วันที่ 3 กันยายน 2025

คนไทยอยู่กับมลพิษอะไรบ้าง? เผยสถานการณ์มลพิษในประเทศไทยปี 60

People unity news online : 12 มกราคม 2561 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ เผยสถานการณ์มลพิษประเทศไทยปี 2560 ในภาพรวมมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้นจากปี 2559 ดังนี้

1.คุณภาพน้ำแม่น้ำสายหลัก 59 แม่น้ำของประเทศในปี 2560 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคุณภาพน้ำที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ถึงดีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 86 และอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมลดลงจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 14 โดยไม่มีแหล่งน้ำที่มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพน้ำเป็นรายภาค ภาคใต้มีแหล่งน้ำที่มีคุณภาพดีมากกว่าภาคอื่น รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมมากกว่าภาคอื่นเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพดีสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ แม่น้ำตาปีตอนบน ลำตะคองตอนบน ลำชี สงคราม และสายบุรี

ส่วนแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ท่าจีนตอนล่าง พังราดตอนบน ระยองตอนล่าง และกวง ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แหล่งที่ตั้งของอุตสาหกรรม พื้นที่ทำการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์ ซึ่งไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียและระบบที่ดำเนินการอยู่ยังดูแลจัดการน้ำเสียไม่เต็มประสิทธิภาพ

สำหรับเกิดเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบคุณภาพน้ำในปี 2560 เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชน คือ กรณีบ่อกักเก็บน้ำกากส่าของโรงงานบริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จังหวัดสุพรรณบุรี พังทลาย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ประกอบกับเป็นช่วงฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้เกิดน้ำไหลบ่าที่ปนเปื้อนน้ำเสียท่วมบ้านเรือนประชาชนและไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่และเก็บตัวอย่างน้ำเสีย ณ จุดเกิดเหตุ คุณภาพน้ำจากบ่อกักเก็บน้ำกากส่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ลำห้วยขจี ลำห้วยกระเสียว และแม่น้ำท่าจีน มีคุณภาพน้ำ ณ ขณะนั้นอยู่ในระดับเสื่อมโทรมมาก จังหวัดสุพรรณบุรีได้สั่งการให้บริษัทหยุดประกอบกิจการทั้งหมดและให้ปรับปรุงแก้ไขบ่อบำบัดน้ำเสียให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน มีการเยียวยาผลกระทบของประชาชนโดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ และโรงงานเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายทั้งหมด

2.คุณภาพน้ำทะเล มีแนวโน้มดีขึ้น โดยคุณภาพน้ำทะเลที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ถึงดีมากเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 91 เป็นร้อยละ 96 และเกณฑ์เสื่อมโทรมถึงเสื่อมโทรมมากลดลงจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 4 คุณภาพน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก อ่าวไทยฝั่งตะวันตก และชายฝั่งอันดามันส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นบริเวณอ่าวไทยตอนในคุณภาพน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ปัจจัยที่ส่งผลให้คุณภาพน้ำทะเลดีขึ้น เป็นเพราะมีการบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆบริเวณชายฝั่งทะเล และการป้องกันและลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดมลพิษจากบนฝั่ง โดยแหล่งน้ำทะเลที่มีคุณภาพดีสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อ่าวสะพลี และอ่าวทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร ทะเลแหวก และหาดต้นไทร เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และช่องแสมสาร จังหวัดชลบุรี ส่วนแหล่งน้ำทะเลที่มีคุณภาพเสื่อมโทรมสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ปากคลอง 12 ธันวา และหน้าโรงฟอกย้อม กม.35 จังหวัดสมุทรปราการ ปากคลองท่าเคย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ และปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเป็นพื้นที่รองรับน้ำเสียที่มาจากแหล่งชุมชน แหล่งอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

3.สถานการณ์คุณภาพอากาศ จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติทั่วประเทศทั้งหมด 63 สถานี ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 33 จังหวัดที่ต้องมีการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมืองขนาดใหญ่ เขตอุตสาหกรรม พื้นที่เสี่ยงต่อการเผาในที่โล่ง คุณภาพอากาศในปี 2560 มีแนวโน้มดีขึ้น สารมลพิษที่ยังเป็นปัญหา คือ ฝุ่นละออง ( TSP PM10 PM2.5 ) ก๊าซโอโซน (O3) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) โดยฝุ่นละออง PM10 ตรวจวัดได้ในช่วง 3 -268 มคก./ลบ.ม. ค่าสูงสุดเฉลี่ย 114 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐาน 120) เกินมาตรฐาน 20 จังหวัด แต่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2555 ฝุ่นละออง PM2.5 ตรวจวัดได้ในช่วง 2 – 116 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ 21 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐาน 25) เกินมาตรฐาน 13 จังหวัด จาก 18 จังหวัดที่มีการตรวจวัด ก๊าซโอโซน ค่าเฉลี่ย 1 ชั่วโมงสูงสุดของแต่ละสถานีตรวจวัดเฉลี่ย เท่ากับ 121 พีพีบี (มาตรฐาน 100) เกินมาตรฐาน 24 จังหวัด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนสาร VOCs ประเภทเบนซีน พบเกินมาตรฐาน 3 จังหวัด จาก 7 จังหวัดที่มีการตรวจวัด แต่มีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ และระยอง

ทั้งนี้ พื้นที่ที่มีสถานการณ์มลพิษทางอากาศที่มีปริมาณเข้มข้นมากสุด ได้แก่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2560 พบค่าฝุ่นละอองสูงสุดอยู่ที่จังหวัดลำปาง เท่ากับ 237 มคก./ลบ.ม. ลดลงจากปี 2559 ที่ตรวจวัดได้ 317 มคก./ลบ.ม. ที่จังหวัดเชียงราย จำนวนวันที่ปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานลดลงจากปี 2559 จาก 61 วัน เป็น 38 วัน (ลดลงร้อยละ 38) และจุดความร้อนสะสมรายจังหวัดลดลงจากปี 2559 จาก 10,115 จุด เป็น 5,409 จุด (ลดลงร้อยละ 47)

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์หมอกควันดีขึ้นเป็นผลมาจากการบูรณาการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการแก้ไขปัญหาหมอกควันภายใต้กลไกของพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการแบบ Single Command

สำหรับตำบลพระลาน จังหวัดสระบุรี มีปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานมากที่สุดปี 2560 จำนวนวันที่ฝุ่นเกินมาตรฐานมากกว่าปี 2559 จาก 89 วัน เป็น 107 วัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 20) ค่าที่วัดได้อยู่ระหว่าง 19 – 257 มคก./ลบ.ม. สาเหตุของปัญหาเกิดจากการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองจากกิจการเหมืองหิน โรงโม่ บดหรือย่อยหิน โรงปูนซิเมนต์และการคมนาคมขนส่งในพื้นที่

4.สถานการณ์การจัดการขยะมูลฝอย ปี ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศประมาณ 27.40 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.26 จากปี 2559 ที่เกิดขึ้น 27.06 ล้านตัน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรและการขยายตัวของชุมชนเมือง แต่อัตราการเกิดขยะมูลฝอยต่อคนลดลงจาก 1.14 กิโลกรัม/คน/วัน ในปี2559 เป็น 1.13 กิโลกรัม/คน/วัน โดยเป็นผลมาจากความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่น ประชาชน และภาคเอกชนในการลดและใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค

การจัดการขยะมูลฝอยใน 2560 เปรียบเทียบกับปี 2559 ปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกนำไปกำจัดอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จาก 9.57 ล้านตัน เป็น 11.70 ล้านตัน มีปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จาก 5.80 ล้านตัน เป็น 8.52 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกต้องลดลงร้อยละ 39 จาก 11.69 ล้านตัน เป็น 7.18 ล้านตัน อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ส่งผลให้การจัดการขยะมูลฝอยยังดำเนินการได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาทิ อัตราค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากประชาชนยังไม่สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงาน การคัดแยกขยะมูลฝอยจากต้นทางยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องโดยบางแห่งยังมีการเก็บขนขยะมูลฝอยที่คัดแยกไว้แล้วรวมกับขยะที่จะต้องกำจัด ความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้บริการเก็บขนขยะมูลฝอย การกำจัดขยะมูลฝอยในบางพื้นที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ บางพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากประชาชนต่อต้าน การขาดความร่วมมือและความตระหนักจากประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงยังมีการใช้สินค้าและ/หรือบรรจุภัณฑ์ที่กำจัดยากและย่อยสลายตามธรรมชาติได้ยากโดยเฉพาะถุงพลาสติกและโฟม

สำหรับเทศบาลนครและเทศบาลเมืองที่มีการจัดการขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพดีในลำดับต้นจำนวน 23 แห่ง อาทิ เทศบาลนครเชียงราย เทศบาลนครนครสวรรค์ เทศบาลนครพิษณุโลก และที่ยังต้องปรับปรุงและพัฒนาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยให้ดีขึ้น จำนวน 26 แห่ง อาทิ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เทศบาลนครนครราชสีมา เทศบาลเมืองนครพนม เทศบาลนครแหลมฉบัง (ชลบุรี) ฯลฯ

5.ของเสียอันตรายจากชุมชน จากการสำรวจและคาดการณ์ปริมาณของเสียอันตรายจากชุมชนที่เกิดขึ้นในปี 2560 มีทั้งหมด 618,749 ตัน ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง 60,619 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 9.80) เป็นผลจากการวางระบบการจัดการของเสียอันตรายจากชุมชน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีจุดรวบรวมของเสียอันตรายในหมู่บ้านหรือชุมชน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในกรุงเทพมหานครเพื่อเก็บรวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชน ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจุดทิ้งของเสียอันตรายจากชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครถึง 2,718 แห่ง อย่างไรก็ตามยังพบของเสียอันตรายจากชุมชนถูกทิ้งปนกับขยะมูลฝอยทั่วไป เนื่องจากยังมีระบบคัดแยก เก็บ รวบรวม และขนส่งไปกำจัดยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขาดกฎระเบียบในการคัดแยกของเสียอันตรายจากชุมชนออกจากขยะมูลฝอยทั่วไป ศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชนเพื่อรอส่งไปกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคกลางและไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ สถานที่บำบัด/กำจัดมีไม่เพียงพอ มีซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทถูกนำไปรีไซเคิลไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และไม่มีการคัดแยกของเสียอันตรายจากบ้านเรือน

แนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม มีดังนี้

1.การจัดการน้ำเสีย

ควบคุมปริมาณและลดความสกปรกของน้ำเสียที่ต้นทาง อาทิ การผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี และการห้ามระบายมลพิษสู่ภายนอก

คำนึงถึงการจัดการน้ำเสียตั้งแต่ก่อตั้งสถานประกอบการ การต่อใบอนุญาต และระหว่างประกอบกิจการ

การสั่งอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตต้องนำมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดไปกำหนดเป็นเงื่อนไขหรือข้อบังคับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามและควบคุมการระบายน้ำเสียด้วยระบบการอนุญาตระบายมลพิษ (Permit System)

ต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียรวมในทุกชุมชนเมืองที่มีประชากรหนาแน่นโดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ริมน้ำ

ปรับรูปแบบการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนในพื้นที่ที่ขาดความพร้อม เช่น ให้องค์การจัดการน้ำเสียหรือเอกชนเข้าไปดำเนินการแทน

ปฏิรูปให้ระบบบำบัดน้ำเสียรวมเป็นหนึ่งในระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐเหมือนไฟฟ้า น้ำประปา

2.การจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ

ยกระดับมาตรฐานเพื่อลดการระบายมลพิษจากยานยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงให้เทียบเท่าระดับสากล (EURO 5)

สนับสนุนให้มีการใช้ยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ รถยนต์ Eco Car รถยนต์ไฟฟ้า (EV)

สร้างระบบขนส่งมวลชนเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักเพื่อให้ประชาชนสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

ป้องกันและแก้ไขหมอกควันภาคเหนือตามระบบและกลไกที่วางไว้ เพิ่มมาตรการทางสังคมกดดันคนที่จุดไฟแทนการกดดันผู้ที่ทำหน้าที่ดับไฟ

จัดระเบียบการอนุญาตประกอบกิจการเหมืองหิน เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายกับกิจการเหมืองหิน โรงโม่ บดหรือย่อยหินและโรงปูนซิเมนต์ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ผู้ประกอบการเหมืองหินและโรงปูนซิเมนต์ประกาศเจตนารมณ์ต่อสาธารณชนในการประกอบกิจการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม

3.การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายชุมชน

รณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง โดยเฉพาะขยะเศษอาหาร ขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ของเสียอันตรายรวมถึงซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

มีการวางระบบการจัดการของเสียอันตรายจากชุมชนให้มีจุดทิ้งของเสียอันตราย (Drop-off)ิ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวบรวมนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง

ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีระบบการคัดแยก รวบรวม และเก็บขนขยะมูลฝอย และมีศูนย์กลางการคัดแยกขยะรีไซเคิล

ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอย

การแถลงข่าวสรุปสถานการณ์มลพิษประเทศไทยปี 2560 ในครั้งนี้ มี นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานแถลงข่าว เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2561 ณ ห้องประชุม 301 อาคารกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

People unity news online : post 12 มกราคม 2561 เวลา 20.30 น.

เชิญเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล กิจกรรมเพียบ

People unity news online : ทำเนียบรัฐบาลเชิญชวนเด็กและเยาวชนร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติปี 2561 ภายใต้แนวคิด เด็กไทยก้าวไกล ด้วยเทคโนโลยี

วันนี้ (8 มกราคม 2561) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรี คณะผู้บริหาร คณะกรรมการจัดงานฯ ร่วมในพิธีเปิดงาน ด้วยการตัดริบบิ้นปล่อยป้ายผ้าแพร และการแสดงของนักเรียนโรงเรียนวัดนวลนรดิศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีนำเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ และเด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความซื่อสัตย์หรือเด็กกตัญญู รวมถึงเด็กพิเศษหรือเด็กด้อยโอกาส จำนวน 20 คน ไปเยี่ยมชมห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีเพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะให้โอวาทและถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชน ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) และร่วมรับชมการแสดงประเภทเต้น Classical Troupe การชมวิดีทัศน์นำเสนอผลงานเด็กไทยที่ได้รับรางวัล ฯลฯ และจะเดินเยี่ยมชมกิจกรรมรอบๆบริเวณภายในและบริเวณสนามด้านหน้าของตึกสันติไมตรี ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานต่างๆได้จัดเตรียมไว้ให้เด็กและเยาวชนได้รับความรู้และความสนุกสนาน เป็นจำนวนมาก

วันเด็กปีนี้ นอกจากเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้นั่งถ่ายภาพที่โต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมานั้น จะมีการเปิดตึกภักดีบดินทร์ (ตึกรับรอง/ประชุมหลังใหม่)  ให้เด็กและเยาวชนได้เข้าเยี่ยมชมเป็นครั้งแรกอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลนั้นมีความหลากหลาย อาทิ การจำลองห้องรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ให้เด็กและเยาวชนได้ทดลองอ่านข่าว การแสดงดนตรีของโรงเรียน music for Fun การแสดงระบำกรับ การแสดงเต้น Modern Troupe ของศิลปินไทยทีวีสีช่อง 3 มายากล และคณะตลกที่จะมาให้ความบันเทิง  ตลอดจนกิจกรรมซุ้มเกมเสริมสร้างความรู้ภายใต้แนวคิด “เด็กไทย โตไปไม่โกง” การร่วมสนุกกับศิลปิน AF และ The Voice กิจกรรมต่างๆของไปรษณีย์ เช่น เกมจับคู่ภาพ จับผิดภาพ ต่อจิ๊กซอว์ภาพแสตมป์น่ารู้  เกมส์ออนไลน์  เน็ตประชารัฐ เป็นต้นนอกจากนี้  จะมีกิจกรรมเกี่ยวกับหุ่นยนต์ให้เด็กและเยาวชนได้มีการประกอบหุ่นยนต์ ออกแบบรถยนต์และพิมพ์  กิจกรรมหุ่นยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอย  พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ระบบคลังข้อมูลดิจิทัล  เกมรามเกียรติ์  กิจกรรมชวนเล่น ชวนลอง สมองหุ่นยนต์  กิจกรรมเครื่องฝึกจำลองการเดินเรือแบบเคลื่อนย้ายได้

พร้อมกันนี้ จะมีการให้บริการตัดผมฟรี  ตรวจสุขภาพช่องปาก/ทันตบริการ การสอนปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตเบื้องต้น  กิจกรรมแป้งปั้นเสริมสร้างพัฒนาเด็ก กิจกรรมการเรียน การสอน เล่านิทาน วาดภาพ ระบายสี  กิจกรรมจิตอาสา เล่นเกมส์ ตอบคำถาม ตลอดจนการแจกของขวัญ ของรางวัล อาหาร ขนม และเครื่องดื่มจากหน่วยงานต่างๆด้วย

People unity news online : post 8 มกราคม 2561 เวลา 22.50 น.

เผยรายละเอียดมติ ครม. โครงการบ้านฅนไทย เพื่อผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

People unity news online : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการบ้านฅนไทย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งที่ประชุม ครม. ได้มีการพิจารณา “โครงการบ้านฅนไทย” โดยมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้

  1. กรอบการดำเนินโครงการบ้านฅนไทย
  2. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน แยกบัญชีโครงการบ้านฅนไทย เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาลและขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบ้านฅนไทยมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และขอไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน (กรณี % NPLs ที่เกิดขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย NPLs  ของธนาคารในภาพรวม) และขอนำผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงาน (การคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายของธนาคาร คือ ต้นทุนเงินฝากบวก 0.25% (เงินนำส่งกองทุนฯ) บวกต้นทุนดำเนินงาน)

สาระสำคัญของเรื่อง

โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุระยะที่ 2 (บ้านฅนไทย)

กระทรวงการคลังได้สำรวจที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศเพื่อนำมารองรับการดำเนินโครงการ “บ้านฅนไทย” โดยในเบื้องต้น กระทรวงการคลังได้คัดเลือกที่ดินราชพัสดุที่มีความเหมาะสม และไม่เป็นที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืน จำนวน 8 แปลง ครอบคลุม 4 ภาค เพื่อนำมาดำเนินโครงการฯ  โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ

ประเภทที่อยู่อาศัย : กระทรวงการคลังได้กำหนดรูปแบบการก่อสร้างโครงการบ้านฅนไทยเป็นประเภทที่อยู่อาศัย 3 รูปแบบ ประกอบด้วย (1) บ้านแฝด พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร (2) บ้านแถว พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร  และ (3) อาคารชุดพักอาศัย พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ในระดับราคา 350,000 – 700,000 บาทต่อหน่วย

กลุ่มเป้าหมาย : 1) ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง 2) ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน 3) ประชาชนทั่วไป (ธนาคารไม่ต้องสนับสนุนดอกเบี้ย) โดยพิจารณากลุ่มเป้าหมายลำดับที่ 1 ก่อน เมื่อ Supply เหลือจึงพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ 2 และ 3 ตามลำดับต่อไป

คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ : ผู้มีสัญชาติไทย

มาตรการสินเชื่อ : กรอบวงเงินโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท

(1) สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย  (Pre Finance) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 ร้อยละ 3 ต่อไป หลังจากนั้น MLR – ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี  เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการและหรือบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด  ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการ

(2) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1 ถึงปีที่ 4      ร้อยละ 2.75 ต่อปี หลังจากนั้น กรณีรายย่อย MRR – ร้อยละ 0.75 ต่อปี หรือกรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR – ร้อยละ1.00 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) หรืออัตราส่วนภาระผ่อนชำระหนี้รวมต่อรายได้สุทธิรวม (Debt to Income Ratio : DTI) ตามที่ธนาคารกำหนด โดยมีวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุในระดับราคา 350,000-700,000 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้  ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสินพิจารณาขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

รูปแบบ : โครงการการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว (Rent to Lease) กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัย และผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) พื้นที่โครงการ ที่ราชพัสดุครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ

2) ราคาที่อยู่อาศัยในระดับราคา 350,000 – 700,000 บาท ต่อหน่วย

3) บ้านแฝด/บ้านแถว/อาคารชุดพักอาศัยมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตรต่อหน่วย

4) กำหนดให้มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางไม่เกินร้อยละ 30 ของพื้นที่โครงการฯ เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น  และ/หรือเป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ

5) การคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการจะพิจารณาผู้ที่เสนอเงื่อนไขที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากที่สุด

ทั้งนี้  การดำเนินโครงการในแต่ละพื้นที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และจัดทำแผนบริหารโครงการฯตลอดอายุโครงการ  ส่วนกระทรวงการคลังจะพิจารณาผ่อนปรนอัตราค่าเช่า ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขต่างๆในการดำเนินโครงการ “บ้านฅนไทย” โดยพิจารณาความเป็นไปได้ภายใต้หลักกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังที่กำหนด

People unity news online : post 5 มกราคม 2561 เวลา 10.40 น.

