วันที่ 5 กรกฎาคม 2025

ดีอีเอส เตือนข่าวปลอม! วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี

People Unity News : ดีอีเอส เตือนข่าวปลอม อย่าแชร์! วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ย้ำวัคซีนไฟเซอร์โควิด-19 ไม่มีส่วนผสมที่เป็นโลหะเป็นส่วนประกอบหรือสารออกฤทธิ์ และวัคซีนไม่สามารถทำให้เกิดการตอบสนองทางแม่เหล็กเมื่อฉีดเข้าไปตามที่กล่าวอ้างได้

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า  ตามที่มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารถึงประเด็นเรื่อง วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด พบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จในกรณีการเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า วัตถุดิบที่ใช้ผลิตวัคซีนที่ห้ามใช้ในคน แต่นำไปใช้ผลิตในวัคซีน Pfizer, Moderna ดร.ที่ทำงานวิจัย ขอร้องห้ามฉีดเพราะมีส่วนผสมของแม่เหล็ก อาจมีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ภายหน้านั้น ทางบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ได้ชี้แจงว่าวัคซีนไฟเซอร์โควิด-19 ไม่มีส่วนผสมที่เป็นโลหะเป็นส่วนประกอบหรือสารออกฤทธิ์ และวัคซีนไม่สามารถทำให้เกิดการตอบสนองทางแม่เหล็กเมื่อฉีดเข้าไปตามที่กล่าวอ้างได้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pfizer.co.th หรือแหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข หรือจนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมในลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกวัน การกระทำของผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

นอกจากนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์https://www.antifakenewscenter.com , เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER , ทวิตเตอร์ @AFNCThailand , ไลน์@antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertising

ธนาคารรัฐออกประกาศแจ้งเวลาให้บริการหลัง ศบค. มีมติให้ 10 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

People Unity News : สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ออกประกาศมาตรการรองรับการให้บริการลูกค้า ขานรับแผนการยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ของ ศบค.

10 ก.ค.64 ตามที่การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ได้มีมติ เห็นชอบให้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับ 10 จังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมถึงกำหนดเวลาการออกนอกเคหะสถาน เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เท่าทันต่อสถานการณ์นั้น

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (สงร.) และธนาคารสมาชิกทุกแห่ง ประกอบด้วย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พร้อมที่จะให้บริการลูกค้าประชาชนอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในส่วนของการให้บริการ ณ ที่ทำการสาขาทุกแห่งของธนาคารนั้น ยืนยันว่า ยังให้ความสำคัญกับมาตรการรองรับการให้บริการแก่ลูกค้า ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.ธนาคารอาจพิจารณาปิดให้บริการสาขาบางแห่งตามความจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 10 จังหวัด  เป็นการชั่วคราว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบสาขาที่ปิดให้บริการชั่วคราวได้ตามประกาศที่ทาง website ของแต่ละธนาคาร

2.กำหนดเวลาเปิดทำการสาขาทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ดังนี้

สาขาในห้าง/สาขาที่เปิดให้บริการไม่เกิน 17.00 น. จะยังคงเปิดให้บริการเวลาไม่เกิน 17.00 น.

สาขาอื่นๆ เปิดให้บริการเวลาไม่เกิน 15.30 น.

สาขาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ยะลา นราธิวาส และปัตตานี เปิดให้บริการเวลาไม่เกินเวลา 15.00 น.

จำกัดช่องให้บริการและจำนวนลูกค้าในสาขา เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม และลดความแออัด

กรณีสาขามีพนักงานหรือลูกค้าติดเชื้อ ให้ปฏิบัติ ดังนี้

ให้แต่ละธนาคารปิดบริการสาขาที่มีผู้ติดเชื่อเป็นการชั่วคราว เพื่อทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อดำเนินการเสร็จ

พนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ให้ตรวจหาเชื้อ/และกักตัวเองในที่พักทันที ตามระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

จัดให้มีพนักงานปฏิบัติงานทดแทน และต้องเป็นพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องหรือสัมผัสเชื้อ

