วันที่ 30 เมษายน 2024

โฆษกรัฐบาลยืนยันเกาหลีไม่มีการขึ้นบัญชีดำคนไทย

People Unity News : 17 มีนาคม 2566 โฆษกรัฐบาลประชาสัมพันธ์สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประกาศเตือนข่าวปลอม ไม่มีการขึ้นบัญชีดำคนไทยจากบางภูมิภาค

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความว่า สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ขึ้นบัญชีดำคนไทยที่มีภูมิลำเนาจากบางภูมิภาคในไทยในการเดินทางเข้าเกาหลีใต้นั้น ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้ออกประเทศเตือนว่าข้อความดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ดังนี้

“เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการแพร่กระจายข่าวลงสื่อในบางช่องทาง เกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำคนไทยที่มีภูมิลำเนาจากบางภูมิภาค โดยรัฐบาลเกาหลีนั้น เราขอแจ้งว่าข่าวนั้นไม่เป็นจริง จึงขอความร่วมมือทุกท่านให้ระมัดระวังการรับข่าวเท็จ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายใดๆ ขอบคุณค่ะ”

นายอนุชา กล่าวว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการรับทราบข่าวสาร โดยขอให้รับข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากข่าวสารก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย ความสับสน และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

Advertisement

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนรับมือ “พายุฤดูร้อน”

People Unity News : 12 มีนาคม 2566 กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนเฝ้าระวัง “พายุฤดูร้อน” ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศจีนตอนกลางแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ส่งผลทำให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอันตรายจากฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนถึงปานกลางและการระบายอากาศไม่ดี

Advertisement

MEA ห่วงใย เตือนระวังอัคคีภัย แนะนำใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัยพร้อมเข้าสู่ฤดูร้อน

People Unity News : 5 มีนาคม 2566 ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ วันที่ 3 มีนาคม 2566 ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ในวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียลขึ้นไป ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมแทน ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย และคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2566

นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับความมั่นคง ปลอดภัย ของระบบไฟฟ้า พร้อมใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับความห่วงใยคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงขอแนะนำให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟฟ้าจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ฉนวนไม่แตกกรอบ เปลี่ยนสี แผงเมนสวิตช์ จะต้องอยู่ในที่สภาพสมบูรณ์ ใต้แผงเมนสวิตช์ต้องปราศจากวัสดุที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น ผ้า กระดาษ น้ำมัน เป็นต้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ต้องทำงานอย่างเป็นปกติ ควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายไฟฟ้า ฉนวนของอุปกรณ์ เต้าเสียบไม่ชำรุด แตกร้าวและไม่ควรเสียบใช้งานเป็นระยะเวลานาน ต้องตรวจสอบความปลอดภัยหากชำรุดเสี่ยงเกิดอัคคีภัยได้ รวมไปถึงหากต้องออกไปนอกบ้าน หรือเข้านอน ควรปิดสวิตช์ถอดปลั๊กให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และยังเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง สำหรับบ้านหรือสำนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวควรปิดเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand), Twitter: @mea_news รวมถึง MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

ครม. อนุมัติแจกเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่แล้ว

People Unity News : 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ เผย ครม. อนุมัติแจกเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ มีผล 1 เม.ย.นี้ ยันต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด แม้ช่วงปลายรัฐบาล

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า วันนี้ในที่ประชุมมีวาระ ครม.เข้ามาจำนวนมาก มีวาระเพื่อทราบ 14 เรื่อง และวาระเพื่อการพิจารณา 34 เรื่อง วาระจรอีก 8 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการดูแลประชาชน ที่สำคัญ คือเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันนี้อนุมัติงบประมาณแล้ว ที่เหลือคือการพิสูจน์สิทธิต่างๆ ที่จะใช้เวลาอีกสักพัก ตั้งเป้าให้มีผลในวันที่ 1 เมษายนนี้ ยืนยันจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุดแม้จะเป็นช่วงปลายรัฐบาลก็ตาม และได้ขอร้องพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้ความร่วมมือการทำงานทุกเรื่องช่วงสุดท้ายของรัฐบาล โดยงบที่อนุมัติวันนี้เป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิม เป็นเรื่องให้ความเป็นธรรมดูแลผู้มีรายได้น้อย

Advertisement

กรมการค้าภายในเตือนหากมีคนโทรมาอ้างเป็น จนท.รัฐ อย่าคลิกลิงก์ โหลดแอป

People Unity News : 26 กุมภาพันธ์ 2566 รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เตือนหากได้รับโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแจ้งให้คลิกลิงก์ โหลดแอป อย่าหลงเชื่อ แนะโทรตรวจสอบก่อน ย้ำไม่แน่ใจ ขอให้โทรตรวจเช็กข้อมูลเจ้าหน้าที่ได้ทางสายด่วน 1569 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกรมการค้าภายใน โทรศัพท์ หรือส่ง LINE ไปหา จากนั้นพูดชักจูงให้กดลิงก์ และกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือแสร้งขอตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ และหลอกให้คลิกลิงก์เพื่ออัปเดตข้อมูล จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและธุรกิจ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนว่า แม้กรมการค้าภายในจะมีช่องทางการสื่อสารกับประชาชนหลายช่องทาง รวมทั้ง Facebook (กรมการค้าภายใน DIT) LINE (@MR.DIT และ @ditgo) Youtube (DIT Channel) เว็บไซต์ www.dit.go.th และทางสายด่วน 1569 ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลให้แก่ประชาชน แต่กรมฯ ไม่มีนโยบายที่จะให้เจ้าหน้าที่โทรไปติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว หรือโทรแจ้งให้คลิกลิงก์ โหลดแอปพลิเคชัน หรือทำธุรกรรมออนไลน์ใดๆ

ดังนั้น หากมีผู้แอบอ้างในลักษณะนี้ให้สงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกลวง แต่หากไม่แน่ใจ ขอให้โทรตรวจเช็กข้อมูลเจ้าหน้าที่ได้ทางสายด่วน 1569 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้

Advertisement

เตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ‘ปลอมสลิปโอนเงิน’ แนะเช็กยอดทุกครั้งหลังขายสินค้า

People Unity News : 25 กุมภาพันธ์ 2566 รองโฆษกรัฐบาลเตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ปลอมสลิปโอนเงินผ่านมือถือ แนะตรวจสอบเทียบกับยอดแจ้งเตือนจากธนาคารทุกครั้ง หรือสแกน QR Code บน E-slip เพื่อความชัวร์

วันที่ 25 ก.พ.66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันพบมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ด้วยการปลอมสลิปโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ได้ใช้ความระมัดระวัง

ทั้งนี้ กลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีหลากหลายกลวิธี รวมถึงมีการซื้อขายโปรแกรมแก้ไขข้อมูลสลิปโอนเงินบนแอปฯธนาคาร เพื่อปลอมสลิปการโอนเงิน ซึ่งข้อมูลบนสลิปปลอมดังกล่าว ดูคล้ายกับสลิปที่มีการโอนเงินจริง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้รับโอน วันที่ เวลา และจำนวนเงิน เมื่อแสดงให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลังทำการซื้อขายแล้ว หากไม่ตรวจสอบอย่างรัดกุม ก็อาจจะโดนหลอกด้วยสลิปปลอมได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของมิจฉาชีพรูปแบบนี้ มักหลอกซื้อสินค้าราคาแพงที่สามารถขายต่อได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงซื้อสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคในจำนวนมาก โดยมักแสดงท่าทางเร่งรีบหลังหลอกโอนเงินและแสดงสลิปปลอม เพื่อให้ผู้ค้าไม่มีเวลาในการตรวจสอบ ว่าได้มีการโอนเงินจริงหรือไม่ ยิ่งร้านค้าที่ไม่ได้ใช้บริการแจ้งเตือนการโอนเงินของธนาคาร ก็จะยิ่งเพิ่มช่องทางให้ถูกหลอกโดยง่าย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงได้ด้วยการใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งจะแจ้งเตือนเมื่อมียอดเงินเข้าบัญชี สามารถนำไปเทียบยอดเงินกับสลิปได้ โดยควรตรวจสอบทุกครั้งหลังได้รับการโอนเงิน รวมถึง สแกน QR CODE บนสลิปโอนเงินแบบ E-Slip เพื่อตรวจสอบ ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันและเวลาที่โอนเงินได้ หากยอดเงินไม่ตรง หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นสลิปปลอม พร้อมกันนี้ ยังควรสังเกตความละเอียดของตัวเลขหรือตัวหนังสือ หากเป็นสลิปปลอม แบบของตัวหนังสือบนสลิปในส่วนของชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันที่ เวลา อาจจะเป็นตัวหนังสือคนละแบบ หรือความหนา บางของตัวอักษรจะไม่เท่ากัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากประชาชนพบพฤติกรรมการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ผู้ที่กระทำหรือใช้สลิปปลอม ถือว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ทั้งการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและการปกปิดข้อความจริง โดยความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

มหาดไทยสั่งนายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบเชิงรุก มูลนิธิ-สมาคม

People Unity News : 21 กุมภาพันธ์ 2566 ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยมีมาตรการเชิงรุกตรวจสอบ มูลนิธิ-สมาคม หลังพบหลายแห่งดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ ฟอกเงินทุนสีเทา สั่ง นายทะเบียนอำเภอลงพื้นที่สแกน ขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงมาตรการเชิงรุก ในการตรวจสอบการจัดตั้งมูลนิธิและสมาคม ภายหลังปรากฏพบเป็นข่าวบางแห่ง เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินสีเทา ว่า การขอจดแจ้ง มูลนิธิและสมาคม ต้องเป็น สุภาพชนคนดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม หลักการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ในรูปแบบคณะกรรมการ และการดำเนินการ ต้องเป็นไปในทางที่ชอบมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ส่วนทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 200,000 บาท รวมถึงต้องมีการรายงานผลดำเนินการประจำปี ให้นายทะเบียนอำเภอได้รับทราบ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามพระราชบัญญัติ กำหนดความผิด เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535

ส่วนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว ว่ามูลนิธิทำผิดกฎหมาย ใช้เป็นช่องทางของกลุ่มทุนจีนสีเทา นั้น นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อมีการตรวจพบทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้ดำเนินการ เช่น มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป และอีกหลายมูลนิธิที่ปรากฏเป็นข่าว พบว่าไม่ได้ทำการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เหล่านี้แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ คือระบุเป็นมูลนิธิแต่ไม่ได้จดทะเบียนกับจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการรับรองบุคคลที่เป็นจีนสีเทา เมื่อตรวจเจอเจ้าหน้าที่กรมการปกครองจะดำเนินคดี

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเชิงรุก อธิบดีกรมการปกครองได้สั่งการไปยังนายทะเบียนอำเภอ ทุกอำเภอให้ตรวจสอบมูลนิธิในพื้นที่ ว่าได้ดำเนินกิจกรรมไปตามข้อบังคับตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ ส่วนไหนที่เห็นว่า ไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องก็ให้ทำการยกเลิก ที่ผ่านมามีการสำรวจเสร็จไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพราะจากการตรวจสอบบางมูลนิธิ มีชื่อที่ดี เช่น มูลนิธิที่เกี่ยวกับการศึกษา อีกทั้งจากการตรวจสอบเบื้องต้น มีมูลนิธิที่ไม่ได้ดำเนินการเพียง 100 กว่าแห่ง ซึ่งตนมองว่าน้อยเกินไป ทางกรมการปกครองจึงสั่งการให้นายอำเภอต้องไปสำรวจใหม่อีกหนึ่งครั้ง โดยให้กันอัตรากำลังลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมที่ทำการของมูลนิธิจริง เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำหรับมูลนิธิที่ทำผิดกฎหมายและตรวจพบก็ได้ดำเนินการทางคดีไปแล้ว โดยยื่นต่ออัยการเพื่อส่งคำร้องไปยังศาลให้ศาลมีคำสั่งยกเลิก อย่างกรณี ปลอมเป็นมูลนิธิก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว

“ที่ทำผิดกฏหมายก็ไม่ค่อยมีตัวตน ซึ่งมาตรการเชิงรุกคือให้นายทะเบียนอำเภอไปตรวจสอบ พูดคุย ตรวจเอกสารการดำเนินกิจการกิจกรรมของมูลนิธิ สมาคม และที่ตั้ง เพื่อที่จะได้เห็นของจริง” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

ส่วนกรณีมูลนิธิ หรือ สมาคม ที่กระทำความผิดแต่ไม่ได้จดทะเบียน นั้น นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส หากเห็นอะไรที่ผิดสังเกต เนื่องจากบางมูลนิธิ บางสมาคมก็ดำเนินการไปโดยที่อาจเล็ดรอดหูตาเจ้าหน้าที่ไปได้ ต่อไปนี้มูลนิธิและสมาคมที่จดทะเบียนในแต่ละพื้นที่ จะมีการแจ้งผู้ปกครองท้องที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้มีรายชื่อติดเอาไว้ว่าในพื้นที่มูลนิธิและสมาคมอะไรบ้าง หากนอกเหนือจากนั้นให้แจ้งมายังนายทะเบียนอำเภอ

Advertisement

 

อากาศแปรปรวน อีสานอุณหภูมิลด ภาคใต้ยังมีฝน

People Unity News : 19 กุมภาพันธ์ 2566 กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานอุณหภูมิลดลง ส่วนภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือนไทยตอนบน ฝุ่นละออง-หมอกควันเพิ่ม

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่ได้แผ่ลงมาถึงประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ (19 ก.พ. 66) โดยจะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลงในวันพรุ่งนี้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้นเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง

Advertisement

เข้าสู่ช่วง “พายุฤดูร้อน” มท.1 สั่งทุกจังหวัดพร้อมรับมือ

People Unity News : 18 กุมภาพันธ์ 2566 มท.1 กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เตรียมพร้อมรับสถานการณ์พายุฤดูร้อน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.พ.-มี.ค.66 พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน จากนั้นจนถึงปลายเดือนเมษายน จะมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป มีอากาศร้อนจัด และจะเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ โดยจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีลูกเห็บตกลงในบางแห่ง ซึ่งสภาวะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เตรียมการรับสถานการณ์พายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยดำเนินการ 1. ด้านการเตรียมความพร้อม ด้วยการ 1) ติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่อาจทำให้เกิดพายุฤดูร้อนกับกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2) ให้ผู้อำนวยการแต่ละระดับ เร่งตรวจตราอาคารสถานที่ ป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง รวมถึงไม้ยืนต้นตามที่สาธารณะที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานตามกฎหมาย เข้าตรวจสอบ ซ่อมแซมตามอำนาจหน้าที่ ตลอดจนเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมในการสอดส่อง ปรับปรุง ดูแลให้เกิดความปลอดภัยต่อไป 3) ให้ผู้อำนวยการท้องถิ่นเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ ทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที 4) สร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย อาทิ การตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของที่พักอาศัย การป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า และกรณีต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรงล้มทับ พร้อมทั้งแจ้งช่องทางการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตลอดจนมาตรการในการดูแลประชาชน ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า 2. ในด้านการเผชิญเหตุ หากจังหวัดใดเกิดสถานการณ์พายุฤดูร้อนในพื้นที่ ให้จังหวัดดำเนินการตามแนวทาง 1) หากเกิดเหตุวาตภัยที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ใด ให้เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 2) กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายให้แบ่งมอบการกิจ พื้นที่รับผิดชอบและบูรณาการหน่วยงาน เพื่อจัดทีมปฏิบัติการเร่งเข้าซ่อมแชมบ้านเรือนประชาชนโดยเร่งด่วน 3) กรณีป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง ไม้ยืนต้น หรือโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าดำเนินการแก้ไขไม่ให้กีดขวางพื้นที่สาธารณะ และซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว 4) กรณีความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและอำเภอร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือตามกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 5) เมื่อเกิดสถานการณ์วาตภัยจากพายุฤดูร้อนขึ้นในพื้นที่ ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสรุปสถานการณ์และรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบผ่านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

“กระทรวงมหาดไทยได้ย้ำเตือนให้จังหวัด อำเภอ ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างการรับรู้หมายเลขโทรศัพท์สายด่วนที่เกี่ยวข้อง ผ่านทุกช่องทางสื่อสารในพื้นที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อหน่วยงานในการขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่เข้าให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์วาตภัยและภัยต่าง ๆ สามารถติดต่อแจ้งขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัยโทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือต่อไป” พลเอก อนุพงษ์กล่าว

Advertisement

นายกฯขอทุกพื้นที่ “งดการเผาทุกกรณี” 89 วัน ลด PM 2.5

People Unity News : 15 กุมภาพันธ์ 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าอย่างใกล้ชิด ห่วง PM2.5 พุ่งสูง กระทบสุขภาพประชาชน ขอความร่วมมือทุกพื้นที่งดเผาทุกกรณี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ห่วงกังวลค่า PM2.5 พุ่งสูง กระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยสถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่มีความรุนแรง ทั้งจากภาวะความแห้งแล้งจัด รวมถึงการลักลอบเข้าป่าและจุดไฟเผาป่า เพื่อแสวงผลประโยชน์จากป่า โดยไม่คำนึงถึงภาพรวม และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้หมอกควันจากไฟป่าลอยปกคลุม ค่า PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐาน กระทบต่อสุขภาพประชาชน

“นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางการป้องกันและรับมือสถานการณ์ไฟป่าของแต่ละหน่วยงาน เพื่อการถอดบทเรียนปัญหาไฟป่า ป้องกันการลุกลาม สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่การเกษตร บ้านเรือนประชาชน อีกทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นในอากาศ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ใช้ทุกมาตรการเพื่อลดจำนวนการเกิดไฟป่า และขอความร่วมมือทุกพื้นที่ “งดการเผาทุกกรณี” 89 วัน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2566 หากฝ่าฝืนมีโทษ พร้อมได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างความเข้าใจ และขอความร่วมมือประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นในอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือ เฝ้าระวัง และจัดการสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือน และขอความร่วมมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ขอให้พร้อมปรับแผน และมาตรการให้เข้มงวดขึ้นอย่างทันท่วงที

Advertisement

Verified by ExactMetrics