วันที่ 20 พฤษภาคม 2024

กรมควบคุมโรค ชวนโรงงานทั่วไทย ทำบับเบิลแอนด์ซีลแบบป้องกันโรคโควิด-19

People Unity News : กรมควบคุมโรค ชวนโรงงานทั่วไทย ทำบับเบิลแอนด์ซีลแบบป้องกันโรคโควิด-19

9 กันยายน 2564 นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานประกอบกิจการและโรงงานหลายแห่งได้รับผลกระทบ กรมควบคุมโรค จึงนำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล มาใช้ควบคุมโรคโควิด-19 ในโรงงาน โดยออกแบบ 2 ระบบคือ ระบบการควบคุมโรคซึ่งใช้ในพื้นที่ความคุมสูงสุดและเข้มงวด เช่น จังหวัดสมุทรสาคร ในช่วงเดือนมกราคม 2564 แต่ละแห่งมีพนักงานจำนวนมาก โดยทำการคัดแยกผู้ติดเชื้อ มาแยกกักรักษาตัวที่ รพ.สนาม หรือสถานที่แยกกักอื่นๆ ส่วนพนักงานในโรงงาน ที่สัมผัสโรคแต่ไม่ป่วย ให้โรงงานจัดที่พักในโรงงานแยกจากครอบครัว ชุมชนและให้สามารถทำงานได้ พบว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วงสั้นๆ ประมาณ 4 สัปดาห์ จึงพัฒนามาสู่ระบบบับเบิลแอนด์ซีลเพื่อป้องกันโรคในโรงงาน ที่ยังไม่มีการระบาด ซึ่งมีมากกว่าโรงงานที่มีผู้ติดเชื้อ หลังจากที่ดำเนินการในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผลพบว่าแทบไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เลย หรือมีน้อยมากและสามารถควบคุมได้เร็ว ทั้งแรงงานและโรงงานไม่ต้องหยุดการผลิต พนักงานยังมีรายได้ปกติ จึงอยากเชิญชวนให้โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ให้จัดทำแผนทำบับเบิลแอนด์ซีล เพื่อการป้องกันโรค โดยแบ่งกลุ่มพนักงานที่ไลน์การผลิตเดียวกันออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ไม่ปะปนกัน เพื่อจำกัดการแพร่เชื้อระหว่างกลุ่ม ทุกโรงงานต้องมีการสุ่มตรวจการติดเชื้อพนักงานด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อเฝ้าระวังอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

Advertising

เร่งสกัดกั้นขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน ร้านค้าปลีกได้รับผลกระทบ

People Unity News : เร่งสกัดกั้นขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน ร้านค้าปลีกได้รับผลกระทบ

8 กันยายน 2564 นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร และโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่สมาคมการค้ายาสูบไทย ได้รับร้องเรียนจากร้านค้าเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่หนีภาษี ทำให้ร้านค้าที่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบไม่สามารถขายบุหรี่ที่ถูกกฎหมายได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการกับผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าและผู้ขายบุหรี่ที่ไม่เสียภาษี เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์เงินภาษีของรัฐ เงินภาษีของท้องถิ่นและรายได้ของร้านค้าที่ถูกกฎหมายในพื้นที่ กรมศุลกากร ขอชี้แจงว่า ภายหลังจากที่มีการปรับราคาบุหรี่ในท้องตลาดให้มีราคาสูงขึ้น ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงหันไปหาบุหรี่ที่มีราคาถูกหรือยาเส้นมวนเอง แต่ในพื้นที่ภาคใต้ผู้สูบบุหรี่กลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่หันไปหาบุหรี่หนีภาษี ที่มีราคาถูกกว่าบุหรี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายมาก ส่งผลให้เกิดการลักลอบค้าบุหรี่ผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น ร้านค้าที่ขายบุหรี่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่สามารถแข่งขันทางด้านราคากับบุหรี่หนีภาษีได้ อธิบดีกรมศุลกากร จึงสั่งการให้ กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดด่านศุลกากรวังประจัน ด่านศุลกากรสะเดา ด่านศุลกากร ปาดังเบซาร์ ด่านศุลกากรตากใบและด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก สืบสวนหาข่าวและสกัดกั้นขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนในพื้นที่ ทำให้สามารถจับกุมบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2564 นี้ (เดือนตุลาคม 2563 – สิงหาคม 2564) ได้จับกุมบุหรี่ได้ทั้งหมด 647 คดี คิดเป็นมูลค่า 103 ล้านบาท

