วันที่ 15 มิถุนายน 2025

เตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรรมทุกสี

People Unity News : 9 พฤศจิกายน 2565 “หมอระวี” เตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรรมทุกสี  ยกเว้นโทษใน 3 คดี  “ทุจริต-คดีอาญารุนแรง-ม.112” เตรียมประสาน “นายกฯ – พรรคร่วมรัฐบาล” ผลักดันเข้าสู่สภาฯ

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่   กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ไปหารือกับหลายฝ่าย เพื่อหาทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ยุติความแตกแยกทางความคิดในบ้านเมืองช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา พร้อมยกร่างกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน  มีวัตถุประสงค์ให้คนในชาติกลับสู่ความสงบสุขสามัคคีกัน โดยสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ การนิรโทษกรรมแก่ประชาชนทุกกลุ่มที่ได้กระทำผิดจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565  ครอบคลุมตั้งแต่การใช้วาจา การโฆษณาต่อต้านรัฐบาล  การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในการชุมนุม  การประท้วงที่กระทบต่อสิทธิของบุคคลอื่นที่เป็นเหตุสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง จะไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาและแพ่ง ให้พ้นจากการกระทำผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

นพ.ระวี กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ จะไม่ครอบคลุมถึงความผิด 3 กรณี  ได้แก่ 1.การทุจริตคอร์รัปชัน 2.ความผิดทางอาญาที่รุนแรง  เช่น การยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือบุคคลอื่น 3.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112   ไม่อยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม  หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้   ถ้าคดีใดยังไม่ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ระหว่างสอบสวน ถือว่าให้ระงับการสอบสวน หรือยุติการส่งฟ้องต่อศาล   หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้ถอนฟ้อง  หรือถ้าคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล  ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี  และกรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดไปแล้ว ให้ถือว่า บุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด หากใครอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุด และได้รับการปล่อยตัว

“ร่างกฎหมายฉบับนี้ เพิ่งยกร่างเสร็จเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน  2565 ขณะนี้จะนำไปประสาน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบผลักดันเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จะพยายามผลักดันเข้าสู่สภาฯให้เร็วที่สุด ให้พิจารณาเสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯนี้  โดยใช้เวลาพิจารณาในชั้น กมธ.ไม่นาน แค่ 2-3 สัปดาห์ก็ส่งให้สภาลงมติวาระ 2-3  ได้ เพราะจะมีเนื้อหาแค่ 7 มาตราเท่านั้น มั่นใจจะได้รับความเห็นชอบจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะตอนยกร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ไปหารือกับแกนนำทุกกลุ่ม ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง  กปปส. แม้จะไม่ได้เห็นชอบด้วยทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นชอบด้วย” นพ.ระวี  กล่าว

Advertisement

“มายด์ ภัสราวลี” ยันชุมนุมปี 63 เป็นคดีการเมือง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 มีนาคม 2567 รัฐสภา – “มายด์ ภัสราวลี” พร้อมทนายเข้าชี้แจง กมธ.นิรโทษกรรม ยันชุมนุมปี 63 เป็นคดีการเมือง ขอรวม ม.112 เชื่อเป็นก้าวแรกคลี่คลายขัดแย้ง

น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก และน.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นประธานประชุม เพื่อให้ความคิดเห็น และชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองว่ามีเป้าหมาย มีมูลเหตุทางการเมืองอย่างไร เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ

น.ส.พูนสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557-2562 มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร 2,400 คน หลังจากยกเลิกศาลทหาร ก็มีผู้ที่ถูกดำเนินศาลยุติธรรมอีกกว่า 100 คน ตั้งแต่กรกฎาคม ปี 2563-ปัจจุบัน มีคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง 1,957 คน และตัวเลขเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีการชุมนุม ส่วนใหญ่เกิดจากการโพสต์ข้อความในช่องทางออนไลน์ และเข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 112 ซึ่งการประชุมร่วมกับกมธ.นิรโทษกรรมจะพูดถึงที่มา และความสำคัญของเหตุผลที่ต้องมีมาตรา 112 และพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ด้านน.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดีและมีความสำคัญมากที่จะได้ชี้แจงว่าการชุมนุมที่เกิดในปี 2563 มีเหตุจูงใจเกี่ยวกับการเมืองไทย ทั้งยังเป็นประเด็นที่คนในสังคมถกเถียงกันอยู่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนของคดีมาตรา 112 เป็นหนึ่งในสาเหตุความขัดแย้งที่ถูกสะสม แล้วอาจจะก่อตัวเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคตได้ หากนิรโทษกรรมคดีอื่น ๆ ได้แต่แยกมาตรา 112 ออกจะพูดได้อย่างไรว่า ได้คืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพทั้งหมดแล้วจริง ๆ

“พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรา 12 จะต้องถูกรวมใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องรวมมาตรา 112 ไปด้วย เพื่อให้การคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง โดยเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปัญหา” น.ส.ภัสราวลี กล่าว

Advertisement

นายกฯชวนคนไทยร่วมทำความดีแบบไทยนิยม

People unity news online : นายกฯ ชวนคนไทยร่วมทำความดีแบบไทยนิยม เรียนรู้จากอดีต นำพาบ้านเมืองให้ก้าวหน้า พร้อมย้ำรัฐเคารพสิทธิเสรีภาพภายใต้กฎหมาย วอนสังคมประคับประคองการเปลี่ยนผ่านประเทศให้ราบรื่น

11 กุมภาพันธ์ 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชวนคนไทยรวมพลังขับเคลื่อนการกระทำความดีแบบไทยนิยม โดยย้ำว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญของบ้านเมืองที่จะก้าวพ้นจากความขัดแย้งในอดีต ด้วยการเรียนรู้ความผิดพลาดจากบทเรียนที่ผ่านมา และช่วยกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าเพื่อลูกหลานของเรา

“แนวทางสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน ทุกคนจะต้องมีความรักสามัคคี ไม่ทอดทิ้งกัน สร้างชุมชนให้เข้มแข็งอยู่ดีมีสุข อย่างพอเพียง รู้สิทธิหน้าที่ของตนเอง รู้กลไกของราชการ รู้รักประชาธิปไตย รู้เท่าทันเทคโนโลยี ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาเสพติด โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันตามหลักประชารัฐ”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีว่า พี่น้องประชาชนคาดหวังต่อรัฐบาลอย่างไร โดยเฉพาะการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน การแก้ไขปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจฐานราก การจัดระเบียบบ้านเมืองใหม่ การปฏิรูปหน่วยราชการที่เอาเปรียบประชาชน การปราบปรามยาเสพติด และเตรียมการเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การเมืองที่ดีขึ้น จึงขอให้เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติงานทุกอย่างนั้น เป็นไปเพื่อตอบสนองความคาดหวังของประชาชน ลบรอยแผลที่บอบช้ำของประเทศ และฟื้นฟูเยียวยาให้สังคมเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในระยะยาว”

สำหรับการแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพนั้น รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นความคิดและการกระทำ โดยขอให้คำนึงถึงขอบเขตของกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อน หรือก่อให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น การทำกิจกรรมต่างๆของประชาชนทุกกลุ่มจึงควรพิจารณาด้วยหลักเหตุและผล ใคร่ครวญถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้บุคคลบางกลุ่มฉวยโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งสร้างความวุ่นวายขึ้นในประเทศ

นายกฯยังขอให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง พร้อมทั้งขอให้สังคมช่วยกันประคับประคองการเปลี่ยนผ่านประเทศไปให้ได้อย่างราบรื่น

People unity news online : post 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.30 น.

นายกฯ มอบรางวัล “ค่าของแผ่นดิน” แนะทำดี ไม่ทำให้ขัดแย้ง

People Unity News : 7 กรกฎาคม 2566 นายกฯ มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2565 ระบุให้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ทำความดีให้คนอื่น และไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2565 ว่า วันนี้เป็นการมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณของผู้ทำความดี ในโครงการที่เรียกว่า ค่าแห่งแผ่นดิน โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจ

“อย่างที่บอกว่า แผ่นดินผืนนี้เป็นของคนไทยทุกคน ถึงเวลาเราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ก็คือทำให้คนบนแผ่นดินนั้น มีความเจริญเติบโต มีความพอเพียง มีอาชีพ มีรายได้ที่เหมาะสม ซึ่งได้ทำหลายโครงการด้วยกัน และโครงการนี้เป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรต่างๆ เป็นการช่วยกันทำ ตามหลักการที่ตนเคยบอกอยู่เสมอ คือ เราต้องมีการเผื่อแผ่และแบ่งปัน ในเรื่องของการทำความดีให้คนอื่น นั่นคือสิ่งที่สำคัญ ที่จะตอบกลับมาเป็นกุศลให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ ไม่ไปอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้ง และไม่ไปทำให้ปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไรก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะทำ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

โฆษก กห. เผยผลการพูดคุยแนวทางปรองดองกับภาคประชาสังคม 11 องค์กร

People unity news online : เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แถลงภาพรวมประจำสัปดาห์ ตลอด 3 วันตั้งแต่วันที่ 20-22 มีนาคม 2560 ในการพูดคุยแนวทางปรองดอง ต่อคณะอนุกรรมการ ป.ย.ป.ในส่วนภาคประชาสังคมว่า ขณะนี้มีองค์กรเข้ามาร่วมเสนอแนวทางปรองดองแล้ว 11 องค์กร ได้แก่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย/ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ/ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา/ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์/ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา/ เครือข่ายยุวทัศน์แห่งประเทศไทย/ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา/ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น/ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งชาติ/ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร/ มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งภาพรวมบรรยากาศเป็นไปด้วยดี และสร้างสรรค์ โดยทุกองค์กรมีความเข้าใจและมั่นใจในการเสนอข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งมองเรื่องปรองดองว่าทุกฝ่ายต้องเป็นกลาง เปิดใจตัวเองโดยไม่มีอคติ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ พร้อมมองถึงความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ เป็นเรื่องปกติของสังคม แต่บนความขัดแย้งต้องไม่มีเรื่องรุนแรง และทุจริต โดยมุ่งไปที่คนที่ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น การแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องแก้ที่คน เน้นปฏิรูปการศึกษา กระตุ้นจิตสำนึก ยอมรับสิทธิผู้อื่น รัฐเองต้องให้ความรู้ประชาชนมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสเท่าเทียมกันพร้อมจำเป็นต้องสร้างเด็กรุ่นใหม่ ให้ตระหนักประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

ทั้งนี้ยอมรับว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยเวลา และความเข้าใจ ให้อภัยกัน และสร้างความไว้ใจ ส่วนการเลือกตั้ง ยังมองว่าเป็นเพียงกระแสสังคมที่พูดกันไปเอง ขณะนี้สังคมยังมีปัญหา ความรุนแรงอยู่ โดยเฉพาะความรุนแรงทางใจ พร้อมเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ให้มีการเจรจา เปิดเวที ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น และบริหารความขัดแย้งของโครงสร้างทุกองค์กร อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำว่า คณะกรรมการ ป.ย.ป  มีความตั้งใจ และพร้อมเปิดกว้างพูดคุย รับฟังความเห็นทั้งส่วนกลาง และภูมิภาคได้พูดคุย เพราะการให้ความเห็นเป็นประโยชน์ต่อความขัดแย้งที่ผ่านมา วอนทุกฝ่ายอย่าสร้างเงื่อนไขแนวทางสร้างความปรองดอง

People unity news online : post 24 มีนาคม 2560 เวลา 01.41 น.

เผยเกณฑ์ทหารปีนี้ยอดสมัครใจกว่า 3.5 หมื่นคน

People Unity News : 24 เมษายน 2566 รองโฆษก ทบ.เผยเกณฑ์ทหารปีนี้ ยอดสมัครกว่า 3 หมื่นคน สูงกว่าทุกปี ผบ.ทบ.กำชับหน่วยเตรียมพร้อมรับน้องเล็กของกองทัพ พร้อมมีมาตรการป้องกันโควิด-ฮีทสโตรก

พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) เพื่อติดตามการปฏิบัติงานประจำสัปดาห์ ของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ซึ่งดำเนินการได้อย่างเรียบร้อยตามนโยบายของกองทัพที่ปรับและพัฒนาระบบการตรวจเลือก อาทิ การจัดคณะกรรมการตรวจเลือกประจำพื้นที่ ผลสำเร็จของการมีผู้สมัครเป็นทหารมากกว่าทุกปี เป็นจำนวนถึง 35,617 คน โดยในส่วนของกองทัพบกมีผู้สมัครสูงเกือบ 40% ซึ่งกองทัพบกจะนำข้อมูลผลการตรวจเลือก ข้อจำกัดในการตรวจเลือกปีนี้ไปพัฒนาต่อไป สำหรับการฝึกทหารใหม่ผลัด 1 / 66 จะรายงานตัววันที่ 15 พฤษภาคม นี้

“ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้ทุกหน่วยฝึกเตรียมความพร้อมในการดูแลทหารใหม่ตามแนวทางที่กองทัพบกได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะในปีนี้ต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เป็นความท้าทาย ได้แก่ การกลับมาแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และการเจ็บป่วยจากความร้อน (Heat Stroke) จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปีนี้ โดยผู้ฝึกและผู้บังคับหน่วยต้องศึกษาข้อมูล เตรียมการป้องกันผลกระทบหรืออันตรายในการฝึกทหารจะถึงนี้ทุกมาตรการ และปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว

พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในช่วงนี้ ผู้บัญชาการทหารบกกำชับหน่วยทหารให้มีมาตรการดูแลป้องกันความเจ็บป่วยจากอากาศร้อนและการเกิดอัคคีภัย โดยเฉพาะการดูแลระบบไฟฟ้า คลังยุทโธปกรณ์ พื้นที่ที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อเพลิง การปฏิบัติงานของกำลังพลที่ต้องสอดคล้องกับสภาพอากาศ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่าง ๆ ด้วย

Advertisement

กองทัพบกระดมสมองนักวิชาการ “การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยสันติวิธีและการไม่ใช้ความรุนแรง”

People Unity News : 21 มิ.ย. 65 ผบ.ทบ.ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นการบรรยายวิชาการหัวข้อ “การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยสันติวิธีและการไม่ใช้ความรุนแรง” ผบ.ทบ. แนะใช้การพูดคุย ลดความขัดแย้ง อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธีในสังคมที่แตกต่าง

กองทัพบกจัดบรรยายวิชาการ ในหัวข้อ “การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยสันติวิธีและการไม่ใช้ความรุนแรง” สะท้อนมุมมองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ โดยมีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสันติวิธีมาเป็นวิทยากรบรรยาย ได้แก่ นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า นางผกาวดี สุพรรณจินตวนา ประธานศูนย์การศึกษาสิทธิมนุษยชนความขัดแย้งและสันติภาพ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ พล.ต.ดนัยวัฒนา รุ่งอุทัย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและวิทยาการด้านความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพ ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยบรรยายครั้งนี้ ได้ผ่านระบบ Zoom Meeting ไปยังหน่วยทหารทั่วประเทศ

การจัดบรรยายวิชาการครั้งนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของกองทัพบก สืบเนื่องมาจากในปัจจุบันหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาค ส่งผลต่อความมั่นคงของประชาคมโลกและประเทศไทย ปัจจัยหนึ่งเกิดจากความขัดแย้งหรือการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน กองทัพบกจึงมีนโยบายให้ความรู้และแสวงหาข้อมูล เพื่อนำไปเป็นข้อพิจารณาและเป็นแนวทางปฏิบัติงาน รวมถึงเตรียมการด้านความมั่นคงเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจจะส่งผลต่อสังคมไทยในอนาคต โดยวิทยากรได้นำเสนอแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี อาทิ การสร้างสันติวิธีในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง หลักการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยสันติวิธี การเลือกใช้เครื่องมือในการจัดการความขัดแย้ง แม้มีความแตกต่างในด้านวัฒนธรรม พื้นฐานทางสังคม แนวคิด ความเชื่อ ก็สามารถมุ่งสู่สันติภาพได้โดยไม่มีความรุนแรง เป็นต้น

ผู้บัญชาการทหารบกร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยระบุว่า การอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธีบนความคิดเห็นที่แตกต่าง ใช้การพูดคุยในระดับที่เหมาะสมจะช่วยลดความขัดแย้งในสังคม กองทัพบกตั้งใจอยากให้สังคมไม่มีความขัดแย้ง จึงเปิดรับฟังข้อมูลและแสวงหาวิธีการที่จะทำให้สังคมมีความสงบสุข และพร้อมที่จะเชิญนักวิชาการผู้มีประสบการณ์มาเติมข้อมูลความรู้ในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

รัฐบาล-กทม.พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อ ปชช.

