วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

มท.ขยายผลวิทยากรประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 มีนาคม 2567 มหาดไทยเดินหน้าขยายผลวิทยากรประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่น ประสานทุกจังหวัดต่อยอดองค์ความรู้จาก “ครู ก” ถ่ายทอดสู่ “ครู ข” ระดับอำเภอ เพื่อบ่มเพาะหนุนเสริมจิตสำนึกความเป็นไทย สร้างพลเมืองดีของสังคม เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติอย่างยั่งยืน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินโครงการอบรมวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นระดับจังหวัด (ครู ก) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 18 รุ่น จำนวน 2,190 คน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง นโยบายกระทรวงมหาดไทย และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มุ่งหวังผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย หนุนเสริมความมั่นคงของประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรือง เพราะการที่พี่น้องประชาชนทุกช่วงวัยเข้าใจในรากฐานวัฒนธรรมไทย และเกิดความรัก ความผูกพัน ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ

นายสุทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้แจ้งไปยังจังหวัดทุกจังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง คัดเลือกบุคลากรในสังกัดอย่างน้อยแห่งละ 1 คน โดยหากเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาในสังกัด ประเภทโรงเรียนและวิทยาลัย ให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาคัดเลือกครูผู้สอนอย่างน้อยแห่งละ 1 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ (ครู ข) หรือผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ ครู ก ในการขยายผลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“เพื่อให้การขับเคลื่อนตามประกาศเจตนารมณ์ในการผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย ขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องเกิดผลเป็นรูปธรรม และมีการนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ ขยายผล และต่อยอดการพัฒนาเชิงพื้นที่ ตามแนวนโยบายยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งเน้นพัฒนาเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ปลูกจิตสำนึกให้คนในชาติมีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติไทย รู้รัก สามัคคี รู้จักหน้าที่ของตนเอง และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในคุณธรรม

กระทรวงมหาดไทยจึงได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้จัดการอบรมขยายผลวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ (ครู ข) และรับสมัครกลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการอบรมจากทุกอำเภอ โดยเชิญครูผู้สอนตามโครงการฝึกอบรมวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่น ทำหน้าที่เป็นครูผู้สอน และเชิญผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นระดับจังหวัด (ครู ก) ซึ่งผ่านการอบรมฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้ง 18 รุ่น ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครูผู้สอน โดยสำนักงานจังหวัดร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดบูรณาการภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาบรรจุโครงการในลักษณะนี้ไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดหรือแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงของชาติผ่านกระบวนการทางการเรียนรู้และบ่มเพาะต่อยอดประวัติศาสตร์ชาติไทย”

“ขอให้นำโครงการอบรมวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่นระดับจังหวัด “ครู ก” ไปขยายผลถ่ายทอดให้กับเด็กและเยาวชน ทำให้เกิด “ครู ข” เพื่อไปเพิ่มพูนเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติของบ้านเมืองที่บรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อ หวงแหน ปกป้องบ้านเมืองให้มีแผ่นดินที่แสนจะมีความสุขเป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ต้องประชาสัมพันธ์การบรรยายถ่ายทอดของ “ครู ก” ไปเผยแพร่ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยมีการประชุมติดตามทั้งการประชุมของจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นเวทีที่จะขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง และความเป็นเอกราชของชาติไทย ช่วยกันสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” อย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

ข่าวดี! กรมที่ดินประกาศพื้นที่สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ใน 15 จังหวัด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 มีนาคม 2567 ทำเนียบ – โฆษกรัฐบาลเผยข่าวดี กรมที่ดินประกาศพื้นที่สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ใน 15 จังหวัด ประชาชนสามารถจดทะเบียนนิติกรรมออนไลน์จังหวัดไหนก็ได้ใน 15 จังหวัดนี้ ตั้งเป้าทั่วทั้งประเทศในอนาคต

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน โดยกรมที่ดินประกาศพื้นที่สำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ใน 15 จังหวัด สามารถจดทะเบียนนิติกรรมออนไลน์ระหว่างกันได้สะดวก ลดเวลา ลดการเดินทาง ตอบโจทย์ E-Government

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมที่ดินจัดทำสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ สามารถรถจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ได้แล้วใน 15 จังหวัด 102 สำนักงาน ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่, ภาคตะวันตก เพชรบุรี, ภาคใต้ สงขลา, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนองคาย บึงกาฬ ขอนแก่น อุบลราชธานี และภาคกลาง กรุงเทพฯ นครปฐม ปทุมธานี นครนายก นนทบุรี สิงห์บุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา

ประชาชนสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมที่จังหวัดใดก็ได้ เสมือนไปยื่นคำขอที่สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่ เช่น หากจะซื้อที่ดินที่ตั้งอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถยื่นคำขอซื้อขายที่ดินที่จังหวัดสงขลา กรุงเทพฯ หรือบึงกาฬ จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งใน 15 จังหวัดก็ได้ เจ้าพนักงานที่ดินสามารถจดทะเบียนแบบออนไลน์แล้วเสร็จภายใน 1 วันทำการ

“รัฐบาลตั้งใจพัฒนาแนวทางการทำงานเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ประชาชน นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับปรุงการทำงาน เพื่อลดเวลา ลดการเดินทางของประชาชน โดยตั้งเป้าขยายสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศในอนาคต ตามแนวทางพัฒนา E-Goverment ของรัฐบาล” นายชัย กล่าว

Advertisement

 

นายกฯ ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน – นครราชสีมา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 ธันวาคม 2566 นายกฯ ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน – นครราชสีมา พร้อมเปิดใช้ฟรี ช่วงปากช่อง – เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน – นครราชสีมา และความพร้อมที่จะเปิดให้บริการช่วงสีคิ้ว – นครราชสีมา ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

ภายหลังตรวจติดตามฯ และรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน – นครนครราชสีมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป จะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) ฟรีตลอดจนกว่าการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมสั่งการให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง เปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 ตอน 24 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ถึง ตอน 40 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา แบบไปกลับ 4 ช่องจราจร ระยะทาง 77.493 กิโลเมตร เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อเท่านั้น ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีจุดบริการห้องน้ำ 1 จุด ช่วง อำเภอปากช่อง – อำเภอสีคิ้ว ที่ กม.147 ทั้งขาเข้าและขาออก

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมทางหลวง กำชับสำนักงานทางหลวง และแขวงทางหลวง ที่ดูแลเส้นทางต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้เส้นทาง ปรับปรุงเส้นทางให้เกิดทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจน มีการจัดตั้งศูนย์บริการประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวก โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการ และเอกชนในพื้นที่ ติดตั้งไฟฟ้าส่องแสงสว่างตลอดเส้นทาง รวมถึงติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเฉพาะติดตั้งป้ายระหว่างการก่อสร้าง ในช่วงที่ยังมีการก่อสร้าง ต้องมีป้ายเตือน ไฟเตือนให้เป็นไปตามระเบียบ และให้เพิ่มให้มากขึ้นในช่วงที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ

สำหรับความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 แผนงานความก้าวหน้าร้อยละ 92.588 ผลงานความก้าวหน้าร้อยละ 93.054 เร็วกว่าแผนร้อยละ 0.466 คาดว่าจะเปิดทดลองให้บริการช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ตั้งแต่ปากช่อง – ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ทั้งนี้ งานโยธาจะก่อสร้างเสร็จแล้วปลายปี 2568 โดยจะทดลองวิ่งจริงและเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ทั้ง 196 กิโลเมตรแบบเก็บค่าผ่านทาง ส่วนโครงการก่อสร้างกำแพงบังสายตาพร้อมวัสดุปิดคลุมแบบสมบูรณ์ 700 เมตร และกำแพงบังตารวม 1,000 เมตร ช่วง กม.140+040.000 ถึง กม.140+345.000 และช่วง กม.141+045.000 ถึง 141+740.000 ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

Advertisement

ลดขั้นตอนขออนุญาตจากราชการ

People Unity News : 29 พฤศจิกายน 2565 โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯกำชับหน่วยราชการเตรียมพร้อมรองรับก้าวเข้าสู่บริการภาครัฐแบบดิจิตอล หวังลดขั้นตอนการขออนุญาต อำนวยความสะดวก ปชช.ไม่ต้องไปถึงสถานที่ราชการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอให้ส่วนราชการหาแนวทางลดขั้นตอน การขออนุมัติและขออนุญาต ที่ควรจะใช้ระยะเวลาที่สั้นลง โดยหาแนวทางลดขั้นตอนต่างๆ ให้สอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่การบริการภาครัฐแบบดิจิตอล ซึ่งพระราชบัญญัติปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์

“เรื่องดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ม.ค.66 ซึ่งในอนาคตการติดต่อราชการทุกแห่งสามารถทำได้ในระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกรรมด้วยตนเอง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังต้องไปทำด้วยตัวเอง ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และสามารถขอรับบริการเอกสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงขอให้หน่วยงานราชการดำเนินการและปรับตัว เพื่อเตรียมรองรับในเรื่องดังกล่าวในอนาคตด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics