วันที่ 26 เมษายน 2024

การบินไทย นำผลิตภัณฑ์โครงการพัฒนาดอยตุง เปิดตัว Black Silk Blend บริการบนเที่ยวบิน

People Unity News : การบินไทย สนับสนุนโครงการพระราชดำริ นำผลิตภัณฑ์โครงการพัฒนาดอยตุง บริการบนเที่ยวบิน

15 มี.ค.2565 นายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทย ร่วมมือกับโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการนำผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม จากแหล่งผลิตแบบยั่งยืน (Sustainable Production) ของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ มาให้บริการผู้โดยสารของการบินไทย พร้อมเปิดตัว Black Silk Blend กาแฟดริปแบบพรีเมียม ที่นำมาให้บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจบนเที่ยวบินของการบินไทย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสาร ในเส้นทางบินสู่ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและเกาหลี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งมีความพิเศษกลิ่นหอมละมุนเมื่อดื่มที่ระดับความสูงกว่า 30,000 ฟุต จะทำให้สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นที่นุ่มนวล

อย่างไรก็ตาม โครงการความร่วมมือระหว่างบริษัท การบินไทย สายการบินแห่งชาติที่มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนแบรนด์ประเทศไทยและโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากเพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟบนยอดเขาสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยังเป็นการส่งเสริมการสร้างงานและคุณภาพชีวิตชุมชนแบบยั่งยืน ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำเมล็ดกาแฟที่ปลูกโดยเกษตรกรท้องถิ่น นอกจาก Black Silk Blend แล้ว ยังมีเมนูกาแฟพิเศษอื่นๆ หมุนเวียนบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการนำเมนูกาแฟแบบคาเฟ่ที่หลากหลาย มาให้บริการบนเที่ยวบินของการบินไทยจากทีมลูกเรือที่ได้รับการอบรมมาโดยเฉพาะ เสมือนมี Barista On-board

Advertising

รัฐบาลเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

People Unity News : รัฐบาลเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

7 มี.ค.2565 วันนี้ (7 มี.ค. 65) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนหน่วยงานในพระองค์ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเนื่องด้วยวันที่ 12 สิงหาคม 2565 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระชนมพรรษา 90 พรรษา นับเป็นมหามงคลพิเศษอย่างยิ่ง รัฐบาลเห็นควรให้มีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติทุกประการ และขอให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการต่างๆ และพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและความผาสุขของประชาชนชาวไทยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และเพื่อให้เยาวชนและประชาชนไทยทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นหลัง ได้ศึกษาหาความรู้จากโครงการต่างๆเหล่านี้ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงออกถึงความจงรักภักดี ทั้งนี้ ให้ช่วยกันจัดทำกิจกรรมและโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ สอดคล้องกับโครงการต่างๆของพระองค์ เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด ขยายผลให้เจริญเติบโต เกิดผลเป็นรูปธรรม และเห็นสมควรให้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะถวายเป็นพระราชกุศลและถวายพระชัยมงคล

อนึ่ง ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ครบ 6 รอบ และในวันที่ 5 ธันวาคม 2570 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะมีพระชนมพรรษา 100 พรรษา หรือ 100 ปีชาตกาล ซึ่งเป็นมหามงคลอีกวาระหนึ่ง รัฐบาลจะได้เตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ จึงขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันจัดทำโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเป็นโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานไว้ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรม/โครงการขอให้ดำเนินการตามแบบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีที่ได้ดำเนินการเช่นที่ผ่านมา

ที่ประชุมได้มีการพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ เช่น

  1. การกำหนดชื่อการจัดงาน กำหนดขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการกำหนดชื่องานว่า “การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565” โดยการกำหนดขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
  2. การแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ จำนวน 3 คณะ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานและเพื่อให้การดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยคณะกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วย

(1) คณะกรรมการฝ่ายพิธีการการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมี รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ จัดงานรัฐพิธี ศาสนพิธี งานพิธีการในนามรัฐบาล ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

(2) คณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจรการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

(3) คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ วางแผนการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง การนำเสนอภาพของการจัดกิจกรรม และการถ่ายทอดสดในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้ข้อเสนอแนะควรให้มีการแต่งตั้งผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยด้านสารธาณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย เพื่อให้การจัดงานและกิจกรรมต่างๆ มีความปลอดภัยและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมย้ำการจัดงานให้ดำเนินการภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเป็นไปอย่างเหมาะสมโดยให้นำการจัดกิจกรรมและโครงการเสนอที่ประชุม ศบค. พิจารณาด้วย

