วันที่ 17 กรกฎาคม 2025

“ช่อ” ย้ำชัด “เดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ก่อนสมัคร ส.ส. 7 วัน

People Unity News : “ช่อ” ย้ำชัด “เดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่น ตั้งข้อสังเกตโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ – ก่อนสมัคร ส.ส.เพียง 7 วัน ถามทำไมไม่ทำพร้อมหุ้นสื่ออื่นซึ่งเกิดในตลาดหลักทรัพย์ – จี้ กกต. ตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราาฏรตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรณิการ์ กล่าวว่า การที่ตนได้ตั้งคำถามถึงเรื่องการถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่นของคุณวทันยา วงษ์โอภาสี ที่ก่อนหน้านี้คุณวทันยา ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง และไม่เคยถือหุ้นเครือเนชั่นเลย ตนยืนยันได้ว่าสามารถไปตรวจเช็คได้ในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของคุณวทันยา และคุณฉาย บุนนาค คู่สมรส

“มีการยืนยันชัดเจนว่าคุณวทันยา ได้โอนหุ้นบริษัทเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าคุณวทันยา เคยถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่น ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับเนชั่นตามที่เป็นข่าวออกมา ข้อสังเกตในความผิดปกติที่มากไปกว่านั้นก็คือ การโอนหุ้นเครือเนชั่น ของคุณวทันยา เกิดขึ้นก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐเพียง 7 วัน ถือเป็นการกระทำที่กระชั้นชิดเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้คุณวทันยา ได้ขายหุ้นของนิวส์ เน็ตเวิร์ค ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่สามารถบิดเบือนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561” นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อ ตนขอตั้งคำถามไปยังคุณวทันยาดังนี้ 1.เหตุใดเมื่อมีการโอนหุ้น นิวส์ เน็ตเวิร์ค ไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 2561 แต่หุ้นจำนวนเพียงเล็กน้อยของเครือเนชั่น ที่คุณวัทนยาถืออยู่ จึงไม่ได้มีการโอนออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน กลับมีการโอนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งก่อนการรับสมัครรับเลือกตั้งเพียง 7 วัน 2.การโอนหุ้น นิวส์ เน็ตเวิร์ค เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่ว่าการโอนหุ้นเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ปนั้น กลับเป็นการโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการโอนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์หมายความว่า เป็นการทำหนังสื่อสัญญาฝ่ายเดียวของเนชั่น ก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นได้ว่า หากเป็นหนังสือสัญญาฝ่ายเดียวไม่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ผ่าน TSD (ศูนย์กลางรับฝากหลักทรัพย์) อย่างที่คุณวทันยาได้อ้างเอาไว้ และจะมีข้อสงสัยเกิดขึ้นได้ไหมว่า 3.ทำไมถึงมีการโอนหุ้นที่กระชั้นชิดเพียงไม่ถึง 7 วันก่อนรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งที่หุ้นสื่ออื่นๆที่คุณวทันยาถืออยู่ ได้โอนไปหลายเดือนก่อนหน้านั้นแล้ว

“ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดิฉันอยากจะขอฝากไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ได้ยื่นเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงการถือหุ้นของคุณวทันยา และการโอนหุ้นนอกตลาดในครั้งนี้ มีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร ดิฉันต้องการให้คุณวทันยาได้ชี้แจงต่อกกต. ในเรื่องนี้” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่ เนชั่นจะดำเนินการฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา ว่า ตนเองขอยืนยันการแถลงข่าวกรณีที่พรรคอนาคตใหม่โดนโจมตีจากสื่อบางสำนัก เป็นการพูดบนหลักการของข้อเท็จจริง และเป็นการวิจารณ์แบบสุจริต อีกทั้งเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวร้ายป้ายสีมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังเป็นการให้สื่อมวลชนตระหนักถึงจรรยาบรรณและวิชาชีพในการเสนอข่าว
ส่วนการที่เนชั่นฟ้องกลับนั้น โดยส่วนตัวมองว่า เป็นสิทธิของเนชั่นที่สามารถทำได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเฟคนิวส์ ทีมกฎหมายของพรรค กำลังรวบรวมข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ เพื่อจะดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าว และปล่อยข่าวที่บิดเบือน ซึ่งตนเอง ได้เตือนไปยังสื่อฯ ต่าง ๆ ให้เลิกเผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยัน การดำเนินการลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นการท้าชนในเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมาย แต่เพื่อให้สื่อฯ ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพที่ควรจะเป็น นางสาวพรรณิการ์กล่าว

“พล.ต.บุรินทร์ – เสธ.พีท”แจง”กมธ.ปิยบุตร” ยันไม่เคยคิดเป็นศัตรูประชาชน-แค่ผู้รับมอบอำนาจ

