วันที่ 15 มิถุนายน 2025

นายจ้าง-สถานประกอบการ จ้างงานคนพิการ นำมาลดหย่อนภาษีได้ 2-3 เท่า

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 พฤษภาคม 2568 รัฐบาลมุ่งส่งเสริมผลักดันให้คนพิการมีงานทำ หนุนนายจ้าง สถานประกอบการ จ้างงานคนพิการ นำมาลดหย่อนภาษีได้ 2-3 เท่า

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าผลักดันการมีงานทำของคนพิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ตามกฎหมายมาตรา 33 , 34 และ 35 โดยกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ รับคนพิการเข้าทำงาน ในอัตรา 100 : 1 (คนปกติ 100 คน ต่อคนพิการ 1 คน) เศษเกิน 50 คน ต้องจ้างเพิ่มอีก 1 คน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคนพิการ และการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ

นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่รับคนพิการที่มีบัตรประจําตัวคนพิการเข้าทํางาน มีสิทธินําค่าใช้จ่ายที่จ้างคนพิการเข้าทํางาน มาเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจํานวน 2 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป กรณีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจํานวน 3 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป เมื่อจ้างคนพิการเข้าทํางานเกินกว่าร้อยละ 60 ของลูกจ้างในสถานประกอบการนั้น โดยมีระยะเวลาจ้างเกินกว่าหนึ่ง 180 วัน ในปีภาษี หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่มีเงินได้

“หากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ ไม่มีการรับคนพิการที่มีบัตรประจําตัวคนพิการเข้าทํางาน และไม่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แต่มีการให้สัมปทาน จัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงาน หรือจ้างเหมาบริการ ให้ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอํานวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจการของตนเอง นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้น มีสิทธินําค่าใช้จ่ายนั้นมาลงเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ แต่รายจ่ายดังกล่าวจะต้องไม่เกินจํานวนเงินที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” นายอนุกูล กล่าว

Advertisement

เช็กด่วน..!! เริ่มแล้วรัฐบาลมอบเงินสงเคราะห์บุตรอัตราใหม่ ของผู้ประกันตน ม.33 และ 39

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 1 พฤษภาคม 2568 เช็กด่วน..!! เริ่มแล้วรัฐบาลมอบเงินสงเคราะห์บุตรอัตราใหม่ ของผู้ประกันตน ม.33 และ 39 ย้ำเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน

วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลในการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจาก 800 บาทเป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และเริ่มจ่ายงวดแรกในวันที่ 30 เมษายนนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม

โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 1,000 บาท ต่อคน ต่อเดือนได้คราวละไม่เกิน 3 คน มาตรการนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโครงสร้างประชากรของประเทศ ที่อัตราการเกิดลดลง ขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตน แต่ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม และยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว

สำหรับการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร 2568 จะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้ผู้ประกันตน ทุก ๆ สิ้นเดือน ซึ่งอัตราใหม่ 1,000 บาท  ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร มีดังนี้

– สิทธิในเดือนมกราคม จะได้รับเงินในเดือนเมษายน

– สิทธิในเดือนกุมภาพันธ์ จะได้รับเงินในเดือนพฤษภาคม

– สิทธิในเดือนมีนาคม จะได้รับเงินในเดือนมิถุนายน

– สิทธิในเดือนเมษายน จะได้รับเงินในเดือนกรกฎาคม

– สิทธิในเดือนพฤษภาคม จะได้รับเงินในเดือนสิงหาคม

– สิทธิในเดือนมิถุนายน จะได้รับเงินในเดือนกันยายน

– สิทธิในเดือนกรกฎาคม จะได้รับเงินในเดือนตุลาคม

– สิทธิในเดือนสิงหาคม จะได้รับเงินในเดือนพฤศจิกายน

– สิทธิในเดือนกันยายน จะได้รับเงินในเดือน ธันวาคม

– สิทธิในเดือนตุลาคม จะได้รับเงินในเดือนมกราคม (ปีถัดไป)

– สิทธิในเดือนพฤศจิกายน จะได้รับเงินในเดือนกุมภาพันธ์ (ปีถัดไป)

