วันที่ 2 ธันวาคม 2025

รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 สิงหาคม 2567 รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พบกิจกรรมที่ให้ความรู้และความสนุกมากมาย

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เชิญชวนเยาวชน และประชาชนเยี่ยมชมและร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายคารม กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ในปีนี้ นับเป็นการเฉลิมฉลองวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติและเป็นปีมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็นพลเมืองที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประเทศชาติ ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” คือส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนและประชาชนสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต สำหรับรูปแบบการจัดงานเปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง เราได้สร้างสรรค์กิจกรรม และนิทรรศการที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ โดยออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และสัมผัสกับวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด

ภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 มีหน่วยงานร่วมจัดกว่า 100 หน่วยงานแบ่งเป็นหน่วยงานทั้งของกระทรวง อว. ภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม พิพิธภัณฑ์ฯลฯ จำนวน 69 หน่วยงานและหน่วยงานต่างประเทศ 35 หน่วยงานจาก 9 ประเทศทั้งฝรังเศส ญี่ปุ่น จีน สวีเดน สาธารณรัฐเกาหลี เป็นต้น มีการจัดนิทรรศการหลัก ประกอบด้วยนิทรรศการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีคุณูปการต่องาน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการศึกษาของประเทศไทย นิทรรศการเทิดพระเกียรติ “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชกรณียกิจ ด้านการพัฒนาการศึกษาไทยตั้งแต่ระดับประถมจนอุดมศึกษา การสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในพระมหากรุณาธิคุณ ด้านการอุดมศึกษาไทย ดังพระราชสมัญญานาม “พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย” นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมชนนีพันปีหลวง นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

นอกจากนั้น จะมีนิทรรศการเรื่องของ AI ที่มนุษย์แท้ห้ามพลาด อาทิ นิทรรศการ The Multiverse of Al: Trick or Truth ในยุคที่ AI ฉลาดเหนือมนุษย์ เราจะอยู่กันอย่างไร เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อร่วมออกเดินทางสำรวจ จักรวาลแห่ง AI ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังนวัตกรรมแห่งอนาคต ทึ่งในความมหัศจรรย์ของ AI ที่พร้อมเสริมสร้างทักษะพลเมืองดิจิตัล นิทรรศการอาชีพ STEM สร้างอนาคต เปิดโลกอาชีพวิทย์แสนสนุกของเด็กและเยาวชนให้รู้ทักษะเด่นของตัวเอง เติบโตอย่างมีเป้าหมายและได้ทำงานในสิ่งที่รักอย่างสนุกสนาน นิทรรศการเคมีปั้นแต่งโลก เรียนรู้ความความสำคัญของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีต่อความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นต้น ที่สำคัญจะมีนิทรรศการใหม่ที่จัดแสดงเป็นครั้งแรกคือ “ต้องรอด! ในดินแดนสุดขั้ว” ร่วมสำรวจมหานครทะเลทราย ดินแดน ลีกลับที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด พาทุกคนเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห้งแล้งสุดขั้ว สัมผัสประสบการณ์ในดินแดนทะเล 4 แบบ ร่วมค้นหาพืชและสัตว์แปลกตาที่อยู่รอดในดินแดนแห้งแล้งพร้อมผจญภัยเรียนรู้วิถีชีวิตชาวเบดูอิน สนุกกับการทดลองขี่อูฐและร่วมเฉลิมฉลองให้กับปีสากลแห่งอูฐ และกิจกรรมที่ให้ความรู้ และความสนุกอีกมากมายภายในงาน

Advertisement

เปิดไทม์ไลน์ ! นายกฯลงพื้นที่เหนือ-กลาง-อีสาน ตั้งแต่ 15 – 31 ส.ค. นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 สิงหาคม 2567 เปิดไทม์ไลน์ ! ภารกิจนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่เหนือ-กลาง-อีสาน ติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลและร่วมประชุม ครม. สัญจร ตั้งแต่ 15 – 31 ส.ค. นี้

วันนี้ (8 ส.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจราชการเหนือ-กลาง-อีสาน ระหว่างวันที่ 15 – 19 สิงหาคม 2567 และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ 21- 31 สิงหาคม เพื่อติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 15 – 16 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขงลานช้าง ณ จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้น วันที่ 17 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดปทุมธานี นครนายก และสระบุรี เพื่อติดตามเรื่องการท่องเที่ยว สำหรับวันที่ 18 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง เพื่อติดตามแผนการระบายน้ำรับมือกับฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันที่ 19 สิงหาคม นายกจะเดินทางไปอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อดูพนังกั้นน้ำและคลองแม่น้ำ บางไทร-บางบาล ในการผันน้ำออกสู่ทะเล รวมทั้งดูแก้มลิงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกมิยาซาวา และดูนิคมอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อ ปี 2554 และ ปี 2565 ต่อจากนั้น วันที่ 20 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับวันที่ 21 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาแนวชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและปัญหาความมั่นคง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วันที่ 22 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน และการค้าระหว่างประเทศ จากนั้น วันที่ 23 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามแก้ไขปัญหา PM2.5 และเร่งรัดการรับมือการท่องเที่ยวในช่วง High Season ที่กำลังจะมาถึง สุดท้ายนี้ วันที่ 31 สิงหาคมนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดนครพนม และบึงกาฬ เพื่อติดตามการค้าชายแดน ปัญหายาเสพติดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีสานตอนบน

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล และที่ได้สั่งการและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นการติดตามงานด้วยตนเอง ในทุกประเด็น การท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหาPM 2.5 รวมทั้งการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดและการค้าระหว่างประเทศ และปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ

Advertisement

โฆษกรัฐบาล ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นโครงการ Digital Wallet

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 สิงหาคม 2567 โฆษกรัฐบาล ขอบคุณความเชื่อมั่นประชาชนจากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่กว่า 80% จะลงทะเบียนรับเงิน Digital Wallet และที่ประชุมวุฒิสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย 1.22 แสนล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นนี้ เป็นกำลังใจให้รัฐบาลยืนหยัดต่อ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า 6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน Digital Wallet ซึ่งรัฐบาลยืนยันเสมอมาที่จะใช้งบประมาณนี้ตามวัตถุประสงค์โปร่งใสตรวจสอบได้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อประชาชน และการกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุถึง ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งได้สอบถาม เกี่ยวกับการใช้เงิน Digital Wallet ซึ่งพบว่าประชาชนที่ผ่านเงื่อนไขรับ Digital Wallet ส่วนใหญ่ลงทะเบียน มีจำนวนถึง 82.6% ไม่ลงทะเบียน 17.4%

โดยประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีลักษณะการใช้เงิน 10,000 บาท ภายในครั้งเดียวที่ 64.1% แบ่งใช้หลายครั้ง 14.7% ไม่แน่ใจ 21.2% และสำหรับประเภทของสินค้าที่จะใช้ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เสื้อผ้า 32.7% สินค้าเพื่อการศึกษา 17.7% เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) ของใช้ส่วนตัว 16.9% สินค้าวัตถุดิบเพื่อการเกษตร 11.5% ยารักษาโรค 8.4% ธูปเทียนและเครื่องสักการะ ชุดถวายสังฆทาน 6.5% สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน 6.2%

“โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า ทั้งยอดการลงทะเบียน และความคิดเห็นของประชาชน ทำให้รัฐบาลมีกำลังใจที่จะยืนหยัดต่อสู้ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Digital Wallet รัฐบาลรู้ดีว่าเงินเหล่านี้มีความหมายกับประชาชนที่เฝ้ารอ และเป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลตั้งแต่ต้น ที่จะดำเนินนโยบายอย่างถูกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ รัฐบาลขอบคุณทุกเสียงสนับสนุน และขอให้มั่นใจว่า จากยอดลงทะเบียนที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นแรงกระตุกฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย“ นายชัย กล่าว