ทั้งนี้ มาตรการรองรับการให้บริการลูกค้าในที่ทำการสาขา จัดทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน รองรับความต้องการของลูกค้าที่ประสงค์เข้ามาทำธุรกรรมสำคัญต่างๆ ที่สาขาของธนาคาร อาทิ การฝาก/ถอน/โอนเงิน ชำระสินเชื่อ หรือค่าบริการต่างๆ ธุรกรรมด้านสินเชื่อ และการทำนิติกรรม ขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถใช้บริการสำคัญของธนาคารเพิ่มเติมที่ตู้อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ตู้ ATM ซึ่งธนาคารทุกแห่งได้เตรียมสำรองธนบัตรไว้อย่างเพียงพอ รวมถึงการให้บริการผ่าน Application Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร เพื่อลดการเดินทาง ลดความเสี่ยง และการสัมผัสธนบัตร เพื่อให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไป

อย่างไรก็ตาม มาตรการที่สถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารสมาชิกทุกแห่งมีออกมาในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมาตรการเบื้องต้นที่จะช่วยดูแลลูกค้าประชาชนให้ได้รับความสะดวกในการใช้บริการอย่างเต็มที่ โดยจากนี้ไปธนาคารสมาชิกแต่ละแห่ง พร้อมจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น เพื่อดูแลให้ลูกค้าประชาชนได้รับความปลอดภัยและสะดวกสบายใจการใช้บริการทางการเงินกับธนาคารทุกแห่งให้มากที่สุดต่อไป

Advertising

 

“ประยุทธ์” ดีใจแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทย สั่งปูพรมฉีดให้ประชาชนตั้งแต่ 7 มิ.ย.

People Unity News : “ประยุทธ์” ยินดี แอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้รัฐบาลไทย พร้อมกระจายวัคซีนทั่วประเทศ ยืนยันระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้ประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 64 นี้เป็นต้นไป

วันนี้ (4 มิถุนายน 2564) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่วันนี้รัฐบาลไทยได้รับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นไปตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลมีความเชื่อมั่นที่จะดำเนินตามภารกิจในการจัดสรรวัคซีน และเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบถ้วนตามที่ได้จัดให้เป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระดมฉีดวัคซีนทุกจุดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้วัคซีนเข้าถึงประชาชนที่พร้อมฉีด เกิดภูมิคุ้มกันโรคในระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ให้เร่งทำความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า จากนี้ไปไทยจะมีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้ประชาชนตามที่ได้วางแผนไว้ โดยจะกระจายวัคซีนให้สอดคล้องกับจำนวนที่ได้รับการส่งมอบอย่างทันท่วงที โดยคำนึงถึงสถานการณ์เร่งด่วนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และพิจารณาให้มีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ทั้งนี้ จากการเตรียมความพร้อมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร มีศักยภาพการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ประมาณ 860,000 คนต่อวัน โดยในกรุงเทพฯ มีจุดฉีดวัคซีนมากกว่า 150 แห่ง และใน 76 จังหวัดมีจุดฉีดวัคซีนมากกว่า 1,475 แห่งทั่วประเทศ

“ยืนยันว่า ไทยจะมีวัคซีนที่สามารถฉีดปูพรมให้ประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ตามวาระแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ ซึ่งจะได้กระจายวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆโดยเร็วที่สุด โดยผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม จะได้ฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน” นายอนุชากล่าว

Advertising

กระทรวงการคลังเตือนประชาชนระวังข่าวปลอมเกี่ยวกับโครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง

People Unity News : โฆษกกระทรวงการคลัง ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารของโครงการให้ความช่วยเหลือประชาชนภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง จากช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการของทางราชการ

31 พ.ค.64 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ขอเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวังข่าวปลอมที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโครงการให้ความช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง เช่น โครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง เป็นต้น ในลักษณะข้อความสั้น (SMS) หรือข้อมูลที่มีการส่งต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่อาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หรืออาจสร้างความสับสนแก่ประชาชน โดยโฆษกกระทรวงการคลังขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการให้ความช่วยเหลือประชาชนภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง จากช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการของกระทรวงการคลัง ได้แก่ www.เราชนะ .com www.mof.go.th www.fpo.go.th Facebook Fanpage “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง” และ Facebook Fanpage  “สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง: Fiscal Policy Office”

