วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

“มาดามเดียร์”เตรียมฟ้อง”ช่อ” ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนชั่นแล้ัว

People Unity News : “มาดามเดียร์” เตรียมฟ้อง “ช่อ”ปมแถลงข่าวบิดเบือนยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของเนชั่น เพราะลาออกและขายหุ้น ตั้งแต่ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี” ชี้แจงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวพาดพิงว่า ขอชี้แจงความจริง และขอให้หยุดบิดเบือนเผยแพร่ข้อความใส่ร้ายผู้อื่น 1. ดิฉันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 2. ในอดีตดิฉันได้ประกอบอาชีพโดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชน และตั้งแต่ก่อนลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดิฉันได้ลาออกจากทุกตำแหน่ง โอนขายหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของและมีหุ้นส่วนในกิจการสื่อใดๆทั้งสิ้น 3. ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเคารพ ปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรมเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด

น.ส วทันยา ระบุอีกว่า การแถลงข่าวของนางสาวพรรณิการ์ นั้นเป็นการแถลงโดยขาดข้อมูลที่ถูกต้องอาจเป็นด้วยไม่ได้มีการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
จึงขอเรียนว่า เพื่อให้นางสาวพรรณิการ์ได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น จึงกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตามกฏหมายเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง

“เพื่อไทย”คัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่นเขต 7

People Unity News : “เพื่อไทย”แถลงเป็นทางการคัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่น เขต 7

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต7 ขอนแก่น โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ตามที่พรรคได้ออกคำประกาศให้ผู้ที่สนใจลงสมัคร ปรากฏมีผู้เสนอตัวทั้งหมด 4 คน คือนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นายประสงค์ ศรีวัฒน์ นายกเทศมนตรี ต.หนองเรือ และนายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยที่ประชุมได้พิจารณาตัดสินใจเลือกนายธนิกและนายอดิศร โดยจะเสนอชื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ ประกาศขึ้นเว็บไซต์ ให้คณะกรรมการคัดสรรประจำจังหวัด พิจารณาคัดเลือกอีกครั้ง

จากนั้นจะนำข้อสรุปมาหารือกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ได้ข้อยุติในวันที่ 21 พ.ย. อย่างไรก็ตาม หวังว่าตัวแทนผู้สมัครของเราจะลงไปช่วงชิงและได้รับชัยชนะ จ.ขอนแก่น เป็นฐานเดิมของพรรค ที่สำคัญนายธนิก นายอดิศร ต่างเคยเป็นผู้แทนและเป็น ส.ส.ขอนแก่นมาแล้ว ในที่ประชุมเสนอให้ทาบทามนายพงศกร อรรณนพพร อดีตรมช.ศึกษาธิการ เป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.ขอนแก่น ซึ่งส.ส.ทั้งหมดจะช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส.ของพรรคเข้ามาต่อสู้ในสภาฯ อีกครั้ง

“ขอเรียกร้องฝ่ายรัฐวางตัวให้เที่ยงธรรม เป็นไปตามข้อกฎหมาย อย่าใช้อำนาจและกลไกของรัฐให้เป็นคุณเป็นโทษต่อผู้สมัคร ส่วนพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะสามารถได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชน และจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายภูมิธรรมกล่าว

“นิพนธ์”ถกแผนบูรณาการ ป้องกันลดอุบัติเหตุ รับเทศกาลปีใหม่ 63

People Unity News : “นิพนธ์”ถกแผนบูรณาการ ป้องกันลดอุบัติเหตุ รับเทศกาลปีใหม่ 63 ดัน 878 อำเภอจับมือ อปท. ทำ”ตำบลขับขี่ปลอดภัย” ให้เห็นผลรูปธรรม ลดยอดสูญเสีย ชูสโลแกน “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 พ.ย. 2562 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย (มท.2 ) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 3/2562 เพื่อเตรียมความพร้อมแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2563 พร้อมขับเคลื่อนโครงการ “ตำบลขับขี่ ปลอดภัย” มุ่งลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแบบองค์รวมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนควบคู่กับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของทุกภาคส่วน จึงได้กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาลสำคัญ การประชุมคณะกรรมการ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนในวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณา (ร่าง) แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 ซึ่งดำเนินการภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” มุ่งเน้น 6 มาตรการสำคัญ ได้แก่ มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ มาตรการความปลอดภัยทางน้ำ และมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมีประสิทธิภาพสูงสุด

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ศปถ.ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดโครงการเสริมสร้าง “ตำบลขับขี่ ปลอดภัย” กำหนดดำเนินการในพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น.(อปท.)ที่มีพื้นที่เสี่ยง ใช้กลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนในการกำหนดนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่มีความปลอดภัยในการสัญจร ทั้งนี้ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืนนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้พื้นที่ในระดับตำบลสามารถลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงได้อย่างน้อย 1 ราย จะทำให้ภาพรวมของประเทศมีสถิติการเสียชีวิตจากการใช้รถใช้ถนนลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม.

“ธนาธร”ส่งทนายฟ้อง 7 กกต. อ้างทุจริตตรวจสอบคดีถือหุ้นสื่อ

People Unity News : โฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลง “ธนาธร”ส่งทนายฟ้อง 7 กกต. อ้างทุจริตตรวจสอบคดีถือหุ้นสื่อ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดี บ. หุ้นวี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นในวันนี้นายธนาธร ได้มอบหมายให้ทีมทนายความไปยื่นต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฟ้องร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต. ) ทั้ง 7 คน โดยพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ฟ้องร้อง พ.ต.อ.จรงุวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ตามที่สื่อฉบับหนึ่งได้นำเสนอไป ข้อหาที่ฟ้องร้อง กกต. คือข้อหาประพฤติมิชอบ ในการที่ไม่ได้ใช้อำนาจในการไต่สวนพยานหลักฐานสืบหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ ในคดีการกล่าวหาว่านายธนาธรถือครองหุ้นสื่อบริษัทวีลัค-มีเดีย จำกัด

“นายธนาธรได้กล่าวแล้วว่า มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งเรื่องให้กับ กกต.เพื่อดำเนินการต่อไป แต่ กกต.กลับไม่รอให้การไต่สวนเรียกพยานเข้ามาให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการฯ แต่กลับรวบรัดและส่งคดีไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่การไต่สวนของคณะอนุกรรมการฯ จะเสร็จสิ้น เป็นเหตุให้ชวนสงสัยได้ว่ามีการเร่งรัดคดีโดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่”

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้เราจึงตัดสินใจฟ้อง กกต. ในข้อหาประพฤติมิชอบเร่งรัดไต่สวนคดี ทำให้เกิดความเสียหายต่อนายธนาธรใน 2 ประการ คือ 1.การถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และ2.ความเสียหายต่อชื่อเสียงของนายธนาธรเอง เนื่องจากทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจไปแล้วว่านายธนาธรได้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมาย ซึ่งกรอบระยะเวลาการดำเนินคดีก็คงจะยาวนานหลายเดือน แต่เราถือว่าได้ทำดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเกิดการดำเนินคดีด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรมในคดีความของนายธนาธร

นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวถึงสภาพการณ์การเมืองไทย ในประเด็นการเป็นเจ้าของสื่อของนักการเมือง ตามเจตนารมรณ์ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งถือครองหุ้นสื่อ โดยเจตนารมณ์คือ ไม่ต้องการให้นักการเมืองครอบครองสื่อ เพื่อใช้ให้เป็นคุณแก่ตัวเอง และใช้เป็นโทษแก่คนอื่นแต่ในประเทศไทย มีกรณีที่ นักการเมืองมีความเกี่ยวพัน เป็นเจ้าของ สื่อ ชัดเจน แต่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ คือ กรณี ของนางสาว วทันยา วงษ์โอภาสี ได้ลาออกจากผู้บริหารเครือเนชั่น ก่อนให้สามี คือ นายฉาย บุนนาคดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารของ เนชั่น แทน

โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อว่าทำให้เกิดคำถามว่า ในขณะเรื่องการถือหุ้นสื่อ ของ ส.ส. หลายสิบคน เป็นเรื่องเข้าจนสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งที่ปัญหาเกิดจากใบบริคณห์สนธิ บางกรณีนักการเมืองแสดงหลักฐานทุกอย่างแล้วว่าโอนหุ้นก่อน แต่ก็ยังมีคดี แต่กรณีของนางสาว วทันยา กลับชัดเจน แต่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่เพียงเท่านั้น เนชั่น ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทำการอันเป็นคุณแก่พรรคการเมืองบางพรรคและเป็นโทษแก่พรรคกรเมืองบางพรรคอย่างเป็นระบบ
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เครือข่ายของเนชั่น ประกอบด้วย เครือเนชั่นกรุ๊ป และนิวเน็ตเวอร์ค มีทั้ง สำนักข่าวเนชั่น หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ทีนิวส์หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ช่องสปริงนิวส์ นอกจากนี้ยังมีการตั้งสถาบันทิศทางไทย ที่พยายามยกระดับ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในเครือของเนชั่น ซึ่งกรรมการผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ประกอบด้วย นายฉาย บุนนาค นาย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งคนเหล่านี้เป็นผู้บริหารเครือเนชั่น

“ทั้งที่เราเพิ่งจะตั้งพรรคมาหนึ่งปีกว่าๆ ยังไม่มีอำนาจรัฐ ขณะที่เราพบรูปแบบการนำเสนอข่าว ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยการที่พวกเขาหยิบยกเอาข้อมูลในเพจข่าวปลอม มาแผยแพร่ ก่อนจะนำไปเผยแพร่ในรายการทีวี”

โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุต่อว่า ต้องยอมรับว่าข่าวปลอมมีอยู่เยอะและเป็นอันตรายต่อสังคม แต่อย่างน้อยมันไม่เคยถูกยกมาเป็นข่าวในโทรทัศน์ซึ่งเป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ตัวอย่างเช่น “ชำแหละแถลงการณ์ ธนาธร โอนหุ้น ส่อนิติกรรมอำพราง” “ธนาธรอันตรายคล้ายฮิตเลอร์” หรือ “ธนาธรสารภาพคิดการใหญ่” หรือ วิจารณ์ยับกินอาหารหรู ซึ่งกรณีกินอาหารหรู ได้มีการยืนยันแล้วว่า มื้อนั้นเฉลี่ยกินละ 600 บาท ก่อนจะถูกขยายความต่อไป เช่นเดียวกับข่าว ธนาธร คล้ายฮิตเลอร์ ซึ่งในเนื้อหาไม่ได้มีข้อเท็จจริงแต่อย่างใด มีเพียงความเห็นของพิธีกรรายการเท่านั้นที่ผ่านมา รัฐบาลตั้งศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ แต่ เราก็ไม่เคยเห็นว่า ศูนย์นี้ต่อต้านเฟคนิวส์ จริง หรือเพียงแค่ทำลายข่าวที่เป็นโทษของรัฐบาลกันแน่ หลังจากวันนี้ พรรคอนาคตใหม่จะนำข้อมูลจากเพจข่าวปลอมทั้งหมด กว่า 100 หน้า จะนำไปมอบให้ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ โดยจะมอบให้ถึงมือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอี และจะรอดูว่า ศูนย์นี้จะทำอะไรกับข่าวปลอม เหล่านี้หรือไม่ หรือท่านกจะต่อต้านข่าวที่เป็นโทษของรัฐบาลเท่านั้น

