วันที่ 26 เมษายน 2024

ผบ.ทบ. เตรียมมอบอีก 3 พื้นที่ทหารให้ ปชช.ใช้ประโยชน์

People Unity News : 31 ตุลาคม 2566 กอ.รมน. – ผบ.ทบ. ขอบคุณรัฐบาลแก้ไขระเบียบคืนที่ดินให้กรมธนารักษ์ หลัง ทบ. เคยขอคืนเองแล้วแต่ไม่สำเร็จ เผย เตรียมจัดสรรอีก 3 พื้นที่ทหาร “แก่งปะลอม-แหลมฟ้าผ่า-สนามบินนครพนม” ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ เสนอ นายกฯ เป็นประธานมอบคืน 25 ธ.ค.นี้

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากที่ดินของทหาร ซึ่งหมายรวมถึง หน่วยที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมทั้งหมด โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับมาให้เร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว พร้อมมอบให้กองทัพบกเป็นเจ้าภาพ จึงได้เรียนเชิญนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่มาหารือกับผู้นำเหล่าทัพที่กองทัพบกในวันนั้นได้รายละเอียดพอสมควร ว่า ที่ดินของกองทัพต่างๆ นั้น มีพื้นที่ที่เรายังไม่ใช้ประโยชน์และมีพี่น้องประชาชนต้องการประกอบสัมมาอาชีพจำนวนเท่าไหร่

“ที่ผ่านมาบางเรื่องกองทัพพร้อมให้การสนับสนุนแต่ก็ติดขัดเรื่องกฎระเบียบบางอย่าง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้ขจัดปัดเป่าและได้แก้ไขปัญหา จนทำให้ที่ดินเหล่านั้นสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งกองทัพบกเคยทำเรื่องที่จะส่งคืนพื้นที่ประมาณ 50,000 ไร่ในปี 2552 แต่ด้วยระเบียบทำให้ไม่พร้อมในการที่เราจะส่งคืนปีนั้นได้ ในปัจจุบันแนวทางที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางไว้ภายใต้ชื่อหนองวัวซอโมเดลอยู่ในขั้นตอนกรมธนารักษ์สอบสวนสิทธิ์การครอบครองใช้ประโยชน์ และรับคำร้องขอเช่าจากประชาชน โดยกำหนดว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 ธ.ค. ตามที่นายกฯระบุว่าจะมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชน โดยในวันนั้นจะเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี” พล.อ.เจริญชัย กล่าว

พล.อ.เจริญชัย กล่าวอีกว่า โครงการนี้จะใช้เป็นแนวทางในการจัดสรรประโยชน์จากที่ดินของกระทรวงกลาโหมในเบื้องต้นอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.กองบัญชาการกองทัพไทย อยู่ที่แก่งปะลอม บ้านพุราด อ. ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จำนวน 2,300 ไร่เศษ 2. พื้นที่ของกองทัพเรือใน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.เมือง จ. สมุทรปราการ จำนวน 300 ไร่เศษ 3.พื้นที่กองทัพอากาศ สนามบินนครพนม อ.เมือง จ.นครพนม จำนวน 500 ไร่เศษ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลจะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอันเนื่องมาจากการขาดแคลนที่ดินทำกินเพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนั้นจะเปลี่ยนสถานะของประชาชนในการครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตมาเป็นผู้เช่าใช้ที่ดินอย่างถูกกฎหมายลดปัญหาการสร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐได้ด้วย ทั้งนี้ขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้พื้นที่ทั้งหลายในการครอบครองและไม่ได้ใช้ประโยชน์คืนให้กับพี่น้องประชาชนได้ในที่สุด

Advertisement

“คุณหญิงพจมาน” ออกงาน ร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งเฉลิมพระเกียรติ

People Unity News : 29 ตุลาคม 2566 สนามหลวง – “แพทองธาร” ควง “คุณหญิงพจมาน” ออกงานครั้งแรก หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่ง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พร้อมรัฐมนตรี และ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ” ณ ท้องสนามหลวง โดยมีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมงานด้วย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ , นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

สำหรับการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ นับเป็นงานแรกที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมงานหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการเดินทางมาพร้อมกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และระหว่างอยู่ภายในงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ที่ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ขณะที่บรรดารัฐมนตรี และ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็เข้ามาทักทายเช่นกัน

