทั้งการผลิตแปรรูปสินค้า เสื้อผ้าทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าเหล่านี้ ล้วนเป็นซอปพาวเวอร์ที่ไทยได้ส่งต่อ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ติดตามความคืบหน้าการจัดสรรที่ดินของ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ซึ่งผมย้ำให้ดูแลที่ทำกินของประชาชนภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าที่ดินทำกิน ซึ่งสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ ทุกอย่างต้องยึดหลักการ ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาในอนาคต เรื่องดี ๆ ในประเทศมีอีกมากมาย  ขอให้ประชาชนเข้าใจ ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายมาตรการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 30 กันยายน จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้แรงงานต่างด้าวทำงานได้ต่อ ไม่เช่นนั้นกลุ่มผู้ประกอบการจะขาดแคลนแรงงาน

ส่วนความคืบหน้าเหมืองทองอัครา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จบไปนานแล้ว ซึ่งเรื่องที่จบไปแล้วไม่อยากให้นำขึ้นมาใหม่ โดยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตทองคำอย่างครบวงจร และมีคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามอนุญาโตตุลาการ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย

Advertisement

“วราวุธ” ยัวะ เตือนผู้ประกอบการทิ้งคราบน้ำมันลงทะเล กระทบท่องเที่ยว

People Unity News : 6 สิงหาคม 2566 “วราวุธ” เดือด! ปม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลทิ้งคราบน้ำมันบริเวณอุทยานฯ สิรินาถ เตือนให้มีสำนึกรับผิดชอบ อย่าทุบหม้อข้าวตัวเอง ขู่ อย่าให้ถึงขั้นต้องปิดเพื่อฟื้นฟู

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจาก นายสรศักดิ์ รณนันทน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช ถึงผลการปฏิบัติงานการจัดเก็บคราบน้ำมัน บริเวณหน้าหาดในพื้นที่อุทยานฯ ตามที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปีหาดท้ายเหมือง เจ้าหน้าทหารเรือกองทัพเรือภาค 3 เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจิตอาสา ร่วมกันดำเนินการ จัดเก็บและทำความสะอาด บริเวณหน้าหาดดังกล่าว ได้ดำเนินการจัดเก็บ คราบน้ำมันสีดำ บริเวณหน้าหาด ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งประกอบไปด้วย หาดไม้ขาว ระยะทางประมาณ 5.42 กม. หาดในยาง ระยะทางประมาณ 3.66 กม. หาดในทอนระยะทางประมาณ 1 กม. หาดลายัน ระยะทางประมาณ 1 กม. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันสีดำตั้งแต่วันที่ 4-5 ส.ค.ที่ผ่านมา และดำเนินการจนกว่าจะแล้วเสร็จ

นายวราวุธ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงาน ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ ทั้งภูเก็ต และเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งแน่นอนว่าบางส่วนไม่ได้อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ แต่ก็ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศไทย

“ผมขอเตือนผู้ประกอบการทุกคนที่ทำกิจกรรม เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งบนบกและในทะเล ขอให้ประกอบการอย่างมีความรับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลที่เรามีความสวยงามอยู่อย่างจำกัด อย่าให้ถึงกับขั้นที่ว่าเราต้องมาปิดแหล่งท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟู เพราะความมักง่ายของผู้ประกอบการบางรายจนทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาวอย่างที่เราเคยต้องทำมาแล้วในอ่าวมาหยา จ.กระบี่ ที่ต้องปิด 3-4 ปี ซึ่งก็ได้รับผลกระทบกันหมด นั่นก็มาจากความมักง่ายของผู้ประกอบการบางคนที่ขาดจิตสำนึก” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวว่า วันนี้การท่องเที่ยวไทยกำลังฟื้นตัวขึ้นมา นักท่องเที่ยวกำลังมาประเทศไทยกันอย่างมหาศาล ขอเตือนผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทุกคน ทุกๆบริษัท ให้กำชับพนักงาน เจ้าหน้าที่ ผู้บังคับเรือ ให้ทำงานอย่างมีจิตสำนึกถึงความสวยงาม และความรับผิดชอบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดความเสียหาย ย่อมเกิดกับผู้ประกอบการเอง ที่วันนี้เหมือนกำลังทุบหม้อข้าวตัวเองอยู่ คุณมีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือแทนที่จะช่วยกันรักษา กลับทิ้งคราบน้ำมันลงในอ่าวลงในทะเลอย่างนี้ทำให้เมื่อนักท่องเที่ยวไปแล้วมีคราบน้ำมันติดตัวมา ถามว่าแล้วอย่างนี้เป็นการส่งเสริมท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างไร

นายวราวุธ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกไม่พอใจมาก ขออย่าให้ได้เจอ ตนจะสั่งจับ สั่งแบนให้หมด เพราะผู้ประกอบการ ด้านการท่องเที่ยวอย่างนี้ไม่ควรมีอยู่ในประเทศไทย จึงขอฝากทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมเจ้าท่า กรมการท่องเที่ยว และทุกหน่วยงานที่อยู่นอกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้มงวดกับผู้ประกอบการเหล่านี้ก่อนที่จะสายเกินไป

นายวราวุธ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่เราประสบวิกฤติ โควิด-19 เป็นช่วงที่ทำให้แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยได้มีโอกาสพัก และฟื้นฟู แต่วันนี้กลับมีบางคนที่กำลังมักง่าย ทำให้สิ่งต่างๆ ที่เรารักษากันมาตลอด พังลงไปอีกครั้ง ดังนั้นขอเตือนด้วยความหวังดีและเป็นห่วงว่าอย่าให้เห็นสภาพแบบนี้เกิดขึ้นอีกเลยในประเทศไทย

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนได้ให้กรมอุทยานฯ กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เร่งตรวจสอบดีเอ็นเอของน้ำมันก่อนว่ามาจากไหน จากเรือ หรืออุตสาหกรรมอะไร เราจะต้องสืบหาต้นตอให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่อยู่นอกพื้นที่เขตอุทยานฯ ต้องขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดูคุณภาพผู้ประกอบการที่ประกอบการท่องเที่ยวเหล่านี้ เพราะ ทส. เรามีอำนาจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายจำกัดอยู่ในระดับหนึ่ง หาก ทส. มีอำนาจครอบคลุมในการปฏิบัติหน้าที่คงจับหมดแล้ว และไม่ให้ประกอบกิจการได้อีกสำหรับคนมักง่ายเช่นนี้

Advertisement

“ประยุทธ์” ห่วงผู้ประสบภัยเหนือ-อีสาน ย้ำช่วยเต็มที่แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ

People Unity News : 5 สิงหาคม 2566 นายกฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยเหนือ-อีสาน ย้ำรัฐบาลให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แม้เป็นรัฐบาลรักษาการก็ทำเต็มที่

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการและกำชับให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการความร่วมมือเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทุกจุดได้มีทหารและส่วนราชการในพื้นที่เข้าดูแล และรายงานสถานการณ์ให้นายกฯ ทราบทุกระยะ ขณะที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ รายงานคาดว่า พื้นที่ประสบอุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก อำนาจเจริญ นครพนม และอุดรธานี สถานการณ์น้ำจะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้

สำหรับพื้นที่ จ.นครพนม ในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม และน้ำล้นตลิ่งตามลำห้วยสาขาต่างๆ ที่ไหลระบายลงแม่น้ำโขงไม่ทัน ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังและชำรุดเสียหาย อีกทั้งมีพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง กินพื้นที่หลายพันไร่ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้บูรณาการความร่วมมือเข้าช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและสัตว์เลี้ยงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเมื่อน้ำลด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือฟื้นฟูต่อไป

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเผชิญน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 1,000 คนนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และเปิดเส้นทางการจราจรแล้ว

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ประสบภัยทุกคนในทุกพื้นที่ แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยให้ความมั่นใจว่า การช่วยเหลือจากภาครัฐ การปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา จะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับสู่การดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว” น.ส.รัชดา กล่าว

Advertisement

จิตแพทย์ชี้โรคเลื่อนทางการเมืองทำสังคมว้าวุ่นใจ

People Unity News : 4 สิงหาคม 2566 “หมอยงยุทธ” ชี้ปมโรคเลื่อนทางการเมืองในการเลือกนายกฯ ทำให้คนในสังคมว้าวุ่นใจ แนะเลือกเสพโซเชียล เพื่อรักษาสภาพจิตใจ และความเป็นกลาง ลงถนนแสดงออกทางการเมืองเป็นสิทธิ หลัก 2 ไม่ 1 เตือน ยังใช้ได้ดี

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่มีการทอดระยะเวลาออกไป ทั้งการเลื่อนโหวตนายกรัฐมตรี และศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณากรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ว่า การทอดเวลา หรือทิ้งเวลาออกไปในการตัดสินเรื่องการเมือง ยิ่งสร้างความว้าวุ่นใจให้กับบรรดาคนที่สนใจการเมือง ดังนั้น ทางแก้ที่ดีในการลดความว้าวุ่นใจ คือ การลดการติดตามรับรู้ทางการเมือง เพื่อลดความเกลียดชังไม่ให้มีมากขึ้น และควรบริโภคหรือรับรู้สื่อที่เป็นกลางๆ ไม่ฟังทั้งเสียงเชียร์หรือเสียงของคนเกลียดชัง อย่าไปสนใจความเห็นในโลกโซเชียล เพราะจะยิ่งสร้างความว้าวุ่นใจ เพื่อรักษาความเป็นกลางของจิตใจเอาไว้ และอย่าไปรับรู้เรื่องทางการเมืองมากจนเสียการเสียงาน อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า เรื่องการเมืองเป็นของการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย มีการยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น การรักษาความเป็นกลางในจิตใจสำคัญมาก

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่คนไม่พอใจแล้วลงถนน เป็นเรื่องของสิทธิการแสดงออกส่วนบุคคล ที่จะแสดงเจตจำนงทางการเมือง การชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง และต้องเปิดกว้าง ใช้เหตุใช้ผลกัน

ส่วนที่นักสื่อสารมวลชนอย่าง ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ออกมาระบุพัฒนาการของภาษาที่ใช้ในการทางเมืองว่า ในปัจจุบันไม่สร้างสรรค์ และรุนแรง โดย นพ.ยงยุทธ ระบุว่า สามารถแก้ไขได้ด้วย 2 ไม่ 1 เตือน คือ ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข้อความรุนแรง และเตือนกันหากในกลุ่มเพื่อนมีการใช้ความรุนแรง

Advertisement

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งต่อศาล รธน.ตีความปมมติรัฐสภา 19 ก.ค.

People Unity News : 28 กรกฎาคม 2566 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความ การตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมและเป็นกลางของรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา

พ.ต.ท. กีรป (กี-รป) กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกรัฐสภาและประชาชนยื่นเรื่องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 213 ว่ามติของรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ในคำร้องเรียนได้มีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการชั่วคราว โดยขอให้มีคำสั่งชะลอการให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งนอกจากบทบาท หน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 มาตรา 22 แล้วนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 วินิจฉัยว่าคำร้องดังกล่าว เข้าองค์ประกอบ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ ในการเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเพื่อให้เป็นที่ยุติ และที่สำคัญในคำร้องเรียนผู้ร้องเรียนได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอการให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่สามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณามาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยได้โดยเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันมีน้ำหนักรับฟังได้ มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอและเป็นคำขอที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 จึงเห็นพ้องกับคำร้องเรียนที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป

Advertisement

ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2

People Unity News : 25 กรกฎาคม 2566 ครม. พร้อมผลักดันแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) สอดคล้องหลักสิทธิมนุษยชนสากล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี รับทราบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566 – 2570) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แผนปฏิบัติการฉบับนี้ จัดทำขึ้นตามแนวทางตามคู่มือว่าด้วยแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ การคุ้มครอง การเคารพ และการเยียวยา รวมทั้งเป็นหนึ่งในข้อเสนอแนะสำคัญที่ประเทศไทยรับมาปฏิบัติตามกระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ 3 เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน

สำหรับสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566 – 2570) ประกอบด้วย 4 แผน ได้แก่ แผนปฏิบัติการด้านแรงงาน แผนปฏิบัติการด้านชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม//แผนปฏิบัติการด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และแผนปฏิบัติการด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ กลไกการกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฉบับนี้ จะดำเนินการผ่านคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน //กระทรวงยุติธรรม จะเป็นผู้รวบรวมและจัดทำรายงานประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ 2 ระยะ คือ ระยะครึ่งรอบ (ระหว่าง พ.ศ.2566 – 2568) และระยะเต็มรอบ (ระหว่าง พ.ศ.2566 -2570) เสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและเผยแพร่ต่อไป

Advertisement

ยื่นศาล รธน.ชะลอโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้

People Unity News : 24 กรกฎาคม 2566 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน- ที่ประชุมด่วนผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติให้ส่งศาล รธน. ออกคำสั่งชะลอการโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้ หลังเกิดปมใช้ข้อบังคับ 41 ห้ามเสนอชื่อซ้ำในการลงมติเลือกนายกฯ เตรียมส่งคำร้อง 1-2 วันนี้

พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกรัฐสภาและประชาชน จำนวน 17 คำร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 25610 มาตรา 213 จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ลงมติวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ซึ่งกำหนดว่า “ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน” เป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

“ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกัน โดยพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนว่าเข้าองค์ประกอบ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ ในการเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 หรือไม่ โดยเห็นว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย รัฐสภาจึงถือเป็นหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ หากการกระทำของรัฐสภาละเมิดสิทธิเสรีภาพ ย่อมถูกตรวจสอบได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ และการกระทำของ “รัฐสภา” ในการลงมติวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 นั้น เป็นการนำข้อบังคับการประชุมไปทำให้กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะแล้ว มาตรา 159 ประกอบ มาตรา 272 การกระทำของรัฐสภาดังกล่าวจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำของรัฐสภาที่ลงมติวินิจฉัยดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องเรียนโดยตรง” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว

พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่า ผู้ร้องเรียนเป็นสมาชิกรัฐสภาและประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ตามหมวด 3 ว่า สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หากการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นอันใช้ไม่ได้ และมีผลเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ ปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวยังคงมีอยู่และมิได้รับการวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียนและประชาชนทั่วไป ซึ่งอยู่ภายใต้การใช้อำนาจของรัฐโดยรัฐสภา ผู้ร้องเรียนรวมถึงประชาชนทั่วไปจึงได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ คำร้องเรียนส่วนหนึ่งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อวินิจฉัย ซึ่งเป็นคำขอเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย

“ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง และเป็นคำขอที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัย ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช  2560 ประกอบ มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 โดยจะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน1-2 วันนี้ เพื่อให้ทันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 ก.ค.นี้” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว

Advertisement

“บิ๊กตู่” ขอให้บ้านเมืองสงบ เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว

People Unity News : 24 กรกฎาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ เข้าทำเนียบฯ ตามปกติ ฝากรองโฆษกรัฐบาลมาบอกสื่อ ปล่อยให้เขาตั้งรัฐบาลกันไป ขอทำหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ขอให้อย่ากันอย่างสงบ เศรษฐกิจกำลังฟื้น นักท่องเที่ยวกำลังมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติที่ทำเนียบรัฐบาล โดยวันนี้พล.อ.ประยุทธ์สวมชุดสูทปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้สวมชุดข้าราชการการเมืองสีกากี 2 สัปดาห์แล้วหลังประกาศวางมือทางการเมือง ซึ่งโดยปกติจะสวมทุกวันจันทร์

ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับฝากบอกสื่อมวลชนด้วยว่า “ปล่อยให้เขาตั้งรัฐบาลกันไป เราก็ดูแลบ้านเมือง ทำหน้าที่ของเราไป แต่อยากให้อยู่ในความสงบ เพราะทุกอย่างกำลังจะดี เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกำลังมา”

Advertisement

 

“สว.สมชาย” แนะเลื่อนโหวตนายกฯ 27 ก.ค. ถ้ายังไม่พร้อม

People Unity News : 23 กรกฎาคม 2566 “สว.สมชาย” เสนอเลื่อนเลือกนายกฯ 27 ก.ค. หากยังไม่พร้อม ขอเจ้าบ่าว “เพื่อไทย” บอกเลิกเจ้าสาว “ก้าวไกล” อย่าโยน สว. เป็นแพะบอกเลิกแทน ระบุแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ปัดเพื่อไทยประสานคุยกับวิปวุฒิสภา วันพรุ่งนี้

นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา ปฏิเสธได้รับการประสานเพื่อพูดคุยจากพรรคเพื่อไทย ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) และเห็นว่าไม่จำเป็นที่พรรคเพื่อไทยจะต้องติดต่อมาเพื่อพูดคุยกับ สว. เพราะหากเปรียบเป็นงานแต่งงาน สว. เป็นเพียงแขกรับเชิญ ดังนั้น ขอให้เจ้าบ่าว พรรคเพื่อไทย ไปตกลงให้ได้ว่าจะแต่งงานกับใคร แต่ หากดูจากการเชิญพรรคการเมืองไปพูดคุย พบว่าเสียงน่าจะเกิน 400 เสียงแล้ว ไม่น่าจะต้องอาศัยเสียงของ สว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ส่วนหลายพรรคการเมืองที่มาพูดคุยตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรคก้าวไกล จึงต้องพึ่งเสียง สว.นั้น นายสมชาย เสนอว่า หากยังไม่พร้อม ก็สามารถขอเลื่อนการประชุม จากวันที่ 27 ก.ค. ออกไปก่อนก็ได้ โดยช่วงต้นเดือน ส.ค. น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะหากไม่พร้อมเสนอเข้ามา งานแต่งงานก็ต้องล่มอีก อย่ามาใช้ สว. เพราะที่ผ่านมา สว. ก็เหนื่อยที่เป็นเหยื่อ ที่ให้ไปโหวตคว่ำแทน อีกทั้ง สว. กลายเป็นแพะ ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ คุณจะไม่แต่งกับเจ้าสาวชื่อก้าวไกลนั้นแล้ว เจ้าบ่าวเพื่อไทยก็บอกไป แต่กลับมาให้ สว. บอกเลิกแทน บอกว่าไม่เหมาะสม ถ้าไม่พร้อมอย่าแต่ง ไปตกลงกันให้เรียบร้อย จะได้ม้วนเดียวจบ เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การซื้อของตามห้างสรรพสินค้า

ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทยที่จะเข้าพูดคุย วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) นอกเหนือจากทราบผ่านสื่อที่ขอความร่วมมือจาก สว. มา แต่ส่วนตัวขอย้ำจุดยืนเดิมว่า จะไม่สนับสนุนพรรคที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยกล้าสลัดทิ้งพรรคก้าวไกล ก็ยินดีที่จะโหวตสนับสนุน

Advertisement

Verified by ExactMetrics