– สิทธิในเดือนธันวาคม จะได้รับเงินในเดือนมีนาคม (ปีถัดไป)

“ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งนายจ้าง ผู้ประกันตน และภาครัฐ ซึ่งต่างเห็นชอบให้ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร อายุ 0–6 ปี สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 จากเดิม 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเกิด และการเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับใหม่ และเกิดผลเป็นรูปธรรมในวันนี้ สำหรับประชาชนที่มีต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการได้รับเงินสงเคราะห์บุตรของสำนักงานประกันสังคม สามารถติดต่อสอบถามได้ผ่านทาง เพจ Facebook “สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน” หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.sso.go.th” นางสาวศศิกานต์  ระบุ

Advertisement

“ประเสริฐ” ระบุ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ตัดวงจรมิจฉาชีพ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 เมษายน 2568 ทำเนียบ – “ประเสริฐ” ระบุ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ตัดวงจรมิจฉาชีพ เตรียมออกระเบียบเพิ่ม เปิดบัญชีธนาคารต้องยากขึ้น-ส่ง SMS ต้องเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กรณี การประกาศใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อวันที่ 12 เม.ย. มีผลอย่างไรบ้าง ว่า ดี ตัวเลขการปราบปรามการหลอกลวงดีขึ้นอย่างมีนัย เพราะเราได้ตัดวงจรเรื่องการเงินการสื่อสารของมิจฉาชีพให้ทำงานยากขึ้น โดยหลังจากกฎหมายประกาศไปแล้ว เราได้เรียกหน่วยวงานที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.ก.มาพูดคุยเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้เตรียมออกระเบียบในทางปฏิบัติอีกหลายฉบับ เช่น การเปิดบัญชีธนาคารต้องยากขึ้น การส่งข้อความผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ ต้องเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด เพื่อให้ พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยทั้งพ.ร.ก.ฉบับนี้จะเข้าสู่สภาฯในวันที่ 28 พ.ค. เพื่อให้สภาฯรับรอง จากนั้นจะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ต่อไป

Advertisement

รัฐบาลเผย 3 เดือน ปิดเว็บพนันออนไลน์แล้ว 29,185 URL

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 เมษายน 2568 รัฐบาลเดินหน้ากวาดล้างพนันออนไลน์ สถิติ 3 เดือน ปิดแล้ว 29,185 URL จับผู้กระทำความผิด 4,627 ราย เตือนหากมีเอี่ยวระวังติดคุก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตาม ปราบปรามการกระทำความผิดที่เป็นอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุด (1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568) ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์แล้ว 29,185 URL ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีพนันออนไลน์ได้ จำนวน 4,627 ราย

ส่วนประเด็นการปิดกั้นเว็บไซต์ URLs พนันออนไลน์ การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ในตระกูล 888 . bet รวมที่เปลี่ยนชื่อข้างหน้าหรือข้างหลังนั้น ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 โดยปิดกั้นไปแล้วจำนวน 200 URLs และอยู่ระหว่างรอคำสั่งศาลอีก 118 URLs

“การพนันออนไลน์ไม่เพียงแต่ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน แต่ยังเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง สูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการยุ่งเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดให้เล่น ผู้เล่นหรือผู้ที่เผยแพร่ข้อความ (ประกาศชักชวน) นั้น มีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ซึ่งโทษตามมาตรา 12 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นการเชิญชวน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะใดก็ตาม ขอให้หลีกเลี่ยงทันที หรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมปลอดภัยและปราศจากการพนัน” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Advertisement

 