People Unity News : “กมธ.กฎหมายฯ” เชิญ “พล.ต.บุรินทร์ – เสธ.พีท” ชี้แจงปมร้องทุกกล่าวโทษผู้เห็นต่างทางการเมือง -​ เผยเป็นแค่ผู้รับมอบอำนาจ ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจได้ ย้ำ ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับประชาชน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภาเกียกกาย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายปิยบุตร แสงกนก​กุล​ ในฐานะประธาน กมธ. พร้อมคณะ เปิดประชุมในวาระพิจารณา​ศึกษากรณีการดำเนินคดีโดยรัฐ เพื่อกลั่นแกล้งประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง ทางด้านกลุ่มผู้ร้องเรียนที่เดินมาร่วมให้ข้อมูลทั้งสิ้น 10 ราย ได้แก่ นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว, นายธนพล พันธุ์งาม, นางศรีไพร นนทรีย์, นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย, นายเกษมชาติ ฉัตรนิรัติศัย, นางสาวดวงทิพย์ ฆารฤทธิ์, นางสาวณัฎฐา มหัทธนา, นายกฤต แสงสุรินทร์ และนายวศิน พงษ์เก่า โดยมีพลตรี บุรินทร์ ทองประไพ ในฐานะสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และพันเอก พิทักษ์พล ชูศรี ผบ.กรมทหารพราน ที่ 22 เป็นผู้ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ​ถึงกรณีดังกล่าว

โดยเริ่มต้น นายปิยบุตร ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มนักกิจกรรมที่โดนคดีความได้เป็นผู้ซักถาม และพูดถึงคดีความของตนเอง จากนั้นเปิดโอกาสให้กรรมาธิการแต่ละคนได้ร่วมซักถาม สลับกับให้ พล.ต.บุรินทร์ และ พ.อ.พิทักษ์พล ชี้แจงเป็นระยะ โดย น.ส. ชลธิชา กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร 24 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ตนโดนไปแล้ว 7 คดี ซึ่งทุกคดีผู้แจ้งความคือ พล.ต.บุรินทร์ ทั้งนี้ ตนใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต จัดกิจกรรมโดยสงบ สันติ โดยตลอด กรณีนี้เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมืองหรือไม่

“โบว์” เชื่อมีกระบวนการปิดปากผู้เห็นต่าง

น.ส.ณัฎฐา ระบุว่า คดีความที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เชื่อว่ามีการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ เป็นกระบวนการคุกคาม กลั่นแกล้งดำเนินคดีปิดปากประชาชน ทางหนึ่งคือ ให้มีผู้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว กับอีกทางหนึ่งคือ มีสร้างข่าวปลอมให้ร้ายทำลาย แม้ผู้เสียหายเช่นตนเองจะมีการแจ้งความดำเนินคดี แต่ไม่มีการดำเนินคดีดังกล่าว ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

นางศรีไพร ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต ระบุว่า ปัญหาแรงงานหลังจากมีรัฐประหาร คนงานย่านรังสิตตกงานทันที 300 กว่าคน นายจ้างฉวยโอกาสปิดโรงงาน แรงงานไม่อาจชุมนุมเรียกร้องได้ อำนาจต่อรองแรงงานหมดสิ้น ตนจึงต้องมาแสดงออกในเรื่องนี้ แต่ก็ถูกดำเนินคดี และอีกเรื่องคือ หลังการรัฐประหาร ปัญหาคนงานได้รับการแก้ไขช้าลง คนที่ออกมาเรียกร้อง ถูกติดตาม ทหาร ตำรวจ ตามถึงบ้าน แม้ปัจจุบัน มีการเลือกตั้งแล้ว วันนี้ก็ยังไม่มีความเป็นอิสระ

ขณะที่ น.ส.ดวงทิพย์ กล่าวว่า แม้ตนเองจะเป็นทนายความสิทธิมนุษยชน ทำงานในพื้นที่ภาคอีสาน แต่จากการเข้าไปสังเกตการณ์ก็ถูกดำเนินคดี ซึ่งบุคคลสำคัญที่ร้องทุกข์กับประชาชน กลุ่มนักศึกษาในพื้นที่ ส่วนใหญ่แล้วคือ พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ไม่ว่าจะเป็นกรณีการพาเจ้าหน้าที่บุกค้นโดยไม่มีหมายค้นบ้านนักศึกษาดาวดิน หรือ แจ้งความดำเนินคดี ม.112 กับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากกรณีการแชร์ข่าวบีบีซีไทย

กมธ.ร่วมซัก -กระบวนการแจ้งความ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซักถามของ กมธ.นั้น นายปิยบุตร ประธาน กมธ.ถามว่าในการดำเนินคดี 1. อาศัยอำนาจกฎหมายใด 2.ในการไปแจ้งความมีคำสั่้งจาก คสช.ให้เป็นผู้แทนหรือตัดสินใจได้ตัวเอง ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ เลขานุการกรรมาธิการ กมธ. ถามว่า 1.ในการได้รับมอบอำนาจ แต่ละคดีเป็นเรื่องที่ฝ่ายข่าวชงเรื่องแล้วเบื้องบนมอบอำนาจให้ หรือ เบื้องบนเห็นข่าวและเห็นว่าจะดำเนินคดีเลยขอข้อมูล แล้วส่งให้ท่านในฐานะผู้รับมอบอำนาจ 2.ที่ผ่านมา มีบางคดีที่ยกฟ้อง ซึ่งหากผู้บังคับสั่งให้แจ้งความ ท่านมีดุลยพินิจเห็นว่าไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิด ท่านมีสิทธิ์ที่จะแย้งไม่ดำเนินคดี หรือว่าต้องยืนยันแจ้งความดำเนินคดี

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม โฆษก กมธ. ถามว่า กรณีที่มีการดำเนินคดีกับผู้แชร์ข่าว หรือบทความ เช่น ในกรณีของการแชร์ข่าวบีบีซีไทย ซึ่งมีผู้แชร์ข่าวดังกล่าวไปกว่า 3,000 คน แต่ที่ถูกดำเนินคดีมีเพียง 2 คนนั้น พิจารณาจากอะไร

แจงเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจาก คสช.

ด้าน พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษ สำหรับตนเองและ พ.อ.พิทักษ์พล อยู่ในฐานะผู้รับมอบอำนาจเท่านั้น เพียงรับส่งมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้ไปดำเนินคดีตามตามคำสั่ง คสช. ตั้งแต่ ปี 2557 ซึ่ง แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.ด้านกองกำลัง มอบให้ ผบ. กองกำลังต่างๆมีอำนาจ 2.ส่วนที่ขึ้นกับสำนักงานเลขาธิการรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อสำนักงานเลขาฯได้รับมติ​จากคณะ คสช.ให้ดำเนินคดีกับบุคคลใดก็ตาม ก็จะทำหนังสือมอบอำนาจมายังตน แล้วจะปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา​ต่อไป โดยตนจะเป็นผู้รับมอบอำนาจในเรื่องการเมือง และยังมีเรื่องอื่นๆ ที่มีคนอื่นรับผิดชอบ เช่นเรื่องเกี่ยวกับ ยาเสพติด อาวุธสงคราม เป็นต้น ในกรณีของตน ทุกคดี เป็นคดีความสงบเรียบร้อย เป็นอาญาเกี่ยวกับความมั่นคง จึงเป็นความผิดยอมความไม่ได้ ที่ว่าตนแจ้งความแล้ว 200-300 คดี เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับ คสช.

พล.ต.บุรินทร์ กล่าวด้วยว่า 1.เมื่อมีเหตุการณ์จะมีการรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน นำเสนอ คสช. พิจารณาแล้วถึงมอบหมาย โดยส่งพยานหลักฐานมาให้ 2.เมื่อรับคำสั่งแล้ว ไม่มีโอกาสใช้ดุลยพินิจ เป็นคำสั่งต้องปฏิบัติตาม ส่วนการดำเนินคดีกับผู้แชร์ข้อความที่มีความผิด กรณีบุคคลผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักสามารถติดตามได้ ขณะที่บุคคลอื่นๆ อาจต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ บางคนใช้ชื่อปลอม

ลั่นไม่เคยผลักประชาชนเป็นศัตรู

พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า อยากเรียนว่า เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เราถึงได้รับมอบอำนาจให้ไปแจ้งความดำเนินคดี และทุกครั้ง ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย ตนไม่สามารถพูดลึกไปกว่านี้ได้ เป็นผู้ได้รับอำนาจตามกฎหมาย เป็นผู้ปฏิบัติตามเท่านั้น ถ้าไม่ปฏิบัติก็มีความผิด ไม่เคยมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรู ทุกคนเป็นพลเมือง เราทำทุกอย่างให้ประเทศเดินหน้า เราไม่มีทางที่จะผลักให้ประชาชนเป็นศัตรู ไม่มีประเทศไหน รัฐไหนทำอย่างแน่นอน กองทัพต้องอยู่กับประชาชน เรื่องที่แจ้งความแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องพนักงานสอบสวน ที่จะต้องติดตาม ซึ่งเมื่อพยานหลักฐานชัดเจนเขาก็ต้องติดตามเรื่อง