Advertising

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชน พระราชทานอาหารและเครื่องดื่ม

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชน พระราชทานอาหารและเครื่องดื่ม ประชาชนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

5 ธ.ค.64 บรรยากาศบริเวณโรงครัวพระราชทาน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ใกล้กับแยกนางเลิ้ง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่แจกจ่ายอาหารให้กับประชาชนที่เดินทางเข้ามาร่วมงานพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9 ให้ได้รับประทานอาหารตลอดทั้งวัน ซึ่งเดิมกำหนดการเปิดโรงครัวพระราชทานจะให้บริการในเวลา 11.00 น. แต่เนื่องจากมีประชาชนที่เดินทางเข้ามาร่วมงานตั้งแต่ช่วงเช้า โรงครัวพระราชทานจึงให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 น. ซึ่งอาหารที่ทำมาแจกจ่ายนั้นมีทั้งจากสนามครัวกองทัพบกและร้านอาหารจากสมาคมภัตตาคารอาหารไทย ที่นำอาหารคาวหวาน เช่น ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ ข้าวไก่ตุ่น รวมถึงน้ำดื่มและกาแฟ มาแจกจ่ายให้กับประชาชนตลอดทั้งวัน รวมถึงหลังเลิกงานก็จะมีการแจกจ่ายอาหารให้ประชาชนสามารถนำกลับไปรับประทานที่บ้านได้ด้วย

ขณะที่ ประชาชนที่เข้ามารับประทานอาหารในโรงครัวพระราชทาน ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชนมอบอาหารและน้ำดื่มได้รับประทานอาหารตลอดทั้งวันและรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เดินทางเข้ามาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ดีวันนี้

นอกจากนี้ ที่บริเวณโรงครัวพระราชทาน ยังมีการแสดงดนตรีจากดุริยางค์ตำรวจและการให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานเฉลิมพระเกียรติโดยผู้พันเบิร์ดและจิตอาสา พร้อมยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในบริเวณนี้ เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติให้ประชาชนรับชมระหว่างการรับประทานอาหาร หรือระหว่างนั่งคอยด้วย

Advertising

“บิ๊กตู่” ขอบคุณทุกภาคส่วนขับเคลื่อน “โคก หนอง นา โมเดล” ตามทฤษฎีใหม่ ร.9 – พระราโชบาย ร.10

People Unity News : “ประยุทธ์” ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อน “โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ดำเนินการแล้ว 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน

วันนี้ (10 พ.ย.64) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่ได้ประยุกต์การใช้ศาสตร์พระราชา ตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด จากทฤษฎีใหม่สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ภายใต้การออกแบบพื้นที่เพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน เน้นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร เพื่อให้เกิดสมดุลของระบบนิเวศ ตลอดจนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ เป็นหลักประกันในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ขณะเดียวกัน ช่วยรองรับกลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน วงเงินกว่า 4,780 ล้านบาท  ปัจจุบันได้มีการดำเนินการแล้วใน 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน โดยได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.20

นายธนกร กล่าวว่า โครงการ โคก หนอง นา โมเดล ครอบคลุม 7 กิจกรรม ได้แก่ 1) การฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรม 2) ปรับปรุงพื้นที่ การสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ 3) การสร้างงานสร้างรายได้รายเดือนให้แก่เกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน 4) การกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน 5) การบูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับตำบล 6) การพัฒนาสร้างมาตรฐานผลผลิต การแปรรูป และการตลาด ตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย และ 7) การพัฒนาระบบดิจิทัลรองรับ Local Economy ด้วยการสร้างระบบโปรแกรมและระบบฐานข้อมูลที่สามารถใช้ต่อยอดในประโยชน์ด้านต่างๆในอนาคต นายกรัฐมนตรีติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ซึ่งได้กำชับให้มีการดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างแท้จริง  พร้อมชื่นชมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ที่ได้ให้ความร่วมมือกันดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างดี ร่วมกัน พลิกโฉมประเทศไทยทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน ประชาชนมีความรู้ มีกิน มีใช้ แม้ในห้วงสถานการณ์วิกฤตนี้

Advertising

ร้าน Inspire โดยกองทุนกำลังใจฯพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เปิดบริการแล้วที่อาคาร ก.ยุติธรรม

People Unity News : ร้าน Inspire โดยกองทุนกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เปิดให้บริการแล้ว ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา พลอากาศโท สมคิด สุขบาง รองประธานคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ และคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ รวมถึง เคานต์เจอรัล แวน เดอ สตราเทน พอนโธส ประธานมูลนิธิเจ้าพระยา อภัยราชาสยามานุกูลกิจ หม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต รองประธานมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ นางเตือนใจ สินธุวณิก และ ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร คณะกรรมการมูลนิธิฯ ได้เข้าเยี่ยมชมร้าน Inspire พร้อมอุดหนุนสินค้าโครงการกำลังใจฯ ซึ่งร้าน Inspire เปิดให้บริการแล้ว ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม

โดยภายในร้านจัดจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขังจากเรือนจำและทัณฑสถานในโครงการกำลังใจทั่วประเทศ อาทิเช่น สายคล้องแมส พวงมาลัยกระดาษทิชชู จากทัณฑสถานหญิงธนบุรี, กระเป๋าควิลท์ จากทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก, ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ หน้ากากอนามัย จากทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่, กระเป๋าสม็อค จากทัณฑสถานหญิงกลาง, ผ้าถุงเกาะยอ จากทัณฑสถานหญิงสงขลา, เครื่องประดับโครเชต์ จากเรือนจำกลางขอนแก่น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีน้ำสมุนไพร และผักออร์แกนิก ซึ่งเป็นสินค้าจากคนต้นแบบโครงการกำลังใจฯ สำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้นับเป็นการสร้างพลัง สร้างโอกาส และสร้างอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษ ไม่ให้หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ โดยร้าน Inspire  เปิดให้บริการในวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 15.00 น. ทั้งนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย มาจำหน่ายในร้าน Inspire ด้วย

Advertising

ประยุทธ์เดินหน้า “โครงการแก้มลิง” ตามพระราโชบาย ร.10 สืบสานโครงการพระราชดำริ ร.9

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯเดินหน้า “โครงการแก้มลิง” ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 สืบสาน รักษาและต่อยอด โครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9 ช่วยบรรเทาวิกฤตน้ำท่วม

9 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญในการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ รัฐบาลได้เร่งดำเนินการโครงการแก้มลิงทั่วประเทศในพื้นที่ 65 จังหวัด รวม 914 รายการ ปริมาตรน้ำกักเก็บ 606.93  ล้าน ลบ.ม. วงเงิน 23,060.7182 ล้านบาท ด้วยการน้อมนำพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย “โครงการแก้มลิง” หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริไว้ในการแก้ปัญหาอุทกภัย ปัญหาน้ำท่วมขังในประเทศไทย รัฐบาลนำมาเป็นนโยบายการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ได้แก่ พื้นที่ 12 ทุ่ง ในภาคกลางตอนล่าง และ ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม/ชะลอน้ำหลาก ได้ถึง 1.41 ล้านไร่ และสามารถรองรับน้ำได้ถึง 1,704 ล้าน ลบ.ม.

นายธนกร กล่าวว่า ล่าสุดการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยของนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ยังได้ติดตามการเตรียมพื้นที่รับน้ำแก้มลิงบริเวณแม่น้ำยมฝั่งซ้าย เพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยด้วย โครงการแก้มลิงไม่เพียงแต่แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งได้ด้วย อีกทั้งสามารถปล่อยน้ำในการผลักดันไม่ให้น้ำเค็มจากทะเลไหลเข้าสู่แม่น้ำลำคลองและพื้นที่การเกษตร และน้ำจืดที่เก็บกักไว้ในแก้มลิง ประชาชนสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค ทำให้คนไทยมีน้ำกินน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี

Advertising

“ประยุทธ์” ชูโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันของพระเทพต่อที่ประชุมอาหารโลกสหประชาชาติ

People Unity News : “ประยุทธ์” กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยระบบอาหารโลก (Food Systems Summit 2021) ย้ำเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืน เป็นธรรม

24 กันยายน 2564 เวลา 03.15 น. (ซึ่งตรงกับวันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 16.15 น. ณ นครนิวยอร์ก) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยระบบอาหารโลก (Food Systems Summit 2021) ณ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

ไทยในฐานะประเทศที่มีภาคเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ตระหนักถึงความสำคัญของระบบอาหารต่อความอยู่รอดของทุกชีวิต โดยสถานการณ์โควิด-19 ช่วงที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความเปราะบางของระบบอาหาร ไทยจึงขอผลักดันให้ประชาคมโลกร่วมมือกันพลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืนและสมดุลในทุกมิติ สร้างความมั่นคงทางอาหารที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

หนึ่งในโครงการที่สำเร็จด้านการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารและภาวะทุพโภชนาการในพื้นที่ทุรกันดาร คือ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ การพลิกโฉมระบบอาหารทั้ง 5 ด้าน ตามข้อเสนอของสหประชาชาติ สอดคล้องกับแนวทางของไทย นโยบายเกษตรและอาหาร “3S” ประกอบด้วย 1. ความปลอดภัยทางอาหาร (Safety) 2. ความมั่นคง (Security) และ 3. ความยั่งยืนของทรัพยากรและนิเวศการเกษตร (Sustainability)

ประเทศไทยอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อการพัฒนาอย่างสมดุล ยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ ผ่านการร่วมมือกับสหประชาชาติจัดตั้ง “วันดินโลก” และร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) มอบรางวัลให้แก่ ประเทศ องค์กร หรือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาหรือจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคีเครือข่ายภายในและระหว่างประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบอาหารโลก นำไปสู่การพลิกโฉมระบบอาหารเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ FoodSystems4SDGs ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อนึ่ง การเข้าร่วมการประชุมฯ ร่วมกับประมุขของรัฐ ผู้นำรัฐบาล และหัวหน้าคณะตัวแทนจากประเทศต่างๆ เป็นโอกาสให้ไทยที่ได้นำเสนอแนวคิดในการเปลี่ยนผ่านระบบอาหารให้มีความยั่งยืน เป็นธรรม และดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริโภค และแสดงความมุ่งมั่นในการเป็น “ครัวของโลก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ร่วมกับนานาประเทศขับเคลื่อนไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในปี ค.ศ.2030

Advertising

ในหลวงพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยเพิ่มอีก 1 คัน เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกในชุมชน

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยเพิ่มเติมแก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด 19 เชิงรุก ในชุมชน และพื้นที่ระบาด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

วันนี้ (20 สิงหาคม 2564) ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบหมายให้นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้แทนรับพระราชทาน รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มอีก 1 คัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อกระทรวงสาธารณสุขและประชาชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงห่วงใยและติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 อย่างใกล้ชิด ซึ่งรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยที่ได้พระราชทานในวันนี้ มูลนิธิไทยพึ่งไทย (สมพล – เรณู เกยุราพันธุ์) และสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย – จีน น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทาน รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยให้แก่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว จำนวน 36 คัน รถต่อพ่วงชีวนิรภัย จำนวน 6 คัน และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน 5 คัน สำหรับใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการให้บริการเก็บตัวอย่างโรคโควิด 19 แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวัง และค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก โดยผู้เข้ารับการตรวจไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาล ทั้งนี้ ปัจจุบันรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย รถต่อพ่วงชีวนิรภัย และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ พระราชทาน ยังคงให้บริการประชาชนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เช่น โรงเรียน วัด และชุมชนแออัด

Advertising

“บิ๊กตู่” ประชุมมูลนิธิโครงการหลวงสนองพระราโชบาย ร.10 สืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการหลวง

People Unity News : รัฐบาลติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง สนองพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง

วันนี้ (7 ก.ค.64) เวลา 09.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง ครั้งที่ 1/2564 (ผ่านระบบ VDO Conference) โดยมี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรีและประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรีและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรีและที่ปรึกษาพิเศษ สวพส. ร่วมประชุม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานผลการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง และหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงที่ผ่านมา โดยรัฐบาลยินดีให้การสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงมาโดยตลอดและต่อเนื่อง รวมทั้งจะติดตามการทำงานเพื่อเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานโครงการหลวง และพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดงานโครงการหลวง ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานให้สอดคล้องตามพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด และพัฒนาให้ดีขึ้น ตลอดจนมีการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า ประหยัด เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบการนำแผนกลยุทธ์มูลนิธิโครงการหลวง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อเป็นแนวทางในการประสานประโยชน์จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนงานโครงการหลวงต่อไป รวมทั้งที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการร่างแผนปฏิบัติการฯ 3 แผน ดังนี้

1.เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาพื้นที่โครงการหลวงระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และกรอบงบประมาณ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ไปพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการฯ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งมอบให้หน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการและจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

2.เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และกรอบงบประมาณ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยืนยันความสอดคล้องของแผนปฏิบัติการฯ กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการและนำแผนปฏิบัติการฯไปใช้ในการจัดทำคำของบประมาณประจำปี

3.เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2557) และกรอบงบประมาณ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.)  ยืนยันความสอดคล้องของแผนปฏิบัติการฯ กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งกำหนดให้แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนฯ เป็นแผนงานบูรณาการระดับประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการเสนองบประมาณในการดำเนินแผนงานโครงการต่างๆ ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน รวมทั้งใช้จ่ายงบประมาณให้และเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีความชัดเจน โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการลดภาวะโลกร้อน นำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์ในครัวเรือนแทนการเผาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ในการพัฒนาพื้นที่สูง รวมทั้งการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินการต่างๆของรัฐบาล ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ Bio-Circular-Green Economy (BCG Model) เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของประเทศ พร้อมขอให้ประชาชนนำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่รอดได้อย่างดีภายใต้สถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

Advertising

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มแก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ 6,400 ราย

People Unity News : “ประยุทธ์” ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการวันแรกสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานฯ แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และชุมชนโดยรอบ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (25 มิ.ย. 2564) เมื่อเวลา 09.30 น. ณ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการวันแรกสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาลเป็นกลุ่มแรก จำนวน 6,400 ราย (วัคซีนจำนวน 6,400 โดส) เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 64 พรรษา 4 กรกฎาคม 2564 และเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม และได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อประเทศชาติ นับเป็นพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทย โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมตรวจเยี่ยมด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ในวันนี้มีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลพยายามจัดหาวัคซีนให้ประชาชนทุกคนตามความเหมาะสม พร้อมย้ำบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลผู้ปฏิบัติงาน ระหว่างดูแลประชาชนขอให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพตนเองไปพร้อมด้วย โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณุข สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด

นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 64 พรรษา 4 กรกฎาคม 2564 โดยวัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก จำนวน 1 ล้านโดส ที่ได้จัดส่งถึงประเทศไทยแล้วนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานให้แก่หน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ รวมทั้งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จำนวนแห่งละ  6,400 โดส รวมทั้งหมด 25,600 โดส ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐบาลที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยวันนี้การฉีดวัคซีนจะเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และจะเร่งดำเนินการกระจายวัคซีนไปในทุกจังหวัด โดยบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการจัดหาวัคซีนก็ยังเป็นไปตามแผนที่กำหนด และจะมีการเร่งเจรจาจัดหาและจัดซื้อเพิ่มเติมอีก เพื่อให้เพียงพอสำหรับประชาชนทุกกลุ่มและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนในประเทศ

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นปัจจุบันนั้น นายกรัฐมนตรีได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมที่จะดูแลประชาชน รวมถึงมีการปรับเตียงรองรับผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจัดหาสถานที่ ห้องความดันลบ และจัดหาเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึงและทันท่วงที ซึ่งคาดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เร่งรัดดำเนินการสำหรับแรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งได้กำชับและสั่งการให้กระทรวงแรงงานไปตรวจโรงงานที่รับแรงงานที่ผิดกฎหมายซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพราะตราบใดที่มี Demand ก็ยังมี Supply และมีคนแสวงหาประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมไม่ได้ หากพบว่าใครเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกลงโทษ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ควบคู่กับการดำเนินการในหลายเรื่อง ทั้งการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมด้วย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโควิด-19 รัฐบาล ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญยึดหลักร่วมกัน คือ 1. การดูแลเรื่องการติดเชื้อ การแพร่ระบาด 2. การตรวจสอบคัดกรองเชิงรุก 3. การปิดกั้นพื้นที่ที่แพร่ระบาดด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน 4. การจัดหาวัคซีน ทั้งที่ได้มาแล้วสู่การฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด และการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 5. การรักษาสมดุลกับการควบคุม เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหลายประเทศให้ความสนใจ ต้องการมาเที่ยวประเทศไทย แต่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต ที่กำลังจะเปิดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ก็ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปดูแลแล้ว ซึ่งหากดำเนินการในพื้นที่ภูเก็ตได้ ก็จะมีการพิจารณาขยาย Phuket Sandbox ไปดำเนินการในพื้นที่อื่นด้วย

Advertising

Verified by ExactMetrics