Advertising

สายด่วนประกันสังคม 1506 กำลังทำการเพิ่มคู่สายรองรับผู้ใช้บริการ

People Unity News : สายด่วนประกันสังคม 1506 กำลังทำการเพิ่มคู่สายรองรับผู้ใช้บริการ

2 กันยายน 2564 นางสาวลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ชี้แจงช่องทางการติดต่อสื่อสารกับสำนักงานประกันสังคมผ่านสายด่วน 1506 ว่า การติดต่อผ่านทางสายด่วน 1506 ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างการปรับปรุงเพิ่มคู่สายจากเดิม 300 คู่สาย เพิ่มเป็น 400 คู่สาย เพื่อรองรับการตอบข้อซักถามของผู้ประกันตนที่ติดต่อเข้ามาจำนวนมากในช่วงนี้ ล่าสุดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกันตนใช้บริการมากถึง 3.5 ล้านคู่สาย

ส่วนกรณีที่ช่วงนี้ติดต่อยากนั้น ขอชี้แจงว่าสำนักงานประกันสังคมไม่ได้ดูแลผู้ประกันตนเฉพาะกรณีการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังดูแลผู้ประกันตนใน 7 กรณีด้วย เช่น กรณีเจ็บป่วย กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีว่างงานและกรณีเสียชีวิต เป็นต้น รวมทั้งยังดูแลในเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิดด้วย ขอความเห็นใจประชาชนที่ติดต่อใช้บริการในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่ประกันสังคมทุกคนพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด เพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตน

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม ยังชี้แจงกรณีผู้ประกันตนไปติดต่อที่สำนักงานประกันสังคม แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการ มีเพียงกล่องวางเอกสารเท่านั้น กรณีนี้ขอให้ผู้ประกันตนส่งเอกสารที่ต้องการยื่น พร้อมย้ำว่าขอให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในเอกสารด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการติดต่อกลับในข้อมูลที่ตกหล่นต่อไป

Advertising

ออมสินเปิดตัวเพจ “ออมสินห่วงใย” ศูนย์กลางความช่วยเหลือ COVID-19 แห่งใหม่บนโซเชียล

People Unity News : ธนาคารออมสิน จัดทำโครงการใหญ่ “ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม” บริจาคเงินกว่า 15 ล้านบาท สนับสนุนภารกิจสู้ภัย COVID-19 พร้อมประกาศเปิดตัวเพจ “ออมสินห่วงใย” สร้างศูนย์กลางความช่วยเหลือแห่งใหม่บนโลกโซเชียล ร่วมด้วยทีมไรเดอร์ออมสินห่วงใย อาสาจัดส่งยาและเวชภัณฑ์แก่ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้าน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเกิดพื้นที่ระบาดใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยที่ขณะนี้มีผู้ป่วยและผู้เดือดร้อนที่รอรับความช่วยเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ธนาคารออมสินจึงริเริ่มจัดทำโครงการ “ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม” บริจาคเงิน 15 ล้านบาท มอบความช่วยเหลือสู้ภัย COVID-19 แก่หน่วยงานต่างๆ อาทิ การบริจาคเงินจัดตั้งศูนย์พักคอย กทม. รองรับผู้ป่วยสีเขียว การบริจาคเงินสนับสนุนภารกิจโรงพยาบาลสนาม ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์  เฉลิมพระเกียรติ และการบริจาคเงินสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลศรีธัญญา

นอกจากนี้ ธนาคารได้มอบทรัพย์สินที่รอการขาย (NPA) ให้ทางราชการนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำเป็นสถานที่กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (Local Quarantine) หรือศูนย์แยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ของแต่ละพื้นที่ อาทิ ศูนย์การเรียนรู้วิทยาลัยออมสิน (ศูนย์การเรียนรู้ส่องแสง) ซึ่งเป็นอาคารเรียน บ้านพัก และหอประชุม บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงอาคาร บ้านเรือน และรีสอร์ตอีกหลายแห่ง ในจังหวัดลำปาง ลพบุรี พิษณุโลก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการส่งมอบพื้นที่แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดตั้งศูนย์ฯ และเตรียมขยายผลดำเนินการในจังหวัดอื่นต่อไป