“ศุภมาส” เผย อว. จ่อหารือ ตรวจเข้ม นศ.ต่างชาติใช้วีซ่าเรียนลอบทำงาน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 เมษายน 2568 “ศุภมาส” เผย อว. เตรียมหารือ สตม. 23 เม.ย.นี้ กำหนดแนวทางเข้ม ตรวจนักศึกษาต่างชาติใช้วีซ่าเรียนลอบทำงานในไทย หากพบสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็น จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงการดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าคนจีนได้วีซ่านักเรียนมาทำงานในไซต์งานก่อสร้างต่างๆ ของไทย โดยมีมหาวิทยาลัยบางแห่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าขณะนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวง อว. มีหนังสือถึงวิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีทุนจีนถือหุ้นทั้ง 3 แห่ง ให้รายงานข้อมูลนักศึกษาจีนที่มาเรียน ทั้งจำนวนสาขาที่เรียน เวลาที่ใช้เรียนจนจบการศึกษา และวีซ่านักเรียนที่ได้รับ โดยขอให้ส่งรายละเอียดทั้งหมดมายังกระทรวง อว. ภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้สิ่งที่กระทรวง อว. กำลังจะดำเนินการควบคู่กัน คือ การทำงานร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยตนได้มอบหมายให้ น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. เป็นผู้แทนร่วมหารือกับ สตม. ในวันที่ 23 เมษายน นี้ ที่กระทรวง อว. เพื่อกำหนดแนวทางการตรวจสอบและติดตามนักศึกษาต่างชาติที่เดินทางเข้ามาศึกษาในประเทศไทยอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อสงสัยว่านักเรียนต่างชาติใช้วีซ่านักเรียนเป็นช่องทางในการเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย

น.ส.ศุภมาส กล่าวต่อว่า การหารือร่วมกับ สตม. ในครั้งนี้ จะเป็นการบูรณาการข้อมูลระหว่างกระทรวง อว. กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะและพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติได้อย่างเป็นระบบ และหากพบว่าสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการใช้สถานะนักศึกษาในทางที่ไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด

“กระทรวง อว. ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น และจะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของระบบการอุดมศึกษาไทย และไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นช่องทางในการลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย” รมว.อว. กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวง อว. จะเร่งจัดทำฐานข้อมูลกลางของนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทย เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมทบทวนนโยบายและมาตรการในการรับนักศึกษาต่างชาติให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

Advertisement

กระทรวงดีอี เผย 10 อันดับข่าวปลอมยอดฮิต เตือนอย่าหลงเชื่อ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 เมษายน 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “เตรียมรับมือภูเขาไฟระเบิด 5 แห่ง ในประเทศไทย” รองลงมาคือเรื่อง “เลขหลุดสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 เม.ย. 68” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล เกิดความสับสนในสังคม

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 834,632 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 474 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 455 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 19 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 166 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 51 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 63 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 45 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 27 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 8 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 23 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องของภัยพิบัติ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เข้าใจผิด สับสน และวิตกกังวลได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องโครงการของรัฐบาล และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง  เตรียมรับมือภูเขาไฟระเบิด 5 แห่ง ในประเทศไทย

อันดับที่ 2 : เรื่อง เลขหลุดสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 เม.ย. 68

อันดับที่ 3 : เรื่อง วันที่ 11 เม.ย. 68 อสม. อสส. เตรียมรับเงินเพิ่มคนละ 2,000 บาท

อันดับที่ 4 : เรื่อง  เตือนภัย! เสี่ยงสึนามิ 15, 17 และ 24-25 ก.ค. 68

อันดับที่ 5 : เรื่อง Carthisin เสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและข้อต่อ บรรเทาความรุนแรงของโรคกระดูก

อันดับที่ 6 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์ Paratinol ทำลายปรสิตในร่างกาย ทำความสะอาดเลือด น้ำเหลือง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ HPV ในมนุษย์

อันดับที่ 7 : เรื่อง อสม. จะถูกยกเลิก เพื่อนำเงินมาสนับสนุนโครงการผู้สูงอายุ

อันดับที่ 8 : เรื่อง Sanderma ช่วยแก้ปัญหาโรคสะเก็ดเงิน ลมพิษ ผื่นคัน โรคผิวหนังต่าง ๆ

อันดับที่ 9 : เรื่อง  ด่วน! รัฐบาลให้เวลา 1 สัปดาห์ ยกเลิกธนบัตร 1,000 บาท

อันดับที่ 10 : เรื่อง ลูกชาวพม่าและเขมร สามารถเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารไทยได้

