วันที่ 26 เมษายน 2024

“วราวุธ”ยันช้างป่าล้ม 11 ตัวไม่ใช่ 13 วอนโซเชียลหยุดแชร์ข้อมูลเท็จ

People Unity : “วราวุธ”ยันช้างป่าล้ม 11 ตัวไม่ใช่ 13 วอนโซเชียลหยุดแชร์ข้อมูลเท็จ จะยิ่งเหมือนซ้ำเติมและบั่นทอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข้อมูลผ่านโซเชียลระบุพบซากช้างป่าตกเหวนรกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพิ่มอีก 2 ซาก รวมเป็นช้างป่าล้ม 13 ตัวนั้น ขอชี้แจงว่า ข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง ยืนยันว่ามีช้างล้มจากกรณีดังกล่าว 11 ตัว ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

“การโพสต์หรือแชร์ข้อมูลข่าวช้างป่าตกเหว หากเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจะยิ่งเหมือนซ้ำเติมและบั่นทอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอยู่ในพื้นที่ขณะนี้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และช้างที่ตายมีเพียง 11 ตัวเท่านั้น ดังนั้น ผมขอร้องผู้ที่คิดจะโพสต์หรือแชร์ข่าวนี้ กรุณาใช้วิจารณญาณให้มากๆ และตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องด้วย อย่าใจร้อน” นายวราวุธ กล่าวและว่า

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กำลังเร่งทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงขอวอนให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทุกคน

ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐร่วมรณรงค์แยกขยะ

People Unity : ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐร่วมรณรงค์แยกขยะแต่ละประเภทก่อนทิ้งลงถังและรับขยะรีไซเคิลส่งต่อเพื่อแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 ที่บ้านสวนบางเขน ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น นางกนกนุช กลิ่นสังข์ นายแมน เจริญวัลย์ น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันจัดโครงการ “แยก แลก รี” รับขยะรีไซเคิลนำไปส่งต่อเพื่อแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่ โดยโครงการนี้ได้ให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการขยะในชุมชน มุ่งเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกทุกคนมีนิสัยไม่ทิ้งขยะ ให้รู้จักคุณค่าของวัสดุเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งสร้างแรงจูงใจโดยการแยกขยะแต่ละประเภทก่อนทิ้งลงถังขยะทุกครั้ง ซึ่งมีประชาชนมาร่วมโครงการ”แยก แลก รี”เป็นจำนวนมาก

ด้านภญ.นพวรรณ ได้กล่าวเชิญทุกคนให้แยกขยะแต่ละประเภททุกครั้งก่อนทิ้งลงถังเพื่อให้ง่ายต่อการคัดแยกขยะก่อนนำไปกำจัดหรือใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งขยะบางชนิดสามารถนำมาใช้ใหม่ได้และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เช่น กระป๋องอะลูมิเนียม เศษกระดาษ ขวดแก้ว ขวดนม เป็นต้น นอกจากนี้ขอให้ทุกคนทิ้งขยะลงถังที่จัดวางไว้ตามที่สาธารณะและสถานที่ต่างๆ ไม่ทิ้งลงแม่น้ำลำคลองหรือท่อระบายน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาขยะได้อีกทางหนึ่ง

“นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรมโคราช

People Unity :  “นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

วันที่ 20 ต.ค.2562 ดร.กาญจนา ดำจุติ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค.2562 คณะครุศาสตร์ มจร ได้จัดกิจกรรมการปฏิบัติโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน(การบริหารจิตและเจริญปัญญา) นิสิตหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่ 5 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2562 ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พร้อมกันนี้คณาจารย์และนิสิตปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ และรัฐศาสตร์ มจร พิธีมอบป้าย ปลูกต้นไม้ ในการทอดผ้าป่า ที่ศาลาปฏิบัติธรรม มหาจุฬาอาศรม

สาธุมะกันตัดจีเอสพี! คนไทยจะได้เห็นคุณค่าพอเพียง “หม่อมเต่า”เรียกถกด่วน

People Unity : สาธุมะกันตัดจีเอสพี! คนไทยจะได้เห็นคุณค่าศก.พอเพียงมากขึ้น ด้าน “หม่อมเต่า” เรียกผู้บริหารก.แรงงานถกด่วน “โฆษกรัฐบาล”ยันไม่เกี่ยวปมแบนสารพิษเกษตรฯ พาณิชย์เผยกระทบส่งออกจิ๊บจ๊อย

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีทางการสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับข้อตกลงตามมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี) กับสินค้าบางชนิดที่นำเข้าจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุผลว่าทางการไทยไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยระงับสิทธิพิเศษสินค้าไทย 600 รายการ เกือบ 4 หมื่นล้านบาทว่า คนไทยต้องเป็นไท

เรื่องต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยต้องอยู่เหนือการเมืองหรือพรรคนะครับ ผลประโยชน์และความอยู่รอดของชาติเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง ผมมีข้อติงอยู่ 2 เรื่อง

1.พรรคไหนหรือใครจะเล่นการเมืองอย่างไรก็เล่นไป แต่ไม่ควรดึงต่างชาติมาเพื่อเปลี่ยนเกมทางการเมืองให้ตนเองได้ประโยชน์เหนือพรรคอื่น อย่าทำตัวเป็นหุ่นเชิดทางการเมืองให้ต่างชาติ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีชาติให้อยู่อาศัย

2.คนที่เป็นรัฐบาลก็ต้องโปร่งใส ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง อย่าเล่นพรรคเล่นพวกมาก อย่าปล่อยให้มีการทุจริต กฎหมายเป็นกฎหมาย ไม่ใช่ว่าใครเป็นพรรคพวกตัว จะต้องรอดจากกฎหมาย ต้องได้ศรัทธาจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ สงครามพันทางจากต่างชาติจึงจะใช้ไม่ได้ผล

ภารกิจหลักของรัฐบาลคือเอาชนะใจประชาชน ให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง มีเงินจากประกอบการงาน ไม่ใช่เอาชนะใจเจ้าสัวกลุ่มเดียวแล้วไล่แจกเงินแก่ประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนต้องมีเงินใช้จ่ายจากงานของตนเอง ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป คนจนก็จะจนต่อไป มีแต่เจ้าสัวไม่กี่รายที่จะเจริญ ถ้ารัฐบาลไม่โปร่งใส ทุจริต เล่นพรรคเล่นพวกตลอด ต่างชาติก็จะหยิบเอามาเป็นจุดอ่อนเพื่อระดมบรรดาโทรจันไล่รัฐบาลได้

การคว่ำบาตรของอเมริกาจะทำให้ประเทศไทย

1.หันมาพึ่งตนเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิจัยและผลิตยาจากตำรายาในคัมภีร์ใบลานซึ่งมีอยู่มากเพื่อให้คนไทยได้ใช้ในราคาถูก ลดการพึ่งพายาจากบริษัทยาในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ต้องไม่ลืมว่าขณะนี้ เวเนซุเอล่าและอิหร่านก็ถูกอเมริกาคว่ำบาตรทั้งยาทั้งอาหาร ห้ามมิตรประเทศอเมริกาซื้อขายยาและอาหารกับอิหร่าน

คนไทยต้องลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ มีตลาดใหม่ที่ดีกว่า สรุปว่าพึ่งพาตนเองได้ทั้งยา ทั้งอาหารในระยะยาว

2.หันไปคบมิตรประเทศหรือมหาอำนาจที่ค้าขายอย่างเป็นธรรมและไม่เอาเปรียบอย่างรัสเซียให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ทำ MOU ไว้สร้างภาพ แผนการต่างๆ ที่ทำไว้ต้อง implement ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติ อย่างรวดเร็ว เมื่อถูกอเมริกาคว่ำบาตรก็สามารถหาตลาดใหม่ได้

ระวังกันเอาไว้ครับ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็เพื่อให้ไทยยอมจำนนหรือจนตรอกแล้วหันไปทำตามคำสั่ง ถ้าไม่ยอมจำนน ก็จะมีมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ ตามมา รวมทั้งไล่รัฐบาลไปด้วย ประเทศเล็กๆ ต้องตระหนักรู้ ทำใจและเตรียมตัวให้พร้อม ผมมองว่าการคว่ำบาตรของอเมริกาจะทำให้คนไทยเห็นคุณค่าในภูมิปัญญาเศรษฐกิจพอเพียงและรู้จักแยกแยะประเทศที่เป็นมิตรแท้มิตรเทียม และเลือกคบประเทศที่เคารพศักดิ์ศรี บูรณภาพของดินแดนและความเป็นไทของประเทศไทยมากยิ่งขึ้นครับ

“หม่อมเต่า”เรียกผู้บริหารก.แรงงานถกด่วน

รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน ได้เรียกนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารในกระทรวงหารือเป็นกรณีพิเศษที่กระทรวงแรงงานในเวลา 14.00 น. เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

“โฆษกรัฐบาล”ยันไม่เกี่ยวปมแบนสารพิษเกษตรฯ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อครั้งที่รมว.พาณิชย์ สหรัฐฯ มาร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่ไทย ซึ่งมีการหยิบยกประเด็นนี้มาหารือ ขณะเดียวกันนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ก็ได้มีหนังสือรายงานถึงนายกรัฐมนตรีถึงประเด็นดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้แถลงชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องนี้เอง นอกจากนี้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ไทยห้ามนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรของสหรัฐฯ อย่างแน่นอน แต่เป็นคนประเด็นกัน.

พาณิชย์เผยกระทบส่งออกจิ๊บจ๊อย

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบ ประมาณ 0.01% ของการส่งออกรวมของไทยเฉลี่ยรายปี แต่จะมีสินค้าบางรายการที่ใช้สิทธิมากที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่ารายการอื่น โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โดยสินค้าที่สหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิจีเอสพี ประเทศไทย (Country Review) มีจำนวน 573 รายการ (40% จากจำนวนสินค้าที่ไทยใช้สิทธิในปี 61 รวม 1,485 รายการ) มีผลบังคับใช้ 25 เม.ย. 63 และมีการคืนสิทธิให้ไทย 7 รายการ โดย ปี 61 ไทยมีการใช้สิทธิ จีเอสพีพียง 355 รายการ (จาก 573 รายการ) มูลค่า 1,279.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการใช้สิทธิเฉลี่ย 66.7% อาทิ อาหารทะเลแปรรูป พาสต้า ถั่วชนิดต่างๆ แยมผลไม้ น้ำผลไม้ ซอสถั่วเหลือง เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้ในบ้าน มอเตอร์ไฟฟ้า เหล็กแผ่นและสเตนเลส เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ตกปลา

สำหรับการถูกตัดสิทธิจีเอสพีทำให้ต้นทุนส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50.33 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากสินค้าไทยกลุ่มนี้จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 4.5% (อ้างอิงจากอัตรา MFN rate ของสหรัฐฯ ปี 61) โดย สนค. ประเมินว่า การถูกตัดสิทธิจีเอสพี ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยอย่างจำกัด อัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจทำให้ มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ สำหรับสินค้ากลุ่มที่โดนตัดสิทธิในปี 63 (เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้) ลดลงมูลค่า 28.8 – 32.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย

นอกจากนี้การส่งออกไทยที่มีจุดเด่นในการกระจายตัวของสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต เช่น เครื่องนุ่งห่มรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน จะช่วยยังสนับสนุนการส่งออกของไทยในตลาดสหรัฐฯ ต่อไปได้ แต่การถูกตัด จีเอสพีทำให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนภาษีหมดไป และไทยจะเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น ดังนั้น การรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ส่งออกควรกระชับสัมพันธ์กับผู้นำเข้าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการส่งเสริมการส่งออกและการตลาดเชิงรุก เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