“เทพไท”ขวาง”ครม.-ส.ว.” อย่าจุ้นนั่ง”กมธ.แก้รธน.” ต้องกระจายให้พรรคร่วม

People Unity News : “เทพไท”ขวาง”ครม.-ส.ว.” อย่าจุ้นนั่ง”กมธ.แก้รธน.” ต้องกระจายให้พรรคร่วม “เทวัญ”เตรียมคุย”วิษณุ”เฟ้นกมธ. ขณะที่ “วิษณุ” แจงรายชื่อ “ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ”มาจาก”ส.ส.-พรรคการเมือง” ชงชื่อ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การที่วิปทั้ง2ฝ่าย กำหนดให้คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ มีจำนวน49คน แบ่งเป็นสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล18คน พรรคร่วมฝ่ายค้าน19คน และสัดส่วน ครม.12คนนั้น จากกระแสข่าวที่ระบุว่า จะมีการจัดสรรโควต้ากรรมาธิการสัดส่วน ครม.ให้กับ ส.ว.เข้ามาร่วมด้วยนั้น ส่วนตัวเห็นว่าการเสนอญัตติด่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติมาตั้งแต่เริ่มต้น และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยังออกมายืนยันว่า เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเมื่อสภามีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ขึ้นมา ก็ควรพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้ด้วย

1.คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ไม่ควรมีสัดส่วนของ ครม. 2.ถ้ามีสัดส่วนของ ครม.ก็ควรจะแบ่งปัน หรือกระจายโควต้าให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคทั้งหมด 3.ถ้าจะแบ่ง กมธ. สัดส่วนของ ครม.12คน ให้แก่บุคคลใน ครม.6คน และบุคคลภายนอก6คน ก็ไม่ควรนำ ส.ว.หรือบุคคลที่เคยเป็น กรธ.มาร่วมด้วย

นายเทพไทกล่าวว่าตนเห็นว่า การเปิดโอกาสให้ ส.ว.หรือ กรธ.เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ จะก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำงานของ กมธ.ชุดนี้อย่างแน่นอน เพราะกลุ่มคนทั้ง2ส่วนนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีส่วนได้เสียกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างชัดเจนมาก ถ้าหากจะนำคนที่มีจุดยืนต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญแบบสุดขั้วมาร่วมใน กมธ.ชุดนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับ เอาจรเข้มาขวางคลอง

“จึงขอเสนอว่า ถ้าอยากจะให้ ส.ว.มีส่วนร่วม หรือต้องการรับฟังความเห็นจาก ส.ว.ด้วย ก็ควรจะใช้วิธีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของรัฐสภา หรือ ให้ ส.ว.ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในส่วนของวุฒิสภาขึ้นมาต่างหากอีกชุดหนึ่ง เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญคู่ขนานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร น่าจะเหมาะสมที่สุด”

“เทวัญ”เตรียมคุย”วิษณุ”เฟ้นกมธ.แก้รธน.

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าสัดส่วนการตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาปลายเดือนนี้ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอรายชื่อสัดส่วนของรัฐบาลไปแล้ว 6 คน แต่มีบางส่วนปฏิเสธไม่ตอบรับจึงต้องพิจารณาใหม่ โดยทั้ง 6 คนในสัดส่วนรัฐบาลเป็นคนนอกทั้งหมด แต่อีก 6 คนที่เหลือ วิปรัฐบาล ขอไปจัดสรรเอง ซึ่งเตรียมที่จะหารือกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการได้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ถือเป็นเรื่องที่ดี

ส่วนสัดส่วนของ ส.ว. นั้น มองว่า ขึ้นอยู่กับประธานวุฒิสภาที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว เพราะมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยทั้งนี้ ครม. ได้สัดส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการทั้งหมด 12 คน ฝ่ายค้าน 19 คนและฝ่ายรัฐบาล 18 คนรวม 49 คน