ด้านการช่วยเหลือระดับชุมชนและประชาชน ธนาคารได้เปิดตัว เฟสบุ๊กเพจ “ออมสินห่วงใย” อาสาเป็นศูนย์รวมความช่วยเหลือแห่งใหม่บนโลกโซเชียล ให้ผู้ป่วยหรือผู้เดือดร้อนเข้าถึงความช่วยเหลือได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น โดยเพจออมสินห่วงใยพร้อมให้ความช่วยเหลือ 3 ด้าน ได้แก่ (1) บริการ “ไรเดอร์ออมสินห่วงใย” จัดส่งยา เวชภัณฑ์ หรือสิ่งของยังชีพ ทั้งที่เป็นการส่งให้ผู้ที่ติดต่อเพจออมสินห่วงใยโดยตรง และช่วยภารกิจของหน่วยงานหรือกลุ่มจิตอาสาที่ขาดแคลนกำลังคนในการส่งของให้ผู้ป่วย (2) การบริจาคอาหารฟรี ทั้งอาหารปรุงสุกและอาหารแห้ง และ (3) การช่วยเหลือหน่วยงาน พันธมิตร และกลุ่มจิตอาสา ทำภารกิจช่วยเหลือผู้เดือดร้อนของแต่ละเครือข่าย เช่น สปสช. กลุ่มเส้นด้าย เพจอีจัน เพจเราต้องรอด We Care Network ตลอดจนสถานพยาบาลในพื้นที่ธนาคารออมสินภาคทั่วประเทศ ทั้งนี้ ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ สามารถติดตามข้อมูล หรือแจ้งรายละเอียดความช่วยเหลือที่ต้องการได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยกดไลค์และติดตามเพจ “ออมสินห่วงใย” เพียงคลิก facebook/GSBfightCOVID หรือเข้า facebook พิมพ์ค้นหา “ออมสินห่วงใย” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  https://www.gsb.or.th/news/gsbpr45/

Advertising

ธ.ก.ส.จัดรถขนส่งสิ่งของ-เครื่องอุปโภคบริโภคไปให้ผู้ป่วยโควิด-บุคลากรทางการแพทย์ ฟรี

People Unity News : ธ.ก.ส.ร่วมส่งต่อน้ำใจสู่สังคม ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภคของผู้บริจาคไปยังบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้การเข้าไปดูแลช่วยเหลือไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างทันท่วงทีและไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการช่วยขนส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคของผู้ปันน้ำใจไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนหน่วยงานหรือบุคคลที่มีความประสงค์บริจาคอาหารหรือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยผู้ที่มีความประสงค์ใช้บริการดังกล่าว สามารถติดต่อ  ได้ที่ Call Center 02 555 0555

ธ.ก.ส.ในฐานะหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง  พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและให้บริการกับประชาชน  ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามวิกฤติต่างๆไปด้วยกัน  โดยที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้มีนโยบายให้สาขาทั่วประเทศ เข้าไปสนับสนุน น้ำดื่ม อาหารกล่อง  รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หน่วยให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่ อีกทั้งได้สมทบทุนเงินบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อาทิ มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 มูลนิธิไทยพีบีเอส เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อสนับสนุนโครงการตรวจคัดกรองโควิดทันใจ (Rapid Antigen Test) นำไปใช้สำหรับรองรับตรวจสอบการได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นต้น

Advertising

4 แม่เฒ่าที่ถูกเจ้าหนี้ยึดบ้าน ได้บ้านใหม่แล้ว ผอ.ธนาคารออมสินมอบบ้านมูลค่า 1.4 ล้านบาทให้

People Unity News : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำบุญบ้านใหม่ 4 แม่เฒ่า แจงไม่ได้ใช้เงินบริจาค แต่มูลนิธิออมสินมอบให้ เผยนายกรัฐตรีห่วงย้ำให้ทำให้เรียบร้อย ยัน “นิตยา” ไม่ใช่หัวคะแนน ถูกการเมืองป้ายสี สั่งกรมบังคับคดีปรับการทำงานยึดเอื้ออาทรเป็นหลัก

ที่บ้านเลขที่ 20/3 หมู่ที่ 6 ตำบลปากน้ำ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบบ้านเดี่ยว 1 หลังให้แก่ 4 แม่เฒ่า และทำบุญบ้านใหม่ โดยมี นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายอำเภอศรีสำโรง เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน ผู้นำท้องถิ่น ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ความสำเร็จการแก้ปัญหา ต้องขอบคุณธนาคารออมสินที่เป็นที่พึ่ง เป็นธนาคารเพื่อสังคมแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และดูแลความเป็นอยู่ที่ดี ปัญหาของเรื่องนี้เริ่มต้นที่ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานมาทางตน และตนประสานผ่าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และท่านได้ส่งข่าวไปยัง นายวิทัย รัตนากร ผอ.ธนาคารออมสินและมูลนิธิออมสินเพื่อสังคม ซึ่งได้เห็นความเดือดร้อนของ 4 แม่เฒ่า จึงได้มอบบ้านให้ดำรงชีพมูลค่า 1,400,000 บาท โดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ โดยมอบผ่านมูลนิธิฯ ซึ่งหลายท่านสงสัยเรื่องเงินบริจาคของประชาชนในขณะนี้ ยอดรวมเงินบริจาคประมาณ 2,100,000 บาท รวมทั้งบ้านและเงินบริจาคมูลค่า 3,500,000 บาท เราไม่ได้เอาเงินบริจาคมาซื้อบ้าน ยังอยู่เต็มๆ แต่บ้านนี้เป็นมูลนิธิออมสินที่รับผิดชอบทั้งหมด ส่วนบ้านหลังเดิม ใครมีสติปัญญาทางกฎหมายจะช่วยแม่เฒ่าอย่างไร เราเปิดโอกาสให้ช่วยได้เต็มที่ แต่ตนคงไม่ไปยุ่งเกี่ยวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีในวันนี้ มีนางโปรย อนุเคราะห์ และนางตะล่อม ทิมแย้ม เป็นตัวแทน 4 แม่เฒ่ามาร่วมพิธีรับมอบ ส่วนน.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม และน.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม มีอาการป่วยต้องไปพบแพทย์และจะเข้ามาที่บ้านในช่วงเย็น ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ได้มอบพระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านใหม่ด้วย ซึ่งงานในวันนี้ก็ยังมีภาครัฐและภาคเอกชนได้เข้ามอบเงินช่วยเหลือ 4 แม่เฒ่าอีกกว่า 3 แสนบาท ซึ่งยังคงมีการเปิดรับเรื่อยๆ

หลังเสร็จพิธี นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในเรื่องนี้ และได้กำชับส่งข้อความมาหาตนเมื่อคืนให้ทำให้เสร็จ ซึ่งตนได้ชี้แจงรายละเอียดและรายงานผลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของเงินบริจาคจะเก็บไว้ให้คุณยายทั้ง 4 คนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยจ่ายเดือนละ 1,600 รวมกับเบี้ยผู้สูงอายุ 800  บาท รวมเป็นเงิน 2,400  บาทต่อเดือน เฉลี่ยจะได้ประมาณ 30 ปี โดยจะมีคณะกรรมการคอยดูแล เบิกจ่ายจากบัญชีสงเคราะห์ ในส่วนของการบังคับคดี ตนก็มีข้อติดใจอยู่ อาจจะมีเรื่องของการเอื้ออาทร ซึ่งคงจะมีการปรับการทำงานของกรมบังคับคดี ให้เพิ่มเรื่องการเอื้ออาทรให้เหมือนกับธนาคารออมสิน มีความเป็นมนุษยธรรมมากขึ้น เรื่องนี้ต้องดำเนินการ และได้ร่างแนวทางไว้แล้ว สัปดาห์หน้าจะได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงในแต่ละจังหวัดประชุมกัน นอกจากนี้ตนขอประชาสัมพันธ์การทำงานของกองทุนยุติธรรม ซึ่งมีเงินช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีอาญา และจำเลยที่สามารถช่วยด้านการประกันตัว

“มีคนครหาบอกว่านางนิตยา จิวตระกูล โจทย์ผู้ฟ้อง 4 แม่เฒ่า เป็นหัวคะแนนและสนิทกับผม ขอยืนยันไม่เป็นความจริง การให้ข้อมูลลักษณะนี้เป็นเกมการเมือง เป็นการพยายามให้ร้ายป้ายสีผม พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการกระทำที่เลวจริงๆ ตนไม่ได้สนิทสนมและไม่เคยพบกับนางนิตยา 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งเมื่อวานตนรู้สึกโกรธมากที่ไปหาที่บ้านแต่ไม่เปิดบ้านให้พบ ดังนั้นข้อครหาไม่เป็นความจริง” นายสมศักดิ์ กล่าว

Advertising

4 วัน 7 มิ.ย.-10 มิ.ย. ไทยฉีดวัคซีนเพิ่ม 1.45 ล้านโดส รวมยอดฉีดสะสม 5.66 ล้านโดส

People Unity News : ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 4 วัน เพิ่ม 1.45 ล้านโดส เริ่มฉีดในนิคมอุตสาหกรรมระยองนำร่อง

10 มิ.ย.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ที่เป็นวันแรกของการกระจายการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ โดยเริ่มกับประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเสี่ยง 7 โรค ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก นับถึงวันที่ 10 มิ.ย. มีจำนวนฉีดวัคซีนสะสม  5.66 ล้านโดส ซึ่งภายในช่วงเวลา 4 วัน นับจากวันที่ 6 มิ.ย.  ที่มีจำนวน 4.21 ล้านโดส เพิ่มขึ้น 1.45 ล้านโดส  ซึ่งจากนี้ไปทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความมั่นใจว่า จะได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตมากขึ้นและสามารถทยอยกระจายไปยังสถานบริการสาธารณสุขและจุดบริการต่างๆ เพื่อดำเนินการฉีดให้ได้ตามแผน

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมด้วยแล้ว นำร่องพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง และชุมชนรอบข้างพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนจำนวนทั้งสิ้น  25,000 คน จาก 1)นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 2)นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) 3)นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย 4) นิคมอุตสาหกรรมผาแดง 5)นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล และ 6)ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ตั้งเป้าวัคซีนให้ได้วันละประมาณ 1,000 คน

ในส่วนของนักเรียนนักศึกษาไทย ที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ  นับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ถึง 6 มิ.ย. ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว จำนวนกว่า 1,600 คน และมีรอการฉีดอีก 2 พันกว่าคน ซึ่งเมื่อดำเนินการในกลุ่มนี้แล้วเสร็จ ทางกรมการกงสุลจะพิจารณาเปิดลงทะเบียนเพิ่มเติมอีกครั้ง

Advertising

รัฐบาลยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ เผยใน กทม. มี 20,652 เตียง ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง

People Unity News : รัฐบาลยืนยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ ขยายเพิ่ม 1 พัน รองรับผู้ป่วยมีอาการ คุมเข้มการระบาดแคมป์คนงาน

วันนี้ (22 พ.ค.64) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ ที่พบว่ามีเพิ่มขึ้นมากในพื้น กทม.และปริมณฑล นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุม ศบค. วันนี้ (22 พ.ค.) ได้ติดตามความพร้อมของจำนวนเตียงผู้ป่วยกลุ่มสีแดง (อาการหนัก) และเหลือง (มีอาการ) เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงพอต่อการรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า จากข้อมูลระบบ Co-ward ณ วันที่ 20 พ.ค. มีจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในพื้นที่ กทม. จำนวน 20,652 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง  61% ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง ในพื้นที่เขตสุขภาพ 1-12 จำนวน 40,648 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง 39% ว่างอยู่ 24,786 เตียง และหากแบ่งตามอาการความรุนแรง จากข้อมูลทั่วประเทศ มีผู้ป่วยครองเตียง ระดับสีแดง 69% ระดับสีเหลือง 54% และระดับสีเขียว 44%

ส่วนพื้นที่ กทม.และปริมณฑลซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด19 เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วประเทศ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนขยายจำนวนเตียงโรงพยาบาลบุษราคัมอีก 1 พันเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในภาพรวมมีการบริหารจัดการที่ดี มีบุคลากรทางการแพทย์สลับเข้ามาดูแล  ใช้กล้องซีซีทีวีเพื่อติดตามดูแลผู้ป่วยด้วย และกระทรวงฯยังได้ประสานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักด้วย ซึ่งแนวทางการจัดการเตียงในทุกโรงพยาบาล หากผู้ป่วยอาการหนักมีอาการดีขึ้น ก็จะได้รับการส่งต่อไปรับการดูแลโรงพยาบาลกลุ่มสีเหลืองที่ดูแลผู้ป่วยอาการไม่มากต่อไป

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่พบในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นคลัสเตอร์ กระจายอยู่ในแคมป์ก่อสร้างในหลายเขตของ กทม.นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. เห็นชอบแนวทางการควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ โดย 1)ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน 2)จัดการดูแลสุขอนามัยของผู้ที่อยู่ในแคมป์ 3)ส่งมอบอาหาร 4)จัดทีมแพทย์ดูแลรักษาเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายใน และ 5)หากพบผู้มีอาการป่วยจะนำส่งโรงพยาบาลต่อไป ส่วนการดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอื่นๆ จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ 1) แคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง หากพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการควบคุมพื้นที่เช่นเดียวกับแคมป์คนงานเขตหลักสี่ โดยผู้ที่อยู่ภายในยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และ 2) แคมป์คนงานก่อสร้างที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง ให้กักตัวผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่แคมป์ซึ่งเจ้าของต้องจัดให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตและสำนักอนามัย และผู้ที่ไม่ติดเชื้อที่ต้องเดินทางไปทำงานจะต้องแจ้งเส้นทางการเดินทางต่อเขตต้นทางและปลายทาง โดยจะต้องไม่จอดหรือหยุดพักระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆที่กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ สำนักอนามัยจะจัดทีมลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 ก.ย. หมุนเวียน 6 กลุ่มเขต เพื่อลดการเดินทางของประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยและติดตามการดำเนินการในพื้นที่ กทม.และจังหวัดโดยรอบอย่างใกล้ชิด ยืนยันดูแลทุกชีวิตให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย มั่นใจแนวทางที่สาธารณสุข กทม.และหน่วยงานต่างๆที่ร่วมกันดำเนินการอยู่นี้ครอบคลุมการเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก การดำเนินการฉีดวัคซีน จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้”  นางสาวรัชดากล่าว

Advertising

ธอส.สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาท ร่วมสร้างไอซียูสนาม โรงพยาบาลราชวิถี สู้ภัย COVID-19

People Unity News : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาท ให้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี จัดสร้างไอซียูสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยวิกฤติเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อย่างเต็มศักยภาพและเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร

18 พฤษภาคม 2564 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานทางการแพทย์ ในการให้ความช่วยเหลือดูแลรักษาประชาชนที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ซึ่งปัจจุบันยังคงพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งผู้ป่วยวิกฤติที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคาร ประกอบด้วย นายภพกร เจริญลาภ นางภานิณี มโนสันติ์ นางกรุณา เหมือนเตย และนางสุดจิตตรา คำดี เป็นผู้แทนธนาคาร มอบเงินสนับสนุน จำนวน  300,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี สำหรับจัดสร้างไอซียูสนามที่ใช้รองรับการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง โดยมี นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี และคณะ เป็นผู้รับมอบ อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากนายปริญญา พัฒนภักดี และนายขรรค์ ประจวบเหมาะ ร่วมในพิธีส่งมอบครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้มอบน้ำดื่มของธนาคาร จำนวน 5,000 ขวด หน้ากากอนามัย พร้อมสายคล้องหน้ากากอนามัยที่พนักงานธนาคารจัดทำขึ้นด้วยจิตอาสา นำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนที่มารอรับบริการจากโรงพยาบาลอีกด้วย

ทั้งนี้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาตลอดระยะเวลากว่า 67 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และการปลูกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของผู้ปฏิบัติงานภายในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน

Advertising

“ประยุทธ์” ปลื้ม คลองโอ่งอ่าง ได้รางวัลระดับโลก

People Unity News : นายกฯ ปลื้ม คลองโอ่งอ่าง ได้รางวัลระดับโลก ตอกย้ำความสำเร็จการปรับปรุงภูมิทัศน์เมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดีที่โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง ได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ถือเป็นความภาคภูมิใจในความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของกรุงเทพมหานคร อันเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ขณะเดียวกัน โครงการนี้จะเป็นต้นแบบของการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ รวมถึงเป็นต้นแบบการพัฒนาให้กับหลายๆประเทศทั่วโลก ในการปรับปรุงพื้นที่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ส่งผลในแง่บวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

“นายกรัฐมนตรีติดตามการพัฒนาและบริหารจัดการคลองโอ่งอ่างมาโดยตลอด ได้พบว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านเศรษฐกิจและการยอมรับ มีหลากหลายกิจกรรมสามารถดึงดูดความสนใจ กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญยังเป็นต้นแบบของการพัฒนาบริเวณโดยรอบคูคลองให้กับพื้นที่อื่นๆ ให้กลับมามีชีวิตชีวา”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณคูคลอง เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีการปรับปรุงและอยู่ในระหว่างการปรับปรุงคลองแล้วหลายสาย เช่น คลองหลอด คลองผดุงกรุงเกษม คลองลาดพร้าว คลองช่องนนทรี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การปรับภูมิทัศน์พื้นที่เมือง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น มีการวางแนวทางการปรับปรุงที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวชุมชน รักษาเอกลักษณ์ของพื้นที่ พร้อมเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆให้มีความหลากหลาย ทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยรอบคูคลองให้กลายเป็นที่พักผ่อนของประชาชน รวมถึงการเชื่อมโยงการเดินทาง ซึ่งผลที่ได้มาคือ มูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะถูกพัฒนาต่อยอดจากไปมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับวิถีชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน จึงเป็นแนวการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Advertising

Verified by ExactMetrics