ขณะที่ พ.อ.พิทักษ์พล กล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่แชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับคดี ป.อาญา ม.112 ว่า มาจากการติดตามกลุ่มข่าวของจังหวัดขอนแก่น โดยสันติบาล ข่าวกรองแห่งชาติ ก็เข้ามาดูเรื่องนี้ ซึ่งขณะนั้นมีการแชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับ ม.112 เมื่อไปดู ฝ่ายกฎหมายให้คำปรึกษา แจ้งให้ไปร้องทุกข์ เรื่องตนกับไผ่ หรือนายจตุภัทร์ ไม่ได้มีเหตุแค้นเคืองอะไรกันมาก่อน ตนแจ้งความในฐานะเจ้าพนักงาน และไม่ก้าวล่วงเรื่องการดำเนินคดีแต่อย่างใด

“อนุทิน”โพสต์แจ้ง! กก.วัตถุอันตรายยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต

People Unity News : “อนุทิน”โพสต์แจ้ง! กก.วัตถุอันตรายยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต อีก 2 ชนิดเลื่อนแบน 6 เดือน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 14.40น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า

“”ด่วน!!!
กรรมการวัตถุอันตราย
ยกเลิกการแบน
สารไกลโฟเซต”

ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุตสาหกรรม เป็นฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชน คือ มติแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้มีผลวันที่ 1 ธันวาคม 2562 หลังจากมติคณะกรรมการอันตรายออกไป ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งเกษตรกร ผู้นำเข้าอาหารสัตว์ต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหว ต้องการให้เลื่อนการแบน 3 สารเคมีออกไปก่อน

ทั้งนี้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้พิจารณาข้อเสนอของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว จึงมีมติดังนี้

1. ให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตราย พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้กำหนดระยะเวลาใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 สำหรับวัตถุอันตรายไกลโฟเซตให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561

2. มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดทำมาตรการรองรับในการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับวัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส รวมถึงมาตรการในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และให้นำเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาภายในระยะเวลา 4 เดือน

“อนุทิน”ประกาศ”แบนสารพิษ”เป็น”นโยบายเร่งด่วน”ของ สธ.

People Unity News : “อนุทิน”ประกาศ”แบนสารพิษ”เป็น”นโยบายเร่งด่วน” เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เพจเฟซบุ๊กกระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่การปราศรัยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รับการพัฒนามาต่อเนื่องตลอด 77 ปี จนปัจจุบันนี้ การบริการด้านสุขภาพของไทย อยู่ในอันดับ 6 ของโลก และเป็นที่ 1 ของอาเซียน ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น จากสถานการณ์ของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง อาทิ การขยับสู่การเป็นโลกดิติตัล สังคมผู้สูงอายุ เรื่องการค้าการลงทุน ความเป็นสังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศที่กระทบต่อสุขภาพ

จากนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะพัฒนาการดำเนินการ บนหลักการ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง และเศรษฐกิจไทยแข็งแรง” ด้วยโนยาย 5 ด้าน คือ
1.การพัฒนางานด้านสาธารณสุข ตามแนวพระราชดำริ 2.ให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ 3.ให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ และมีความมั่นคงทางสุขภาพ 4.ผลักดันเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการสาธารณสุข 5.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

มีนโยบายเร่งด่วนคือ การสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาและสมุนไพรทางการแพทย์อย่างปลอดภัย จัดการภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างครบวงจร ยกระดับ อสม. ให้เป็นหมอประจำบ้าน ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และ

“สนับสนุนให้ยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่มีอันตรายต่อสุขภาพประชาชน”

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกคน

“ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ

People Unity News : “ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ สวน”สุทิน”อย่าจิตตก ยันไม่มีกลั่นแกล้ง แจงเป็นอำนาจ”ชวน”ที่จะบรรจุวาระ ขณะที่”บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เกรงว่ารัฐบาลจะกลั่นแกล้งบรรจุญัตติใกล้ช่วงปีใหม่ว่า นายสุทินวิตกเกินเหตุ ขอให้ใจเย็นๆ ทำจิตใจให้สบายๆ อย่ามองโลกในแง่ร้าย รัฐบาลพร้อมจะชี้แจงทุกที่ทุกเวลา วันไหนก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม การบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นอำนาจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา4เดือนกว่ารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ทุกนโยบายขับเคลื่อนเต็มสูบ แม้ว่าประเทศจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รัฐบาลก็พยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจเดินหน้าให้ได้ โดยเฉพาะการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก รัฐบาลทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทราบดี ที่สำคัญรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น เชื่อว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ขณะที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นความล้มเหลวในการบริหารงานนั้น ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะรัฐบาลทำงานมา4เดือน งบประมาณปี2563ก็ยังไม่ได้ใช้ บวกกับประเทศเจอปัญหาเศรษฐกิจโลก เรียกว่ารัฐบาลทำเต็มที่แล้ว ขนาดสำนักวิจัยซูเปอร์โพลยังยกให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นครม.ในใจประชาชน เพราะทำงานหนัก กล้าคิด มือสะอาด

“บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นศึกอภิปราย ปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เตรียมพร้อมรับศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นไรเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ก็ได้กำชับในที่ประชุม ครม.และทุกกระทรวงไปแล้ว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายต่างๆไม่ได้มีปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในรัฐบาล

“ส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่มีอะไร จะต้องไปเตรียมความพร้อมเรื่องอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะล็อคเป้าไว้ที่ 3 ป.นั้น ก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันก่อนที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติเลย ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะอภิปรายใครบ้าง รอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องของทีมเศรษฐกิจซึ่งทีมเศรษฐกิจทั้งหมดยืนยันมีเอกภาพอยู่ ไม่มีเอกภาพจะอยู่กันได้อย่างไร และตลอด 3 เดือนของการทำงานที่ผ่านมารัฐบาลมีความตั้งใจทำงานตามกฎหมาย และไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความข้องใจ รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่และร่วมมือกันทุกฝ่าย

เครือข่ายผู้หญิงให้กำลังใจ”มนัญญา” เพศแม่หาญสู้กลุ่มต้านแบน 3 สารพิษ

People Unity News : เครือข่ายผู้หญิงให้กำลังใจ รมช.เกษตร ชื่นชมจุดยืนในฐานะเพศแม่ที่ทำเพื่อปกป้องสุขภาพลูกหลาน ขอรัฐบาลกล้าหาญยืนหยัดไม่ขยายเวลาแบน 3 สารพิษ ตามแรงกดดันและประโยชน์ทางการค้า

เมื่อเวลา10.00น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ราชดำเนิน นางสมโภช สง่าพล แกนนำชุมชนกทม. พร้อมด้วย นางสาวอังคณา อินทะสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และตัวแทนกลุ่มผู้หญิง ซึ่งเป็นคุณแม่ที่ทำอาหารเลี้ยงครอบครัว กว่า 30 คน เข้าพบ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้กำลังใจในการเดินหน้าแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย หลังจากมีข่าวความเคลื่อนไหวและถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากฝ่ายที่สนับสนุนสารเคมีฯ กดดันให้ขยายเวลาแบนสารเคมีฯนี้ออกไปอีก6เดือน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่สนใจสุขภาพของลูกหลานและประชาชน โดยเครือข่ายได้มอบดอกไม้สีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ขอบคุณจุดยืนในฐานะแทนเพศแม่ ที่กล้าต่อสู้และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกๆหลานๆไทยให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย

นางสมโภช กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ติดตามความคืบหน้าและสนับสนุน การเดินหน้าแบน3สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งโรคมะเร็ง เนื้อเน่า มีปัญหาต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก เสี่ยงออทิสติก ฯลฯ กระทั่งได้มีมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 แบนสามสารเคมีดังกล่าวถือเป็นความกล้าหาญทางนโยบายที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของประเทศ ต่อมามีความพยายามของกลุ่มที่เสียประโยชน์จากการแบนสารพิษ มีการเคลื่อนไหวกดดัน เพื่อให้ขยายเวลาการแบนออกไปอีก180วัน ด้วยข้ออ้างสารพัด มีท่าทีที่แข็งกร้าว เลยเถิดไปถึงขั้นข่มขู่ ปองร้ายกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย ที่ควรยกระดับความเห็นต่าง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี มิใช่การเผชิญหน้าท้าทาย

“ภายใต้การนำของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เครือข่ายฯสัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยว ทำงานด้วยความหนักแน่นตามบทบาทหน้าที่อย่างสุดกำลัง การต่อสู้ด้วยจุดยืนในฐานะเพศแม่ ที่ต้องการปกป้องชีวิตและสุขภาพลูกหลาน ให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายทางการเกษตร เครือข่ายฯ เข้าใจว่าสิ่งที่ท่านต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดันต่างๆมีความหนักหน่วง รุนแรง และไม่ง่ายที่จะยืนหยัดต่อสู้ได้เช่นนี้” นางสมโภช กล่าว

นางสาวอังคณา กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และส่งผ่านไปถึงรัฐบาลดังต่อไปนี้ 1.ในฐานะผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่เหมือนกับท่าน เป็นทั้งผู้บริโภคและคนที่ต้องทำอาหารให้คนในครอบครัวได้บริโภค เราต้องการวัตถุดิบที่ปลอดภัยในการทำอาหาร ไม่ต้องการพืชผักที่อุดมไปด้วยสารพิษมาทำอาหาร เราขอสนับสนุนและให้กำลังใจเดินหน้าแบน สามสารเคมีอันตรายนี้ โดยไม่ควรขยายเวลาออกไปอีกตามข้อเสนอของบางกลุ่ม

2.ในฐานะผู้หญิง เป็นผู้บริโภคตัวจริงกลุ่มหนึ่ง ขอส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลให้มีความหนักแน่นไม่นำสุขภาพและชีวิตของประชาชนกลับไปอยู่จุดเดิมอีก สุขภาพและชีวิตประชาชนไม่ควรถูกทำลายเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัทสารเคมี ที่ผ่านมาชีวิตประชาชนสูญเสียมามากพอแล้วจากสารพิษเหล่านี้ ท่านจะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ที่ดีงามให้กับสังคมไทย และ3.ขอเรียกร้องต่อกลุ่มที่สนับสนุนการใช้สารเคมีอันตรายด้วยความเคารพว่า ได้โปรดเห็นใจเราในฐานะคนที่ต้องกินต้องใช้พืชผักวัตถุดิบจากท่าน อย่าได้มอบสารพิษปนเปื้อนมาให้เราอีกเลย ควรมุ่งไปสู่ทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ไม่ทำร้ายกัน มุ่งสู่เกษตรกรรมยั่งยืนที่ทุกคนปลอดภัย

“บิ๊กป้อม”ลั่น! อยู่ดีๆ เอา”ปารีณา 1,700ไร่” ติดคุกได้อย่างไร

People Unity News : “บิ๊กป้อม”ลั่น! อยู่ดีๆ เอา”ปารีณา 1,700ไร่” ติดคุกได้อย่างไร ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะอุ้มคดีที่ดินฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการอุ้มในคดีดังกล่าวแน่นอน

“จะไปอุ้มอะไรได้อย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบกันอยู่ ใครจะไปอุ้มอะไรได้ วันนี้จะไปเอื้อประโยชน์ทางกฎหมายได้อย่างไร ในส่วนรายละเอียดผมไม่ทราบ โดยเฉพาะข่าวที่ว่าคุณปารีณาจะนำที่ดินบางส่วนไปอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งหมด เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันว่าฝ่ายบริหารจะไม่เข้าไปแทรกแซง ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเข้าไปยุ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่ากระแสข่าวช่วงนี้กระทบภาพลักษณ์รัฐบาลโดยตรงจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องที่จะให้ความช่วยเหลือ น.ส.ปารีณา ทาง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ข่าวที่ไหนจะไปอุ้มได้อย่างไร สื่อไปคิดกันเอาเอง

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่เพราะบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้เป็นคนในซีกรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย ขนาดตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเลยเรื่องนี้จบแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ น.ส.ปารีณา ขอรังวัดที่ดินใหม่ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

เมื่อถามว่าแล้วหากเป็นชาวบ้านที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณา จะสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สามารถทำได้เหมือนกัน

เมื่อถามว่าสังคมกำลังวิจารณ์ว่านักการเมืองในสังกัดรัฐบาลจะได้รับการเลือกปฏิบัติ แต่หากเป็นชาวบ้านทั่วไปอาจติดคุกไปแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า
“เฮ้ย! พวกคุณพูดกันไปเองจะไปติดคุกได้อย่างไร ยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จึงไม่มีทางไม่ว่าจะเป็นใครหรือชาวบ้าน ก็ยังไม่ติดคุกทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน แล้วถึงจะมีการดำเนินคดี แม้จะมีการแจ้งความแล้วก็ต้องไปตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อน ให้เรียบร้อยก่อนที่จะตัดสิน อยู่ดีดีจะเอาคนไปติดคุกได้อย่างไร ไม่มีหรอก”

“อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน.

People Unity News : “อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน. ขณะที่ “เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเสนอชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แทน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า หลังจากที่มีกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพราะกลัวขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ สังคมก็ตั้งคำถามว่า ตกลงการอยากอยู่ร่วมรัฐบาลให้นานที่สุด กับมติพรรคและสัญญาประชาคม พรรคประชาธิปัตย์เห็นอย่างใดสำคัญกว่ากัน ถ้ารัฐบาลทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลอยากสนับสนุนก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานไม่ได้ การอยู่นานของรัฐบาลน่าจะเป็นการทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่มีความจำเป็นในการพายเรือให้ใครนั่ง การจงใจส่งนายไพบูลย์ มาเป็นประธานกมธ.ของพรรคพลังประชารัฐเจตนาชัดว่า จะยื้อเวลาและปั่นป่วนไม่ให้การทำงานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถขับเคลื่อนได้

“การส่งคนที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจุดยืนชัดว่าไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นประธานกมธ. เป็นการส่งสัญาณชัดว่าอยากอยู่ยาว พอได้อยู่ยาว ก็อยากอยู่ต่อให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

“เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ตนออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคมีความจริงใจในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พาดพิงหรือเฉพาะเจาะจงไปถึงพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว แต่เป็นการเรียกร้องหาความจริงใจจากทุกพรรคและทุกภาคส่วน แต่เมื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมารับลูกแทนรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ และประกาศยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการแก้ไขอย่างแน่นอน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็ขอให้สังคมจดจำและบันทึกไว้ เพราะถือว่าเป็นการให้สัญญาประชาคมต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ขอให้พลเอกประวิตร ได้รักษาคำพูดและผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นจริงตามที่ประกาศไว้

ผมขอขอบคุณในคำยืนยันของพลเอกประวิตรไว้ล่วงหน้า และหวังว่าท่านคงรักษาสัจจะของลูกผู้ชายชาติทหาร และถ้าเป็นความตั้งใจจริงของท่าน ผมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร สามารถผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่ท่านส่งสัญญาณไปยังสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช. เท่านั้น สมาชิกวุฒิสภาทุกคนก็รอฟังสัญญานจาก พล.อ.ประยุทธ หรือพล.อ.ประวิตร กันตลอดเวลา ต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองในวันนี้อำนาจสูงสุดรวมศูนย์อยู่ที่พี่น้อง3ป. หากคณะ3ป.เปิดไฟเขียวเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะราบรื่นและง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

ถ้าหากพลเอกประวิตรสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ตามที่ประกาศไว้ ท่านจะได้รับเสียงชื่นชมแซ่ซ้องสรรเสริญ จากทุกภาคส่วนในสังคม และถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้จริงภายในหนึ่งปีด้วยฝีมือและการสนับสนุนของพล.อ.ประวิตรจริง ผมจะขออาสาเป็นตัวแทนของทุกคนที่รักประชาธิปไตย นำดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบขอบพระคุณพลเอกประวิตรถึงห้องทำงาน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาลทันที

“จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง

People Unity News : “จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง จี้ปรับวิธีทำที่การยางฯแล้วเดินหน้า

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการ ประกันรายได้ชาวสวนยาง ว่า ได้มีการกำหนดชัดเจนแล้วว่าให้มีการโอนเงินส่วนต่างตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 แต่ว่าก่อนที่จะโอนเงินส่วนต่างนั้น ต้องมีการไปตรวจสวนก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ายังปลูกยางที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไปจริง และมีจำนวนกี่ไร่แล้ว ได้กรีดยางชนิดไหน เพราะเราประกันยาง 3 ชนิดคือ ยางแผ่น น้ำยาง และยางก้อนถ้วย ซึ่งแต่ละตัวมีราคาแตกต่างกัน ส่วนต่างแตกต่างกัน

จึงเป็นที่มาที่ ผู้มีหน้าที่ตรวจสวน คือ การยางแห่งประเทศไทย และคณะประกอบด้วยคณะกรรมการในแต่ละจังหวัดต้องจัดการ ปรากฏว่าการตรวจสวนยังค่อนข้างล่าช้าเพราะกำลังไม่พอ และกระบวนการในการนัดหมายกรรมการไปตรวจค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร จึงเป็นที่มาได้มีการหารือกันว่าถัดจากนี้ไปจะทำให้กระบวนการตรวจสวนกระชับเข้า เหมือนหลายครั้งที่เราเคยปฏิบัติมาทั้งในเรื่องการให้เจ้าของสวนแจ้งว่าตนได้มีที่กี่ไร่และยางอายุ 7 ปีจำนวนเท่าไหร่ มีทำยางชนิดไหนและให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้การรับรองและสามารถนำไปส่งทะเบียนให้ ธ.ก.ส.โอนเงินส่วนต่างได้

การยางฯก็จะไปเร่งดำเนินการในแนวปฏิบัติใหม่นี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเพราะตอนนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 15 ได้กำหนดไว้เดิมว่าต้องจบซึ่งก็เลยมาวันที่ 25-26 พย.แล้ว ตนก็เร่งรัดไป โดยรัฐมนตรีเกษตรฯก็จะปรับวิธีการ

