วันที่ 31 กรกฎาคม 2025

นายกฯ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ปกป้องอธิปไตย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 มิถุนายน 2568 นายกฯ ขอบคุณกองทัพและทุกคน ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการปกป้องรักษาอธิปไตยของเรา

ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ตัวแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเป็นราษฎรอาสาสมัครในพื้นที่ที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบของประชาชนในพื้นที่

โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับ ชรบ.ต่อการปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้รับมอบดอกกุหลาบสีแดงจากส่วนราชการ และประชาชนที่มาให้การต้อนรับเพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อประเทศชาติและเพื่อประชาชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการมรกต ตำบลโดมประดิษฐ์ เพื่อพบปะกำลังพลกองกำลังสุรนารีและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่มาพบปะทหารทุกนายในวันนี้ ตั้งใจมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ขอชื่นชมในความเสียสละ ที่ต้องห่างไกลบ้าน ห่างไกลครอบครัว และสิ่งสำคัญต้องขอขอบคุณ แม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงผู้บังคับบัญชา ทหารทุกนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องอธิปไตยอย่างแน่วแน่ ด้วยความมุ่งมั่น อย่างต่อเนื่อง

“ขอให้คำมั่นว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ ทุกคนคือคนไทย แผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย จะต้องช่วยกันรักษา ทหารเปรียบเสมือนรั้วของชาติ รัฐบาลต้องการให้รั้วของชาติมีสุขภาพดี ทั้งแรงกาย และแรงใจ มีความสุขในการทำหน้าที่ อะไรที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน รัฐบาลยินดีและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจให้ทหารทุกนาย พร้อมทั้งขอนำกำลังใจจากประชาชนทุกคนมามอบให้ในวันนี้” นางสาวแพทองธาร กล่าว

Advertisement

นายกฯ ส่งความรัก ความระลึกถึง ความปรารถนาดียังพี่น้องชาวไทยมุสลิม

People Unity News : 20 เมษายน 2566 นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1444 ส่งความรัก ความระลึกถึง ความปรารถนาดียังพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมจิตใจอันบริสุทธิ์ที่บริบูรณ์ไปด้วยศรัทธา ในการทำคุณงามความดีถวายแด่เอกองค์พระผู้อภิบาล

วันที่ 20 เมษายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกวีดิทัศน์เนื่องในโอกาสวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮิจเราะห์ศักราช 1444 ส่งความรัก ความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคนทั้งที่พำนักอยู่ในประเทศและต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันอีฎิ้ลฟิตรินี้นับวาระแห่งการเฉลิมฉลองวันสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ถือเป็นการข้ามผ่านการทดสอบศรัทธาตามหลักศาสนกิจโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ ที่บริบูรณ์ไปด้วยศรัทธาในการทำคุณงามความดีถวายแด่เอกองค์พระผู้อภิบาล ด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ และอดทนของพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน อีกทั้งยังแสดงถึงความสัมพันธ์ และความเอื้ออาทรต่อกันในหมู่ครอบครัว มิตรสหาย อันเป็นวิถีปฏิบัติที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างแท้จริง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอสันติสุขจงประสบแด่ทุกคน และขอพรอันประเสริฐจากเอกองค์พระผู้อภิบาล ได้โปรดประทานความเมตตา ความสุขสวัสดี พร้อมทั้งกำลังกาย กำลังใจ และจิตวิญญาณที่เข้มแข็งในการปฏิบัติตนเป็นสัตบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยศรัทธาและคุณงามความดี เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติบ้านเมืองสืบต่อไป

Advertisement

ครม.เห็นชอบกรอบแนวทางสร้างสังคมสงบสุขเคารพความต่าง

People Unity News : 27 กันยายน 2565 ครม.เห็นชอบ แนวทางเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางสังคม เพื่อสร้างสังคมที่สงบสุข ประชาชนอยู่ร่วมกันโดยเคารพความแตกต่างหลากหลายและสิทธิพื้นฐานของมนุษย์

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทางเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางสังคม ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานในการสร้างสังคมที่สงบสุข ประชาชนอยู่ร่วมกันโดยเคารพความแตกต่างหลากหลาย และสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ยึดถือหลักความอดทนอดกลั้น ยึดมั่น ในแนวทางสายกลาง และปราศจากความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมถึงร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์และจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ชุมชนมีความปลอดภัยและมีความมั่นคง ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลกของสหประชาชาติ แผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและรับมือกับอุบัติการณ์ของการบ่มเพาะแนวคิดหัวรุนแรงและแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรงแห่งภูมิภาคอาเซียน และนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติปี 2562 – 2565 ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติปี 2561 – 2580 ในประเด็นด้านเสริมสร้างความมั่นคง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แนวทางเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางสังคมมีแนวทางการดำเนินการที่บูรณาการครบทุกมิติ ประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก คือ

