วันที่ 18 กรกฎาคม 2025

“ธนาธร”เสนอลดงบฯซื้ออาวุธ 40% เหตุเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง

People Unity News : “ธนาธร”เสนอลดงบฯซื้ออาวุธ 40% ยืนยันไม่กระทบความมั่นคง เพราะที่ผ่านมาเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณปี 2563 ตั้งคำถามถึงการของบประมาณของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ว่าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะมีการคืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้บริหารโดยหน่วยงานราชการปกติภายในปี 2565 ได้มีการเตรียมความพร้อมถ่ายโอนภารกิจไปยังหน่วยงานราชการเหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากหากมีการเตรียมพร้อม จะต้องสะท้อนออกมาในงบประมาณ ที่ต้องมีการใช้งบในหน่วยงานทหาร โดยเฉพาะกอ.รมน.น้อยลง

นายธนาธรยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าแนวทางแก้ปัญหาชายแดนใต้ที่ใช้ความมั่นคงเป็นหลัก ได้สะท้อนแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณแก้ปัญหาชายแดนใต้ถึงวันละ 56 ล้านบาท ก็ยังไม่สามารถยุติความขัดแย้งในพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้แนวทางสันติภาพ ยึดประชาชนเป็นหลัก จึงจะนำไปสันติภาพอย่างแท้จริง

จากนั้นนายธนาธรได้พูดถึงรายละเอียดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยเน้นที่งบผูกพันข้ามปี ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีงบประมาณผูกพันข้ามปีกว่า 69,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 2 ของทุกกระทรวง คิดเป็น 27% ของงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงกลาโหม และคิดเป็น 22% ของงบผูกพันทุกกระทรวง ซึ่งทำให้กระทรวงอื่นเสียโอกาสในการลงทุนที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ

โดยหลังรัฐประหาร 2557 จะเห็นการเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญของงบส่วนนี้ โดยเกือบ 100% ของงบผูกพันดังกล่าว เป็นงบพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นายธนาธรยังตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและหอประชุม ซึ่งมีจำนวนมาก และถูกใช้เพื่อสร้างความโอ่อ่าหรูหราให้บุคคลระดับสูงในกองทัพมากกว่าเป็นสวัสดิการของทหารจริง ๆ

นายธนาธรยังชี้ให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะกองทัพบก ในขณะที่รายจ่ายลงทุนในแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังรัฐประหาร จาก 3,780 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 59,000 ล้านบาทในปี 2562 แต่การเบิกจ่ายกลับไม่มีประสิทธิภาพ เบิกได้เพียง 42% ต่ำกว่ามาตรฐานของหน่วยงานราชการอื่น ๆ อย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ นายธนาธรจึงเสนอตัดงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์ 22,441 ล้านบาท และงบลงทุน 15,434 ล้านบาท ลง 40% เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดีนัก ไม่อยู่ในสภาพที่ควรเพิ่มหนี้สินให้ประเทศ นอกจากนี้ไทยยังไม่มีภัยสงครามที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตอันใกล้ และที่สำคัญที่สุด เมื่อมองย้อนหลังไป การใช้งบประมาณรายจ่ายลงทุนของกองทัพก็ไม่ถึง 60% อยู่แล้ว การตัดงบ 40% จึงไม่กระเทือนต่อความมั่นคง และยังลดภาระหนี้สินของประเทศอีกด้วย

ตัวแทนกองทัพบกได้ตอบข้อซักถามของนายธนาธร โดยยืนยันว่า อาจจะเป็นจริงที่ใน 20 ปีข้างหน้า ไม่มีโอกาสเกิดสงครามขนาดใหญ่ แต่อาจเกิดความขัดแย้งเป็นจุด ๆ ซึ่งกองทัพจำเป็นต้องจัดเตรียมกำลังให้พร้อมอยู่เสมอ นอกจากนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ของกองทัพก็อยู่ในสภาพเก่า จำเป็นต้องมีการปรับปรุงซื้อใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนกรณีการเบิกจ่ายได้ต่ำ เป็นเพราะการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต้องจัดทำอย่างรอบคอบ และมีการเจรจายาวนาน กว่าจะเสร็จสิ้นจึงกินเวลาหลายปี การเบิกจ่ายจึงมีสัดส่วนต่ำ และมีงบผูกพันข้ามปีจำนวนมาก

ส่วนการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ผู้รับผิดชอบการบูรณาการหลักคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนผู้ปฏิบัติคือกอ.รมน. ในส่วนการคืนพื้นที่ชายแดนใต้ให้หน่วยงานปกติบริหารภายในปี 2565 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป้าหมายคือการลดงบประมาณลงให้ได้ร้อยละ 10 ต่อปี และความรุนแรงต้องลดลงร้อยละ 50 ในปี 2565 แต่เมื่อมีเหตุความรุนแรง ก็ยังจำเป็นต้องคงกองกำลังไว้ และปรับการใช้กฎหมายพิเศษในแต่ละพื้นที่ตามสถานการณ์

“ธนาธร” จี้ถาม”ผบ.เหล่าทัพ” มีงบฯ IO มีจริงหรือไม่แต่ไร้คำตอบ

People Unity News : “ช่อ”ข้องใจเงินนอกงบฯกลาโหม 1.8 หมื่นล้าน “ธนาธร” จี้ถาม”ผบ.เหล่าทัพ” มีงบฯ IO มีจริงหรือไม่แต่ไร้คำตอบ

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ‘ช่อ’ ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ Pannika Wanich ระบุว่า…เมื่อวานได้เข้าสังเกตการณ์ในกมธ.งบประมาณฯเป็นครั้งแรก เป็นวาระงบกลาโหม ซึ่งเราตั้งข้อสังเกตว่าเป็นงบที่ซับซ้อนชวนงงที่สุด #ธนาธร ตั้งข้อสังเกตความไม่โปร่งใสของเงินนอกงบประมาณ ที่กลาโหมมีมากกว่า 1.8 หมื่นล้าน และยังถามว่ากองทัพเอางบไปทำ IO จริงหรือไม่ แต่ไม่มีคำตอบจากผบ.เหล่าทัพ

เมื่อวานได้เข้าสังเกตการณ์ในกมธ.งบประมาณฯเป็นครั้งแรก เป็นวาระงบกลาโหม ซึ่งเราตั้งข้อสังเกตว่าเป็นงบที่ซับซ้อนชวนงงที่สุด #ธนาธร ตั้งข้อสังเกตความไม่โปร่งใสของเงินนอกงบประมาณ ที่กลาโหมมีมากกว่า 1.8 หมื่นล้าน และยังถามว่ากองทัพเอางบไปทำ IO จริงหรือไม่ แต่ไม่มีคำตอบจากผบ.เหล่าทัพ

อย่างไรก็ตาม เพจ “Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ได้รายงานการชักถามของนายธนาธรถี่หยิบ โดยตั้งหัวข้อว่า “ธนาธรขอกลาโหมเผยสัญญาสัมปทานวิทยุ-ทีวี ขอรายละเอียดสนามม้า-มวย-หวย-งบไอโอ สงสัยทำไมเหล่านายพลรวยผิดปกติ”

“อนุทิน”แนะตีความลื่อนแบนสารพิษโดย”ไม่มีการลงมติ”

People Unity News : “อนุทิน”แนะตีความที่ประชุมเลื่อนแบนสารเคมีให้ชัด หลัง คกก.วัตถุอันตรายเผย “ไม่มีการลงมติ” “เด็กเพื่อไทย” ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลอยตัวเหนือปัญหาการแบน 3 สารพิษไม่ได้

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2562 ที่ให้เลื่อนการแบนสารเคมีทางการเกษตรว่า ทราบว่ามีกรณีที่ รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตรายประกาศลาออก โดยบอกว่าที่ประชุมไม่ได้มีการลงมติ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปโทษใคร เพราะตนก็เจอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ท่านก็บอกว่า เข้าใจว่าการที่พูดแล้วไม่มีคนโต้แย้ง น่าจะเป็นมติได้ โดยท่านได้พูดในสิ่งที่ท่านอยากให้เป็น แต่ตนมองว่าสมัยก่อนอาจจะได้ ยุคนี้มันไม่ได้ ซึ่งตนได้เรียนท่านไปว่า อยากให้โหวตเลย อย่าเกรงใจ เพราะคณะกรรมการที่เห็นต่างอาจมองว่า คนระดับรัฐมนตรีมาเป็นประธานลยไม่กล้าพูดอะไร ต่างคนต่างเข้าใจผิด อีกทั้ง เลขานุการคณะกรรมการวัตถุอันตราย ควรทำบันทึกถึงประธาน เนื่องจากมีความสุ่มเสี่ยง เพราะถ้าตีความว่า ไม่มีการลงมติ แปลว่ามติวันที่ 22 ต.ค.2562 ยังอยู่หรือไม่ ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการพูดคุยกับนายสุริยะ มีท่าทีจะทบทวนมติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูในการประชุมครั้งต่อไป คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาคุยไหม เอารายงานการประชุมครั้งก่อนมาดู ถ้ารายงานระบุว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องโต้แย้ง เพราะคนเป็นคณะกรรมการต้องรักษาสิทธิตัวเอง

“ส่วนตัวเราไม่ก้าวก่ายกัน แต่ถ้ามันเป็นประเด็นขึ้นมา ท่านก็คงต้องไปหารือ และวันที่ 1 ธันวาคม เกิดไม่ประกาศขึ้นมา โดยอ้างมติที่ประชุม เดี๋ยวมีคนไปร้อง เดี๋ยวก็ยุ่งอีก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคืนกรมวิชาการเกษตร ที่อยู่ภายได้การกำกับดูแลของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนคืนต้องจัดการปัญหาก่อน การทำงานร่วมกันต้องมุ่งสัมฤทธิผล เป้าหมายต้องเหมือนกัน

“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาของ รมช.มนัญญา กับกรมวิชาการเกษตร ที่ท่านบอกว่ามอบนโยบายอะไรไปก็ไม่ทำ ก็ต้องไปดูว่าทำไมไม่ทำ เราต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย” นายอนุทินกล่าว

“เด็กเพื่อไทย” ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลอยตัวเหนือปัญหาการแบน 3 สารพิษไม่ได้

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นกรณีปัญหาการแบน 3 สารพิษ ที่มีปัญหาความขัดแย้งหลายประการ นั้น จึงเห็นว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้ เพราะทุกองค์กรล้วนอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแลของรัฐบาลทั้งสิ้น รัฐบาลควรรับฟังองค์กรทางวิชาชีพเฉพาะที่ดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน คือ แพทยสภา ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดทางการแพทย์ ผู้ใดก็แทรกแซงไม่ได้

“บิ๊กป้อม”ห่วงใยสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพคนไทยและนักท่องเที่ยว

People Unity News : พล.อ.ประวิตรห่วงใยสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาพคนไทยและนักท่องเที่ยว กำชับ คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ขับเคลื่อนโครงการฯภายใต้มาตรการ EIA เคร่งครัด

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่7/ 2562 โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุม อารีสัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ที่ประชุมได้รับทราบ การรายงานสถานสภาพการเงินกองทุน สิ่งแวดล้อมสิ้นไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2562 และผลการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการ ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปีพ.ศ. 2557-2564 และรับทราบรายงานท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา มินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่3 จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ เรื่องที่สำคัญได้แก่โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กทม.และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง ของสำนักการระบายน้ำ กทม.และเห็นชอบรายงานการปรับปรุงสถานีรถไฟฟ้าตากสินของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามมาตรการ EIA อย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น คณะกรรมการยังได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก และขยะอิเล็คทรอนิกส์ชุดใหม่เนื่องจากคณะอนุกรรมการชุดเดิมภายใต้ กขป.5 ได้หมดวาระ แต่ยังคงมีภารกิจที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่องต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฎิบัติหน้าที่ด้วยดีที่ผ่านมา และเน้นย้ำขอให้คณะกรรมการฯได้มีการเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการประเมินผลตามตัวชี้วัด มุ่งผลสัมฤิทธิ์ และขอให้ ทส.เร่งปฏิบัติงานตามแผนงานที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการขยะพลาสติก และขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และที่นำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งต้องมีมาตรการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนทุกภาคส่วนตลอดจนนักท่องเที่ยว ได้มีส่วนร่วมรณรงค์ รักษาสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนร่วมกัน

“ธนกร”วอนพรรคร่วมรัฐบาล จับมือกันทำงานแบบพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ

People Unity News : “ธนกร”วอนพรรคร่วมรัฐบาล จับมือกันทำงานแบบพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ เป็นแรงหนุนให้ “บิ๊กตู่” ทำงานเพื่อประเทศ-ประชาชน เชื่อรัฐบาลอยู่ได้จนครบวาระ จี้ส.ส.พรรคร่วมบางคนเลิกทำตัวเป็นพระเอกในใจฝ่ายค้าน

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุการณ์สภาฯ ล่ม 2 ครั้งติดในระหว่างการพิจารณาญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ว่า ตนมองว่าเป็นปกติของรัฐสภาที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้บ้าง เพราะอาจจะมีส.ส.บางท่านติดภารกิจหลายอย่างในสภาฯ ทำให้บางคนมาลงมติไม่ทัน ขณะที่รัฐมนตรีบางท่านก็ติดภารกิจต่างประเทศ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมที่ระบุว่า การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่าการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต้องร่วมมือกันในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ร่วมกันทำงานมาด้วยดีโดยตลอด จึงไม่มีรอยร้าวในรัฐบาลให้ได้เห็น ซึ่งตนเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ที่มุ่งมั่นทำงานให้กับประชาชนในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จึงอยากให้ทุกฝ่ายเอาเวลามาทำงานให้พี่น้องประชาชนดีกว่าเล่นการเมือง

นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนยังเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะร่วมมือกันทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ที่สำคัญคือ รัฐบาลชุดนี้มีความเข้มแข็ง แม้เสียงปริ่มน้ำแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จะอยู่ครบวาระแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนมักทำตัวเหมือนฝ่ายค้านอิสระ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ทำตัวเป็นพระเอกในใจฝ่ายค้านเสมอ แต่เชื่อว่าวันหนึ่งส.ส.คนดังกล่าวจะเข้าใจรัฐบาลเหมือนที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของส.ส.คนดังกล่าวที่เข้าใจว่ารัฐบาลนี้ทำเพื่อประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดจะไปตอบโต้อะไร เพียงแต่อยากเตือนให้เข้าใจถึงมารยาททางการเมืองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ดีด้วย เพราะรัฐบาลนี้ทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

“ฐิติภัสร์” ยื่น กมธ.สวัสดิการสังคมขอรัฐช่วยผู้ป่วยติดเตียง

People Unity News : “ฐิติภัสร์” ยื่น กมธ.สวัสดิการสังคม ขอรัฐช่วยเหลือเพิ่มสิทธิค่ารถพยาบาล แก่ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว และผู้ป่วยติดเตียง

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดสวัสดิการ บริการรถพยาบาลรับ-ส่งผู้พิการทางการเคลื่อนไหวและผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการทางการเคลื่อนไหว มีความจำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการตามที่หมอนัดทุกเดือน และต้องใช้บริการเรียกรถพยาบาลเพื่อไปรับส่งยังโรงพยาบาล แต่อัตราในการใช้บริการรถพยาบาลแต่ละครั้งมีค่าบริการที่ค่อนข้างสูง คิดเป็นราคาไปกลับประมาณ 2,000 บาท ถือเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน มีสิทธิประโยชน์ ในการให้บริการรถพยาบาล ทั้งของโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน องค์กรมูลนิธิต่างๆ กรณีฉุกเฉิน เรียกผ่านสายด่วน 1669 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จึงอยากให้ภาครัฐ ช่วยเพิ่มสิทธิดังกล่าวครอบคลุมผู้พิการทางการเคลื่อนไหวและผู้ป่วยติดเตียงเป็นกรณีพิเศษที่ไม่ต้องฉุกเฉิน หรือ เพิ่มวงเงินในบัตรสำหรับผู้พิการ และบัตรประกันสุขภาพเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการรถพยาบาล โดยตัดผ่านบัตรของผู้พิการ หรือ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

“ประยุทธ์”นำ”รมต.-ทูต” เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี

People Unity News : “ประยุทธ์”นำ”รมต.-ทูต” เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี หนุนส่งออกและจับคู่ธุรกิจส่งเสริมการขาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 08.30 น. ที่อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย  ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรี เอกอัครราชทูต เข้าร่วม โดยงานนี้จัดโดยการยางแห่งประเทศไทย มีนายเฉลิมชัยเป็นผู้ดำเนินการ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี และแผนบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ พ.ศ.2560 – 2564 มียุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้า(ยางพารา) รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งและมีความเป็นอยู่ที่ดี มั่นคงและยั่งยืน

แม้ว่าในอดีตอุตสาหกรรมยางพาราของไทยมีความเติบโตตามทิศทางราคายางและความต้องการใช้ยางทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบันอุตสาหกรรมยางของไทยกำลังเผชิญกับความท้าท้ายจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ประเทศที่เป็นตลาดหลักยางพาราที่ไทยต้องพึ่งพาเพื่อการส่งออก เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือประเทศคู่มิตรอย่างจีนที่ต้องการเป็นศูนย์กลางสินค้ายางพาราระดับโลกตามแผนพัฒนาของจีน มีการลงทุนปลูกยางในประเทศอื่นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) ซึ่งจะทำให้จีนสามารถเพิ่มผลผลิตยางพาราเพื่อใช้ภายในประเทศมากขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของไทยได้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทยอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาและผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจร มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางยางพาราในภูมิภาค เพื่อรักษาระดับผู้ผลิตและผู้ส่งออกยางอันดับหนึ่งของโลก รวมทั้ง การส่งเสริมให้ผู้ผลิตยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อเข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก พร้อมยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้ายางพาราไทย ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อในต่างประเทศอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความต้องการของยางพาราในตลาดโลก รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะตลาดส่งออกหลักเท่านั้น แต่ยังคงดำเนินงานเชิงรุกเพื่อแสวงหาและขยายไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพอื่นๆ เช่น อินเดีย ตุรกี เยอรมนี รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ยาง อันเป็นมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในการสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของประเทศไทย

อุตสาหกรรมยางของไทยมีจุดแข็งเนื่องจากมีหน่วยงานกำกับและดูแลส่งเสริมอุตสาหกรรมยางอย่างครบวงจร เช่น กรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์และเอกชนในหลายภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาและผลักดันสินค้ายางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี

สำหรับการจัดงาน “Thailand Rubber Expo” ในครั้งนี้ ซึ่งมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานหลัก ในฐานะหน่วยงานที่ใกล้ชิดและเข้าใจถึงความต้องการของเกษตรกรโดยตรง จัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกและเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมยางพาราไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้ั้งนำไปสู่ความร่วมมือ การสร้างเครือข่าย การเจรจาการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับพี่น้้องเกษตรกรชาวสวนยางไทยต่อไป

ด้านนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในแต่ละปีประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก ผลผลิตต่อปีเฉลี่ย 4.9 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท มีเกษตรกรอยู่ในวงจรการผลิตกว่า 1.7 ล้านครัวเรือน การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองค์กรกลางที่รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร บริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา  โดยการส่งเสริมสนับสนุน และจัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์วิจัย พัฒนาเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับยางพารา ส่งเสริม สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง ทั้งด้านวิชาการ การเงิน การผลิต การแปรรูป การอุตสาหกรรม การตลาด การประกอบธุรกิจ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ

การที่การยางแห่งประเทศไทย จะก้าวสู่การเป็น “องค์กรชั้นนำระดับสากลในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ” ตามวิสัยทัศน์ที่ได้ตั้งไว้นั้น ต้องมีการบูรณาการจากหลายภาคส่วนร่วมกันเป็นพันธมิตรในการพัฒนายางพาราทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่มั่นคง พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบกิจการยาง ในขณะเดียวกันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า และนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าเป็นบทบาทของประชาชนคนไทยทุกๆ คน ที่ต้องร่วมกันสนับสนุนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราของไทย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จึงได้จัดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านยางพาราทั้งในและต่างประเทศ  ทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากยางพาราของเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางไทย และผู้ประกอบกิจการ  รวมทั้งแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำของไทยในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและธุรกิจการส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก  โดยใช้รูปแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราของไทยเพื่อให้สาธารณชนได้มีโอกาสได้รับความรู้ และเข้าใจประโยชน์ของยางพารามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอด พัฒนานวัตกรรมการแปรรูปยางพาราต่อไป

“วิรัตน์ กัลยาศิริ”อดีต ส.ส.สงขลา ปชป.เสียชีวิตแล้ว

People Unity News : “วิรัตน์ กัลยาศิริ” อดีตส.ส.เขต 3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 69 ปี

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตแล้วในวัย 69 ปี เมื่อกลางดึกวานนี้ (28 พ.ย.) หลังป่วยด้วยโรคประจำตัวเข้ารักษา ที่โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้ ครอบครัวจะเคลื่อนศพกลับบ้านเกิดที่จังหวัดสงขลา เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดโรงวาส

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน โดยเป็นบุตรของนายทอง (จูเสี่ยน) กัลยาศิริ (แซ่โซว) และ นางเอ่งห้อง วิไลรัตน์(แซ่เจี้ยน) ที่บ้านบางกล่ำ (ปัจจุบันคือ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนสตูลวิทยา จังหวัดสตูล ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ระดับปริญญาตรีที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาโท ที่คณะรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

วัยเด็กฐานะครอบครัวลำบาก นายวิรัตน์จึงต้องเป็นเด็กวัดอาศัยอยู่ในวัดที่จังหวัดสงขลาอยู่เป็นเวลานานถึง 3 ปี เมื่อเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็อาศัยอยู่ที่วัดราชนัดดาอยู่นานถึง 9 ปี โดยใช้การเดินไปเรียน

สำหรับชีวิตครอบครัว ภรรยาของนายวิรัตน์เคยทำงานเป็นศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่จังหวัดสงขลา ทั้งคู่มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคน โดยทั้งคู่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เช่นเดียวกัน

การทำงาน หลังจากจบการศึกษา นายวิรัตน์ได้เข้าทำงานในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ส่งเสียน้อง ๆ ในครอบครัว ให้ได้รับการศึกษา ก่อนที่จะเปิดสำนักงานทนายความของตนเอง ที่มีชื่อว่า ทนายความวิรัตน์ กัลยาศิริ

งานการเมือง นายวิรัตน์เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

“บิ๊กตู่”ฉุนขาด!รบ.แพ้โหวต ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม

People Unity News : “บิ๊กตู่”ชี้รบ.แพ้โหวต ไม่เกี่ยวเสถียรภาพรัฐบาล ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม ต้องร่วมรัฐบาลจริง ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้งในอนาคต รับต้องมีนัดทานข้าว  “นิพิฏฐ์” เห็นใจ 6 ส.ส.ปชป.โหวตญัตติตัวเองแต่สวนมติวิปแนะยืดหยุ่นแทนบังคับ