People Unity News : 17 มิถุนายน 2565 นายกฯ จับมือ “ชัชชาติ” ถ่ายรูปหลังแถลง ศบค. ย้ำพร้อมทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน ประเทศต้องเดินหน้าไปด้วยกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพื่ออนุมัติการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงแล้ว และเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนายกเมืองพัทยา ซึ่งได้พูดคุยและยืนยันจะทำงานร่วมกันทุกเรื่อง ได้รู้จักกันดีทุกคนอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีปัญหาในการทำงาน และช่วยกันทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศ วันนี้เชิญนายกเมืองพัทยามาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว ส่วนผู้ว่าฯ กทม.ต้องเข้าร่วมการประชุมตามวาระปกติอยู่แล้ว ทุกฝ่ายเข้าใจกันดี ไม่มีปัญหา เพราะวันนี้ประเทศต้องเดินหน้าไปด้วยกัน

นายชัชชาติ กล่าวว่า พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว มติ ศบค.ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่สะท้อนว่าสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง และพร้อมร่วมทำงานกับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า จากการประชุมได้รับทราบถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด ซึ่งในส่วนของเมืองพัทยา ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะนำเสนอผ่าน ศบค.ต่อไป

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายชัชชาติและนายปรเมศวร์กลับขึ้นไปบนตึกไทยคู่ฟ้า และนำเดินชมภายในตึกภักดีบดินทร์และบริเวณโดยรอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยว พร้อมชักชวนทุกคนร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน สนิทกัน พี่น้องกันทั้งนั้น จำได้ว่าเจอกันมานานแล้ว พร้อมชมนายชัชชาติว่า พอมาเจออีกทีแต่งเครื่องแบบดูหล่อ จากนั้นได้ถ่ายรูปร่วมกันบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีจับมือนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ระหว่างถ่ายรูปด้วย

Advertisement

นายกฯ เผยคุย ผบ.ทบ. ใกล้ชิด เรื่องสถานการณ์ใต้ เตรียมลงพื้นที่พร้อมนายกฯ มาเลเซีย 3 ส.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เผยคุย ผบ.ทบ. อย่างใกล้ชิด เรื่องสถานการณ์ใต้ เตรียมลงพื้นที่พร้อมนายกฯ มาเลเซีย 3 ส.ค.นี้

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2567) เวลา 15.30 น. ณ อาคารรื่นฤดี สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนใต้ ที่เกิดเหตุคาร์บอมในแฟลตตำรวจ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบก และมีความเป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ มีกำหนดลงพื้นที่ชายแดนใต้พร้อมนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียแต่ถูกเลื่อนไปนั้น นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะลงพื้นที่ไปพร้อมกัน ซึ่งหากมีความจำเป็นตนก็จะลงพื้นที่ไปก่อน คิวที่สามารถลงพื้นที่ไปพร้อมกันได้ก็คือวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นี้

Advertisment

“บิ๊กป้อม” เดินหน้าปรองดอง มุ่งเข้าถึงประชาชน

People unity news online : เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ณ ห้องยุทธนาธิการ ในศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งที่ประชุมรับทราบการทำงานของคณะกรรมการฯ ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การทำงานมีความก้าวหน้า ขณะที่คณะอนุกรรมการต่างๆก็เตรียมพร้อม ส่วนที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิก็เห็นด้วยแนวทางการทำงานว่าเดินหน้ามาอย่างถูกทางแล้ว ยืนยันว่า ต้องดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเป็นตัวตั้งในการทำงาน ซึ่งเวลานี้ กำลังรับฟังความเห็นประชาชนไปแล้วตามจังหวัดต่างๆ ประมาณ 2 หมื่นคน ทั้งนี้ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิแนะนำให้พยายามเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยประชาชนทุกคนต้องรับรู้ถึงข้อตกลง และสัญญาประชาคม

ส่วนที่กลุ่ม กปปส.เสนอว่า ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า เรื่องปฏิรูปก็ดำเนินการตามกระบวนการปฏิรูป แต่รัฐบาลจำเป็นต้องยึดตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ใครจะมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้

ส่วนลักษณะสัญญาประชาชนจะเป็นอย่างไร ขอให้สื่อรอการทำงานก่อน ขณะนี้ยังอยู่ต้นทาง ยังไม่ปลายทาง ส่วนจะรับฟังความเห็นเสร็จสิ้นทันเดือนเมษายนหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า กำหนดไว้ว่าภายในเดือนมิถุนายนต้องเสร็จสิ้น พร้อมเดินหน้าประชาสัมพันธ์ต่อไป เพราะถือมีความสำคัญ

People unity news online : post 21 มีนาคม 2560 เวลา 22.23 น.

Verified by ExactMetrics