1.การป้องกัน (Prevention) มุ่งเฝ้าระวังความขัดแย้งและการกลั่นแกล้งกันทางออนไลน์ สร้างภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์และการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ส่งเสริมการใช้สื่ออย่างเหมาะสมและรู้เท่าทัน  เช่น มีระบบป้องกันการรังแกกันในโรงเรียน Application Buddy ให้เด็กสามารถเรียนรู้เรื่องอารมณ์ตนเอง การจัดการอารมณ์ตนเอง การจัดการสถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งรังแกกัน

2.การยับยั้ง (Deterring/Restraint) มุ่งลดปัจจัยและขจัดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การมีแนวคิดที่นิยมความรุนแรง  ส่งเสริมการใช้การสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ และ

3.การฟื้นฟูเยียวยา (Rehabilitation) ที่จะเป็นกระบวนการนำผู้ที่มีแนวคิดที่นิยมความรุนแรงหรือสุดโต่งกลับสู่ทางสายกลางและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข โดยสร้างมาตรฐานในการดูแลกลุ่มเสี่ยง “กลไกการขับเคลื่อนจะเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในสังคม เป้าหมายเพื่อให้มีการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาชน ดังนั้นจึงมีคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติที่จะขับเคลื่อนระดับนโยบาย หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจรับผิดชอบในระดับปฏิบัติ สำหรับการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินการนั้น ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม องค์กรศาสนา องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกันดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมไทยมีความเข้มแข็งเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นการสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็งเพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงต่อไป

Advertisement

โฆษก กห. เผยผลการพูดคุยแนวทางปรองดองกับภาคประชาสังคม 11 องค์กร

People unity news online : เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แถลงภาพรวมประจำสัปดาห์ ตลอด 3 วันตั้งแต่วันที่ 20-22 มีนาคม 2560 ในการพูดคุยแนวทางปรองดอง ต่อคณะอนุกรรมการ ป.ย.ป.ในส่วนภาคประชาสังคมว่า ขณะนี้มีองค์กรเข้ามาร่วมเสนอแนวทางปรองดองแล้ว 11 องค์กร ได้แก่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย/ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ/ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา/ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์/ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา/ เครือข่ายยุวทัศน์แห่งประเทศไทย/ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา/ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น/ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งชาติ/ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร/ มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งภาพรวมบรรยากาศเป็นไปด้วยดี และสร้างสรรค์ โดยทุกองค์กรมีความเข้าใจและมั่นใจในการเสนอข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งมองเรื่องปรองดองว่าทุกฝ่ายต้องเป็นกลาง เปิดใจตัวเองโดยไม่มีอคติ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ พร้อมมองถึงความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ เป็นเรื่องปกติของสังคม แต่บนความขัดแย้งต้องไม่มีเรื่องรุนแรง และทุจริต โดยมุ่งไปที่คนที่ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น การแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องแก้ที่คน เน้นปฏิรูปการศึกษา กระตุ้นจิตสำนึก ยอมรับสิทธิผู้อื่น รัฐเองต้องให้ความรู้ประชาชนมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสเท่าเทียมกันพร้อมจำเป็นต้องสร้างเด็กรุ่นใหม่ ให้ตระหนักประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

ทั้งนี้ยอมรับว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยเวลา และความเข้าใจ ให้อภัยกัน และสร้างความไว้ใจ ส่วนการเลือกตั้ง ยังมองว่าเป็นเพียงกระแสสังคมที่พูดกันไปเอง ขณะนี้สังคมยังมีปัญหา ความรุนแรงอยู่ โดยเฉพาะความรุนแรงทางใจ พร้อมเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ให้มีการเจรจา เปิดเวที ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น และบริหารความขัดแย้งของโครงสร้างทุกองค์กร อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำว่า คณะกรรมการ ป.ย.ป  มีความตั้งใจ และพร้อมเปิดกว้างพูดคุย รับฟังความเห็นทั้งส่วนกลาง และภูมิภาคได้พูดคุย เพราะการให้ความเห็นเป็นประโยชน์ต่อความขัดแย้งที่ผ่านมา วอนทุกฝ่ายอย่าสร้างเงื่อนไขแนวทางสร้างความปรองดอง

People unity news online : post 24 มีนาคม 2560 เวลา 01.41 น.

“บิ๊กป้อม” เดินหน้าปรองดอง มุ่งเข้าถึงประชาชน

People unity news online : เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ณ ห้องยุทธนาธิการ ในศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งที่ประชุมรับทราบการทำงานของคณะกรรมการฯ ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การทำงานมีความก้าวหน้า ขณะที่คณะอนุกรรมการต่างๆก็เตรียมพร้อม ส่วนที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิก็เห็นด้วยแนวทางการทำงานว่าเดินหน้ามาอย่างถูกทางแล้ว ยืนยันว่า ต้องดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเป็นตัวตั้งในการทำงาน ซึ่งเวลานี้ กำลังรับฟังความเห็นประชาชนไปแล้วตามจังหวัดต่างๆ ประมาณ 2 หมื่นคน ทั้งนี้ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิแนะนำให้พยายามเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยประชาชนทุกคนต้องรับรู้ถึงข้อตกลง และสัญญาประชาคม

ส่วนที่กลุ่ม กปปส.เสนอว่า ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า เรื่องปฏิรูปก็ดำเนินการตามกระบวนการปฏิรูป แต่รัฐบาลจำเป็นต้องยึดตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ใครจะมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้

ส่วนลักษณะสัญญาประชาชนจะเป็นอย่างไร ขอให้สื่อรอการทำงานก่อน ขณะนี้ยังอยู่ต้นทาง ยังไม่ปลายทาง ส่วนจะรับฟังความเห็นเสร็จสิ้นทันเดือนเมษายนหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า กำหนดไว้ว่าภายในเดือนมิถุนายนต้องเสร็จสิ้น พร้อมเดินหน้าประชาสัมพันธ์ต่อไป เพราะถือมีความสำคัญ

People unity news online : post 21 มีนาคม 2560 เวลา 22.23 น.

“เศรษฐา” ยันไม่ล้มพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กุมภาพันธ์ 2567 เบตง – “เศรษฐา” ยืนยันไม่ล้มการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ หลังครบ 11 ปี จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่พามาเที่ยวเพื่อสร้างโอกาส และย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับ จชต. เผยนัดกับนายกฯ มาเลเซียมาเที่ยวด้วยกัน แต่ติดภารกิจ หวังพบกันปีหน้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่วันนี้ครบรอบ 11 ปี การพูดคุยสันติภาพ ที่เริ่มต้นจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการลงนามในข้อตกลงทั่วไประหว่างคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพของไทยกับขบวนการบีอาร์เอ็นเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2566 จนมีการเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการพูดคุยต่อเนื่องจนถึงรัฐบาล นายเศรษฐา ที่คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการสันติสุข JCPP กับขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งจะมีการหาข้อสรุปในการหยุดยิง การปรึกษาหารือสาธารณะ และการแสวงหาทางออกทางการเมือง โดยตั้งเป้าให้มีการหยุดยิงภายในปี 2567

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการพูดคุยเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังดำเนินการตลอด แต่การลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะพูดเรื่องโอกาส และอนาคตที่ดีที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันว่า การพูดคุยไม่ล่ม ส่วนจะมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินหรือไม่ เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงจะพิจารณา

“มาวันนี้ไม่อยากพูดเรื่องความไม่มั่นคง อยากพูดเรื่องโอกาสและศักยภาพ อยากให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันว่า พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้รับความเท่าเทียมกับเรา ที่ผ่านมารัฐบาลมีงบประมาณมาที่นี่มากใส่เงินไปแล้ว ไม่สำเร็จเท่าการใส่ใจ”

นายเศรษฐา เปิดเผยด้วยว่า การลงพื้นที่มาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 วัน 2 คืน มีความประทับใจมาก และดีใจที่เป็นนายกรัฐมนตรีในรอบ 10 ปีที่มานอนค้างคืน ถือเป็นการแสดงเจตจำนงว่ารัฐบาลชุดนี้จะนำความเสมอภาค ความเท่าเทียมและโอกาสมาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอให้ไว้วางใจรัฐบาลนี้ ซึ่งอีกไม่นานจะเริ่มเข้าเดือนรอมฎอนแล้ว ก็จะถือศีลอด อดทน อดกลั้นไปด้วยกัน รัฐบาลจะเชื่อมประชาชนกับประชาชนทั่วประเทศ มาให้ความสำคัญกับโอกาสกับพี่น้องใน จชต. ส่วนความมั่นคงที่ผ่านมา 1 ปี ฝ่ายความมั่นคงก็ทำงานมาด้วยดี ความรุนแรงลดลงไปเยอะมาก จึงอยากเห็นทุกคนมีเงินในกระเป๋าด้วย เชื่อว่า ถ้าเศรษฐกิจดี การศึกษาดี ทุกคนได้รับสิทธิที่เท่ากัน ความสงบสุขก็เกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า เดิมได้นัดหมายกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มาเที่ยวด้วยกันที่ อ.เบตง จ.ยะลา แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ติดภารกิจที่ออสเตรเลีย มีการหารือทวิภาคกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีการส่งภาพถ่ายมายืนยันว่าไม่ได้เบี้ยว และหวังว่าในปีหน้าจะมาเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมาเลเซียก็มีความตั้งใจดีที่จะช่วยแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยซึ่งประชาชนสองประเทศก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม​

Advertisement

“มายด์ ภัสราวลี” ยันชุมนุมปี 63 เป็นคดีการเมือง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 มีนาคม 2567 รัฐสภา – “มายด์ ภัสราวลี” พร้อมทนายเข้าชี้แจง กมธ.นิรโทษกรรม ยันชุมนุมปี 63 เป็นคดีการเมือง ขอรวม ม.112 เชื่อเป็นก้าวแรกคลี่คลายขัดแย้ง

น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก และน.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นประธานประชุม เพื่อให้ความคิดเห็น และชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองว่ามีเป้าหมาย มีมูลเหตุทางการเมืองอย่างไร เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ

น.ส.พูนสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557-2562 มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร 2,400 คน หลังจากยกเลิกศาลทหาร ก็มีผู้ที่ถูกดำเนินศาลยุติธรรมอีกกว่า 100 คน ตั้งแต่กรกฎาคม ปี 2563-ปัจจุบัน มีคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง 1,957 คน และตัวเลขเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีการชุมนุม ส่วนใหญ่เกิดจากการโพสต์ข้อความในช่องทางออนไลน์ และเข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 112 ซึ่งการประชุมร่วมกับกมธ.นิรโทษกรรมจะพูดถึงที่มา และความสำคัญของเหตุผลที่ต้องมีมาตรา 112 และพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ด้านน.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดีและมีความสำคัญมากที่จะได้ชี้แจงว่าการชุมนุมที่เกิดในปี 2563 มีเหตุจูงใจเกี่ยวกับการเมืองไทย ทั้งยังเป็นประเด็นที่คนในสังคมถกเถียงกันอยู่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนของคดีมาตรา 112 เป็นหนึ่งในสาเหตุความขัดแย้งที่ถูกสะสม แล้วอาจจะก่อตัวเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคตได้ หากนิรโทษกรรมคดีอื่น ๆ ได้แต่แยกมาตรา 112 ออกจะพูดได้อย่างไรว่า ได้คืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพทั้งหมดแล้วจริง ๆ

“พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรา 12 จะต้องถูกรวมใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องรวมมาตรา 112 ไปด้วย เพื่อให้การคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง โดยเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปัญหา” น.ส.ภัสราวลี กล่าว

Advertisement

แห่ให้กำลังใจทหารฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 มิถุนายน 2568 หยุดยาว นักท่องเที่ยวแห่ให้กำลังใจทหารฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม พร้อมมอบสิ่งของ เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (31 พ.ค.-3 มิ.ย.) นักท่องเที่ยวชาวไทย ทยอยเดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กันอย่างคึกคัก ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ ต่างไปจากครั้งก่อนๆ ที่ขึ้นมาแล้วเดินชมปราสาทก่อนเข้าไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับนำสิ่งของ เครื่องใช้ ข้าวสารอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และน้ำดื่ม มามอบให้กับทหารกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก เพื่อเป็นกำลังใจกับทหารผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมเป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอมติจากรัฐสภากัมพูชายื่นต่อศาลโลกเพื่อให้ตัดสินว่าทั้งสามปราสาทนี้เป็นของประเทศไทยหรือของกัมพูชา

Advertisement

เตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรรมทุกสี

People Unity News : 9 พฤศจิกายน 2565 “หมอระวี” เตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรรมทุกสี  ยกเว้นโทษใน 3 คดี  “ทุจริต-คดีอาญารุนแรง-ม.112” เตรียมประสาน “นายกฯ – พรรคร่วมรัฐบาล” ผลักดันเข้าสู่สภาฯ

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่   กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ไปหารือกับหลายฝ่าย เพื่อหาทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ยุติความแตกแยกทางความคิดในบ้านเมืองช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา พร้อมยกร่างกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน  มีวัตถุประสงค์ให้คนในชาติกลับสู่ความสงบสุขสามัคคีกัน โดยสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ การนิรโทษกรรมแก่ประชาชนทุกกลุ่มที่ได้กระทำผิดจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565  ครอบคลุมตั้งแต่การใช้วาจา การโฆษณาต่อต้านรัฐบาล  การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในการชุมนุม  การประท้วงที่กระทบต่อสิทธิของบุคคลอื่นที่เป็นเหตุสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง จะไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาและแพ่ง ให้พ้นจากการกระทำผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

นพ.ระวี กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ จะไม่ครอบคลุมถึงความผิด 3 กรณี  ได้แก่ 1.การทุจริตคอร์รัปชัน 2.ความผิดทางอาญาที่รุนแรง  เช่น การยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือบุคคลอื่น 3.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112   ไม่อยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม  หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้   ถ้าคดีใดยังไม่ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ระหว่างสอบสวน ถือว่าให้ระงับการสอบสวน หรือยุติการส่งฟ้องต่อศาล   หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้ถอนฟ้อง  หรือถ้าคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล  ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี  และกรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดไปแล้ว ให้ถือว่า บุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด หากใครอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุด และได้รับการปล่อยตัว

“ร่างกฎหมายฉบับนี้ เพิ่งยกร่างเสร็จเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน  2565 ขณะนี้จะนำไปประสาน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบผลักดันเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จะพยายามผลักดันเข้าสู่สภาฯให้เร็วที่สุด ให้พิจารณาเสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯนี้  โดยใช้เวลาพิจารณาในชั้น กมธ.ไม่นาน แค่ 2-3 สัปดาห์ก็ส่งให้สภาลงมติวาระ 2-3  ได้ เพราะจะมีเนื้อหาแค่ 7 มาตราเท่านั้น มั่นใจจะได้รับความเห็นชอบจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะตอนยกร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ไปหารือกับแกนนำทุกกลุ่ม ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง  กปปส. แม้จะไม่ได้เห็นชอบด้วยทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นชอบด้วย” นพ.ระวี  กล่าว

Advertisement

8 องค์กรภาคธุรกิจ-เกษตร-แรงงาน เข้าให้ข้อคิดเห็นสร้างความสามัคคีปรองดอง

People unity news online :  เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ อนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เปิดเผยว่า ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจ เกษตร และแรงงาน  8 องค์กร ประกอบด้วย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน สภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะแก่คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง  ณ ศาลาว่าการกลาโหม สรุปดังนี้

ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของเกษตรกรเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรมีการถือครองที่ดินลดน้อยลง และได้รับการจัดสรรรายได้ที่ไม่เป็นธรรม โดยรายได้ไม่ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง ทำให้เกิดปัญหาหนี้สิน นำไปสู่การขายหรือจำนองที่ดินที่มีอยู่ให้กับนายทุน จนต้องสูญเสียที่ดินทำกินในที่สุด จึงเห็นว่ารัฐควรให้ความสำคัญกับภาคเกษตรมากขึ้น โดยการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกิดความเป็นธรรม ควรมีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม

สำหรับในส่วนของภาคธุรกิจเห็นว่าปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นปัญหาพื้นฐานที่ภาครัฐควรดูแลด้วยการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น โดยที่ภาคธุรกิจเอกชนจะเป็นส่วนช่วยเสริม เช่น กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร เป็นต้น ขณะที่ภาคธุรกิจ SMEs ส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาการขาดแคลนเงินทุนรวมทั้งการเข้าถึงแหล่งทุน ตลอดจนปัญหาเรื่องการหาตลาดยาก ดังนั้น การจัดทำแผนงานของภาครัฐในการส่งเสริมธุรกิจ SMEs จึงควรมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง

ขณะที่องค์กรภาคแรงงานเห็นว่ารัฐวิสาหกิจเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างความปรองดอง และต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการปรองดอง ซึ่งที่ผ่านมาภาคแรงงานมักถูกมองว่าเป็นพวกที่เรียกร้องแต่ผลประโยชน์ เนื่องจากยังขาดการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ภาครัฐจึงไม่ควรละเลยและควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะแรงงานปัจจุบันที่เป็นแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ และเห็นว่าควรได้รับผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ภาครัฐควรกำหนดทิศทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจที่ชัดเจน โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน และมองว่ารัฐสามารถใช้ประโยชน์รัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่งได้ ทั้งนี้ องค์กรภาคแรงงานสนับสนุนการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังในทุกด้าน รวมทั้งการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งผู้นำทุกคนจะต้องยึดถือในการบริหารประเทศตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้

People unity news online : post 4 เมษายน 2560 เวลา 15.33 น.

Verified by ExactMetrics