Advertisement

นายกฯ ยันจุดยืนไทย ไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ ย้ำ ระบบยุติธรรมไทยมีความเป็นกลางและสากล เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เชื่อคดียุบพรรคทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่กังวลจะมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น หลังศาลตัดสิน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้เชิญทูต 18 ประเทศมาร่วมสังเกตการณ์คดียุบพรรคก้าวไกล หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ว่า ตนเองไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ และไม่ทราบเนื้อหาในการพูดคุยกัน แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ใน 18 ประเทศ เรื่องระบบยุติธรรมและฝ่ายบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยมีความเป็นกลางและสากล ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองพูดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกรณีของตนเองที่เป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน แต่เมื่อมีประเด็น เรื่องร้องเรียนก็เป็นหน้าที่ที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน “ของผมเอง อย่างที่บอกยื่นไปเรียบร้อยแล้ว คอยวันตัดสินวันที่ 14 ส.ค. ผมก็ไม่ได้มีการไปคุยกับใครทั้งสิ้น ประเทศเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้เกียรติเหมือนกัน เพราะไม่ทราบรายละเอียดสนทนาพูดคุยมีอะไรบ้าง” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม มีความกังวลในเนื้อหาจากกระทรวงต่างประเทศส่งไปยังสหประชาชาติ เรื่องคดียุบพรรค พอแปลเป็นเนื้อความภาษาไทยมีข้อความค่อนข้างรุนแรงนั้น  นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน ในเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศมีการชี้แจงไปยังสหประชาชาติ ส่วนการแปลให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงดีกว่าว่าแปลอะไร แต่จุดยืนจริง ๆ ของเรา ไม่ยอมให้ก้าวก่ายในระบบตุลาการ และไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่าย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะมีการแถลงบ่ายนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ เกี่ยวกับเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์พรุ่งนี้ และมั่นใจว่าทุกคนตั้งอยู่ในความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว

Advertisement

นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว มาแสดงความเสียใจ ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ไปเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพมารดาของนายกรัฐมนตรีว่าเหมาะสมหรือไม่เนื่องจากสถานะไม่เหมือนเดิมว่า ท่านไปในฐานะส่วนตัวและตนก็ได้พบปะกับท่านในหลายโอกาส ซึ่งตนได้สูญเสียมารดา ท่านก็มาให้กำลังใจ และในวันนั้นท่านได้เจอกับคนที่คุ้นเคยในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ซึ่งเรื่องนี้ คิดว่าทุกคนมีข้อคิดเห็นของแต่ละคน คงคิดได้เองอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้เป็นการส่วนตัว แต่ดูเหมือนนายกฯ จะฟังคำแนะนำจากแค่ พลเอก ประยุทธ์ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แค่ 2 คนนี้ จะมีการบาลานซ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า  ไม่จริง ตนเองเจอท่านอานันต์ ปัญญารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีก็รับฟัง และไม่ได้รับฟังแค่ระดับนายกฯ อย่างเดียว รองนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรีต่าง ๆ ก็เจอ เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตนเองก็เจอ ซึ่งมองว่าแล้วแต่โอกาสมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการมองท่าทีของนายกฯ ในระยะหลังๆ มีการตีตัวออกห่างจากนายทักษิณ หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ตีตัวออกห่างใครทั้งนั้น เพราะทำงานอย่างเดียว แต่ถ้าการทำงานและไม่สามารถไปพบบางท่านได้ ก็เชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจว่าผมมีหน้าที่นายกฯ ที่ต้องทำงานอยู่แล้วและลงพื้นที่ตลอด ทุกคนก็เห็นวันเสาร์ก็ยังทำงานอยู่

ส่วนในเดือนสิงหาคม มีคดีต่าง ๆ ทางการเมืองมีการเช็คกระแสหรือไม่ว่า จะส่งผลกระทบนักลงทุนเรื่องความเชื่อมั่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเช็คกระแสใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าเรื่องปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่และตนเองใช้เวลาส่วนมากเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ในการแก้ปัญหาอยู่ ส่วนกระแสจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งในเดือนสิงหาคมมีอีเว้นท์หลายเรื่อง ทั้งวันที่ 7 สิงหาคมและ 14 สิงหาคมนี้ แน่นอนก็เป็นธรรมดาที่นักลงทุนก็ต้องกังวล

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเช้าก็ได้มีการดูและเช็คตลาดหุ้นพบว่าขยับขึ้นมา เชื่อว่าน่าจะควบคุมได้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ตกลงมามากเป็นประวัติศาสตร์ วันนี้ก็ขยับขึ้นมาแล้ว โดยเข้าใจว่าขยับขึ้นมาถึง 10% แล้ว และเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแพนิคเซลล์  โดยเชื่อว่าทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในเรื่องของแอปพลิเคชันจีนที่เข้ามาได้มีการสั่งการกระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากรในด้านการจดทะเบียนต่าง ๆ ให้เรียบร้อย

Advertisement

รัฐบาลแจง ข่าว ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัย เป็นข่าวปลอม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 “รัดเกล้า” วอนอย่าเชื่อข่าวปลอม อย่าแชร์! เนื้อหา ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำ DGA คอนเฟิร์ม แอปฯ เน้นความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล ระบบเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลโลก

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แอปฯ ทางรัฐ มีความปลอดภัย มีมาตรฐานการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยระดับโลก ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและระบบเป็นหลัก มีการตรวจสอบและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง

ตามที่มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนแอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำเตือนว่าเป็นข่าวปลอม !! ภายหลังตรวจสอบข้อมูล ธปท. ชี้แจงว่า ไม่ได้ระบุตามที่เป็นข่าว แต่เคยมีหนังสือให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาระบบสำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยากให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัย (confidentiality & security) ความถูกต้องน่าเชื่อถือ (integrity) และความมีเสถียรภาพพร้อมใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง (availability) รวมทั้งมีการบริหารจัดการด้าน IT Governance โดยระบบลงทะเบียนต้องได้มาตรฐานเทียบเคียงกับบริการภาคการเงินสามารถป้องกันความเสี่ยงของการถูกสวมรอย หรือใช้เป็นช่องทางการทำทุจริต หรือการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้ รวมถึงมีศักยภาพรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้  ซึ่งทางรัฐบาลเองได้รับทราบความเห็นทุกข้อ และได้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อปิดข้อกังวลเหล่านี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แอปฯ ทางรัฐ ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA) ทำหน้าที่เพียงเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากหน่วยงานต้นทาง โดยไม่ได้เก็บข้อมูลประชาชนแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯ ทางรัฐสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูล และผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น อีกทั้ง แอปฯ ทางรัฐในปัจจุบัน ยังไม่มีการเชื่อมกับบัญชีธนาคารและไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนแต่อย่างใด ฉะนั้นข่าวลือว่าข้อมูลส่วนตัวโดนดูดออกไปหลังจากลงทะเบียน หรือความกังวลใจว่าบัญชีธนาคารจะโดนแฮ็คหลังจากลงทะเบียนนั้น เป็นเฟคนิวส์ ขอวอนประชาชนอย่าเชื่อและไม่ส่งข้อมูลต่อ เพื่อระงับการสร้างความกังวลใจที่ผิด ๆ ในสังคม

รองโฆษกฯ เสริมว่าแอปฯ ทางรัฐ อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลและบริการของตนเข้าสู่แอปพลิเคชันทางรัฐเท่านั้น ภายใต้วิธีการเชื่อมต่อที่มีการควบคุมกำกับดูแล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง โดยไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไป หรือภาคเอกชน หรือธนาคารเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีและระบบบริการกับแอปฯ ทางรัฐแต่อย่างใด ขอประชาชนมีความสบายใจ

Advertisement

นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้ หลังหลายฝ่ายกังวล อาจแพร่กระจายไปพื้นที่อื่น

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการน้ำถึงการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำหากเกิดน้ำท่วมและน้ำหลากไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการเสนอมาตรการไปเรียบร้อยแล้วทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว  และเชื่อว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำ หรือปลาหมอคางดำ ได้มีการพัฒนาร่วมกัน ไม่ใช่แก้อย่างหนึ่งแล้วเกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่ง มั่นใจว่ากระทรวงเกษตรฯ ดูแลดีอยู่แล้ว และมั่นใจว่า เรื่องปลาหมอคางดำจะบริหารจัดการได้

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณทุกความร่วมมือช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียน Digital Wallet

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 สิงหาคม 2567 นายกฯ ขอบคุณทุกความร่วมมือในการช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ Digital Wallet ซึ่งมียอด จุดบริการอำนวยความสะดวก ถึงกว่า 6000 แห่งทั่วประเทศ

วันนี้ (4 สิงหาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอบคุณความร่วมมือของทุกหน่วยงาน รวมทั้งภาคเอกชน ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ Digital Wallet โดยข้อมูลล่าสุดมีคนลงทะเบียนตรวจสอบตัวตนแล้วกว่า 24 ล้านคน (สถานะ ) รวมทั้ง โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า กระแสตอบรับยอดลงทะเบียนของประชาชนเป็นกำลังใจในการเดินหน้าทำงาน สู้กับเสียงคัดค้าน ด้อยค่า หวังผลทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำให้กำลังใจของรัฐบาลลดลงเพราะมีเสียงสะท้อนที่มีค่าจากประชาชน ซึ่งขอให้ประชาชนรับฟังการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานรัฐบาล อย่าหลงเชื่อข่าวลวงสร้างความสับสน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานจากทุกภาคส่วนร่วมอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนให้กับประชาชนกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ที่อาจประสบปัญหา และไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร หรือต้องการความช่วยเหลือจากเดิมมีกว่า 5,000 จุด ปัจจุบัน เพิ่มเติมที่ธนาคารกรุงไทย 900 จุด รวมเป็นกว่า 6000 จุด

โดยรัฐบาลได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนฯ ให้กับประชาชน โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์สถานที่จุดให้บริการ (Walk – in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้

– ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ

– ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)

– ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ

– ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ

– ธนาคารกรุงไทย จำนวน 900 แห่ง ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคท (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนตลอดเวลาทำการ ส่วนพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 โดยรัฐบาลจะมีการแจ้งวิธีการลงทะเบียนและจุดให้บริการอย่างเป็นทางการต่อไป

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลัง ปชช.แห่สมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มพรวด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลังประชาชนสมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

วันนี้ (29 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการแถลงรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่กำหนดให้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567

ทำให้ยอดการสมัครเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ ของประชาชน เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิม (ก่อนวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) มีจำนวนการใช้งานเฉลี่ยวันละ  50,000-60,000 ครั้ง ขณะที่ปัจจุบัน (ภายหลังวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) พบว่ามีจำนวนการสมัครเข้าใช้งานเฉลี่ยถึงวันละ 800,000 – 900,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่ายอดการสมัครใช้เดิมกว่า 10 เท่า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับทราบยอดการใช้แอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นผลมาจากกระแสตอบรับ ความเชื่อมั่น ความหวังที่มีต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อประชาชน เพื่อบรรเทาหนี้สิน แบ่งเบารายจ่าย เพื่อวิถีชีวิตคนไทย ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเพื่อให้เกิดเป็นแรงกระเพื่อม พายุหมุนทางเศรษฐกิจ ที่กลับมาเพิ่มแรงกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ต่อยอดสู่การวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ไทยในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชม.) โดยรัฐบาล โดยกระทรวง DE เตรียมเจ้าหน้าที่รองรับการทำงานของระบบไว้กว่า 500 คน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา ตอบข้อสงสัย เรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชน

Advertisement

นายกฯ ส่งเสริมยกระดับครูมวยไทยให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมวยไทย หนึ่งใน Soft Power สำคัญ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ส่งเสริมการต่อยอด ยกระดับครูมวยไทยให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ เชื่อมั่นศักยภาพมวยไทย หนึ่งใน Soft Power สำคัญ พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย เพื่อเพิ่มโอกาส สร้างงาน ยกระดับอาชีพครูมวยไทย

วันนี้ (23 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญกับการเสริมสร้าง Soft Power ของไทย โดยเชื่อมั่นในศักยภาพมวยไทย เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งใน Soft Power หลักของประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ขานรับดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ สร้างมาตรฐานผู้ฝึกสอนมวยไทย ตั้งเป้าผลักดันให้ครูมวยไทยเป็นที่ยอมรับ เชิญชวนครูฝึกมวยไทยและค่ายมวยทั่วโลกเข้ามารับการทดสอบเพื่อรับวุฒิบัตรรับรอง จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ครูฝึกมวยไทยมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และในสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าถึง 1.25 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ การสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานของครูมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับจึงเป็นอีกประเด็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีค่ายมวยไทยเปิดสอนมากกว่า 5000 แห่งทั่วประเทศ 4000 แห่งทั่วยุโรป 1700 แห่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นอีก 50 ประเทศ

โดยในช่วงต้นปี 2567 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ประกาศมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพภาคบริการสาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย และปัจจุบันมีศูนย์ทดสอบผู้ฝึกสอนมวยไทยที่ได้รับอนุญาตแล้ว 18 แห่ง ตลอดจน มีศูนย์ทดสอบของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอีก 77 แห่งทั่วประเทศ

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า มวยไทยมีเสน่ห์ และเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักทั่วโลก เป็น Soft Power คุณภาพ ที่พร้อมรับการสนับสนุน เกิดจากการผสมผสานของภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตลักษณ์ วัฒนธรรมที่มีมูลค่า สามารถนำมาสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจขยายผลในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นความสำคัญ ร่วมกันนำเสนอจิตวิญญาณของมวยไทย เพิ่มโอกาสสร้างงาน ยกระดับอาชีพคนไทย” นายชัย กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics