วันที่ 18 พฤษภาคม 2024

ขนส่งฯ ชี้แจงข่าวเว็บพนัน ประมูลเลขสวย

People Unity News : 13 ธันวาคม 2565 ขนส่งทางบก ไม่หวั่น! หลังมีกระแสข่าวเจ้าของเว็บพนันหันมาประมูลทะเบียนเลขสวยเก็บเข้ากรุ ลั่นพร้อมให้ความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง.ในรายละเอียด

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความโดยระบุว่าเดี๋ยวนี้เจ้าของเว็บพนันหันมาเก็บสะสมป้ายทะเบียนเลขสวยแทนเงินสด แล้วมีการเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ประมูลเลขว่า ในเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินดังกล่าวนั้น เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และ ปปง. ส่วนกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นผู้จัดประมูลก็มีระเบียบหลักเกณฑ์ในการเปิดประมูล หากผู้ที่สนใจเข้ามาประมูลเลขสวยดำเนินการตามขั้นตอนข้อกำหนด ก็จะมีสิทธิที่จะเข้าประมูลเลขทะเบียนเลขสวยได้ทุกคน

อย่างไรก็ตามทางขนส่งทางบก พร้อมให้ความร่วมมือกับทาง ตำรวจ และ ปปง. หากประสานขอความร่วมมือมา

ส่วนขั้นตอนการจ่ายเงินภายหลังจากที่มีการประมูเลขสวยนั้นก็มีระเบียบตามขั้นตอน หากฝ่ายตำรวจตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติทางการเงินของผู้ประมูลหมายเลขใดเลขหนึ่ง ก็เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และ ปปง. ที่จะอายัดเส้นทางการเงิน ซึ่งขนส่งทางบกมั่นใจว่า จะไม่กระทบต่อการประมูลในครั้งต่อๆไปแน่นอน

นายจิรุตม์​ กล่าวต่อว่า  ส่วนประเด็นที่ว่า การประมูลทะเบียนเลขสวย หมวด 9 กก 9999  มีผู้ประมูลได้ราคาสูงสุดกว่า 45 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยประมูลมานั้นว่า ในเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่า ก่อนหน้านั้นกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หรือ กปถ. ได้เปิดประมูลเลขสวยหมวด 8 กก 8888 ก็มีผู้สนใจเข้ามาประมูลมากและมีราคาสูงถึง 28 ล้านบาท ดังนั้นหากเลขทะเบียนหมวด 9 กก 9999  เมื่อเปิดประมูล ทางขนส่งก็เคยมีการประมาณการณ์แล้วว่า หมวดดังกล่าวต้องราคาสูงกว่า 30 ล้านแน่นอน เนื่องจาก เป็นเลข 9 และ หมวดอักษร กก

Advertisement

เตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ผ่านแอป “เป๋าตัง”

People Unity News : 8 ธันวาคม 2565 กระทรวงดิจิทัลฯ ผนึกกำลังแบงก์กรุงไทย  เพิ่มช่องทางแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์และข่าวปลอมที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางการเงินผ่านแอป “เป๋าตัง” เพิ่มสปีดในการเข้าถึงประชาชนมากกว่า 40 ล้านคน เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียก่อนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์

วันนี้ (8 ธ.ค. 65) ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์  วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การบูรณาการบริการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์ และการแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์และข่าวปลอมแก่ประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์  วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดจากเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชนและสาธารณชน ผ่านแอป “เป๋าตัง” ซึ่งบริหารจัดการโดยธนาคารกรุงไทย และปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 40 ล้านคน โดยจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันการหลอกลวงทางออนไลน์ และข่าวปลอม เพื่อป้องกันและยับยั้งก่อนเกิดปัญหาการถูกหลอกลวง ลดความสูญเสียของประชาชนในการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์

ด้านรูปแบบความร่วมมือ จะมีการพัฒนาระบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลให้บริการข้อมูลจากฐานข้อมูลข่าวปลอม ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (AFNC) ที่ดำเนินงานโดยกระทรวงดิจิทัลฯ  ไปยังแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อให้มีการเผยแพร่การแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางการเงิน หรืออาชญากรรมทางการเงิน (Financial Fraud) ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางออนไลน์และข่าวปลอมแก่ประชาชน เพื่อให้รับทราบทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ

“แอปเป๋าตัง จะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริง ที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว ในรูปแบบการแจ้งเตือนภัยจากการหลอกลวงทางสื่อออนไลน์และข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางการเงิน หรืออาชญากรรมทางการเงิน (Financial Fraud) ให้ทันต่อสถานการณ์และรูปแบบการหลอกลวงที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันและสามารถรับมือกับการหลอกลวงรูปแบบใหม่ที่ทวีความซับซ้อน และก่อความเสียหายรุนแรงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน” ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์กล่าว

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ  มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ควบคู่กับการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันภัยทางการเงินในทุกรูปแบบ ทั้งภัยทางไซเบอร์ กลโกงทางการเงิน รวมถึงการสร้างข่าวปลอม (Fake News)  เพื่อหลอกหลวงประชาชนให้ข้อมูลส่วนตัว โดยล่าสุด ธนาคารได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (AFNC) ที่ดำเนินงานโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”   ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Banking ที่คนไทยคุ้นเคย  มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 40 ล้านคน  เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลข่าวสารทางการเงินที่ถูกต้อง พร้อมแจ้งเตือนภัยกลโกง หรืออาชญากรรมทางการเงิน (Financial Fraud) ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกง และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

“ปัจจุบันมิจฉาชีพได้อาศัยเทคโนโลยี เป็นช่องทางแสวงหาประโยชน์ในทางที่มิชอบในทุกรูปแบบ และมีการปรับเปลี่ยนวิธีการไปตามยุคสมัย ทั้งภัยทางไซเบอร์ กลโกงทางเงิน เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ แม้ว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน จะร่วมมือกันเต็มกำลังเพื่อป้องกันระวังภัยดังกล่าว  แต่ยังมีเหยื่อถูกหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการสร้างข่าวปลอม (Fake News) บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเข้าใจผิด หลอกให้ประชาชนหลงเชื่อ ดังนั้น การให้ความรู้ทางการเงินกับประชาชนอย่างทั่วถึง จึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างเกราะป้องกันภัยให้กับประชาชนทุกกลุ่ม  ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสร้างเกราะป้องกันภัยทางการเงินให้กับประชาชนทุกกลุ่ม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าธนาคารกรุงไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะมีความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”

สำหรับความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ และธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ เพื่อให้บรรลุภารกิจตามยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการบริการประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและไร้รอยต่อ รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการนำข้อมูลดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ เพื่อขับเคลื่อนกลไกการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างยั่งยืน ธนาคารกรุงไทยมีเจตนารมณ์ที่จะนำเสนอและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อปัญหาการหลอกลวงข้อมูลทางสื่อออนไลน์ โดยมีการบูรณาการการสร้างการตระหนักรู้ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลฯ ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งก่อนการเกิดปัญหา ที่เราพบเห็นกันอยู่ในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย โดยในครั้งนี้เราได้พัฒนาการแจ้งเตือนข่าวผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านคน โดยเป็นการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฐานข้อมูลข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti Fake News Center Thailand :AFNC) ที่ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีการเผยแพร่เป็นการแจ้งเตือนภัยจากการหลอกหลวงฉ้อโกงทางการเงินหรืออาชญากรรมทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางออนไลน์และข่าวปลอมต่างๆอย่างเสมอ เพื่อลดการสูญเสียและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และเพื่อเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับภาคประชาชนในการนำข้อมูลดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนกลไกลต่างๆ ในการสร้างความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคง ความปลอดภัยทั้งทางทรัพย์สิน สังคม และความยั่งยื่นต่อไปในอนาคต โดยในการดำเนินการในครั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยจะไม่หยุดนิ่ง ที่จะพัฒนาแอปพลิชั่นเป๋าตังนี้ต่อไป

Advertisement

วันนี้ฝนตกทั่วไทย 40-70% ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

People Unity News : 26 พฤศจิกายน 2565 กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนฟ้าคะนอง 40-70% เตือนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

สำหรับอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

Advertisement

รองโฆษกรัฐบาลแจง เบอร์มือถือผูกพร้อมเพย์ไม่สามารถทำให้รู้ยอดเงินในธนาคารได้

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2565 รองโฆษกรัฐบาลย้ำเบอร์มือถือผูกพร้อมเพย์ ไม่สามารถทำให้รู้ยอดเงินในธนาคารได้ ยืนยันมีกฎหมายคุ้มครองชัดเจน ขอ ปชช.อย่าเป็นกังวลหลงเชื่อข่าวดังกล่าว

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยสถาณการณ์ที่มีอาชญากรรมออนไลน์เกิดขึ้นหลายรูปแบบ ล่าสุดมีการปล่อยข่าวว่าหากเบอร์มือถือที่ผูกกับพร้อมเพย์หลุดออกไปจะถูกเปิดเผยยอดเงินบัญชีทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจ จึงขอชี้แจงว่า การเผยแพร่ข้อความดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จ

ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ธนาคารและบริษัทที่ดูแลระบบกลาง ไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผย หรือขายต่อข้อมูลได้ เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่ คือ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และ พ.ร.ฎ. ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้น มีประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการพร้อมเพย์ทั้งธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการระบบกลางพร้อมเพย์ต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่ดูแลระบบกลาง เป็นระบบปิดที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ISO 27001 คนภายนอกไม่สามารถต่อเข้ากับระบบพร้อมเพย์ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตทั่วไปได้ รวมถึงการดูแลระบบสารสนเทศ (IT) ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย มาตรฐานความถูกต้อง ความพร้อมใช้ของระบบการดูแลการเข้าถึงข้อมูล การสำรองข้อมูล และการมีแผนรองรับกรณีฉุกเฉิน

“ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือโทร. 02 2835353 การที่ผู้อื่นรู้เบอร์มือถือที่ผูกพร้อมเพย์ ไม่สามารถทำให้รู้ยอดเงินในธนาคารได้ โดยธนาคารและบริษัทที่ดูแลระบบกลางนั้น ไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผย หรือขายต่อข้อมูลได้เพราะมีกฎหมายควบคุมอยู่” นางสาวรัชดากล่าว

Advertisement

กรมอุตุฯ เผยเกือบทั่วทุกภาคยังมีฝน ภาคใต้ตกหนัก

People Unity News : 20 พฤศจิกายน 2565 กรมอุตุฯ เตือนเกือบทั่วทุกภาคเตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ขณะที่ไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ยังคงมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ในระดับบนพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวนในวันที่ 21 – 22 พ.ย. 65 และเข้าสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 23 – 24 พ.ย. 65 ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณปลายแหลมญวน ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 21 – 24 พ.ย. 65 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

Advertisement

ทบ. สดุดี “ร.อ.ชินดนัย แร่ทอง” ปกป้องประชาชนด้วยจิตวิญญาณทหารกล้า เพื่อสันติสุขชายแดนใต้

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2565 ทบ. สดุดี “ร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง” ปกป้องประชาชนด้วยจิตวิญญาณทหารกล้า เพื่อสันติสุข ชายแดนใต้

เย็นวันนี้ที่ จ.ตรัง พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง ตำแหน่ง ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายยุทธการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งเสียชีวิตจากปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจการบังคับใช้กฎหมายเพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชน ในพื้นที่ อ.ระแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ซึ่งได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ณ วัดโคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ระหว่าง 15-20 พฤศจิกายน และพิธีพระราชเพลิงศพ ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน

ร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ตรัง เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 52 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 63 เป็นชายชาติทหารที่มีจิตอาสา เสียสละ มุ่งมั่นมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จชต. ตั้งแต่ปี 2560 การสูญเสียในครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา กองทัพบกรวมถึงประชาชนชาวไทย ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกพร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก มีความตั้งใจมาร่วมไว้อาลัยและคาราวะทหารกล้า พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวของ ร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง ซึ่งเป็นทหารกล้า อุทิศตน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยกองทัพบกได้ปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 7 ชั้น, ขอรับพระราชทานยศเป็น “พลโท” ในโอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบเงินสินไหมทดแทนประกันชีวิตกองทัพบก เงินสินไหมทดแทนพิทักษ์พลกลาโหม เงินบำรุงขวัญและเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัว

กองทัพบกขอสดุดีในความกล้าหาญ ในจิตวิญญาณของความเป็นทหาร ยืนหยัดเพื่อปกป้องประชาชน ที่สละได้แม้ชีวิตของตนเอง และคุณความดีของร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง จะเป็นแบบอย่างของการทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง นำไปสู่การสร้างพลังใจที่ยิ่งใหญ่ของประชาชนที่จะร่วมกันสร้างสันติสุขปลายด้ามขวานตลอดไป

Advertisement

หนาวยะเยือก! “ดอยอินทนนท์” เหลือ 3 องศาฯ เกิดน้ำค้างแข็ง

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2565 อินทนนท์หนาวยะเยือก อุณหภูมิลดเหลือ 3 องศาเซลเซียส ต่ำสุดตั้งแต่เริ่มเข้าหนาวและเกิดน้ำค้างแข็งเป็นครั้งที่ 3 ของหน้าหนาวปีนี้

เช้าวันนี้ น้ำค้างที่เกาะตามใบไม้และยอดหญ้า บริเวณยอดดอยอินทนนท์ และริมข้างทางหลักกิโลเมตรที่ 43-44 กลายเป็นน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบจนขาวโพลน หลังอุณหภูมิบนดอยอินทนนท์ลดต่ำเหลือเพียง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่เข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของปีนี้ และเป็นการเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งครั้งที่ 3 ในช่วงหน้าหนาวปีนี้ โดย 2 ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 และ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปสัมผัสความหนาวเย็นบนดอยอินทนนท์อย่างมาก และไม่พลาดที่จะเก็บภาพความสวยงามของน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบไว้เป็นที่ระลึก พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามในหน้าหนาวบนดอยอินทนนท์ โดยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.65) มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นดอยอินทนนท์ กว่า 2,700 คน

Advertisement

ตร.เตือน “ยิงปืนขึ้นฟ้า” ฉลองลอยกระทง ผิดกฎหมาย-อันตรายถึงชีวิต

People Unity News : 8 พฤศจิกายน 2565 โฆษก ตร. ห่วงความปลอดภัยลอยกระทง เตือน “ยิงปืนขึ้นฟ้า” ค่านิยมผิด อันตรายถึงชีวิต โทษหนักจำคุกสูง 10 ปี วอนประชาชนเป็นหูเป็นตา

วานนี้ (7 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวเตือน “การยิงปืนขึ้นฟ้า” เฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทง ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต และผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

โฆษก ตร.กล่าวว่า ผบ.ตร.มีความกังวลในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ประชาชนทำกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการ “ยิงปืนขึ้นฟ้า” เป็นค่านิยมที่ผิด และก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น โดยอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

“การยิงปืนขึ้นฟ้า มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากกระสุนตกใส่ หรือทะลุหลังคาบ้านเรือน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.อาชยน กล่าว

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.กำชับตำรวจทั่วประเทศ ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการยิงปืนขึ้นฟ้า และกวดขันบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุข ปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จะได้เฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงอย่างมีความสุข

Advertisement

ค่ำนี้ ชวนชมจันทรุปราคาเต็มดวงสีแดงอิฐ คืนวันลอยกระทง

People Unity News : 8 พฤศจิกายน 2565 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ชวนชมจันทร์เต็มดวงสีแดงอิฐ “จันทรุปราคาเต็มดวง” คืนวันลอยกระทง 8 พฤศจิกายนนี้

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ 8 พฤศจิกายน คาดจะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.02-20.56 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สามารถสังเกตได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ ทวีปยุโรปตอนเหนือและตะวันออก ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาเหนือ บางส่วนของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และบางส่วนของขั้วโลกใต้ ดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกเวลา 15.02 น. และเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 16.09 น. จนกระทั่งเข้าสู่ “จันทรุปราคาเต็มดวง” ตั้งแต่เวลา 17.16 – 18.41 น. หลังจากนั้นจะเริ่มออกจากเงามืดเกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วน จนกระทั่งเข้าสู่เงามัวหมดทั้งดวงในเวลา 19.49 น. และพ้นจากเงามัวของโลกจนสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลา 20.56 น.

สำหรับประเทศไทย ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ตรงกับคืนเดือนเพ็ญ และเป็นวันลอยกระทงปีนี้ด้วย ดวงจันทร์จะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา 17.44 น. จึงไม่สามารถสังเกตช่วงแรกของการเกิดปรากฏการณ์ได้ จะเริ่มเห็นได้ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงพอดี สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคของประเทศไทย บริเวณขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ตั้งแต่เวลา 17.44 น. เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดคราสเต็มดวง จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จนถึงเวลา 18.41 น. รวมระยะเวลา นาน 57 นาที หลังจากนั้นจะเริ่มเห็นดวงจันทร์ปรากฏเว้าแหว่งบางส่วนและค่อยๆออกจากเงามืดของโลก จนกระทั่งเข้าสู่เงามัวหมดทั้งดวงในเวลา 19.49 น. เปลี่ยนเป็นจันทรุปราคาเงามัวที่สังเกตได้ยาก เนื่องจากความสว่างของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และสุดท้ายดวงจันทร์จะพ้นจากเงามัวของโลกเวลา 20.56 น. ถือว่าสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้โดยสมบูรณ์

ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์เต็มดวง หรือช่วงขึ้น 14-15 ค่ำ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกที่ทอดไปในอวกาศ ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปเรื่อยๆ จนดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก

ทั้งนี้ คืนวันที่ 8 พ.ย. สถาบัน สดร. จัดกิจกรรมสังเกตการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงคืนวันลอยกระทง พบกันได้ที่จุดสังเกตการณ์หลักทั้ง 4 แห่ง อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สงขลา เวลา 18.00-22.00 น. ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดเพิ่มเติมโทร 081-8854353 นอกจากนี้สามารถรับชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

Advertisement

ค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก

People Unity News : 4 พฤศจิกายน 2565 นักวิจัยหลายหน่วยงานร่วมกันค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก พบในประเทศไทย ที่สวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง จ.ตรัง เป็นพืชใกล้สูญพันธุ์ ผลรับประทานได้ และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นไม้ประดับ

คณะวิทยาศาสตร์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช และศูนย์วิจัยและพัฒนา นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาปริญญาเอกแห่งสหราชอาณาจักร ร่วมกันค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกในประเทศไทย โดยตั้งชื่อว่า “ส้มแก้วสมคิด” เพื่อเป็นเกียรติแก่รองศาสตราจารย์ ดร.สมคิด สิริพัฒนดิลก ข้าราชการบำนาญ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์ผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ป่าไม้ของประเทศไทย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเท จึงเป็นที่เคารพ รัก และศรัทธาของลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก

“ส้มแก้วสมคิด” มีลักษณะคล้ายกับมะแปม เป็นไม้พุ่ม สูง 2-4 ม. เส้นรอบวง 7-15 ซม. ส่วนผลมีลักษณะรูปทรงกลมแป้น กว้าง 2.8-4.5 ซม. ยาว 2.7-3.8 ซม. ปลายผลมีลักษณะเป็นแอ่ง เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนจากสีเขียว มาเป็นสีเหลืองสด เกลี้ยง เป็นมัน โดยส้มชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคใต้ ที่จังหวัดตรัง สตูล และนราธิวาส จะออกดอกเดือนตุลาคม-กรกฎาคม และติดผลเดือนธันวาคม-สิงหาคม

นายประพจน์ สัตถาภรณ์ หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง บอกว่า ประวัติการค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” นั้น เริ่มจากการที่ ดร.อาเธอร์ คาร์ หรือที่คนไทยเรียกว่า “หมอคาร์” ได้พบและเก็บตัวอย่างพรรณไม้ชนิดนี้ครั้งแรก ที่บริเวณคลองทอน จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2471 ต่อมามีนักวิชาการอื่นๆ ได้เก็บตัวอย่างพรรณไม้ชนิดนี้มาจากอีกหลายที่ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ซึ่งถือเป็นการเก็บตัวอย่างที่มีผลออกมาสมบูรณ์ที่สุด และเมื่อตรวจสอบโดยละเอียดจึงพบว่าเป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกที่พบในประเทศไทย โดยผลของมันทานได้ ส่วนยอดอ่อน ใบ ดอก มีรสเปรี้ยว

Advertisement

Verified by ExactMetrics