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ดังนี้

1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 96,377 ล้านบาท

2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 17.0 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 139,974 ล้านบาท

3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4  ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 19,165 ล้านบาท

ทำให้มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 255,516 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

Advertising

สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเตือนภัยระวังถูกหลอกให้กู้ยืมเงินผ่านสื่อดิจิทัลและช่องทางออนไลน์

People Unity News : สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเตือนภัย ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน โดยใช้ชื่อนิติบุคคลและสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้รับอนุญาตจาก รมว.คลัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสื่อดิจิทัลหรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ

27 พ.ค.64 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน โดยใช้ชื่อนิติบุคคลและสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสื่อดิจิทัลหรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพเหล่านี้จะหลอกลวงประชาชนที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงินให้ทำสัญญากู้ยืมเงินและแจ้งว่าเงินกู้ที่ทำสัญญากู้ยืมเงินได้รับการอนุมัติแล้วขอให้โอนเงินตามจำนวนที่กลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพแจ้งเพื่อเป็นค่าดำเนินการหรือค่าธรรมเนียมเข้าบัญชีผู้ให้กู้ (บุคคลธรรมดา) ก่อนหลังจากนั้นจะโอนเงินตามสัญญาเงินกู้ให้กับผู้กู้ในภายหลัง ทำให้มีประชาชนหลายรายหลงเชื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลและโอนเงินค่าดำเนินการหรือค่าธรรมเนียมไปให้ผู้แอบอ้างและไม่ได้รับเงินกู้ตามความประสงค์ที่จะขอกู้ยืมเงิน

ดังนั้น สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงิน โปรดอย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพที่มีการแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว และโอนเงินไปก่อนที่จะได้รับเงินกู้ตามที่ต้องการ โดยหากมีการขอให้โอนเงินค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียม หรือค่าค้ำประกันการกู้เงิน ขอให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นการถูกหลอกลวงรวมทั้งขอเตือนให้ประชาชนที่ประสงค์จะกู้ยืมเงินจากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non – bank) ตรวจสอบรายชื่อและรายละเอียดของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ถูกต้องตามกฎหมาย (รายชื่อ ที่อยู่สำนักงาน และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ประกอบธุรกิจ) ได้ดังนี้

1.สำหรับกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ได้ที่เว็บไซต์ www.1359.go.thหรือ http://164.115.61.50/picofinance/public/

2.สำหรับกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/WebsiteFI/pages/instlist.aspx

โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 ก่อนที่จะดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกู้ยืมเงิน เช่น การทำสัญญากู้ยืมเงิน เป็นต้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและการฉ้อโกงทรัพย์สินหรือ ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากพฤติการณ์ดังกล่าวหรือพบเบาะแสบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสามารถแจ้งความร้องทุกข์โดยตรงได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติสายด่วน 1599 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. สายด่วน 1359

Advertising

รัฐบาลยืนยันผู้ลงทะเบียน “หมอพร้อม” ที่ยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ได้ฉีดวัคซีนตามนัดทุกคน

People Unity News : โฆษกรัฐบาลแจงผู้ที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว จะได้รับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

26 พ.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนัก ได้นำเสนอข่าวเรื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งเบรกการลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” นั้น ขอชี้แจงว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ได้แจ้งให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมควบคุมโรค โดยให้พิจารณาการปรับแผนการกระจายวัคซีนใหม่จากเดิมที่มีการจัดสรรวัคซีนตามโควต้าการลงทะเบียนในแต่ละจังหวัด โดยปรับมาเป็นการจัดสรรให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  ซึ่งจำเป็นต้องนำหลักเกณฑ์อื่นมาพิจารณาในเรื่องของการกระจายวัคซีน เช่น การใช้เกณฑ์การติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มาจัดสรรวัคซีนให้เหมาะสมกับแผนการกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ โดยมอบให้ทาง ผอ.ศปก.ศบค. หารือเรื่องนี้ในที่ประชุม ศปก.ศบค. ตามความเหมาะสม และดำเนินการในรายละเอียด ซึ่งที่ประชุมฯมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ควรมีการปรับแผนการกระจายวัคซีนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มากกว่าการกระจายวัคซีนตามจำนวนการลงทะเบียน เนื่องจากบางจังหวัดนั้นมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่สูง มีผู้ติดเชื้อน้อย แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนค่อนข้างมาก ในขณะที่บางจังหวัดมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สูง มีผู้ติดเชื้อมาก แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนจำนวนน้อย ดังนั้น ที่ประชุมฯจึงมีความเห็นให้ชะลอการลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” ไปก่อน เพื่อความเหมาะสมในการจัดสรรวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และได้รับการยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ยังคงสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

Advertising

รู้ยัง? รัฐบาลมอบของขวัญคนไทยทำประกันภัยกลุ่ม 10 บาทคุ้มครองอุบัติเหตุและโควิดช่วงสงกรานต์

People Unity News : รัฐบาลห่วงใยประชาชนเดินทางช่วงสงกรานต์นี้ คปภ. มอบประกันภัยกลุ่ม 10 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุและโควิด-19 เป็นของขวัญคนไทย อุ่นใจในการเดินทาง

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนและต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการแบกรับภาระความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นช่วงวันหยุดยาวทั่วประเทศ ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก

รัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)  ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย พัฒนากรมธรรม์ “ประกันภัยกลุ่ม 10 บาท สงกรานต์อุ่นใจ นิวนอร์มอล ซุปเปอร์พลัส” (ไมโครอินชัวรันส์) โดยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพียง 10 บาท จะได้รับ

ความคุ้มครองที่ 1 กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการ ถูกฆาตกรรม ลอบทำร้ายร่างกายและ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท

ความคุ้มครองที่ 2 กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรม ลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 50,000 บาท

ความคุ้มครองที่ 3 ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 14 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) รวมถึงกรณีเสียชีวิตจากผลกระทบการฉีดวัคซีน  โควิด-19 โดยคุ้มครองตั้งแต่วันแรกที่ทำประกันภัยและมีการฉีดวัคซีนหลังทำประกันภัย จะได้รับความคุ้มครอง 5,000 บาท

ความคุ้มครองที่ 4 ค่าชดเชยรายวันระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน เนื่องจากอุบัติเหตุ รวมถึงได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันละ 300 บาท ไม่เกิน 20 วัน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 6,000 บาท

ความคุ้มครองที่ 5 กรณีติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับคุ้มครอง 3,000 บาท

โดยมีเงื่อนไขการรับประกันภัยที่สำคัญ คือผู้ทำประกันภัยต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้ถือกรมธรรม์ โดยเริ่มจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 – 31 พฤษภาคม 2564 โดยประชาชนที่สนใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัย 10 บาท สามารถร่วมกลุ่มกัน 10 คน  และซื้อได้โดยตรงกับบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 23 แห่ง โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Add Line Official @oicconnect

“สถิติในช่วงสงกรานต์ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น จำนวนประชาชนเดินทางน้อยกว่าปีก่อนๆไปมาก แต่ยังมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 1,307 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 1,260 ราย และเสียชีวิต 167 ราย และในปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5  บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมรณรงค์ใช้รถ ใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง เดินทางด้วยปลอดภัยและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ห่างไกลจากไวรัสโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ สำหรับประกันภัยกลุ่ม 10 บาท สงกรานต์อุ่นใจ นิวนอร์มอล ซุปเปอร์พลัส ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยได้ง่าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อระบบการประกันภัยโดยรวมด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertising

โฆษกรัฐบาลเผยไทยมีผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 62,941 ราย

People Unity News : โฆษกรัฐบาล เผย มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 62,941 ราย พร้อมปรับแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

21 มี.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงสถานการณ์ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีความคืบหน้าตามแผนกระจายวัคซีน โดยได้จัดส่งวัคซีนให้แก่จังหวัดเป้าหมายเบื้องต้น ครบทั้ง 13 จังหวัดระยะที่ 1 รอบแรก ได้แก่ Sinovac จำนวน 116,520 โดส  และ AstraZeneca จำนวน 10,000 โดส  ให้หน่วยบริการในจังหวัดสมุทรสาครแล้ว ทั้งนี้ ยังมีแผนจัดส่งวัคซีน Sinovac ให้พื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรสาครเพิ่มเติม โดยจะได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศ เพื่อปรับแผนการกระจายวัคซีนให้สอดคล้องกับความจำเป็นในพื้นที่  โดยยังคงเป้าหมายผู้ได้รับวัคซีน 31.5 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 60% ของกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์- 19 มีนาคม 2564 รวม 62,941  ราย ได้แก่บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข  อสม. จำนวน 31,066 ราย  เจ้าหน้าที่อื่นๆที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 7,147 ราย  บุคคลที่มีโรคประจำตัว 4,182 ราย ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 35 รายและประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 20,511 ราย และขณะนี้ มีวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว 317,600 โดส ประกอบด้วย Sinovac 200,000 โดส และ AstraZeneca จำนวน 117,600 โดส ได้ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เรียบร้อยแล้ว และในเดือนนี้ จะมี Sinovac เข้ามาอีก 800,000 โดส โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้พิจารณาผู้ที่เหมาะสมในการได้รับวัคซีน

Advertising

รอลุ้น รัฐบาลออกมาตรการ “ทัวร์เที่ยวไทย”-“เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” หนุน ปชช.เดินทางท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์

People Unity News : รัฐบาลเตรียมมาตรการหนุนประชาชน เดินทางท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ หยุดยาว 6 วัน เสนอ ครม. อนุมัติทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3

22 มี.ค. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แม้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. จะขอความร่วมมือในช่วงเทศกาลสงกรานต์ งดสาดน้ำ ประแป้ง จัดคอนเสิร์ต ปาร์ตี้โฟม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่รัฐบาลยังสนับสนุนให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยสงกรานต์ปี 2564 รัฐบาลยังกำหนดให้วันที่ 12 เม.ย. เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ซึ่งเมื่อรวมกับวันเสาร์-อาทิตย์ จึงทำให้สงกรานต์ปีนี้ มีวันหยุดยาว 6 วันรวด ตั้งแต่วันที่ 10 – 15 เม.ย. เพื่อให้ประชาชนได้ออกเดินทางท่องเที่ยว เป็นการมอบความสุขให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้หารือเพื่อกำหนดโครงการรับรองการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง โดย ททท. ได้ออกหลายแคมเปญ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการทัวร์เที่ยวไทย สนับสนุนการสมทบเงินให้ประชาชนรับสิทธิเพื่อเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ภายหลังที่ประชุม ครม. มีมติให้นำกลับไปทบทวน อุดช่อง ป้องกันการทุจริต โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า ทั้ง 2 โครงการจะเสนอที่ประชุม ครม. ได้ในเร็วๆนี้

“รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการจำกัดการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่สนับสนุนให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวตามแบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ new normal พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อพบปะครอบครัว รดน้ำดำหัว ขอพรผู้ใหญ่ สืบสานประเพณีปีใหม่ไทย โดยหวังให้ช่วงสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งมีวันหยุดยาวรวม 6 วัน เกิดการจับจ่ายใช้สอย เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เรารักกัน ฯลฯ จะตอบโจทย์ประชาชนเป็นอย่างดี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertising

“บิ๊กตู่” เผย หลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หัวสมองแล่นดี และไม่พบอาการผิดปกติ

People Unity News : นายกรัฐมนตรีเผยไม่พบอาการผิดปกติ หลังช่วงเช้าเข้ารับฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา

เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม 2564) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า ช่วงเช้าได้ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตราเซเนกา อาการปกติ หัวสมองแล่นดี  ขอเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน จากนี้ จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตอาจมีการต่อยอดเป็นคลินิกเคลื่อนที่นอกเหนือจากที่โรงพยาบาลด้วย  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบวัคซีนโควิด-19 เพื่ออนุญาตให้มีการใช้ในโรงพยาบาลเอกชนสำหรับประชาชนที่มีความต้องการเร่งด่วน  ได้วางเป้าหมายฉีดวัคซีน 10 ล้านโดส/เดือน เมื่อได้วัคซีนครบแล้ว ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล

Advertising

Verified by ExactMetrics