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลแพ้โหวตในสภา ในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบ จากการทำประกาศ หรือคำสั่ง ของ คสช. และอำนาจการใช้คำสั่ง ตามมาตรา 44 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งตนได้ติดตามดู เห็นว่าพรรคร่วมหลายคนติดราชการ บางคนไปต่างประเทศกับตนเอง ก็เลยมาโหวตไม่ทันอะไรทำนองนี้ ถ้ามีการโหวตใหม่ก็ว่ากันไป ตามกลไกลของสภา คงไม่ใช่เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคง

“ผมยังเชื่อมั่นตรงนี้ว่ายังมั่นคงอยู่ ผมถือว่าผมเป็นทหารเก่า ฉะนั้นถือว่าสัญญา ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษสำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องร่วมรัฐบาลจริงๆ ในสิ่งที่รัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเดียวมันไม่ได้ หรือจะมองอนาคตวันข้างหน้าเรื่องการเลือกตั้ง มันยังมาไม่ถึงตอนนี้ ถึงเวลาก็ค่อยว่าอีกทีในตอนนั้น แต่วันนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความขัดแย้ง ของสงครามการค้า เราจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เลยหรือ โจมตีกันไปมามันไม่เกิดประโยชน์ อะไรกับใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งกับพรรคการเมืองของตนเอง ก็ไม่เกิดประชาชนเรียนรู้ และเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจได้เองในวันข้างหน้า ในการเลือกตั้ง” นายกฯกล่าวว่า

เมื่อถามว่า จะมีการนัดแกนนำพรรคร่วมหารือหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ต้องมีการทานข้าวแต่ต้องหาเวลาก่อน

นายกฯกล่าวอีกว่า การทำงานอย่ามองว่ารัฐบาลสอนให้คนขี้เกียจ เราต้องมองคนที่เขาไม่มีจะทำยังไง และทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้าที่ผลิตออกมา ถ้าไม่มคนซื้อโรงงานก็ปิดอีก ปัญหามันจะพันกัน ดังนั้นขอให้เข้าใจด้วยในเรื่องเหล่านี้ ทุกพรรคไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลลองเสนอมา ว่าควรจะต้องทำอะไร แต่ถ้าโจมตีกัน มันไม่ได้อะไรขึ้นมา เพื่อที่จะได้เห็นว่าสภาของเรา ส.ส.ของเรามีคุณภาพมากขึ้น ในวันนี้และอนาคต อย่างที่ทุกคนคาดหวัง ที่อยากให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ผ่านช่วงเวลานั้นให้มาแล้ว ฉะนั้นเราต้องปรับตัวเองใหม่เหมือนกัน จะทำอะไรแบบเดิมๆ หรือการเมืองแบบเดิมๆไม่ได้ เพราะมันจะไม่ยั่งยืน

นายกฯกล่าวว่า การที่ออกมาตำหนิเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ ขอถามว่า ที่ติเตือนมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ ท่านเคยทำหรือเปล่า ท่านก็เคยทำมา แล้วมีอะไรใหม่ๆที่รัฐบาลนี้ทำหรือไม่ ซึ่งมันก็มี การสร้างความเข้มแข็งก็มี เอาคนมาฝึก เรียนรู้ การค้าขายออนไลน์ เรื่องแรงงานก็ทำ มีการฝึกอบรม มาจรการรองรับการตกงานถ้าไม่ร่วมมือกันมันก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ ทุกประเทศเขาทำหมด

“นิพิฏฐ์” เห็นใจ 6 ส.ส.ปชป.โหวตญัตติตัวเองแต่สวนมติวิปแนะยืดหยุ่นแทนบังคับ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.62) ว่า เป็นวาระที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่การประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณาการโหวตสวนมติวิปรัฐบาลของ 6 ส.ส. กรณีตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่อย่างใด เพราะเรื่องการลงมติของส.ส.ต้องพิจารณากันในที่ประชุมส.ส. โดยส่วนตัวเห็นว่าพรรคควรเห็นใจส.ส.ทั้ง 6 คน เนื่องจากที่ประชุมส.ส.เป็นคนอนุมัติให้มีการเสนอญัตติให้มีการตั้งกรรมาธิการฯ เมื่อส.ส.ยืนยันลงคะแนนตามญัตติที่ส.ส.ของพรรคเสนอต่อสภาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไม่ได้มีเรื่องการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง

“วิปของพรรคควรทำความเข้าใจกับวิปรัฐบาลถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และควรมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าการใช้มติวิปมาบังคับ เพราะส.ส.เองก็ไม่มีทางเลือกต้องยืนยันสิ่งที่ตัวเองเสนอเช่นเดียวกัน” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

“พปชร.”หนุนเต็มสูบ! ยืดแบนสารเคมีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว

People Unity News : “สัมฤทธิ์”ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เชื่อยืดแบนสารเคมีเป็นเรื่องดีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว ป้อง “สุริยะ” ไม่ใช่คนตัดสินใจคนเดียวแต่เป็นมติจากคกก.

ที่รัฐสภา นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร แถลงว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติขยายการแบนสารอันตราย 2 ชนิด ออกไป 6 เดือน และยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้ปรับตัวเนื่องจากที่ผ่านมา 10 กว่าปี เกษตรกรใช้สาร 3 ชนิดดังกล่าวมาตลอด เกษตรกรจะลำบากหากเราหักด้ามพร้าด้วยเข่า พวกเราไม่ได้คัดค้านการแบนสารเคมีดังกล่าว ซึ่งเราต้องให้กำลังใจกรมวิชาการเกษตรในการหาสารทดแทนที่เหมาะสม หากกรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค การยกเลิกสารเคมีนี่ไม่ใช่ครั้งแรก กระทรวงอุตสาหกรรมเคยมีประกาศยกเลิกมาแล้วกว่า 100 ชนิด จากวันนั้นถึงวันนี้ เกษตรกรไม่ได้ใช้สารเคมีน้อยลง ยังมีสารเคมีอีกจำนวนมากที่อยู่ในท้องตลาด ประชาชนไม่ได้เป็นมะเร็งน้อยลงเลย

“วันนี้คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเมื่อยกเลิกสารเคมี 3 ตัวดังกล่าวแล้วจะทำให้พวกเขาปลอดภัยจากการซื้อผักผลไม้ในตลาดมารับประทาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ยังมีการใช้สารเคมีตัวอื่นที่เรายังไม่ได้ยกเลิก ผมอยากให้กรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสม และเชื่อว่าวันหนึ่งพี่น้องคนไทยจะปลอดจากสารพิษ การสอนให้เกษตรกรรู้วิธีการใช้สารอย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง สิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อกัน” นายสัมฤทธิ์ กล่าว

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอนุญาติชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่า เวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดถึงการขยายเวลาแบนสารพิษไม่ใช่การตัดสินใจของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพียงคนเดียวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นมติจากคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นการพูดคุยและหารือกันของผู้เชียวชาญจากทุกๆด้าน และการที่ตนต้องชี้อแจงเพราะที่ผ่านมานายสุริยะ แสดงท่าทีเคียงข้าง และยึดประโยชน์ของประชาชนมาตลอด ดังนั้นเชื่อว่าอีกไม่นานทุกฝ่ายจะหาทางออกเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อาหารสัตว์และน้ำมันพืช นอกจากนี้ยังทราบมาว่าคณะกรรมการฯจะมีการพิจารณาถึงสารเคมีอื่นๆอีกหลายชนิดด้วย เพื่อความปลอดภัยที่แท้จริงของประชาชน

“บิ๊กตู่”ไม่ขัดข้องเลื่อนแบนสารเคมียันพรรคร่วมฯไม่ขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดข้องในเรื่องเหล่านี้ และ เรื่องนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ตนมองเรื่องของสุขภาพประชาชนและผู้บริโภคเป็นหลัก จากนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ต้องหาวิธีการ และมาตรการให้เหมาะสม แม้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ก็ขอให้ไปพูดคุยกัน ตนไม่สามารถสั่งการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดความขัดแย้งและลดปัญหากับภาคการเกษตรด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ตนกำลังหาวันเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

Verified by ExactMetrics