“ขอเรียนให้ทราบว่าทำอย่างไรทุกท่านที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องยังได้รับเงินส่วนต่างทุกท่านทุกสวนที่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดสำหรับงวดต่อไปอีก 2 เดือนจะจ่ายเงินส่วนต่างปีละ 3 งวด คือสองเดือนครั้งงวดต่อไปวันที่ 1 มกราคม 2563 อันนี้จะง่ายแล้วเพราะว่าการขึ้นทะเบียนการจดแจ้งทั้งหมดจะครบถ้วนจบสิ้น สามารถโอนได้ไม่ต้องตรวจสวนซ้ำอีกจะขลุกขลักหน่อยสำหรับงวดแรกขอนำเรียนให้ทราบ” นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับข้าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นอกจากการจ่ายเงินส่วนต่างแล้วยังมีมาตรการเสริมออกมาทั้งในเรื่องของการให้เงินจ่ายขาด ชะลอการขายข้าวเพราะข้าวออกมากมีผลทำให้ราคาตกลงไปโรงสีก็ไม่ได้รับซื้อตามปริมาณข้าวที่ออกไปทำให้ราคาตกลงมาตรงนี้จึงมีมาตรการเสริมสำหรับการให้ชะลอการขายข้าว ถ้าสถาบันเกษตรกรให้ 1,500 บาทโดยให้สถาบัน 1,000 เกษตรกร 500 รวมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องของค่าต้นทุนและเรื่องมาตรการค่าเก็บเกี่ยวด้วยโดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุม นบข. วันที่ 6 ธค.2562 และจะไปเข้าครม.ในส่วนของชาวนาผมคิดว่านอกจากโครงการประกันรายได้และยังมีมาตรการเสริมอีก 3-4 ตัว อย่างที่เรียนให้ทราบ และจะเร่งทำให้เร็ว

“เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน

People Unity News : “เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน “สิระ-ปารีณา”กินแห้ว ไม่ยอมหยุดเตรียมใช้ช่องทางอื่น

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมโดยได้เสนอเรื่องถอดถอนประธานคณะกรรมาธิการ ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐเสนอ ขึ้นมาพิจารณา โดยได้ขอมติต่อที่ประชุมว่า กมธ.มีความสามารถที่จะปลดประธานได้หรือไม่ ผลออกมาว่า 7 ต่อ 2 เสียง มีความเห็นว่าไม่มีอำนาจ โดย 2 เสียงนั้นคือนายสิระและนางสาวปารีณา ส.ส.ราชบรี พรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ขอให้นายสิระใช้ช่องทางอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเริ่มการประชุมนางสาวปารีณา ได้ประท้วงประธานการประชุมให้จัดที่นั่งให้ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการฯ 2 คน คือ นายวัฒนา เมืองสุข และพล.ต.ท.วิโรนจ์ เปาอินทร์ ใหม่ เนื่องจากทั้ง 2 นั่งหัวโต๊ะเคียงคู่ประธาน ซึ่งนางสาวปารีณา เห็นว่า ควรนั่งไล่ลำดับจากประธาน รองประธาน กรรมาธิการ และถึงเป็นที่ปรึกษา เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ทำให้นายสิระ ร่วมผสมโรงด้วย โดยขอให้ที่ปรึกษาประธานทั้ง 2 ไปนั่งในห้องของประธานกรรมาธิการ เพราะเป็นที่ปรึกษาของประธาน ไม่ใช่ที่ปรึกษาของกรรมาธิการทั้งคณะ จนทำให้กรรมาธิการในสัดส่วนฝ่ายค้านประท้วง และยืนยันว่า มีความเหมาะสมแล้ว ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สอบถามเลขานุการประชุม ที่เป็นข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรว่า ข้อบังคับการประชุมมีการระบุไว้หรือไม่ ซึ่งพบว่า ไม่มี ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ก่อนที่นางสาวปารีณา จะลากเก้าอี้มานั่งคู่กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย

หลังจากนั้นนายสิระแถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 และงดออกเสียง 4 คน เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมาธิการฯไม่มีอนำาจในการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน รองประธาน และเลขานุการ ของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเสียงโหวตจำนวน 7 คนที่เห็นด้วยเป็นของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ด้วย ส่วน2 คนที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ตนและน.ส.ปารีณา ส่วน4 คนที่งดออกเสียงเป็นกรรมาธิการฯสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล

นายสิระ กล่าวต่อว่า แม้ที่ประชุมจะมีมติเสียงข้างมากไปแล้ว แต่ตนจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และยืนยันว่าการแต่งตั้งตำแหน่งกรรมาธิการสามัญต่างๆยังเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของประธานกรรมาธิการฯ ดังนั้นตนจะดำเนินการต่อไปใน3 แนวทางได้ แก่ 1. จะเสนอเรื่องต่อประธานสภาฯให้ตรวจสอบพฤติกรรมประธานกรรมาธิการฯ ในการกระทำดังกล่าว โดยมีการใช้ตำแหน่ง รวมถึงมติในกรรมาธิการฯว่าสามารถปลดประธานได้รหือไม่ 2.ในวันที่2 ธ.ค. 10.00 น. ตนจะยื่นหนังสือต่อประธานป.ป.ช.เพื่อให้สอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่ามีพฤติกรรมโดยมิชอบ และ3.หารือในที่ประชุมสภา โดยจะสอบถามว่าตำแหน่งกมธ.มีอำนาจแค่ไหน

Verified by ExactMetrics