“ผู้กองมาร์ค”ข้องใจเกี่ยวกับจีนได้เมกะโปรเจกต์จากรัฐบาล”บิ๊กตู่”หรือไม่

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช หรือผู้กองมาร์ค เลขานุการกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนพรรคเพื่อไทยอ(พท.) กล่าวว่า จากที่ได้ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับสหรัฐอเมริกามาหลายรัฐบาล ทราบดีถึงระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยึดผลประโยชน์ของประชาคมโลกเป็นหลักมาโดยตลอด และจากความสัมพันธ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยมีมายาวนาน จึงเป็นไปได้ยากที่ว่าสหรัฐจะมีมาตราการตอบโต้ไทยจากการที่ได้สั่งแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด เพราะสหรัฐอเมริกาเองก็คงไม่ยอมให้บริษัทสารพิษมาบัญชาการอยู่เบื้องหลัง และท่ามกลางความขัดแย้งของสองมหาอำนาจ(สหรัฐฯและจีน) รัฐบาลไทยควรต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาลให้ประเทศจีน มาทำเมกะโปรเจกต์ ในประเทศไทยมากเกินไป หรือไปเอาใจและใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทย ซื้ออาวุธ จะเป็นต้นเหตุหรือไม่ ก็ไม่อาจจะทราบได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้พล.อ.ประยุทธ์เร่งประสานความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาโดยด่วน และเสริมสร้างรายได้ให้กับคนไทยทันที

“สาธิต”ลั่นเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลสหรัฐ

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลสหรัฐ แต่กระทรวงสาธารณสุขก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจในบางเรื่องที่เป็นสุขภาพของคนไทย และในส่วนของไทยเมื่อยกเลิก การใช้สาร 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว รัฐบาลก็จะต้องพูดคุยกันว่าจะดูแลเกษตรกรอย่างไร มีสารตัวใดที่ใช้ทดแทนได้บ้าง

“แอ๊ด คาราบาว”เชียร์รัฐบาลไทยอย่ายอม

นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Add Carabao ระบุว่า…เห็นสันดานอเมริกาหรือยังครับพี่น้อง มันหาได้คำนึงถึงชีวิตของคนอื่นเลย มุ่งแต่จะเอาประโยชน์เพื่อตนฝ่ายเดียว รัฐบาลไทยอย่าไปยอมมันนะครับ มันจะแบนสินค้าเราก็ช่างแม่ง เวลานี้คุณสมคิด คุณจุรินทร์ ได้ออกเดินสายหาคู่ค้ารายใหม่ๆในประเทศต่างๆ ที่มีคุณธรรม และไม่เอาเปรียบข่มเหงรังแกเรา ขอให้พวกเราต้องร่วมกันสู้นะครับ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนคนไทย ถ้าไม่สู้เราก็ตายผ่อนส่งต่อไปเรื่อยๆ ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งภาครัฐและเอกชน สู้ๆๆๆๆ ถึงเวลาที่ต้องทิ้งประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้วละครับพี่น้อง

“อลงกรณ์”ซัดหาเหตุกดดันไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร. ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สหรัฐต้องการใช้การตัดสิทธิพิเศษจีเอสพีเพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แบบหมูไปไก่มา เช่น การขอให้ไทยเปิดให้นำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐหรือขอให้ไทยทบทวนการแบนสารพิษไกรโฟเซตที่ทั้งทางการสหรัฐและหอการค้าสหรัฐไม่เห็นด้วยเพราะกระทบผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกัน

“เห็นว่าถ้าเป็นเหตุผลหลังสุดคงยากที่ทางการไทยจะยอมอ่อนข้อเพราะเป็นเรื่องสุขภาพของคนไทยด้วยสาเหตุดีงกล่าวทางการสหรัฐควรทบทวนตัวเองมากกว่าเรียกร้องให้ทางการไทยทบทวนและหากยังคิดจะเป็นมิตรที่ดีกับคนไทยและประเทศไทย อย่าใช้มาตรการจีเอสพีกดดัน แบบนี้เป็นอันขาด” นายอลงกรณ์ กล่าว

“สุริยะ”รอข้อมูลก.เกษตรก่อนพิจารณาประเด็นสหรัฐฯท้วงแบน 3 สาร

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 27 ตุลาคมนี้ กล่าวถึงกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านการห้ามใช้สารไกลโฟเซต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมีทางการเกษตรที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใช้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 62 เป็นต้นไปว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ต้องรอให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งรายละเอียดการแบน 3 สาร และสารทดแทน กลับมาให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอีกครั้ง