 

สธ.ห่วง “ตูน” ส่งทีมแพทย์ รถพยาบาลติดตามตลอดเส้นทาง

People unity news online : เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่สังคมออนไลน์สงสัยว่า เงินที่ร่วมบริจาคโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.ทั่วประเทศ ให้กับ คุณอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม เป็นเงินงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ขอเรียนว่า เงินทั้งหมดเป็นเงินที่มาจากการบริจาคเงินส่วนตัวของบุคลากรชาวสาธารณสุขที่ชื่นชมและขอบคุณคุณตูน ต้องการมีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วย เช่นเดียวกับประชาชนทั้งประเทศ และจากกิจกรรมที่หน่วยงานสาธารณสุขจัดขึ้น เช่น การประมูลเสื้อ หมวก รวมกันนำไปมอบให้คุณตูน

แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขขอส่งกำลังใจให้คุณตูนมีสุขภาพแข็งแรง และทำตามปณิธานที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้จัดทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ และรถพยาบาล ตามไปกับขบวนวิ่งคุณตูนตลอดเส้นทาง แม้ว่าทีมงานจะมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้วก็ตาม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีความห่วงใยสุขภาพคุณตูน ที่วิ่งหนักมากและหาวันพักได้ยาก ต้องดูแลตัวเองให้ดี รู้สภาพร่างกายของตัวเอง อย่าฝืน เพราะคุณตูนยังมีชีวิตที่สามารถทำสิ่งดีๆ เพื่อประเทศและประชาชนได้อีกมาก การดูแลสุขภาพตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ

People unity news online : post 8 ธันวาคม 2560 เวลา 02.20 น.

กองทุนพัฒนาสื่อฯร่วมหนุน ททท.ใช้โซเชียลมีเดียส่งเสริมการท่องเที่ยว

People unity news online : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หนุนเสริมภาคีเครือข่ายผู้ผลิตสื่อโซเชียลมีเดีย และสื่อมวลชน 20 จังหวัดภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในงานการประชุมแลกเปลี่ยนสร้างเครือข่าย “เสริมสร้างศักยภาพตลาดการท่องเที่ยวสมัยใหม่ (Modern Marketing) และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย โดยใช้โทรศัพท์มือถือ”

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รับเชิญเป็นวิทยากรให้ความรู้ความเข้าใจในหัวข้อ “ภารกิจขององค์กร กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” มีสื่อมวลชน เน็ตไอดอล ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ททท. ในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ความสนใจและเข้าร่วมฟังจำนวนกว่า 150 คน ในงานการประชุมแลกเปลี่ยนสร้างเครือข่าย “เสริมสร้างศักยภาพตลาดการท่องเที่ยวสมัยใหม่ (Modern Marketing) และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดีย โดยใช้โทรศัพท์มือถือ” และการทำโซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยมี นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรม และได้รับเกียรติจาก นายชีพธรรม (ไตร) คำวิเศษณ์ เป็นผู้จัดหลักสูตรการอบรม ณ โรงแรม เดอะ พรรณราย จังหวัดอุดรธานี เมื่อเร็วๆนี้

People unity news online : post 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา 23.20 น.

คลอดแล้ว!งบกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย-สร้างสรรค์ปี 61 เปิดรับขอทุนรอบแรก ม.ค.61

People unity news online : พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ครั้งที่ 7/2560 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนงบประมาณประจำปี 2561 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

แผนงบประมาณประจำปี 2561 จำนวน 1,048,738,000 บาท ได้กำหนดกรอบการจัดสรรเพื่อการขับเคลื่อนการทำงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การสนับสนุนและการให้ทุนจากกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกองทุน จำนวน 917,440,000 บาท ส่วนที่ 2 การดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดยสำนักงานกองทุน (ภายใต้แผนงาน/โครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช. ในปี พ.ศ.2560 จำนวน 3 แผนงาน 7 โครงการ) จำนวน 26,500,000 บาท และส่วนที่ 3 การดำเนินงานตามภารกิจปกติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกองทุน สร้างระบบและความเข้มแข็งขององค์กร (การสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สู่สังคม และการสนับสนุนดำเนินตามภารกิจปกติของกองทุน) จำนวน 104,798,000 บาท

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การสนับสนุนและการให้ทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนกองทุนฯทั้งสามด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมและสนับสนุนภาคีเครือข่ายในการผลิต พัฒนาและเผยแพร่สื่อปลอดภัยและและสร้างสรรค์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนใช้สื่ออย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและส่งเสริมกลไกให้เกิดการรู้เท่าทัน และเฝ้าระวังสื่อไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ รวมจำนวน 885,000,000 บาท

ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จำแนกการให้ทุนเป็น 2 ประเภทคือ แบบเปิดทั่วไป (Open Grant) และแบบให้ทุนสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) โดยจะมีการเปิดให้ทุนจำนวน 2 รอบ รอบที่ 1 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมกราคม 2561 ส่วนรอบที่ 2 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมิถุนายน 2561

People unity news online : post 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.15 น.

“ศรีสะเกษ” ไปให้แรงบันดาลใจนักมวยนักเรียนจากจังหวัดชายแดนใต้

People unity news online : พล.ต.พงษ์ศักดิ์ มาอินทร์ ฝ่ายอำนวยการ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ได้นำนักเรียนกีฬามวย ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษา “โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการประเภทกีฬามวย 20 คน เข้าโครงการคลินิกมวยไทย-สากล หวังพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬามวย เรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างความรักความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-18 ตุลาคม 2560 ณ สนามฝึกซ้อมกีฬามวย กรมสวัสดิการทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากแชมป์โลก WBC ชื่อดังของโลก “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” มาให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งมอบผลไม้ให้แก่นักเรียนในโครงการ เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น.

“ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับนักเรียนในวันนี้ น้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมมากๆ เชื่อมั่นว่านักเรียนในโครงการจะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆนักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนด้วย

ทั้งนี้ โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬา ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนของรัฐ จำนวน 8 โรงเรียน มีนักเรียนในโครงการทั้งหมด 908 คน ใน 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ตะกร้อ มวยไทย ปันจักสีลัต ฮอกกี้ กรีฑา เทควันโด และบาสเกตบอล

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกเรียนในแผนการเรียนวิทย์-กีฬา หรือศิลป์-กีฬา โดยนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากรัฐบาลปีละ 40,000 บาท ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรี และปีละ 55,000 บาท ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

People unity news online : post 16 ตุลาคม 2560 เวลา 10.50 น.

“ประวิตร” ควง “อดุลย์” ส่งมอบบ้านให้ประชาชนโครงการ “ปทุมธานีโมเดล”

People unity news online : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วย รมว.พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

วันนี้ (28 กันยายน 2560) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน โดยมี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 300 คน ณ ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่บริเวณคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีชาวบ้านปลูกบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและกีดขวางทางเดินน้ำมานานหลายสิบปี เป็นจำนวน 16 ชุมชน รวม 1,084 ครัวเรือน ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากพื้นที่ริมคลอง โดยการจัดหาที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ชุมชนแก้วนิมิต (ชื่อเดิม) หรือชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี เป็นชุมชนแรกที่ชาวชุมชนได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ด้วยการออมเงินร่วมกันเป็นรายเดือน เพื่อซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ โดยชาวชุมชนได้ร่วมกับสถาปนิกชุมชน ร่วมกันออกแบบบ้าน และบริหารโครงการเอง จนขณะนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่จำนวน 98 หลังคาเรือน เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ชาวชุมชนมีบ้านใหม่ที่มั่นคง สวยงาม และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งที่ดินใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่เดิมเพียง 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ กระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การสนับสนุนชาวชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาวต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย พอช. ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มกัน เพื่อบริหารจัดการซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณการสร้างบ้านใหม่ แบ่งออกเป็น 1) งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 5 ล้านบาท 2) งบอุดหนุนที่อยู่อาศัย 2.5 ล้านบาท 3) งบบริหารจัดการ 125,000 บาท และ 4) สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยรวม 32.4 ล้านบาทเศษ กำหนดระยะผ่อนชำระคืน 15 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี เมื่อผ่อนส่งหมด จะเป็นกรรมสิทธิ์ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยต่อไป สำหรับแบบบ้าน มีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ 1) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 56 ตารางเมตร 2) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 63 ตารางเมตร และ 3) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 77 ตารางเมตร โดยมีราคาก่อสร้างพร้อมที่ดิน ต่อหลังประมาณ 272,000 – 295,000 บาท กำหนดระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี ด้วนอัตราผ่อนส่งเดือนละ 2,500-3,000 บาท

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ชาวชุมชนเข้าอยู่อาศัยในชุมชนใหม่แล้ว ทางจังหวัดปทุมธานี จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ริมคลอง เพื่อไม่ให้กีดขวางทางระบายน้ำ รวมทั้งขุดลอกคลอง พร้อมกำจัดขยะและผักตบชวา เพื่อให้น้ำสามารถไหลได้สะดวก เป็นการป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดปทุมธานี ได้จัดทำโครงการ “บ้านประชารัฐร่วมใจ เดินหน้าคืนคลองน้ำใสให้แผ่นดิน” โดยได้รื้อบ้านออกจากริมคลองหนึ่งไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 13 ชุมชน รวม 922 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อไป สำหรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนบุกรุกพื้นที่ริมคลองและยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ทางจังหวัดจะชี้แจงและเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการสร้างบ้านใหม่ที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคีแล้ว กระทรวง พม. โดย พอช. ยังไห้การสนับสนุนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่บนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณคลองเชียงรากใหญ่ (ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต) ซึ่งเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ (กรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล) เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัยรองรับชาวบ้านที่ต้องรื้อย้ายออกจากพื้นที่ริมคลองหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสแรก 1 อาคาร จำนวน 23 ครัวเรือน ในรูปแบบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น รวมทั้งหมด 12 อาคาร สามารถรองรับชาวบ้านได้รวม 463 ครัวเรือน

People unity news online : post 28 กันยายน 2560 เวลา 20.30 น.

“ประวิตร” สั่งเหล่าทัพให้พร้อมช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมภาคใต้-อีสานได้ทันที

People unity news online : 18 สิงหาคม 2560 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ได้กำชับทุกเหล่าทัพ ให้ติดตามรายงานสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด และเตรียมการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงที่มีฝนตกต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น จนอาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทั้งนี้ให้ประสานการทำงานร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ทันที

ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน 4 จังหวัดที่ยังคงมีระดับน้ำเพิ่มสูง ได้แก่ ยโสธร สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้คงความต่อเนื่องในการสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป จนกว่าสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่จะคลี่คลาย

People unity news online : post 22 สิงหาคม 2560 เวลา 13.20 น.

เอาจริง!! “บิ๊กแดง”ส่งทหาร-ตำรวจลุยตรวจสอบ”รวมสลาก-รวมชุด”ที่ สนง.ใหญ่ สนามบินน้ำ

พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์

People unity news online : สำนักงานสลาก ฯ ประสานกำลังทหาร-ตำรวจ เข้าตรวจสอบการจำหน่ายสลาก เตรียมตัดโควตา-ยกเลิกสัญญา 20 ราย

เมื่อวานนี้ วันหวยออก (1 สิงหาคม 2560) เวลาประมาณ 12.00 น. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  พลตรีฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าดำเนินตรวจสอบการเบิกสลากของตัวแทนจำหน่าย ภายในบริเวณอาคารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถนนสนามบินน้ำ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

จากการตรวจสอบ พบผู้ที่มีพฤติกรรมรับซื้อรวบรวมสลากจากตัวแทนจำหน่าย จำนวนไม่น้อยกว่า 180 ราย คิดเป็นจำนวนสลาก 918 เล่ม ซึ่งสลากที่ตรวจพบในครั้งนี้ จะนำไปตรวจสอบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่ายรายใด เพื่อนำไปสู่กระบวนการยกเลิกสัญญาทั้งหมดต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้กล่าวเตือนตัวแทนจำหน่ายว่า เมื่อได้รับสลากไปแล้ว ขอให้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด  โดยจะต้องนำสลากไปจำหน่ายด้วยตนเองทุกงวดตลอดอายุสัญญา และต้องขายในลักษณะขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ห้ามนำไปขายส่งหรือขายให้แก่ผู้ซื้อสลากเพื่อนำไปขายต่อเป็นอันขาด  หากตรวจสอบพบเช่นพฤติกรรมในวันนี้ จะถือว่าผิดสัญญาและถูกยกเลิกโควตา ไม่ได้รับสลากไปจำหน่ายตลอดชีพ นอกจากนี้ ผู้ขายจะต้องไม่นำสลากของตนไปรวมชุดกับผู้อื่น หรือนำสลากของตนไปขายให้แก่ผู้อื่นเพื่อรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากกับผู้อื่น หากพบพฤติกรรมดังกล่าว จะสันนิษฐานว่าไม่ได้ขายสลากด้วยตนเองและถือว่าผิดสัญญาเช่นกัน ทั้งนี้ รวมถึงผู้ที่ซื้อสลากจากโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าด้วย หากตรวจสอบพบว่าเป็นสลากจากโครงการดังกล่าว ผู้ที่เป็นเจ้าของสลากจะถูกยกเลิกการลงทะเบียนในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯทันที

People unity news online : post 2 สิงหาคม 2560 เวลา 11.20 น.

Verified by ExactMetrics