ทั้งนี้ กิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ที่จัดขึ้นนี้ เป็นโครงการที่มูลนิธิไทยคม ร่วมกับ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงอาการและการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ตลอดจนการรณรงค์ สนับสนุน เพื่อเป็นการสร้างเสริมวินัยการออกกำลังกาย

Advertisement

ด่วน!! นายกฯ เตือนคนไทยในอิสราเอล ขอให้กลับประเทศโดยเร็วที่สุด

People Unity News : 28 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – ด่วน! โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งการให้ประชาสัมพันธ์เตือนให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและหาช่องทางทำงานให้แรงงานที่เดินทางกลับมาโดยเร็ว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่กองทัพอิสราเอลได้ขยายปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นที่เข้าไปในฉนวนกาซา สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งประชาสัมพันธ์เตือนให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอล เดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีได้โพสข้อความผ่านทวิตเตอร์ หรือเอ็กซ์ ว่า ตามที่ทางการอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้สถานการณ์สู้รบรุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวไทยในอิสราเอล รวมถึงเป็นไปได้ว่า การสู้รบจะขยายพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศ และกระทบต่อการอพยพ

รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้ท่านเดินทางกลับไทยโดยเร็วที่สุด และขอให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในไทย ช่วยแจ้งให้พี่น้องแรงงานที่ยังอยู่ในอิสราเอล เปลี่ยนใจกลับมาโดยเร็วที่สุด

ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้โพสต์ข้อความเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้ กองทัพอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้สถานการณ์สู้รบที่รุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวไทยในอิสราเอล รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่า การสู้รบจะขยายพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศ และกระทบต่อกระบวนการอพยพอย่างมีนัยสำคัญ

รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้คนไทยในอิสราเอล เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด และขอเชิญชวนให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทย ช่วยแจ้งให้พี่น้องแรงงานที่ยังตัดสินใจอยู่ในอิสราเอล พิจารณาเปลี่ยนใจกลับประเทศโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ท่านที่ประสงค์จะเดินทางกลับ สามารถแจ้งสถานทูตฯ หรือเดินทางมายังศูนย์พักพิงได้ทันที ที่ โรงแรม David InterContinental, Kaufmann Street 12, Tel Aviv- Yafo, 61501 โทรศัพท์ศูนย์พักพิง : 050-443 8094 และโทรศัพท์สถานทูตฯ : 055-271 2201, 053-245 2826, 054-636 8150

“นายกรัฐมนตรีห่วงใย เน้นย้ำอย่างต่อเนื่องถึงความปลอดภัยของคนไทย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด ได้ประสานการทำงานไปยังทุกหน่วยงานเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยแรงงานไทย ให้ความยุติธรรมกับแรงงานไทยในต่างแดน พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ดูแลแรงงานไทยที่ตัดสินใจเดินทางกลับให้มีรายได้ มีงานทำ” นายชัย กล่าว

Advertisement

“เศรษฐา” เล็งดันหนังไทยฟอร์มเล็กขาดทุนทรัพย์​ ให้มีเวที

People Unity News : 26 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – นายกฯ บอก ภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” เป็นหนังดี ​สะท้อนวิถีชีวิต​ชาวบ้าน เผย​ คกก.​ซอฟต์​พาวเวอร์​ เล็ง ดันหนังไทยฟอร์มเล็กขาดทุนทรัพย์​ ให้มีเวทีแสดงความสามารถเฉิดฉายตลาดหนังโลก​

นายเศรษฐา​ ทวี​สิน​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ เปิดเผย ถึงบรรยากาศการเยี่ยมชมภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ  ร่วมกับนางสาวแพทองธาร​ ชินวัตรรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์พาวเวอร์​แห่งชาติ​ เมื่อคืนนี้​(25 ต.ค.66)​ ​ว่า​ ​ก็ดีครับ​  เป็นหนังที่สนุก และเชื่อว่าเป็นอาชีพที่หลายๆ คนไม่รู้จัก อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย อาชีพที่คนไทยเองไม่รู้จักก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด และเรื่องของการใช้ภาษา ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านต่างๆเหล่านี้ เชื่อว่าทำให้รู้ซึ้งถึงวัฒนธรรมของไทยได้ดีขึ้น

“ยินดีที่จะสนับสนุนผู้กำกับที่มีความสามารถ และอยากจะสนับสนุนผู้กำกับที่มีฝีมือ ให้มาช่วยผลักดันเรื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้นหนังยาว  ให้มีเวทีในการที่จะแสดงความสามารถได้ ซึ่งเราก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และได้มีการพูดคุยกันในเรื่องของการสนับสนุน​ ที่อยากให้เราสนับสนุนเอาหนังหรือผู้กำกับไปเฉิดฉายในเวทีแสดงหนังทั่วโลก เราก็จะสนับสนุนตรงนี้ และมีอีกเรื่องที่ยังติดกันอยู่ก็คือการเซ็นเซอร์​ซิป ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัย ต้องปรับปรุงให้เข้ากับสมัยใหม่ จะได้มีการแสดงเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าภาพยนตร์ฟอร์มเล็กของไทยมีจำนวนมาก​แต่ไม่มีทุน​ ทางรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนอย่างไร​ นายเศรษฐา​ กล่าวว่า​ เดี๋ยวต้องมาพูดคุยกัน แต่เชื่อว่าคณะกรรมการซอฟท์​พาวเวอร์​ได้เล็งเห็นอยู่แล้ว ในเรื่องของการขาดทุนทรัพย์

Advertisement

รบ.ชี้ แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ผลักดันวงการอวกาศไทยให้ก้าวหน้า

People Unity News : 25 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – รองโฆษกรัฐบาล ชวนติดตาม “งานสัปดาห์อวกาศแห่งชาติ (Thailand Space Week 2023) GISTDA” เผยแผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ผลักดันวงการอวกาศไทยให้ก้าวหน้า

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า อีกหนึ่งความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ไทยที่ช่วยผลักดันวงการอวกาศของประเทศไทยให้มีความก้าวหน้า กับการขึ้นสู่วงโคจรของดาวเทียม THEOS-2 สำเร็จ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้เริ่มปฏิบัติการสำรวจโลกแล้ว

โดย THEOS-2 ถือเป็นดาวเทียมด้านการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติและติดตามสภาพแวดล้อมของประเทศไทย โดยข้อมูลจากดาวเทียม THEOS-2 จะถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการบริหารเชิงพื้นที่ตามภารกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านน้ำ การเกษตร ภัยพิบัติ ทรัพยากรธรรมชาติ ผังเมือง และความมั่นคง ตลอดจนใช้ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากอวกาศ โดยที่ผ่านมาได้มีการนำข้อมูลจากดาวเทียมดวงอื่นๆ ของ GISTDA มาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดินของประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ซึ่งเมื่อดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จแล้วก็จะยิ่งเกิดประโยชน์มากขึ้น

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ในขณะนี้ได้ทราบว่า GISTDA มีแผนที่จะจัดสร้างดาวเทียม THEOS-3 โดยได้ออกแบบครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้มีการสัมมนา และประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะเบื้องต้น รวมทั้งยังวางแผนที่จะสร้างและประกอบดาวเทียม THEOS-3 ที่ประเทศไทยอีกด้วย โดยมีแผนจะนำขึ้นสู่อวกาศภายในปี พ.ศ. 2569-2570 ซึ่งนอกจากความสำเร็จดังกล่าวแล้ว โดยประเทศไทยกำลังจะมีงานใหญ่ด้านเทคโนโลยีอวกาศ ‘งานสัปดาห์อวกาศแห่งชาติ (Thailand Space Week 2023)’ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและสนใจด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศได้มาพบปะรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยงานจัดระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นี้

“นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพ โดยดาวเทียม THEOS-2 และ THEOS-3 จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ จึงเหมือนเป็นความมุ่งหมายที่จะนำข้อมูลมาช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทย รวมทั้งให้ต่างชาติได้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสในอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

นายกฯ แจงบินต่างประเทศถี่ หวังขยายตลาดภาคเกษตร-ปศุสัตว์

People Unity News : 24 ตุลาคม 2566 เพื่อไทย – นายกฯ แจงบินต่างประเทศถี่ หวังขยายตลาดภาคเกษตร-ปศุสัตว์ ขอ สส.พรรคลุยลงพื้นที่ เตรียมความพร้อมการเมืองท้องถิ่นและการเลือกตั้งซ่อม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุถึงการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องบินไปต่างประเทศ ว่า ไทยได้เปิดตลาดภาคการเกษตร ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เสนอ โดยเฉพาะการเปิดตลาดโค ซึ่งเป็นภาคปศุสัตว์ที่สำคัญของไทย ทั้งในบรูไน มาเลเซีย จีน และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งหากหลายประเทศมาร่วมลงทุนกับไทย จะทำให้ไทยมีศักยภาพในการเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 50,000 ตัว/วัน