“ขณะนี้ต้องส่งเรื่องกลับเข้ามาก่อนที่การแบน 3 สาร จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ”นายสุริยะกล่าว

“อุ๋ม” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนเด็กเยาวชนเขตบางซื่อ-ดุสิต

People Unity : “อุ๋ม ธณิกานต์” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในเขตบางซื่อ-ดุสิต

วันที่ 28 ต.ค.2562 น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขตบางซื่อ-ดุสิต  พรรคหลังประชารัฐ และ” แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ดารานักแสดงชื่อดัง ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา จำนวน 23 ทุน พร้อม อุปกรณ์การเรียน และอุปกรณ์กีฬา แก่นักเรียนเรียนดี ประพฤติดี และยากไร้ คัดเลือกโดยฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตบางซื่อ และเครือข่ายประธานชุมชน มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมทั้งหมด 92 คน

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า งานในวันนี้เกิดขึ้นจาก คุณแอฟ ทักษอร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มีความตั้งใจที่จะทำบุญฉลองวันเกิด ร่วมสร้างสังคมแบ่งปัน ประสงค์จะมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนแก่เด็กและเยาวชน เพราะเราเห็นตรงกันในเรื่องความสำคัญของการศึกษา อันเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคมและประเทศอย่างยั่งยืน สามารถนำสู่การประกอบอาชีพ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อดูและตัวเองและคนรอบข้างได้ ดังนั้นจึงอยากเป็นอีกแรงในการสนับสนุน โดยมอบทุนทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆและเยาวชนให้ดีขึ้น ยกระดับคุณภาพสังคมและประเทศชาติต่อไป

โดยวันนี้ได้ทีมงานผู้ช่วย ส.ส. พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางซื่อ และคณะครู ในฐานะเจ้าบ้านและเจ้าของพื้นที่ ร่วมนำกิจกรรมสร้างความสุขให้กับน้องๆนักเรียน บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยรอบยิ้มและความสนุกสนาน

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากร่วมสนับสนุน โครงการ “สังคมแบ่งปัน” ช่วยเหลือแบ่งปันทุนทรัพย์หรือองค์ความรู้แก่เด็กและสตรี หรือพร้อมสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ด้านอื่นๆ #เขตบางซื่อดุสิต ยินดีต้อนรับทุกท่าน สามารถติดต่อส.ส.อุ๋มและทีมงาน ได้ที่ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ) หรือ โทร. 065-694-2245

“ธนาธร”ชูฮก”จีน”พัฒนาก้าวกระโดดเพราะมีเทคโนโลยี

People Unity : “ธนาธร” ขึ้นเวที ส.สื่อไทย-จีน ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ- ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียน​สร้างตลาดภายในภูมิภาค

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 ตุลาคม​ 2562 ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นายธนาธร จึง​รุ่งเรือง​กิจ​ หัวหน้า​พรรค​อนาคต​ใหม่​ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง​ ปรับความคิด​ ความร่วมมือ​ไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปีจีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทน​จากภาคธุรกิจ​ นักกฎหมาย​ และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน โดยเริ่มต้น​ได้เล่าถึง​ประสบการณ์​การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไป​ลงทุน​ใน​ประเทศ​จีน​ นายธนาธร กล่าวว่า ตลอด​การทำงาน​ที่​ผ่าน​มา ตนได้​เดินทางไปจีน​มาแล้ว​มากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ​คือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ​เสียก่อน​จึงได้ชะลอ​ไป จนได้กลับไป​อีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฟุเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จัก​เจ้าหน้าที่ๆ ดูแล​มณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน

นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง​ ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่​ 2-3 ข้อ​ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้น​จากกับดัก​ประเทศ​รายได้​ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทย​ได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้​ปานกลางได้เลย

“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่​คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ​ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัท​ใหญ่​มีสำนักงาน​ใหญ่​อยู่​ที่ต่างจังหวัด ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์​ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาค​ตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก​ นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศ​อาเซียน​ ส่วนหนึ่ง​ที่​จีน​สามารถ​เติบโต​ได้​ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรม​ของ​จีน​ก็สอดรับกับความ​ต้อง​การ​ เมื่อย้อนกลับ​มา​ดู​อาเซียน​ จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิต​แข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศ​จะต้องไปด้วยกัน

นายธนาธร ทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของ​จีน​ แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์​ด้วย​เช่นกัน​ แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย​ อียู สหรัฐอเมริกา​ ฯลฯ​ เราต้องรักษาความสัมพันธ์​ที่ดีเอาไว้​ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่อง​ที่น่ายินดี​ เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุน​สินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่​ค้า​เสียเปรียบ​ ไม่​ใช่ว่าจีน​ไปลงทุนในประเทศ​อื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุน ต้องแฟร์ คือปฏิบัติ​ต่อ​ประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย

การเมืองแห่งความหวัง! หนังสือขายดีอันดับหนึ่ง”ปิยบุตร”เขียน

People Unity : “การเมืองแห่งความหวัง” อันดับ 1 หนังสือขายดี – ร้าน “ก็องดิด” เตรียมจัดกิจกรรมพบปะ “ปิยบุตร” คุยหัวข้อ “หนังสือคือความหวัง”

วันที่ 25 ต.ค.2562 ร้านหนังสือก็องดิด( Candide Books) เผยแพร่เชิญชวนร่วมกิจกรรม “หนังสือคือความหวัง” โดยระบุว่า “คุยกันเรื่องหนังสือ การอ่าน และหนังสือเล่มใหม่ การเมืองแห่งความหวัง กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นักการเมืองที่เปิดเผยทรัพย์สินว่ามีหนังสือในครอบครอง 2,500 เล่ม ชวนคุยโดยภาณุ ตรัยเวช นักเขียนผู้เป็นหนอนหนังสือตัวฉกาจ และเป็นเจ้าของเพจ Our History เรื่องเล่า เรา โลก”

ขณะเดียวกัน ได้เปิดเผยถึง 10 อันดับขายดีประจำวันที่ 15 – 21 ตุลาคม ที่ผ่านมาของร้าน ทั้งผ่านทางหน้าร้านและทางระบบออนไลน์ ออนไลน์ www.candidebooks.com ซึ่งปรากฏว่าหนังสือ “การเมืองแห่งความหวัง” ผลงานล่าสุดของนายปิยบุตรติดในลำดับที่ 1 หนังสือขายดี โดยเป็นหนังสือรวมบทสัมภาษณ์ทุกแง่มุมชีวิต การปราศรัยทั้งการเปิดตัวพรรค นโยบายต่างๆ การหาเสียง ตลอดจนการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.ที่มีบทบาทเด่นเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่อันดับ 2 และ 3 ได้แก่วรรณกรรมแปลจากญี่ปุ่น คือ “วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว”, “อันตัวข้าพเจ้านี้คือแมว” ตามลำดับ ส่วน “ลงเรือแป๊ะ” ผลงานของ วิษณุ เครืองาม ติดอยู่ในหนังสือขายดีลำดับที่ 4 ด้วย ทั้งนี้ กิจกรรมหนังสือคือความหวัง จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคมนี้ เวลา 17.00 -18.30 น. ที่ร้านหนังสือก็องดิด เดอะ แจมแฟคทอรี ( The Jam Factory) คลองสาน

“ศักดิ์สยาม”สั่งขบ.ใช้ AIทำงาน-สั่งศึกษาติดGPSรถยนต์ส่วนบุคคล

People Unity : “ศักดิ์สยาม” ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก สั่งขบ.ใช้ AIทำงาน-สั่งศึกษาติด GPSรถยนต์ส่วนบุคคล

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม และนางสาวกอบกุล โมทนา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ให้การต้อนรับ ที่กรมการขนส่งทางบก

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายการบริหารงาน ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยมีนโยบายหลักๆ11 เรื่อง ทั้งนี้ โดยเน้นหนักเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกศึกษารายละเอียดเรื่องของการนำเทคโนโลยี (AI) มีปรับใช้เพื่อความสะดวกและแม่นยำมากขึ้น รวมถึงกฎหมายที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจังหลายเรื่อง ซึ่งทั้งหมดกระทรวงคมนาคมวางเป้าหมายที่จะลดสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนลงให้ได้มากที่สุด

“ประเด็นสำคัญที่ต้องการให้เร่งดำเนินการ คือ การติดตั้งระบบ GPS รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์จากโรงงาน ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลภาคการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ตั้งแต่ต้นทาง ภาคเอกชนค่ายรถต่าง ๆ รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เนื่องจากการควบคุมจีพีเอสรถทุกคันจะมีการเข้าถึงสิทธิ์ข้อมูลต่าง ๆ ในการเดินทางต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้รถ และในอนาคตก็จะมีแหล่งข้อมูลการใช้รถขนาดใหญ่ที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัย โดยมีกรมการขนส่งทางบกเป็นหน่วยงานที่ monitor ข้อมูลเหล่านี้ ส่วนการปฏิบัติที่จะขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวไปสู่ผู้กระทำนั้น กรมการขนส่งทางบกจะเริ่มทำการศึกษาและคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับการนำนโยบายเหล่านี้มาใช้” นายศักดิ์ กล่าว

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงการกระทำผิดกฎหมายจราจรแล้ว จะต้องมีการถูกตัดแต้มนั้น กรณีดังกล่าวมอบให้กรมการขนส่งทางบกเก็บฐานข้อมูลในกรณีของผู้ใช้รถที่มีใบอนุญาตจะมีคะแนน 100 คะแนนเต็ม แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายจราจรก็จะมีการทยอยหักแต้มไปเรื่อย ๆ และเมื่อมีการหักจนครบเพดานขั้นต่ำที่วางไว้จะถูกยึดใบอนุญาตถาวร เช่นเดียวกับรถแต่ละคันหากมีการบันทึกข้อมูลการกระทำผิดซ้ำจะถูกจำหน่ายทะเบียนรถคันนั้นออกจากระบบ ซึ่งทั้งหมดกระทรวงคมนาคมจะนำมาเป็นแนวทางดูแลงานด้านความปลอดภัยและเพิ่มวินัยจราจรให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกำกับดูแลด้านกฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่จะนำระบบสินบนนำจับมากำกับดูแลงานความปลอดภัยของรถสาธารณะ โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ หากพบรถของผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเงื่อนไขความปลอดภัย สามารถแจ้งดำเนินคดี เช่น กรณีที่ผู้ประกอบการทำผิดและต้องเสียเบี้ยปรับ 50,000 บาท อาจจะหักเงินดังกล่าวเป็นสินบนนำจับ 10% มอบให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งเรื่องเหล่านี้ขอให้กรมการขนส่งทางบกไปลองศึกษาข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน

ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมรับมอบนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติโดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผนการดำเนินการอย่างรอบด้านและเร่งดำเนินการติดตามประเมินผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกมีแผนปฏิบัติราชการกรมการขนส่งทางบก ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563-2565) ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายรัฐบาล และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคม (พ.ศ. 2563-2565) โดยดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด 3S ประกอบด้วย S (Safety & Security) คือ ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้มีความปลอดภัยและมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความมั่นคงและปลอดภัย S (Sustainability) คือ ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่ม

กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม

People Unity News : กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ประธานคณะโครงการกฐินพระราชทานฯ ร่วมด้วยนายธนา เวสโกสิทธิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ และคณะได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดหวั่งเอิน กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม

นายฐาปน กล่าวกว่า พิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 นอกจากเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาแล้ว ยังถือว่าเป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” ที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนสู่ประชาชน สร้างสัมพันธไมตรีและความไว้เนื้อเชื้อใจระหว่างกัน โดยเฉพาะวัดหวั่งเอิน แห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชนทั้งชาวเวียดนามและชาวไทยแห่งสำคัญในกรุงฮานอยซึ่งให้การต้อนรับคณะผู้เชิญผ้าพระกฐินพระราชการอย่างอบอุ่น สนับสนุนและร่วมการจัดพิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้อย่างสมพระเกียรติ

พิธีเริ่มขึ้นโดยประธานถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นเชิญผ้าไตรพระราชทานเดินเข้าพระอุโบสถและเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ตามลำดับ เมื่อเสร็จพิธีแล้วคณะทั้งหมด พร้อมกันสักการะสถูปขนาดใหญ่ที่บรรจุอัฐิของ พระทิช ดึ๊ก หยวด พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม และสถูปที่บรรจุอัฐิของพระครูคณาสัมนาจารย์ (บิ่ง เลือง) อดีตเจ้าคณะใหญ่สงฆ์อนัมนิกายแห่งประเทศไทยในบริเวณ “สวนพระ”ด้วย

ทั้งนี้ วัดหวั่งเอิน (Hoang An Pagoda) ตั้งอยู่เขตเตย โห่ กรุงฮานอย สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 (ราวปี ค.ศ. 1019 – 1088 หรือ พ.ศ. 1562 – 1632) ในสมัยราชวงศ์เล ถือเป็นวัดนิกายมหายานที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในกรุงฮานอย วัดหวั่งเอินมีความสำคัญคือเป็นสถานที่อุปสมบทของพระสำคัญของคณะสงฆ์เวียดนาม หนึ่งในนั้นคือ พระทิช ดึ๊ก หยวด (Thich Duc Nhuan) พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม (พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2536) วัดหวั่งเอิน ได้รับการรับรองโดยกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบัน พระทิช ด่าว มิงห์ (Thich Dao Minh) ซึ่งเป็นลูกศิษย์รูปสุดท้ายของพระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนามเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันโครงการกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศได้ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ตลอดจนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่มีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนา เป็น “สะพานเชื่อมวัฒนธรรมและไมตรีจิต” ที่นับวันจะแน่นแฟ้น และทรงคุณค่าทบทวี

คลัง”ชิมช้อปใช้”สัญจรโคราช! เข้าครม. 22 ต.ค.ต่อยอดเฟส2

People Unity : คลังเตรียมต่อยอดชิมช้อปใช้เฟส 2 หลังคลังเตรียมเสนอ ครม. 22 ต.ค. หวังสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านร้านค้ารายย่อยในโคราช พร้อมกระตุ้นนักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋า 2

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ได้เดินทางลงพื้นที่ที่ตลาดนัดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยของผู้ได้รับสิทธิ์โครงการชิมช้อปใช้ผ่านร้านค้ารายย่อยในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งรณรงค์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ออกมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกระเป๋า 2 เพราะสามารถได้รับเงินคืนสูงถึง 15%

พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกรายห้ามละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกปิดแอ๊พถุงเงินทันที และจะถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าร่วมโครงการต่างๆของรัฐบาลในอนาคต ทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ด้วยการเปิดรับแลกสิทธิ์ 1,000 บาท เป็นเงินสดหรือแลกสิทธิ์ข้ามจังหวัด เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าของเฟส 2 นั้น กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ต.ค. หวังดึงประชาชนร่วมโครงการจาก 10 ล้านคน ประมาณ 2-5 ล้านคน การเพิ่มจำนวนร้านค้าด้วยการดึงเครือข่ายลูกค้าของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมอีกราว 1 แสนร้านค้า หลังจากเฟสแรก มีร้านค้าใหม่มาร่วมโครงการเกือบแสนราย รวมทั้งต้องปรับเวลาการลงทะเบียนเป็นกลางวัน และหวังขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการออกไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 62 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว เมื่อ ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้ว จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน สิ่งจูงใจในการร่วมลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 กระซิบบอกได้เลยว่าน่าสนใจไม่แพ้ชิมช้อปใช้เฟสแรกอย่างแน่นอน

สรุปยอดการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 62 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1 จำนวน 8,537.2 ล้านบาท จากกระเป๋า 2 จำนวน 139.6 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม จำนวน 1,241.0 ล้านบาท ร้านช้อป จำนวน 4,847.1 ล้านบาท ร้านใช้ จำนวน 116.4 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,472.3 ล้านบาท

Verified by ExactMetrics