วันที่ 22 กรกฎาคม 2025

โฆษกปชป. แนะทุกฝ่ายยึดหลักศึกษาแก้ไข รธน. ให้เป็นปชต.เต็มรูปแบบ

People Unity News : โฆษก ปชป. แนะ ทุกฝ่ายยึดหลักศึกษาแก้ไข รธน. ให้เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เพื่อประโยชน์ “ประชาชน-ประเทศชาติ” เตือนอย่าโต้เถียงจนขัดแย้งทางการเมือง

วันที่ 9 พ.ย.2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ประเด็นดังกล่าวขอให้ทุกฝ่ายอย่าโต้เถียงกันจนเป็นประเด็นขัดแย้งในทางการเมือง แต่ควรยึดหลักให้ได้ว่าหลักที่สำคัญที่จะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบมากขึ้น ประชาชนประเทศชาติได้ประโยชน์เราจะมาช่วยกันอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้น แน่นอนว่าพรรคการเมือง รัฐบาล รัฐสภา ก็จะเป็นหลักในการขับเคลื่อน เมื่อขณะนี้มีญัตติเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้เข้าสู่การแก้ไข แต่เป็นการตั้งคณะกรรมาธิการมาเพื่อศึกษา อย่าให้เสียหลักตั้งแต่เริ่มตั้งต้น มีส่วนไหนที่ควรนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อกำหนดทิศทาง ส่วนไหนของรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ส่วนไหนที่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ส่วนไหนที่ควรกำหนดไว้ให้เป็นสิทธิของประชาชนกลับคืนมา การแก้ไขที่กำหนดให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขยากทำอย่างไรที่จะทำเป็นการแก้ไขโดยใช้เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี คนที่มีความสามารถ คิดดี ทำดี มีแง่มุม มีประสบการณ์ ปราศจากอคติทั้ง 4 คิดโดยยึดหลักเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ทุกคนมีสิทธิที่จะเข้ามามีส่วนร่วมได้โดยผ่านกลไกการเสนอของพรรคการเมือง หรือ รัฐบาล

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองแรกที่ชูธงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำหนดเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล จนนำไปสู่การกำหนดไว้เป็นนโยบายของรัฐบาล มีหลักการคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศเพื่อระบบประชาธิปไตยที่ดีขึ้นมีความชัดเจนมาตั้งแต่ต้น และล่าสุดมติที่ประชุม ส.ส. ก็ชัดเจนว่าสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ และพร้อมสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมติที่ประชุม ส.ส.ก็ให้วิปของพรรคไปพูดคุยกับวิปรัฐบาล พรรคร่วม และพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อได้ข้อหารือความเห็นพ้องต้องกันว่าทุกพรรคการเมืองจะมีแนวทางอย่างไร ผลเป็นเช่นใด วันอังคารที่จะถึงนี้ก็จะมีการกลับมารายงานก็ว่ากันไป ตามมติที่ประชุม ส.ส.พรรค มีกลไกเหล่านี้อยู่ ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภา

“อนุสรณ์”สอน”ประยุทธ์”หยุดลงพื้นที่ถ้าเป็นภาระประชาชน

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทย สอน “ประยุทธ์” ถ้าภารกิจเป็นภาระประชาชนต้องหยุดลงพื้นที่ รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว ขณะที่ “สุทิน” มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

วันที่ 9 พ.ย.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปลี่ยนจุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์หนีม็อบสมัชชาคนจนในการลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า ตั้งแต่ยุคคสช. ถึงยุคหลังคสช. ภารกิจในการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ละครั้งสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ไปไหนมาไหนแทบจะสั่งปิดเมือง หยุดทุกภารกิจชีวิตของประชาชนมาดำเนินการต้อนรับ ยกระดับคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์ ครม. ข้าราชการส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง เกณฑ์ประชาชนมาต้อนรับ วุ่นวายไปหมดทั้งเมือง เดือดร้อนไปถึงโรงเรียนที่ต้องสั่งปิดเพื่อเกณฑ์เด็กนักเรียนมารับพล.อ.ประยุทธ์ จะมีกุนซือบอก หรือคิดเองว่า ต้องมีการสร้างภาพให้ใกล้ชิดประชาชน แต่การลงพื้นที่แต่ละครั้ง ถ้ามันเพิ่มภาระให้กับประชาชน ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือสร้างภาพ ไม่จริงใจต่อการรับฟังและแก้ไขปัญหา กลัวประชาชนจะร้องเรียนหรือสร้างปัญหาให้ ต้องหยุดลงพื้นที่

“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ติดยึดกับรูปแบบ แต่ต้องเน้นที่สาระและผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก จะลงพื้นที่รับฟังปัญหา ก็ต้องลงรับฟังด้วยความจริงใจ เข้าถึงสภาพปัญหาที่แท้จริง ไม่มองประชาชนผู้เดือดร้อนเป็นภาระหรือสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ เอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรัฐบาลไม่ได้สั่งการให้มีการปิดการเรียนการสอนโรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงพื้นที่ราชการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ก็ไม่ได้สั่งการเช่นกัน แต่ทางโรงเรียนได้ประกาศปิดเอง ซึ่งทางจังหวัดได้เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศฯ มาหารือร่วมกันแล้ว ทางผู้อำนวยการโรงเรียนฯ จะยกเลิกการปิดเรียน แต่ผ่อนผันให้นักเรียนที่จะมาเรียนช้ากว่าเวลาเข้าเรียน โดยไม่ถือว่ามาสายหรือขาดเรียนเพราะคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการจราจรที่น่าจะตัดขัดมากในช่วงเช้า

“สุทิน”มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเสนอชื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า บุคคลที่มีการเสนอชื่อออกมาถือว่าเหมาะสมทั้งคู่ แต่ นายสุชาติ จะมีความแปลกและสับสนในหลักการที่รองประธานสภาฯ จะมาเป็นประธานกรรมาธิการ ไม่ค่อยเห็นใครทำกัน และส่วนตัวคิดว่าถึงวันที่จะเลือกประธานคณะกรรมาธิการจริงๆ น่าจะมีทางเลือกได้มากกว่า 2 คนที่มีชื่อออกมา จะเป็นคนนอกก็ได้คนในก็ดี

เมื่อถามว่าประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ควรเป็นคนจากพรรคแกนนำหลักรัฐบาลหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนของพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ต้องเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยความร่วมมืออย่างกว้างขวาง ขณะที่กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการพูดคุยในสัปดาห์หน้าก่อนญัตติดังกล่าวเข้าที่ประชุมสภาฯ รวมถึงประเด็นว่าเราจะเสนอบุคคลไปชิงตำแหน่งประธานด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ถ้าพรรคประพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ส่งบุคคลชิงประธานพรรคฝ่ายค้านจะสนับสนุนใครนั้นนายสุทิน ระบุว่า เรื่องดังกล่าวยังไปไม่ถึง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าก็คงหยิบยกมุมมองต่างๆ ขึ้นมาหารือในหลักการ

ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการวิสามัญในสภาฯ ว่า กรณีตั้งกรรมาธิการวิสามัญตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 92 เขียนไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งกรรมาธิการได้ 1 ใน 4 ของกรรมาธิการทั้งหมด ที่เหลือให้เป็นไปตามสัดส่วนของพรรคการเมืองตามจำนวนสมาชิก ถ้าตั้งกรรมาธิการ 49 มาหาร 4 ครม. จะได้ 12 คน ที่เหลือ 37 คน เป็นไปตามสัดส่วนพรรคการเมือง เมื่อคำนวณแล้วพรรคฝ่ายค้านจะได้ 19 เสียง รัฐบาลได้ 18 เสียง ใน 19 เสียง พรรคเพื่อไทยจะได้ประมาณ 10-11 เสียง ซึ่งตอนนี้กำลังพิจารณากันอยู่ จะเป็นทั้ง ส.ส. และสมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็น ส.ส.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า สำหรับกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นมือกฎหมายที่มีความรู้ความสามารถและทำงานร่วมกับพรรคมานาน รวมถึง ส.ส. ที่คอยประสานงานกับพรรคร่วมในสภาฯ อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาฯ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม

“บิ๊กป้อม”กำชับฝ่ายปกครองทำงานร่วมทุกฝ่ายดูแลปชช.ช่วงเทศกาลลอยกระทง

People Unity News : “บิ๊กป้อม”กำชับฝ่ายปกครองทำงานร่วมกับตำรวจ ทหารและภาคจิตอาสา รับมือและดูแลความปลอดภัยประชาชน ช่วงเทศกาลลอยกระทง

วันที่ 9 พ.ย.2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ กระทรวงมหาดไทย โดยขอให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ระดับต่างๆ ประสานการทำงานร่วมกับ ตำรวจ ทหารและภาคจิตอาสา ร่วมกันดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และอำนวยความสะดวกการจราจรในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่กำลังมีขึ้น ซึ่งคาดว่ามีประชาชนจำนวนมาก เดินทางร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกัน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงาน

โดยย้ำขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่จัดงาน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ร่วมกันตรวจสอบความแข็งแรงของท่าน้ำและพื้นที่จัดงาน จัดให้มีแสงสว่างเพียงพอและมีมาตรการต่างๆรองรับ ทั้งการเฝ้าระวังและป้องกัน พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆที่อาจมีขึ้น ทั้งอุบัติเหตุจากทางน้ำและท้องถนน อัคคีภัย และปัญหาอาชญากรรม หรือกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง

ขณะเดียวกัน ขอให้เข้มงวดกวดขันกับการล่อลวงเด็ก การจำหน่ายพลุดอกไม้ไฟ รวมทั้งสุรา ยาเสพติดหรือสิ่งมึนเมา ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนและปัญหาอาชญากรรม พร้อมทั้งขอให้ร่วมกันรณรงค์สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทยและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการขอความร่วมมือกันรักษาความสะอาดพื้นที่จัดงานและแม่น้ำลำคลอง ใช้กระทงที่ประดิษฐ์ด้วยวัสดุที่ย่อยสลายง่าย ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความสวยงามของประเพณีไทยโบราณนี้ด้วยกัน

“สุวัจน์”มองอีอีซีโอกาสประเทศไทยและเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ

People Unity News : “สุวัจน์”มองอีอีซีโอกาสประเทศไทยและเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ พร้อมฝากอารยะสถาปัตย์กับเหตุสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่ม แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา ในงาน ASA Real Estate Forum 2019 ณ พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้า สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร โดยมีนายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ นายวีรพล จงเจริญใจ ประธานการจัดงานฯ และนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคม อสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมเปิดงาน

ภายหลังจากการเปิดงาน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ประเทศไทย : เมืองแห่งโอกาส และความเท่าเทียม โดยนายสุวัจน์ได้กล่าวถึง วิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีผลมาจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และ Disruptive Technology ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 มีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนทางไลฟ์สไตล์ เกิดการผันผวนในการทำธุรกิจ

และนายสุวัจน์ได้แสดงวิสัยทัศน์ เรื่องเมืองแห่งโอกาส ที่จะสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยกล่าวถึง เมกะโปรเจคใหญ่ๆ อย่าง EEC (Eastern Economic Corridor) ที่เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก(Eastern Seaboad)​ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทางอุตสาหกรรม ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก  โดยเป้าหมายของ EEC ​ คือ 1.การทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง 2.บรรยากาศการลงทุนของประเทศไทยต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 10 % 3. GDP ประเทศไทยต้องโต 5 % 4.จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คน 5.ภาคโลจิสติกส์​ ซึ่งเป็นตัวดึงนักลงทุน จะมีราคาถูกลง 6.จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ

นอกจากโครงการ EEC แล้ว โครการใหญ่ๆที่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ก็ถือเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุน รองรับนักท่องเที่ยวๆได้ 150 ล้านคนต่อปี จะมีการจ้างงาน และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล การสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ก่อให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจในเรื่องของ อสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่ม รถไฟรางคู่ที่ออกไปสู่ต่างจังหวัด จะเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปให้เกษตรกร และ ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึง มอเตอร์เวย์สายต่างๆที่จะกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ Technology 5g มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ ด้านการแพทย์ ด้านการศึกษา องค์ความรู้ต่างๆจะหลั่งไหลสู่ชุมชนที่ห่างไกล และนอกเหนือจากเรื่องของเทคโนโลยี นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงการสร้างพันธมิตร เช่น การเป็นประธานจัดงานประชุมอาเซียน ที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ การรวมกลุ่มทางการค้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งและข้อต่อรองทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสทางการลงทุนทีามากขึ้น และสุดท้าย นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทย 2 ประการ นั่นก็คือ 1.การเกษตร ต้องใช้เทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมมาใช้ในการเกษตรเพื่อแปรรูป และเพิ่มมูลค่า วัตุดิบคุณภาพของประเทศ 2.การท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยมีความสวยงาม และมีความหลายหลายในแต่ละท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะกระจายไปในทุกๆที่ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานมารองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว

และก่อนที่จะปิดการปาฐกถา นายสุวัจน์ได้ฝากถึงสถาปนิก ว่าต้องให้ความสำคัญกับ Universal Design (อารยะสถาปัตย์)​เพราะสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่มผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงทุกๆคน เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคม และการใช้งานของคนทุกกลุ่ม

แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ส่วนตัวขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการประสานงานของแต่ละพรรคควรพูดคุยทำความเข้าใจ และหาข้อยุติเรื่องประธานคณะกรรมาธิการ จะได้ไม่กระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายสุวัจน์ เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไปพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก่อน แต่ส่วนตนเองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานมา อย่างไรก็ตาม ขอไม่แสดงความเห็นในเรื่องตัวบุคคลว่าใครเหมาะสม ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าบุคคลที่จะมาเป็นประธานกรรมาธิการชุดนี้จะต้องมีบารมี เป็นที่ยอมรับ และสามารถควบคุมการประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดี

“เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะความเห็นที่แตกต่างกันทำให้เกิดกระทบกับเสถียรภาพ และเกิดความไม่เข้าใจในสังคม”

“ศักดิ์สยาม”ลุยเองฟ้องรายการดัง ชวนปชช.สอบเฉพาะภูมิใจไทย

People Unity News : “ศักดิ์สยาม”ลุยเองฟ้องรายการดัง ชวนปชช.สอบเฉพาะภูมิใจไทย ลั่น ส.ส.ทุกคนต้องถูกปชช.ตรวจสอบ หากพบพฤติกรรมทำผิด แต่ต้องทำทุกพรรค

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่รายการหนึ่ง ประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนและข้าราชการทั่วประเทศ ที่พบเห็นพฤติกรรมของผู้แทนพรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายแทรกแซงหรือสั่งการโดยไม่ชอบ ให้ร้องเรียนมายังรายการโดยตรงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ ส.ส.ทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบโดยประชาชน แต่ควรจะทำทุกพรรคการเมือง ทั้งนี้ ยืนยันว่า การดำเนินการฟ้องร้องนั้นยังคงมีอยู่ และจะเริ่มในสัปดาห์หน้า โดยในกรณีที่พาดพิงพรรคภูมิใจไทย สมาชิกพรรค และ ส.ส.จะดำเนินการฟ้องร้อง ขณะที่ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ตนจะเป็นผู้ฟ้องร้องด้วยตนเอง

กรม สบส.จ่อเอาผิดสถานค้ากามย่านสาทร แอบอ้างใช้ชื่อนวดสปาบังหน้า

People Unity News : อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) เร่งสั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ตรวจสอบสถานค้ากาม เปิดนวดและสปาบังหน้า ย่านสาทร หลังมีข่าวตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกทลายและจับกุมหมอนวดทั้งไทยและต่างด้าว จ่อเอาผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับร้านนวดสปา อย่างน้อย 2 กระทง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) บุกทลายสถานบริการ “เดอะ ปริ้นซ์” ย่านซอยสวนพลู 6 เขตสาทร ซึ่งเปิดเป็นร้านนวดและสปาบังหน้า พบว่าร้านดังกล่าวมีการแอบแฝงบริการทางเพศ มีหมอนวดชายทั้งคนไทยและต่างด้าวให้บริการบรรดาเครือข่ายรักร่วมเพศนั้น

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเมื่อได้รับทราบข้อมูลก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประสานตำรวจในท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ซึ่งในเบื้องต้นเมื่อตรวจสอบรายชื่อร้านดังกล่าวในฐานระบบแล้ว ไม่พบว่ามีการขออนุญาตให้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพกับกรม สบส. แต่กลับแอบอ้าง แขวนป้ายว่าเป็นร้านนวดและสปา ลักลอบให้บริการทางเพศ และหากดูรายละเอียดตามข่าวที่บอกว่าพนักงานมีการแต่งกายโดยสวมเพียงกางเกงในตัวเดียวนั่งในตู้กระจกเพื่อรอให้ลูกค้าเรียกไปให้บริการ คงไม่สามารถขอใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้อย่างแน่นอน เพราะไม่เข้าข่ายองค์ประกอบการเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นเพียงการแอบอ้าง แขวนป้ายว่าเป็นร้านนวดและสปา บังหน้า เพื่อค้าบริการหรือให้บริการทางเพศเท่านั้น จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอย่างน้อย 2 กระทง ตามมาตรา 41 ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนว่าเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และมาตรา 42 ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการที่ทางร้านจ้างผู้ให้บริการเป็นชาวต่างด้าว เพื่อให้บริการนวดนั้น ไม่สามารถทำได้

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ในปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) พบว่ามีผู้ร้องเรียนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ทั้งสิ้น 51 เรื่อง แบ่งเป็นผู้ให้บริการเถื่อน 7 เรื่อง สปาเถื่อน 18 เรื่อง โฆษณาไม่เหมาะสม 4 เรื่อง การให้บริการ 7 เรื่อง และบริการแอบแฝง 15 เรื่อง ซึ่งได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ กิจการที่เข้าข่ายเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทุกแห่ง ต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 26 ประกอบด้วยมาตรฐานด้านสถานที่ ด้านการให้บริการ และด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสของร้านสปาเถื่อน นวดเถื่อน หรือการแอบแฝงบริการที่ไม่เหมาะสมโดยใช้ชื่อว่านวดหรือสปาบังหน้า โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ทางโทรศัพท์ 02 193 7057 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-Mail) crmhss.moph@gmail.com หรือทาง Facebook ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส. เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

“นพดล”เสนอให้ถกเถียงประเด็นใหญ่ว่าต้องการแก้ รธน. เพื่ออะไร

People Unity News : “นพดล”เสนอให้ถกเถียงประเด็นใหญ่ว่าต้องการแก้ รธน. เพื่ออะไร ในประเด็นใด ส่วนใครจะเป็นประธานกรรมาธิการฯเป็นเรื่องรอง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว ต่างประเทศกล่าวถึงการที่สภาผู้แทนฯจะพิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการฯศึกษาแก้ไข รธน. และขณะนี้มีการเสนอตัวผู้ที่จะมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯหลายคน ในเรื่องนี้ตนเห็นว่าประเด็นเรื่องตัวประธานนั้นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและสำคัญที่สุด เพราะการทำงานในรูปแบบคณะกรรมาธิการนั้นตัวกรรมาธิการทุกคนมีความสำคัญ และถ้าต้องตัดสินในเรื่องใดก็ใช้เสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการฯและแต่ละคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน

ตนเห็นว่าประเด็นสำคัญกว่าใครจะมานั่งเป็นประธานคือเป้าประสงค์ในการแก้ รธน. นั้นเพื่ออะไร ประชาชนจะได้อะไร และจะแก้ในเรื่องใด ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องได้รับความเห็นพ้องต้องกันทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสว. จำนวนหนึ่ง เพราะขาดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็เดินหน้ายาก ดังนั้นเราควรปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกและฉันทานุมัติร่วมกัน และถ้าจะถกเถียงกันก็ยกเหตุผลและโต้แย้งบนพื้นฐานของความปรารถนาดีต่อกัน “ถ้าเราตั้งโจทย์ว่าทำอย่างไรจะให้การเลือกตั้งเสรี เป็นธรรม มีความหมาย ไม่ซับซ้อนและสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ทำอย่างไรจะได้รัฐบาลที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจะได้รับความคุ้มครอง โดยยึดประโยชน์ส่วนรวม เชื่อว่าทุกฝ่ายจะหาจุดร่วมและนำพาประเทศไปข้างหน้าได้

“สิระ” สวน “เทพไท” เสียมารยาท สอดเรื่องภายใน พปชร.

People Unity News : “สิระ” สวน “เทพไท” เสียมารยาท สอดเรื่องภายใน พปชร. ยันพรรคมีสิทธิเสนอใครเป็น ปธ.กมธ.ศึกษาแก้ รธน.ก็ได้ แนะ อยากปรองดอง เริ่มที่หุบปากตัวเองก่อน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณถึงพรรคพลังประชารัฐ ไม่ให้ส่งคนลงแข่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า นายเทพไทไม่ควรเสียมารยาทมายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่น เพราะไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอใครลงชิงตำแหน่งนี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องภายในที่พรรคจะจัดการเอง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีความชอบธรรมที่จะได้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการชุดนี้ด้วย เนื่องจากเป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล

“ใครจะเป็นประธานกรรมาธิการฯชุดนี้ เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯเขาจะไปเลือกกันเอง ถ้านายเทพไท อยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น มีความปรองดองอย่างปากว่า ก็ควรหยุดให้ความเห็นที่จะนำไปสู่ความแตกแยก เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง เมื่อประชาธิปัตย์มีมติเสนอชื่ออดีตนายกอภิสิทธิ์ ก็เดินไปตามขั้นตอนให้วิปของประชาธิปัตย์ไปหารืกับวิปรัฐบาล เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน และเมื่อได้ข้อยุติแล้วก็ต้องจบ นี่คือมารยาทการอยู่ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่นายเทพไทต้องพึงสังวรณ์ไว้ด้วย อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับการบริหารภายในพรรค จึงไม่ควรดึงนายกรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” นายสิระ กล่าว

ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐก็ถอยมามากแล้ว ที่ยอมสนับสนุนให้นายชวน หลีภภัย เป็นประธานสภา โดยไม่คิดเป็นโควต้าในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นนายเทพไทก็ไม่ควรได้คืบเอาศอก ต้องให้เกียรติพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลด้วย

“บิ๊กตู่”ปิดห้องคุย กอ.รมน. ปรับแผนแก้ไฟใต้ ยังไม่เลิกเคอร์ฟิวหลังยิงถล่มชรบ.ยะลา

People Unity News :  “บิ๊กตู่”ยันยังไม่เลิกเคอร์ฟิวหลังยิงถล่มชรบ.ยะลา เผยผลสืบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ต้องให้เวลา จนท. ย้ำใช้หลักสันติวิธี ปิดห้องคุย กอ.รมน. ปรับแผนแก้ไฟใต้ ยันคุยสันติสุขต่อเนื่อง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 2/2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้นำเหล่าทัพ เข้าร่วมการประชุม โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมแต่อย่างใด

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีการประกาศเคอร์ฟิวการห้ามออกจากเคหสถานในเวลาค่ำคืน ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงถล่มชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะกำหนดเวลาให้สั้นที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน สอบสวนทางคดี และเพื่อเป็นการจำกัดพื้นที่ของคนร้ายในช่วงที่มีการไล่ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่ออย่างอื่น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งหากเราปิดพื้นที่ไม่ได้ ก็จะมีปัญหา ส่วนนี้ขอให้เข้าใจกันด้วย

เมื่อถามว่ามีรายงานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนหน้าขาว ภายหลังก่อเหตุเสร็จสิ้น จะกลับไปนอนอยู่บ้าน ส่วนนี้จะมีการติดตามจับกุมอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสืบสวน สอบสวนวันนี้มีความคืบหน้า แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่จะไปจับใครก็ได้ ต้องเอาหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุมาติดตาม ซึ่งเราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งอาวุธปืน กระสุนและปอกกระสุน พร้อมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใดและมีกลุ่มใดเกี่ยวข้องบ้างก็จะต้องมาพิจารณาร่วมกัน คงจะได้รับทราบความคืบหน้าภายในเร็ววันนี้ ขอเวลาอีกหน่อย

เมื่อถามต่อว่า ผู้ก่อเหตุมีการใช้วัตถุระเบิด จะถือเป็นการก่อการร้ายมากกว่าการก่อความไม่สงบได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเขาใช้กลยุทธ์เช่นนี้ เป็นกลยุทธ์การก่อการร้าย คือการสร้างเหตุความรุนแรงเพื่อกดดันต่อรัฐ และการทำงาน แล้วเราจะไปกดดันกันเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา และสร้างการมีส่วนร่วม เราแก้ปัญหากันอย่างนี้ ไม่ดีกว่าหรือ ส่วนการก่อการร้ายนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การยึดพื้นที่ การใช้ความรุนแรง แต่เหตุการณ์นี้เข้าข่ายแค่ใช้อาวุธสงคราม เพื่อกดดันรัฐ แต่หากเราตีความผิด การแก้ปัญหาก็จะผิดและเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้น ท้ายสุดผลกระทบก็จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้เราลดระดับผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้มากพอสมควร ประชาชนก็กลับมาให้ความร่วมมือ แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายบางตัว ประชาชนก็เห็นด้วย เพราะเขาดูแล้วว่าเกิดประโยชน์กับเขา ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่คนที่มักจะมีปัญหาในเรื่องนี้ คือคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะมองในเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว

“ผมคิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหน อยากไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใครทั้งสิ้น แต่ไปดูผู้ก่อเหตุว่า สิ่งที่เขาทำ มันละเมิดสิทธิมนุษยนชนประชาชนหรือไม่ ในการทำร้ายประชาชนทั้งผู้บริสุทธิ์ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ไทยพุทธอย่างเดียว แต่ครั้งนี้เป็นการทำร้ายทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวให้รัฐบาลเลิกนู้น เลิกนี้ แล้วทำไปเพื่ออะไร ไม่งั้นก็ลองไปอยู่ในพื้นที่เขาดู ว่าจะทำอย่างไร ลองไปอยู่กับเขานานๆ จะได้รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าได้รับรายงานการหารือเกี่ยวกับการพูดคุยถึงสันติสุข จากมาเลเซียบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานตลอด ก่อนเขาไปตนก็ได้ให้นโยบายไป เมื่อเขากลับมาก็รายงานตน ก็ให้มีการปรับแผนกันไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับกลุ่มที่มีบทบาทอย่างแท้จริง โดยจะเน้นในเรื่องของจะทำอย่างไรให้ในพื้นที่ปลอดภัย และมีสันติสุขอย่างยั่งยืน ต้องคุยกัน และปรับวิธีต่อเนื่อง เพราะมีหลายกลุ่ม หลายฝ่าย หลายระดับทั้งผู้นำระดับการเมือง การทหาร ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ซึ่งคนรุ่นเก่านั้น ค่อนข้างจะพูดคุยในด้านสันติวิธีมากขึ้น แต่คนรุ่นใหม่ก็พยายามสร้างคนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาแทน เราต้องหาวิธีการว่าจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น จะต้องเจรจากับกลุ่มที่มีบทบาทแท้จริงในการก่อเหตุ แต่ปัญหาคือ เขาจะคุยด้วยหรือไม่ เพราะบางกลุ่มก็ไม่อยากมาเจรจา เพราะคงอยากใช้วิธีเดิมต่อไป พวกนี้คือพวกหัวรุนแรง เราบังคับไม่ได้ ถึงต้องไปพูดคุยที่ต่างประเทศ แต่ไม่ใช่การเจรจา เพราะถ้าเจรจาหมายถึงเรารบกันแล้ว จึงต้องเจรจาหยุดยิง แต่อันนี้ไม่ใช่ เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย และทางมาเลเซีย ก็ตอบสนองด้วยดีตลอดมา แต่ก็ยังมีปัญหาอีกหลายอันที่ต้องแก้ควบคู่กันไป เช่น เรื่องบุคคลสองสัญชาติ การข้ามแดน เนื่องจากคนเหล่านี้ปลอมปนอยู่ในกลุ่มประชาชนทั่วไป เข้ามาหาก็ไม่รู้ เพราะหน้าตาก็เหมือนกัน ทั้งนี้ ตนได้สั่งการบริหารเชิงรุกไป แต่ต้องระวังการใช้อาวุธต่างๆ และการบังคับใช้กฎหมาย ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากเกินไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการใช้กำลังของชรบ. ยังมีความจำเป็นต่อไป ถ้าไม่มีจะทำมาทำไม ซึ่งแต่ก่อนนี้ กำลังตำรวจในพื้นที่ และอาสาสมัครรักษาดินแดง (อส.) มีกำลังไม่เพียงพอ จึงต้องจัดทหารข้างนอกมาช่วย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เอาทหารกลับ ส่วนตำรวจและทหารในพื้นที่ก็ทำงานปกติไป แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ปกติ ก็จะนำกองกำลังทหารเข้าไปเติม ทุกประเทศก็ทำแบบนี้ และระหว่างนี้เราจะต้องเสริมสร้างกำลังในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพราะคนเหล่านี้จะรู้จักพื้นที่และสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แต่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น เพราะทางยุทธวิธียังไม่เข้มแข็งพอ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการฝึกทบทวนมาโดยตลอด

“ผมถามเขาว่าจุดที่เกิด ทำไมไปตั้งฐานปฏิบัติการตรงนั้น เขาบอกมีความจำเป็น เพราะมีหมู่บ้านอยู่กลุ่มหนึ่ง และเขาต้องการไปดูแลประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าว เพราะพื้นที่จำกัด เขาจึงไปตั้งกลางสวนยาง ส่วนด้านนอกทัศนวิสัยก็จำกัด มันจึงเปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผมได้เตือนไปแล้วว่า ต้องหาวิธีการใหม่และปรับในเชิงกลยุทธ์ ให้มีชุดลาดตระเวนต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น รวมถึงการป้องกันชายแดน และการลักลอบเข้าออกประเทศ ส่วนนี้ก็ต้องเพิ่มการกวดขัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

มอบแม่ทัพภาค 4 ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิตยะลา

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้แทนร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรีด้วย โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสียและสั่งการให้ดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถระบุตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วจำนวนหนึ่ง และพบฐานปฏิบัติการร้าง 1 แห่ง โดยจะใช้แผนกดดันทุกพื้นที่ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยแล้ว 1 คน ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการดำเนินชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ตามที่มีข่าวลือกันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบ และแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด

“เทวัญ”ชู “ศาสตร์พระราชา นำพาน้ำยั่งยืน” บริหารจัดการน้ำโชว์ผู้แทนทูต

People Unity News : รมต.เทวัญเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ระดับนานาชาติ มีผู้แทนจากสถานเอกอัคราชทูต และองค์กรระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ กว่า 200 คน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หัวข้อ “Water Diplomacy: where Local Wisdom meets International Excellence” ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางวิชาการระหว่างภาคีเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แบบไร้พรมแดน โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ผู้แทนจากสถานเอกอัคราชฑูต และองค์กรระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ กว่า 200 คน

กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การนำเสนอผลงานและการมอบรางวัลแนวปฏิบัติที่ดีด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา นำพาน้ำยั่งยืน” จำนวน 9 รางวัล โดยรับมอบโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณจากรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ซึ่งเป็นผลงานภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการคัดเลือกมาจากทำเนียบ Best Practice จากผู้ส่งผลงานทั้งสิ้น 122 รายการทั่วประเทศ โดยโครงการที่ผ่านเกณฑ์ได้รับรางวัลดีเด่น ได้แก่ “โครงการผู้นำและเครือข่ายในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐม” ซึ่งส่งประกวดด้านที่ 4 การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เสนอโครงการโดยสำนักงานชลประทานที่ 11 และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จุดเด่นคือความเข้มแข็งของชุมชนบ้านศาลาดินที่ใช้ธรรมชาติบำบัดเพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ เนื่องจากชุมชนประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง รวมทั้งคุณภาพน้ำเน่าเสียจากการทิ้งสิ่งปฏิกูลของครัวเรือนและปัญหาผักตบชวาที่กีดขวางการไหลของน้ำ โดยแก้ปัญหาด้วยการน้อมนำหลักการทรงงานของในหลวง ร.9 “ระเบิดจากข้างใน” มาประยุกต์ใช้

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ร่วมงาน ในหัวข้อ “Thai Local Wisdom: Lesson learn and Challenges for Improvement” และการบรรยายพิเศษหัวข้อ “งานวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมการบริหารทรัพยากรน้ำ: ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล” และหัวข้อ “International Excellence”

Verified by ExactMetrics