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม สส. และการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยได้เน้นย้ำให้ สส. มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน แม้จะเป็นรัฐบาลแล้ว ก็จะลืมการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะจะเป็นสัญญาณสำคัญนำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป

ส่วนความสัมพันธ์ของรัฐบาลและ สส. ถือว่าต่างคนต่างทำงานหนัก และต้องดูผลงานระยะสั้น เพื่อจะทำนโยบายบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน โดยตนเองจะเข้าพรรคให้บ่อยขึ้น เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนผ่าน สส.ในพื้นที่ และแก้ไขปัญหา ยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

Advertisement

โฆษกรัฐบาล เผยฝรั่งเศสเตือนเพิ่มความระมัดระวังการเดินทาง-ท่องเที่ยว

People Unity News : 16 ตุลาคม 2566 โฆษกรัฐบาล เผยทางการฝรั่งเศสประกาศเตือนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง-ท่องเที่ยว ภายหลังยกระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์การก่อการร้ายเป็นระดับสูงสุด

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชาสัมพันธ์ข่าวสารจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ประกาศเตือนคนไทยในฝรั่งเศสให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง-ท่องเที่ยว ภายหลังทางการฝรั่งเศสประกาศยกระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์การก่อการร้ายเป็นระดับสูงสุด

จากกรณีเกิดเหตุร้ายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทางการฝรั่งเศสคาดว่าอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง อีกทั้งต่อมาในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ทางการฝรั่งเศสได้มีการอพยพผู้คนโดยด่วนออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และพระราชวังแวร์ซาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ เนื่องจากทางการฝรั่งเศสได้รับแจ้งเตือนว่าอาจมีการวางระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว

ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ประกาศเตือนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวไทยในฝรั่งเศสให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว ตรวจสอบเส้นทางการเดินทาง และการเปิดทำการของสถานที่ต่างๆ รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการฝรั่งเศสอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีเหตุด่วนและฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตฯ กรุณาติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน +33 6 03 59 97 05 และ +33 6 46 71 96 94

“รัฐบาลห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนไทยทุกคนด้วย ขอให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางหลักของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการเดินทาง หรือก่อนวางแผนการเดินทางทุกครั้ง” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว

Advertisement

โฆษก รบ. เผย นักท่องเที่ยวจีนยังคงเชื่อมั่นประเทศไทย หลังเกิดเหตุสยามพารากอน

People Unity News : 14 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – โฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลขอบคุณความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีน ยืนยันที่พักมาไทยถึง 5.9 แสนคน พร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มความปลอดภัยเพื่อนักท่องเที่ยวและคนไทยทุกคน

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อประเทศไทย จากการสำรวจพบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงยืนยันเที่ยวบินและที่พักถึง 5.9 แสนคน รัฐบาลให้สัญญาจะดำเนินมาตรการ ดูแลความปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตัวเลขจากการท่าอากาศยานไทยแสดงว่านักท่องเที่ยวจีนที่จองการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 6.5 แสนคน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่สยามพารากอน ยังคงยืนยันที่พัก และเที่ยวบินมาที่ไทยถึง 5.9 แสนคน ลดน้อยลงเพียง 9.2% ซึ่งถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงสะท้อนได้ว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยวเมืองไทยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า เมื่อเที่ยบกับภาวะปกติที่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวจริงจะแตกต่างจากจำนวนที่จองเข้ามาล่วงหน้าราวๆ +-15% ดังนั้นจึงถือได้ว่า ความแตกต่างของตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยก่อนและหลังเหตุการณ์ที่สยามพารากอนมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และยืนยันที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเช่นเดิม

“ขอขอบคุณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าใจประเทศไทย และเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการกำชับการทำงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการที่ยกมาตรฐานขึ้นอย่างดีที่สุด เพื่อดูแลนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน

People Unity News : 13 ตุลาคม 2566 “รัดเกล้า” ย้ำ รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนรายย่อย ตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนให้ลดต่ำกว่าระดับ ร้อยละ 80

วันนี้ (13 ตุลาคม 2566) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ซึ่งกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง เดินหน้าแก้ไขปัญหา และลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตลอดจนให้ความรู้ทางการเงิน และพัฒนากำลังคน เพื่อรองรับการทำงานตามนโยบายรัฐบาลในอนาคต ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายและย้ำถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน โดยให้ดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด

นางรัดเกล้า กล่าวว่า เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล ธนาคารออมสินจึงได้จัด “โครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันนวมินทรมหาราช วันที่ 13 ตุลาคม 2566” มาตรการแก้ไขหนี้ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อลูกหนี้รายย่อยธนาคารออมสิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการผ่อนชำระ และลูกหนี้บางส่วนที่มีสถานะ NPLs จากผลกระทบดังกล่าว โดยจะเปิดให้เข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566

สำหรับมาตรการแก้ไขหนี้ดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยสินเชื่อธนาคารออมสิน ด้วยการให้พักชำระเงินต้น และให้ทางเลือกจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่ 25% – 100% แล้วแต่กรณี ตามเงื่อนไขธนาคารและสถานะของลูกหนี้แต่ละราย เมื่อสามารถผ่อนชำระได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ ธนาคารจะยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้ามาตรการให้ รวมถึงลูกหนี้ที่มีสถานะ NPLs อยู่ก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ธนาคารจะชะลอกระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย แล้วแต่กรณี โดยให้ผ่อนชำระได้สูงสุด 10 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามเงื่อนไขธนาคาร ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการ สามารถติดต่อธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีเงินกู้ หรือสาขาที่สะดวกได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566

“รัฐบาลผลักดันนโยบายไปสู่การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา พลิกฟื้นเศรษฐกิจ และยกระดับชีวิตประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเตรียมความพร้อมดำเนินมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและยั่งยืน ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนคลี่คลายขึ้นได้ในระยะต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะลดหนี้ภาพรวมให้ลดลงอยู่ในระดับที่ยั่งยืน หรือต่ำกว่า 80% ต่อจีดีพี” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

รัฐบาลหนุนสร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้เป็น Soft Power

People Unity News : 2 ตุลาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ ย้ำ รัฐบาลหนุนสร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้ไทยเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดโอกาส Start up ด้านอาหารรายใหม่ ผลักดันให้ไทยมีความมั่นคงด้านอาหาร เป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลที่หลายประเทศต้องการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับฟังการนำเสนอ Thailand Soft Power Halal & Future Food จากนายบุญเลิศ อ่องไพบูลย์ รองประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต (PFC) สภาหอการค้าไทย

นายบุญเลิศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมฮาลาล ครอบคลุมสินค้าและบริการ ได้แก่ การเงิน อาหาร แฟชั่น สื่อและสันทนาการ ยาและการแพทย์ ท่องเที่ยว เครื่องสำอาง ฯ มีอัตราการเติบโต 7.5% (2021-2025) มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (2025) ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาล และอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ โดยอาหารฮาลาล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของการส่งออกอาหารทั้งหมดของประเทศไทย และร้อยละ 60 ของการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564/2565

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมองเห็นโอกาสในสินค้า Halal ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวนมาก มีศักยภาพในการจับจ่ายสูง และในกลุ่ม Future food ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราอยากใช้อุตสาหกรรมอาหารมาเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ และอยากผลักดัน Gastronomy Diplomacy โดยไทยเป็นประเทศแรกที่ผลักดันการทูตเชิงอาหาร (Gastronomy diplomacy) แต่ประเทศเกาหลีใต้ผลักดันได้ไกลกว่าประเทศไทย โดยรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญทั้งเงินทุน การตลาด การทำหลักสูตร การทำ Certificate การส่งออกอาหาร จะช่วยทำให้สินค้าการเกษตรมีราคาที่ดีขึ้น เพราะเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าในประเทศทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง สร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้ประเทศไทยเป็น Soft Power โดยอาหารไทยรูปแบบใหม่ ๆ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ Start up ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้

“นายกรัฐมนตรี ฝากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนภาคเอกชน โดยให้บูรณาการการทำงาน กำหนดแผน กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านอาหาร เป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลที่หลายประเทศมีความต้องการ” โฆษกรัฐบาล กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics