วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

ก.ต่างประเทศ เผย ฮามาสปล่อยตัวประกันคนไทยกลุ่มแรก 10 คนแล้ว คาดเหลืออีก 20 คน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 พฤศจิกายน 2566 ก.ต่างประเทศ ยืนยันคนไทยกลุ่มแรกที่ฮามาสปล่อยตัว มีทั้งหมด 10 คน ในจำนวนนี้มี 4 คนที่ทางการอิสราเอลไม่เคยแจ้งมาก่อน ทั้งหมดอยู่โรงพยาบาล แพทย์อิสราเอลดูแลเต็มที่

ก.ต่างประเทศ แจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวไทยชุดแรกว่า วานนี้ (24 พ.ย.66) อุปทูตและเจ้าหน้าที่ สอท. ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวที่ รพ. Shamir Medical Center และยืนยันว่ามีกลุ่มคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวทั้งสิ้นจำนวน 10 ราย (ไม่ใช่ 12 รายตามที่เป็นข่าวแต่แรก) โดยมีรายชื่อ ดังนี้

1) นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน

2) นายสันติ บุญพร้อม

3) นายบุญถม พันธ์ฆ้อง

4) นายมงคล ผจวบบุญ

5) นายวิทูรย์ ภูมี

6) นายวิชัย กาละปัตย์

7) นายบัญชา กองมณี

8) นายบุดดี แสงบุญ

9) นายอุทัย ทุ่นศรี

10) นายอุทัย แสงนวล

โดยระหว่างการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ สอท. ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการแปลภาษา การดูแลขั้นพื้นฐาน และทยอยแจ้งญาติที่ประเทศไทยแล้ว ในเบื้องต้นจะอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลา 48 ชม. ซึ่งแพทย์อิสราเอลจะดูแลอย่างเต็มที่ โดยจะจัดคณะทางการแพทย์ 6 ชุด ดูแลผู้ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 10 คน และโรงพยาบาลจะจัดนักจิตวิทยาที่พูดภาษาไทยเพื่อให้ได้พูดคุย ทั้งนี้ทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ในฐานะเหยื่อของการก่อการร้าย ตามกฎหมายอิสราเอล ด้านรัฐบาลไทยจะดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับพี่น้องคนไทยทั้ง 10 คน กลับสู่ประเทศไทยและครอบครัวต่อไป

จากรายชื่อคนไทยกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 10 รายดังกล่าว มี 4 รายที่ทางการอิสราเอลไม่เคยแจ้งยืนยันมาก่อน ทำให้ขณะนี้ ยังคาดว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวชาวไทยอีก 20 ราย จากจำนวนเดิม 26 รายที่เคยได้รับการยืนยันจากฝ่ายอิสราเอลแล้ว และรัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยกลุ่มนี้ต่อไป

รัฐบาลไทยขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและที่ทางการไทยได้ขอความช่วยเหลือสนับสนุน อาทิ รัฐบาลกาตาร์ อิสราเอล อียิปต์ อิหร่าน มาเลเซีย และ ICRC รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาทุกฝ่ายอีกครั้ง ที่ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการผลักดันการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยจนได้รับการปล่อยตัวชุดแรก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวประกันที่เหลือทั้งหมดจะได้รับการดูแลและปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

Advertisement

นายกฯ โพสต์ข่าวดี ตัวประกันคนไทย 12 คน ถูกฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 ด่วน!! นายกฯ โพสต์ข่าวดี ตัวประกันคนไทย 12 คน ถูกฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทูตฯ กำลังไปรับ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า ได้รับการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงต่างประเทศ ว่ามีตัวประกันชาวไทย 12 คน ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตกำลังไปรับตัว อีก 1 ชั่วโมง น่าจะทราบชื่อและรายละเอียดต่างๆ ครับ กรุณาคอยติดตาม

Advertisement

“อรุณ บุญชม” ได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 19

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2566 กรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศ มีมติเลือก “อรุณ บุญชม” เป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น

ที่อาคารหอประชุมศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมสรรหาและให้ความเห็นชอบผู้ที่จะดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ด้วยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 66

โดยกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทุกจังหวัดได้ร่วมประชุมหารือและเสนอรายชื่อ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 3 ท่าน ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี หมายเลข 2 นายอรุณ บุญชม ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 นายวิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านเหนือ จังหวัดสงขลา

ผลการเห็นชอบในที่ประชุมได้เลือกนายอรุณ ด้วยคะแนน 471 คะแนน ส่วนนายประสาน ได้ 129 คะแนน และนายวิสุทธิ์ ได้ 115 คะแนน

หลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้นำเสนอชื่อนายอรุณ ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 ต่อไป

Advertisement

ด่วน!! รมว.ดีอี เผยพบ 1,158 หน่วยงาน ข้อมูลรั่ว ลั่นเอาจริงขโมยข้อมูล-ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2566 “ประเสริฐ” ระบุพบ 1,158 หน่วยงานข้อมูลรั่ว และ 21 หน่วยงาน ระบบไซเบอร์เสี่ยงสูง ยืนยันรัฐบาลนี้เอาจริงเรื่องขโมยข้อมูล ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ต้องจับตัวเอามาลงโทษให้ได้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาการหลุดรั่วของข้อมูลประชาชน ตลอดจนการซื้อขายข้อมูลประชาชนตามที่เป็นข่าว จึงเร่งดำเนินการ 6 มาตรการ เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยแบ่งเป็นระยะเร่งด่วน 30 วัน ระยะ 6 เดือน และระยะ 12 เดือน ดังนี้

ระยะเร่งด่วนใน 30 วัน

1.ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC Eagle Eye เร่งตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ พร้อมทั้งค้นหา เฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล โดยในช่วงวันที่ 9-20 พ.ย. 66 ได้ดำเนินการและมีผลดังนี้

-ตรวจสอบแล้ว จำนวน 3,119 หน่วยงาน (ภาครัฐ/ภาคเอกชน)

-ตรวจพบข้อมูลรั่วไหล/แจ้งเตือนหน่วยงานแล้ว จำนวน 1,158 เรื่อง

-หน่วยงานแก้ไขแล้วจำนวน 781 เรื่อง

นอกจากนี้ พบกรณีซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล 3 เรื่อง อยู่ระหว่างสืบสวนดำเนินคดีร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์ PDPC Eagle Eye เร่งตรวจสอบ 9,000 หน่วยงานใน 30 วัน

2.ให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ตรวจสอบช่องโหว่ ระบบ cybersecurity หรือระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII) อาทิ ด้านพลังงานและสาธารณสุข ด้านบริการภาครัฐ และการเงินการธนาคาร เป็นต้น โดยการตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ cybersecurity ช่วงวันที่ 9-20 พ.ย. 66

-ตรวจสอบระบบ cybersecurity แล้ว จำนวน 91 หน่วยงาน

-ตรวจพบมีความเสี่ยงระดับสูง 21 หน่วยงาน และ สกมช. ได้แจ้งให้แก้ไขแล้ว

นอกจากนี้พบการซื้อขายข้อมูลคนไทยใน darkweb (เว็บผิดกฎหมายที่คนร้ายหรือโจรออนไลน์นิยมใช้) จำนวน 3 เรื่อง อยู่ระหว่างสืบสวนดำเนินคดีร่วมกับ บช.สอท.

3.ให้ สคส. และ สกมช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมโรงแรมไทย รวมถึงเครือข่ายภาคสื่อมวลชน สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงาน ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Awareness Training) เช่น การป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก การตั้งค่าระบบอย่างปลอดภัย และการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด

4.ให้ดีอี และ สอท. เร่งรัดปิดกั้นการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ผิดกฎหมาย และดำเนินคดีจับกุมผู้กระทำความผิด

ระยะ 6 เดือน

5.ส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์กลางภาครัฐที่มีความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงปลอดภัยตามหลักวิชาการสากล รองรับการใช้งานของบุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันและลดปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล จากสาเหตุที่หน่วยงานภาครัฐส่งข้อมูลให้หน่วยงานภายนอก หรือขาดบุคลากรในการกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระยะ 12 เดือน

6.ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยต่อบริบทของสังคมและพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไป และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น

-พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

-พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพิ่มบทลงโทษทางอาญาในการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และ ให้อำนาจ สคส. ดำเนินคดีได้เอง โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายร้องเรียน

-พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพิ่มบทลงโทษแก่หน่วยงานรัฐที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

สำหรับ 6 มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแก้ปัญหาซื้อขายข้อมูล รัฐมนตรีดีอีได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 21 พ.ย.แล้ว

นายประเสริฐ กล่าวในตอนท้ายว่า “ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้เอาจริง เรื่องขโมยข้อมูล ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ต้องจับตัวเอามาลงโทษให้ได้ สำหรับเรื่องหน่วยงานปล่อยปละละเลยให้ข้อมูลรั่ว ตนได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เหมาะสม และระบบ cybersecurity ของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลประชาชนจำนวนมาก ยังพบว่ามีข้อมูลรั่ว และสั่งการให้เร่งแก้ไขไปแล้ว หากหน่วยงานไหนยังทำผิดซ้ำจะลงโทษอย่างเคร่งครัดเด็ดขาดตามกฎหมาย”

Advertisement

ทั่วไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศเย็นตอนเช้า

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2566 กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ กับมีหมอกตอนเช้า โดยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้ง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่าง (ฝั่งตะวันออก) ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศรายภาค

ภาคเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตอนบนของภาค : อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

Advertisement

เปิดประวัติ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023

People Unity News : 19 พฤศจิกายน 2566 เปิดประวัติ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก อายุ 26 ปี คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023

“แอนโทเนีย โพซิ้ว” เป็นลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ปัจจุบันอายุ 26 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก หลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการตลาดและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด

แอนโทเนีย เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการเข้าแข่งขันรายการเดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซั่น 1 และผ่านเข้ารอบ 15 คน และจบการประกวดอยู่อันดับที่ 10 ของซีซั่น

จากนั้น แอนโทเนีย เริ่มเข้าสู่เส้นทางการประกวดสาวงาม ในปี 2019 ได้เข้าประกวดเวทีนางงาม มิสซูปราเนชันแนลไทยแลนด์ 2019 และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ และทำให้แอนได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวดเวทีระดับโลกอย่าง มิสซูปราเนชันแนล 2019 และคว้าตำแหน่งมิสซูปราเนชันแนล 2019 มาครองได้สำเร็จ

ปี 2023 แอนโทเนีย ได้ตัดสินใจขึ้นเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ได้เป็นสาวงามตัวแทนของประเทศไทยไปชิงมงกุฎในระดับจักรวาล

ก่อนที่แอนโทเนีย จะเดินทางไปลุ้นมงกุฎที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ โดยมีชื่อติดท็อป 5 ของทั้ง 5 โพล ตัวเต็งมิสยูนิเวิร์ส 2023 ของทุกสำนัก แม้ในวันประกวดรอบตัดสิน แอนโทเนีย จะทำได้แค่รองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง แต่ก็กลายมาเป็นขวัญใจชาวไทยคนใหม่ ชนะใจคนไทยทั้งประเทศ

ส่วนเรื่องของหัวใจ “แอนโทเนีย” กำลังคบหาดูใจกับ “อิรฟาน ฟานดี” นักฟุตบอลชาวสิงคโปร์ ที่กำลังค้าแข้งในไทยลีก สังกัดสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ลูกชายของนักฟุตบอลระดับตำนานของสิงคโปร์ “ฟานดี้ อาหมัด”

Advertisement

ตร.ล้างประวัติอาชญากรกว่า 9.3 ล้านคน จากกว่า 13 ล้านคน คืนชีวิตให้ประชาชน

People Unity News : 16 พฤศจิกายน 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโครงการ “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน ได้แล้ว 9.3 ล้านคน จากกว่า 13 ล้านคน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงเปิดโครงการ “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนแก้ไขปัญหาในการคัดกรอง เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีอาญา แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง จะยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้ถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสหางาน กลับไปใช้ชีวิต ทำให้ขาดรายได้ และอาจทำให้ต้องก่ออาชญากรรม

จากข้อมูลที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่ามีรายการที่ยังไม่เคยมีการรายงานผลคดีถึงที่สุดในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร จำนวนกว่า 13 ล้านรายการ ทำให้สามารถคืนสิทธิ์ให้กับประชาชน ได้ 9.3 ล้านคน จาก 13,051,234 คน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ประวัติบุคคลให้สอดคล้องรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 วรรค 2 ว่า หากไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การถอนประวัติข้อมูล ของกองทะเบียนประวัติอาชญากรใน 9 ประเด็น คือ คดีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง, ยกฟ้อง, มีกฎหมายยกเลิกความผิดนั้น เช่น ใบกระท่อม กัญชา, ผู้เสพยาเสพติดที่ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่มีผลเป็นที่น่าพอใจ, ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรม, มีกฎหมายล้างมลทิน, ได้รับการอภัยโทษ, ไม่มีการกระทำความผิดซ้ำภายใน 20 ปี, ผู้ต้องหาเป็นเด็ก หรือเยาวชน, มีคำพิพากษาใหม่ว่ามิใช่ผู้กระทำความผิด และคดีขาดอายุความ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยถึงโครงการ “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ช่วยคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน ได้แล้ว 9.3 ล้านคน จากกว่า 13 ล้านคน ในช่วงปีที่ผ่านมามองว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการจะไม่เสียสิทธิ์ เช่น โทษเมาแล้วขับ จะไม่ใช่อาชญากร แต่ในส่วนของบริษัทเอกชน แต่ละบริษัทมีหลักเกณฑ์ มาตรฐานในการรับคนทำงานไม่เหมือนกัน แต่ยอมรับว่าโครงการดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 100% แต่จะพยายามแก้ปัญหาให้คนได้รับสิทธิมากที่สุดในการกลับไปใช้ในชีวิตในสังคม

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดให้ประชาชนตรวจสอบคุณสมบัติได้เองว่าเป็นผู้ที่อยู่ในโครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชนหรือไม่ ผ่านเว็บไชต์ www.crd-check.com หากมีชื่ออยู่ในโครงการ แสดงว่าประวัติอาชญากรรมของท่านถูกคัดแยกและถอนประวัติเรียบร้อยแล้ว

Advertisement

กรมบัญชีกลางเตือนภัย!!  ลิงก์ปลอมระบาด อย่ากด อย่าแชร์

People Unity News : 11 พฤศจิกายน 2566 นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่มีการแชร์ข้อมูลในสื่อโซเชียลโดยให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาลหรือระบบ Digital Pension โดยมีการส่งลิงก์ไปตามกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยลิงก์ ดังต่อไปนี้

(1) https://testflight.apple.com/join/f3bl89tt

(2) https://dps.vbn-th.cc/

(3) http://dps.lo-th.cc/

(4) http://dps.ox-th.cc/

“กรมบัญชีกลาง ขอชี้แจงว่า ลิงก์ดังกล่าวเป็นลิงก์ปลอมที่มิจฉาชีพทำขึ้นมาเพื่อหลอกลวง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรมบัญชีกลาง หากได้รับการแชร์ลิงก์ลักษณะนี้ ขอให้ผู้รับบำนาญและบุคคลในครอบครัว อย่าหลงเชื่อ และอย่ากดลิงก์โดยเด็ดขาด ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางไม่มีนโยบายโทรศัพท์หรือส่ง sms หรือไลน์ไปหาผู้รับบำนาญหรือบุคคลในครอบครัวแต่อย่างใด หากได้รับข้อมูลลักษณะนี้ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว อย่าสแกนใบหน้า อย่าแอดไลน์หรือแสกน QR Code หากมีข้อสงสัยให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางต่าง ๆ ของกรมบัญชีกลางเท่านั้น เช่น

– เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th

– facebook (กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department)

– YouTube (กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง)

– instagram (cgd_news)

– twitter (@Newscgd)

– tiktok (กรมบัญชีกลาง cgd_news)

– CGD Application

หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 (60 คู่สาย)” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

Advertisement

อุตุฯ เผยภาคกลาง-ตะวันออก-ใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 60%

People Unity News : 9 พฤศจิกายน 2566 กรมอุตุฯ เผยบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า

ขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก อ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

Advertisement

“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ยันไม่มีนโยบายวิสามัญ “เสี่ยแป้ง” วอนให้มอบตัว

People Unity News : 9 พฤศจิกายน 2566 ผบ.ตร. ยืนยันไม่มีนโยบายวิสามัญ “เสี่ยแป้ง” พร้อมขอให้เข้ามอบตัว รับประกันความปลอดภัย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจระดมกำลังปิดล้อมเทือกเขาบรรทัดเพื่อจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “เสี่ยแป้ง” ที่หลบหนีจากการควบคุมขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 กำลังเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมเสี่ยแป้งอยู่ โดยเชื่อว่าเสี่ยแป้งน่าจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ และยืนยันว่าบุคคลที่ตำรวจยิงปะทะเมื่อวานนี้คือเสี่ยแป้งแน่นอน

ยืนยันยังไม่มีการวิสามัญผู้ต้องหา ฝากประชาสัมพันธ์ญาติพี่น้องของผู้ต้องหา หากตัวเสี่ยแป้ง มีการติดต่อไป ก็ขอให้พาเสี่ยแป้งเข้ามอบตัว ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับประกันความปลอดภัย เพราะมีการหลบหนีมาเป็นเวลานานแล้ว แต่หากเสี่ยแป้งยังไม่ยอมมอบตัว แล้วยังยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมอีก เพราะตนเองก็ไม่มีนโยบายให้วิสามัญผู้ต้องหาใด ๆ ขอให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องหาสบายใจ

Advertisement

Verified by ExactMetrics