“วิษณุ”แจงรายชื่อ “ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ”มาจาก”ส.ส.-พรรคการเมือง” ชงชื่อ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้มีบุคคลนอกที่ไม่ใช่คนหน้าเดิม เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ อย่าไปเห็นอะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง เรื่องนี้ควรให้คนที่อยู่ในวงการมาช่วยกันให้ความเห็นดีกว่า อย่างส.ส.หรือพรรคการเมืองต่างๆ ควรไปถามเขา

เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ความชัดเจนของคนที่จะมาเป็นประธานกมธ.ฯ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ อาจจะชัดเจนแล้วก็ได้ ซึ่งตำแหน่งประธานกมธ.จะเกิดขึ้นทีหลัง โดยกมธ.จะเป็นคนเลือกจากคนที่มาเป็นกมธ.เพื่อให้มาเป็นปธ.กมธ.

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการส่งรายชื่อกมธ.ในสัดส่วนของรัฐบาล ไปยังวิปรัฐบาล นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลส่งไปนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะตนได้ยินว่ามีการทาบทามแล้วบางคนไม่รับ เพราะไปเอ่ยถึงโดยที่เขาไม่รู้มาก่อน ทั้งนี้เมื่อได้รายชื่อในส่วนรัฐบาลทั้งหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งมาให้ตนและไม่ควรทำ ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการมาหารือกับตนตามประสาเพื่อนฝูงเพื่อขอคำแนะนำในฐานะที่เป็นบุคคลกว้างขวางว่าควรจะเป็นใครบ้างเท่านั้น

“พุทธิพงษ์”รับเคาะชื่อปธ.กมธ.แก้ รธน.ต้องคุยกัน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุถึงความคืบหน้าของรายชื่อประธานและคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ว่ากำลังพิจารณาอยู่ ตอนนี้มีหลายคนที่เหมาะสมทั้งคนนอกและคนในพรรคคนในพรรคอย่างเช่น นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทยคนที่ 1 มองว่าคุณสมบัติของประธาน กมธ. ต้องมีความรู้ความสามารถในด้านนี้ มีประสบการณ์การทำงานกับรัฐธรรมนูญในหลายๆฉบับ เริ่มพูดคุยเรื่องนี้กับพรรคร่วมรัฐบาลบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการตัดสินใจ

เพราะประธานควรเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และส่วนตัวมองว่า รัฐธรรมนูญมฉบับนี้มีข้อดีมาก และเพิ่งใช้งานไม่นาน นอกจากนี้ยัง ผ่านประชามติของประชาชนมา การศึกษาเพื่อแก้ไขต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะทำในประเด็นใด ต้องเป็นที่ยอมรับของสังคม เชื่อว่าสุดท้ายชื่อของประธาน กมธ.ต้องผ่านการรับทราบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ส่วนจะต้องให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ฟันธง ชื่อประธาน กมธ.หรือไม่ว่าควรเป็นใคร นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า พล.อ.ประวิตร ถือว่า เป็นผู้ใหญ่ที่พูดคุยกับทุกพรรคได้อยู่แล้ว และขณะนี้ก็เริ่มคุยกันมาตลอด และขณะที่กรณีพรรคประชาธิปัตย์ เสนอ ชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคเป็นประธาน กมธ.นั้น ใครจะเสนอก็ไม่มีปัญหาแต่ต้องผ่านการหารือจากทุกฝ่ายเชื่อว่าที่สุดแล้วก็ต้องพูดคุยกัน

นายพุทธิพงษ์ ยังกล่าวยืนยันว่า พรรคขั้วรัฐบาลไม่มีรอยร้าว และความขัดแย้งใดๆ เพราะ ได้พูดคุยกับ แกนนำพรรคร่วมอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ตลอด

ส่วนการนัดพูดคุยระหว่างกับพรรคร่วมรัฐบาล กับ นายกรัฐมนตรี นั้น นายพุทธิพงษ์ ยอมรับว่า ตนเองเป็นหนึ่งในแม่งานที่ช่วยดูแล มีการเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลเข้าพูดคุยรวมถึงพรรคเล็กด้วย ตอนนี้พยายามจัดสรรเวลาให้ได้ช่วงเดือนนี้ แต่แกนนำหลายคนติดภารกิจต่างประเทศ จึงอาจจะจัดขึ้นไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอน

“จิรายุ”ถาม”ชวน”เอารธน.ข้อไหนสั่งปธ.กมธ.รายงานจะสอบใคร

People Unity News : “จิรายุ”ถาม”ชวน”เอารธน.ข้อสั่งปธ.กมธ.ให้รายงานว่าจะสอบใคร ไหนว่าจะใช้วันศุกร์พิจารณาญัตติค้างสภาเพื่อแก้ปัญหาให้ปชช. ชี้ระวังม.157 ใช้อำนาจล้วงลูกฝ่ายค้าน แนะเป็นปธ.สภาต้องเป็นกลางปธ.กมธ.ไม่ใช่ลูกน้อง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชน และกองทุน กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัยประธานสภาฯ ออกระเบียบมาบังคับประธานกรรมาธิการ ว่าประธานสภา เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ย่อมรู้ว่า ข้อบังคับจะมา ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ และคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญเป็นองค์ตรวจสอบถ่วงดุลของสถาบันนิติบัญญัติ ได้รับการแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับการประชุมฯ ตลอดจนภารกิจที่สภาผู้แทนราษฎรมอบให้ไปปฏิบัติ

ดังนั้น คณะกรรมาธิการทั้งสามัญและวิสามัญมีความรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ไม่ได้รับผิดชอบที่จะต้องไปรายงานต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกคำสั่งเช่นนี้ถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงภารกิจตามกฎหมายของคณะกรรมาธิการ และอาจเข้าข่ายการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย ที่สำคัญตนไม่ใช่ลูกน้องประธานสภาๆ มีหน้าที่ควบคุมการประชุมและดูแลข้าราชการประจำสภาเท่านั้น

นายจิรายุ กล่าวว่าประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภา ควรออกคำสั่งเรียกให้ประธานสภาฯมาชี้แจง ว่าใช้กฎหมายใด มีสถานะที่สูงกว่า รัฐธรรมนูญข้อไหน อีกทั้งการที่นายชวน สั่งให้ ประธานกรรมาธิการ มารายงานว่าจะทำเรื่องอะไร เรียกใครเชิญใครมา เอาอำนาจอะไรมาสั่งประธานกมธ. ตนไม่มั่นใจว่าใครร่างประกาศนี้ให้เซนต์แบบไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไม่ และที่สำคัญ นายชวนเคยบอกว่า จะเพิ่มวันประชุมวันศุกร์เพื่อพิจารณาญัตติที่แก้ไขปัญหาของประชาชนที่ค้างสภาเป็นจำนวนมาก อย่าหลอก สมาชิกสภาฯและ ปชช.ชอบลงเรือ เพราะหากให้ประธานกมธ.ต้องมาชี้แจง แค่คณะละครึ่งชั่วโมงก็ต้องใช้เวลา18ชั่วโมง ตกลงจะใช้เวลาวันศุกร์เพื่อล้วงลูกการทำงานของฝ่ายค้านหรือไม่

“ทั้งนี้หากจะมาบังคับให้ตนในฐานะประธานกรรมาธิการศาลฯชี้แจง ตนเองจะไม่ชี้แจงกับประธานแต่จะขอเวลา2ชั่วโมงอภิปรายให้ประชาชนทราบ เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบอาทิ กรณีผู้พิพากษายิงตัวที่ยะลา กรณีความหละหลวมเรื่องความปลอดภัยของศาลที่จันทบุรี และเรื่องตรวจสอบทุจริตของรัฐบาลจำนวนมาก วันนี้นายชวนควรจะสนใจเรื่องญัตติและการแก้ปัญหาของประชาชนจะดีกว่า ทั้งนี้ตนจะปรึกษาวิปฝ่ายค้าน และ ปธ.กมธ.ซีกฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินทางกฎหมายต่อประธานสภาฯต่อไปหากยังดันทุรังประกาศข้อบังคับที่เป็นการแทรกแซง การทำหน้าที่ กมธ.เช่นนี้และตนอยากถามไปยังประธานสภาว่าตั้งแต่มีสภามาตั้งแต่ปี2475เคยมีประกาศแบบนี้ด้วยหรือ” นายจิรายุกล่าว

“พลโทภราดร”อัดส.ว.ขวางลำแก้รธน.ชี้หวังต่อท่ออำนาจคสช.

People Unity News : “พลโทภราดร”อดีตเลขาฯสมช.อัด ส.ว. ขวางลำแก้รธน.ชี้หวังต่อท่ออำนาจ คสช. เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

วันที่ 18 ตุลาคม 2562 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่สมาชิกวุฒิสภาออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่น่าประหลาดใจเพราะคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น นายพรเพชร พิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายวันชัย สอนศิริ ล้วนได้รับผลประโยชน์รัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมทั้งที่มาของส.ว.ชุดนี้ก็ไม่ชอบโดยกฎหมาย

นอกจากนี้การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจต้องการ ในอดีตที่ผ่านมาขบวนการประชาชนเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ การเคลื่อนไหวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ต้องการรัฐธรรมนูญที่ยอมรับการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. ดังนั้นผู้แทนปวงชนและประชาชนต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

พลโทภราดร กล่าวด้วยว่า การออกมาของบรรดาส.ว.ที่เห็นชัดเจนคือความพยายามการรักษาอำนาจตัวเองและรักษาอำนาจของคสช.ที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป คนเหล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ที่กล่าวอ้างว่ามาจากปวงชนชาวไทยแต่เป็นวาทกรรมเท่านั้น เพราะจริงๆที่มาของส.ว.ก็ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มีผลประโยชน์ทับซ้อนบางคนเป็นทั้งคณะกรรมการสรรหา ก็สรรหาตัวเองมาเป็นส.ว. แบบนี้หาความชอบธรรมได้ที่ไหน คนกลุ่มนี้คือองครักษ์พิทักษ์คสช.และรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น หากให้ไปเลือกตั้งมาจากประชาชนคนเหล่านี้คงไม่มีโอกาสเข้ามานั่งในตำแหน่งส.ว.อย่างแน่นอนเพราะประชาชนคงไม่เลือกมาเป็นส.ว.

“อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน”

People Unity News : “อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน” เผยปี 63 เสนอโครงการพัฒนาศักยภาพทั้งระบบเพียง 492 ล้าน

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้เซ็นหนังสือเสนอของบประมาณเพิ่มเติม ของกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีการแปรญัตติ ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งกำลังพิจารณากันในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ ของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องหลักๆ ก็คือ ขอเพิ่มเติมงบประมาณก่อสร้าง ต่อเติม ขยายอาคารผู้ป่วย เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น เครื่องมือแพทย์ให้บริการประชาชน ได้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น และ ระบบกำจัดขยะ ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

ผมพิจารณากลั่นกรองหลายรอบแล้ว เห็นว่าเรื่องที่เสนอของบประมาณเพิ่มเติม ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องได้รับงบประมาณ จึงจะดูแลประชาชน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นได้

จึงอยากจะขอความกรุณาท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกท่าน ได้โปรดให้การสนับสนุนงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่เสนอให้ท่านพิจารณา ด้วย เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ผมอยากจะกราบขอร้องทุกท่านช่วยกันพิจารณาสนับสนุนเป็นพิเศษ ก็คือ เรื่องการพัฒนาศักยภาพการทำงานของห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล ทั้งด้านการบริการจัดการพื้นที่รองรับผู้ป่วย พื้นที่ญาติ การจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์วิกฤต และ ค่าตอบแทนแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ ตามความเหมาะสม

ในปีงบประมาณ 2563 ได้เสนอจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพห้องฉุกเฉินทั้งระบบ ในโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไป รวม 39 แห่ง ต้องใช้งบประมาณ 492,733,800 บาท

อันที่จริง อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ และเข้าใจความจำเป็นของทุกหน่วยงาน เราจึงขอเพียงเท่านี้ก่อน ซึ่งประมาณการว่าน่าจะพัฒนาการทำงานของห้องฉุกเฉิน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีขึ้น และป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ในห้องฉุกเฉินได้

ขอความกรุณาทุกท่านช่วยกันสนับสนุน เพื่อการดูแลรักษาชีวิตของประชาชนทุกท่าน ที่มาถึงห้องฉุกเฉิน

“นิพนธ์”ขานรับ WHO ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนทุกระดับทั่วประเทศ

People Unity News : “นิพนธ์้”เปิดรับฟังความเห็น ขานรับ WHO ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนทุกระดับทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 พ.ย. 2562 ณ ห้องกมลมาศ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานการประชุมนำเสนอผลและรับฟังความคิดเห็นต่อรายงานทบทวนสถานะประเทศไทยโดยใช้กรอบเป้าหมายโลกดำเนินการด้านความปลอดภัยทางถนน โดยมี นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายนิกร จำนง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาความปลอดภัยทางถนนและคมนาคม , นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. พร้อมผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วม

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ ทุพพลภาพ และสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยมาก ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และความสามารถในการแข่งขัน จากการรายงานฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลก พบว่า ในปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 22,491 ราย และอีก 4 หมื่นคนต้องเป็นผู้พิการใหม่ หากนับรวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้พิการ จะมีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทั้งหมด กว่า 2 แสนราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งที่
ความสูญเสียเหล่านี้สามารถป้องกันได้ รัฐบาลตระหนักถึงปัญหานี้ จึงกำหนดให้ทำโครงการสร้างความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องเร่งทำให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว โดยมีกลไกการขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนให้คลอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะในระดับตำบลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน

ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย เน้นการสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมความปลอดภัย การเฝ้าระวังและลดปัจจัยเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงการพัฒนากลไกและสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทุกระดับ พร้อมผลักดันให้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการความเร็วในพื้นที่ การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทุกรายเมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุ โดยสนับสนุนเครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมาย สนับสนุนให้มีการบูรณาการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้มีเอกภาพ และให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และท้องถิ่น(ศปถ.อำเภอ) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมทั้งต้องปรับแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ให้เหมาะสมและสอดคล้องเป็นพลวัตรกับสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป

มท.3 ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาความต้องการบึงกาฬ

People Unity News : มท.3 ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาความต้องการ พร้อมมอบนโยบาย ส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชน อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย. 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนบุ่งคล้า” โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อำเภอ ผู้บริหาร/สมาชิก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาว อ.บุ่งคล้า ให้การต้อนรับ รวมถึงเข้าให้ข้อมูลปัญหาความต้องการต่อ รมช.มท.

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มท. ได้รับฟังปัญหาความต้องการ และได้กล่าวมอบนโยบาย แนวทางดำเนินการในพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยได้ยึดตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัด โดยนำปัญหาความต้องการของประชาชนมาเป็นหลักในการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของพี่น้องประชาชน เพื่อให้ จ.บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่เกิดการพัฒนาทัดเทียมจังหวัดอื่นๆ โดยในอนาคตยังจะมีการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งการขยายถนนเส้นทางคมนาคม ปรับปรุงส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว การส่งเสริมสินค้า/ผลิตภัณ์ OTOP การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า จ.บึงกาฬ จะเป็นอีกจังหวัดที่เกิดการพัฒนาด้านการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ได้ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนบุ่งคล้า ซึ่งดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อนพบปะพี่น้องประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในการร่วมพัฒนา จ.บึงกาฬ ต่อไป

Verified by ExactMetrics