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวเรื่องของภัยพิบัติ ที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นทำให้เกิดความตื่นตระหนก เข้าใจผิด ความสับสนในสังคม โดยหากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม มีผลทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตก นอกจากนี้ยังมีเรื่องโครงการของรัฐบาล การให้บริการของหน่วยงานรัฐ และข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่อาจส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “เตรียมรับมือภูเขาไฟระเบิด 5 แห่ง ในประเทศไทย” กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ตามที่มีคลิปกล่าวถึงการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด ที่จังหวัด ราชบุรี, ขอนแก่น, สุโขทัย, กาฬสินธุ์, บุรีรัมย์ นั้น ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข่าวปลอม เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีภูเขาไฟมีพลัง (Active Volcano) ที่จะทำให้เกิดการระเบิดได้ โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและติดตามข้อมูลข่าวสารจากช่องทางทางการเท่านั้น

ในส่วนข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “เลขหลุดสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 เม.ย. 68” กระทรวงดีอี  ได้ประสานงานตรวจสอบร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ข่าวที่มีการเผยแพร่นั้นเป็นข่าวปลอม โดยการออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกขั้นตอน และไม่มีผู้ใดสามารถทราบผลรางวัลล่วงหน้าได้ หรือกำหนดผลสลากกินแบ่งรัฐบาลล่วงหน้าได้ จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่ส่งจดหมายหลอกลวงหรือแอบอ้างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)

|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

Advertisement

 

เตือนนักดื่ม มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 เมษายน 2568 รองโฆษกรัฐบาลเตือนนักดื่ม มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี แนะทานยา PEP ภายใน 72 ชั่วโมง รับบริการได้ที่ รพ.สังกัด สธ.

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงประชาชน เนื่องจากการจัดงานรื่นเริงในสถานที่ต่างๆ เป็นโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก และอาจมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือไม่สวมถุงยางอนามัย และมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ได้ง่าย

นายคารม กล่าวว่า สธ. ได้รายงานสถานการณ์ว่าปัจจุบัน การติดเชื้อ HIV ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผู้ติดเชื้อ HIV ยังไม่ทราบสถานะติดเชื้อของตนเอง และยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา ทำให้คนเหล่านี้ สามารถถ่ายทอดเชื้อไปยังคู่นอนต่อไปได้

ทั้งนี้ ในปี 2568 มีการคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 8,862 คน โดยการติดเชื้อรายใหม่นั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ จำนวน 10,217 คน และมีผู้ติดเชื้อ HIV สะสมยังคงมีชีวิตอยู่ จำนวน 568,565 คน

นายคารม กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือไม่สวมถุงยางอนามัย ควรปฏิบัติตามที่ สธ. แนะนำ โดยการรับยา PEP Post-Exposure Prophylaxis ซึ่งจะต้องเริ่มรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมง หรือภายใน 3 วัน หลังมีความเสี่ยง และรับประทานติดต่อกันนาน 28 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ตามคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากมีรายละเอียดในเรื่องของวิธีการใช้

“ประชาชนสามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลในสังกัด สธ. รวมทั้งหน่วยบริการภาคประชาสังคม ได้แก่ Mplus เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก โคราช CareMet เชียงใหม่ SWING ชลบุรี RSAT อุบลราชธานี และสงขลา ” นายคารม ระบุ

Advertisement

“สมศักดิ์” จัดของขวัญวันผู้สูงอายุ มอบแพ็กเกจดูแลต่อเนื่อง “ตา-ฟัน-หัวใจ-ลำไส้”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 เมษายน 2568 “สมศักดิ์” เผยของขวัญวันผู้สูงอายุ จัดแพ็กเกจดูแลต่อเนื่อง “ตา-ฟัน-หัวใจ-ลำไส้” แนะลูกหลานเอาใจใส่ ให้คุณค่าผู้อาวุโสของครอบครัว พร้อมอวยพรปีใหม่ไทยให้ประชาชนแข็งแรง ปลอดโรคภัย ไม่ลืมชวนนับคาร์บ เพื่อสุขภาพที่ดี

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย และวันนี้เป็นวันผู้สูงอายุ ตนขออวยพรให้พี่น้องประชาชนมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลอดโรค ไม่เจ็บป่วย และอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน เริ่มทำสิ่งดีๆ ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ จะได้ไม่เจ็บป่วย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนโครงการคนไทยห่างไกลโรค NCDs เชิญชวนให้ทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยการคำนวณคาร์โบไฮเดรต ที่สามารถบริโภคได้ในแต่ละวัน เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกาย จะได้ไม่บริโภคมากเกินไป จนไปทำร้ายร่างกายได้ ดังนั้น ตนอยากขอใช้โอกาสที่พี่น้องประชาชนกลับบ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ให้ชวนกันนับคาร์บ เพื่อสุขภาพดีกันถ้วนหน้า

“สำหรับผู้สูงอายุก็นับคาร์บได้ อย่างตนเองปีนี้ก็ 70 เป็นผู้สูงอายุแล้วเช่นกัน พยายามดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คู่ขนานกับการนับคาร์บ ความดันอะไรต่างๆ ก็ดีขึ้น น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้เราดูหนุ่มสาวขึ้นด้วย ไม่เป็นภาระลูกหลานพาไปหาหมอ ลดค่าใช้จ่ายครอบครัว” นายสมศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เนื่องในโอกาสสำคัญในวันผู้อายุ ลูกหลานควรจะเอาใจใส่และให้คุณค่ากับผู้อาวุโสของครอบครัว หมั่นดูแลสุขภาพกายใจของพวกท่าน และพยายามให้ผู้สูงอายุ ลด ละ เลิก สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ เหล้า และพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมอบของขวัญในวันผู้สูงอายุจะให้มีการผ่าตัดต้อกระจก 76,000 ดวงตา ปลูกถ่ายกระจกตา 1,500 ดวงตา และคัดกรองสายตาโดยทีม 3 หมอ อีกทั้งจะมอบ “รอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัย ปี 2568” ให้ผู้สูงอายุและก่อนวันสูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมทั้งปาก หรือเกือบทั้งปาก จำนวน 45,000 ราย และเร็วๆ นี้กำลังจะมีนโยบายสำคัญในการดูแลประชาชนคนไทยทุกช่วงวัย อาทิ คัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ตรวจไขมันในเลือด ส่องกล้องเพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ เป็นต้น ขอให้รอติดตามนโยบายดีๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน

Advertisement

เสนอ “พระปรางค์วัดอรุณฯ” เข้าสู่บัญชีศูนย์มรดกโลก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 เมษายน 2568 ครม.เห็นชอบนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Kung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก

และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส

Advertisement

“จิราพร” เผยประชาชนพอใจงานปราบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 เมษายน 2568 “จิราพร” เผยประชาชนโหวตปราบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นผลงานที่พอใจมากที่สุดประจำเดือน มี.ค.68 ย้ำรัฐบาลเดินหน้าปราบต่อ พร้อมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาล ประจำเดือนมีนาคม 2568 ของ Line Today ซึ่งมีการสำรวจระหว่างวันที่ 1-24 มีนาคม 2568 พบว่า ประชาชนกว่า 26.69% โหวตให้การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอันดับที่ 1 รองลงมาคือ มาตรการลดราคาเบนซิน-ดีเซล 1 บาท ของขวัญวันสงกรานต์ คิดเป็น 21.62% และมาตรการขยายสิทธิบัตรทอง พบหมอออนไลน์-จัดส่งยาถึงบ้าน คิดเป็น 12.13%

นางสาวจิราพร กล่าวว่า การปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า เป็นหนึ่งในข้อสั่งการที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน รัฐบาลจึงได้ดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง จนสามารถจับกุมได้ 2,236 คดี ยึดของกลางได้จำนวน 1,608,445 ชิ้น มูลค่ารวม 295,686,734 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียงเดือนเศษ ซึ่งถือเป็นยอดการจับกุมและการยึดของกลางที่สูงกว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา

“นอกจากการทำงานปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเชิงรุกของเจ้าหน้าที่แล้ว เรายังได้เปิดให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งรูปแบบร้านค้าออนไลน์ และร้านมีที่ตั้ง ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐอีกด้วย” นางสาวจิราพร กล่าว

Advertisement

 

Verified by ExactMetrics