วันที่ 6 พฤษภาคม 2024

“ภูมิธรรม” หนุนดึง “ทักษิณ” ช่วยแก้ปัญหาประเทศ หลังพ้นโทษ

People Unity News : 22 กันยายน 2566 ทำเนียบ – “ภูมิธรรม​” หนุนแนวคิด​ “เศรษฐา”​ ดึง “ทักษิณ” ช่วยแก้ปัญหาประเทศ​หลังพ้นโทษ​ ยก เป็นผู้มีประสบการณ์บริหารประเทศมา 6 ปี

นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว บลูมเบิร์กทีวีว่า หากนายทักษิณ  ชินวัตร พ้นโทษ จะให้มีบทบาทในรัฐบาลนี้ โดยอาจจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ในรัฐบาลชุดนี้​ ว่า​ เป็นความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่อยากได้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถของนายทักษิณ ก็ต้องไปดูว่ามีข้อติดขัดอะไรทางด้านกฎหมาย ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีปัญหาตรงนี้อย่างไร แต่คิดว่าหากพ้นทุกอย่างแล้ว การให้ข้อคิดเห็นข้อแนะนำ เป็นบทบาทที่นายทักษิณทำได้ ซึ่งท่านก็พูดอยู่เสมอ ว่า กลับมาคราวนี้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ท่านก็จะอยู่กับครอบครัว ส่วนเรื่องของประเทศชาติไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ถ้าสามารถช่วยได้ก็ยินดี และตนคิดว่าเป็นไปได้ ถ้าเป้าหมายอยู่ที่ประเทศชาติดีขึ้น เพราะการบริหารราชการแผ่นดินนายทักษิณมีประสบการณ์ สามารถบริหารมา 6 ปีต่อเนื่อง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากมีความร่วมมือและรับฟังความคิดเห็นจากท่าน

ส่วนหากเป็นที่ปรึกษาฯ แต่ไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจะไม่เกิดความขัดแย้งอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว นายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ห่วงใยบ้านเมือง และสามารถให้ข้อคิดเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ได้

Advertisement

ศาลสั่ง “ช่อ” หมดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง – ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

People Unity News : 20 กันยายน 2566 ศาลฎีกา – ศาลฎีกาพิพากษา “ช่อ พรรณิการ์” ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง โพสต์หมิ่นสถาบัน เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 หมายเลขแดงที่ คมจ. 5/2566 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้คัดค้าน โดยผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านโพสต์ภาพถ่ายและข้อความตามคำร้องข้อ 4.1 (1) ถึง (6) ในลักษณะเป็นการกระทำอันมิบังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “Pannika Chor Wanich” ของผู้คัดค้าน ต่อมาผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในบัญชีการใช้งานเฟซบุ๊กของผู้คัดค้านในลักษณะเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปดูได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้คัดค้านมิได้กระทำการใดๆ หรือลบภาพและข้อความดังกล่าวออกจากบัญชีเฟซบุ๊กของผู้คัดค้าน เป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้พิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กับเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย มาตรา 235 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 27

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การกระทำของผู้คัดค้านเกิดขึ้นก่อนที่จะมีบทกฎหมายและมาตรฐานทางจริยธรรม จึงไม่อาจใช้บังคับย้อนหลังเอากับผู้คัดค้านได้ และบทกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายใช้บังคับแก่บุคคลที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะถูกร้องและดำเนินคดี แต่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้องต่อศาล ขณะผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มิได้กระทำการใดอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ส่วนการที่ยังคงมีภาพถ่ายและข้อความตามคำร้องปรากฏอยู่ไม่ถือเป็นการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ขอให้ยกคำร้อง

ศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้รับคำร้องของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 กล่าวหาว่าผู้คัดค้านขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งขณะนั้นมีผลใช้บังคับแล้วไว้พิจารณา ซึ่งขณะนั้นผู้คัดค้านยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้ต่อมาผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งแล้ว ผู้ร้องยังคงมีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้องคดีนี้ได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 234 (1) มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ประกอบมาตรา 55 (3) ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 2 บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” มาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพ สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 บัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…” ผู้คัดค้านมีเชื้อชาติและสัญชาติไทย นอกจากมีหน้าที่ตามมาตรา 50 (1) อันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยแล้ว ผู้คัดค้านในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังต้องยึดถือปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งและความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ย่อมต้องระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์มิให้มีภาพถ่ายหรือข้อความพาดพิงหรือแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควร เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ เป็นมิ่งขวัญและศูนย์รวมความสามัคคีของปวงชนชาวไทย โดยกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ว่า “ในหลวง” “พ่อหลวง” หรือ “พ่อของแผ่นดิน”เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย ปวงชนชาวไทยมีความรักและความภาคภูมิใจในองค์พระมหากษัตริย์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา เมื่อพิจารณาการกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้องซึ่งกระทำอย่างต่อเนื่องกันมาจึงต้องนำการกระทำของผู้คัดค้านทั้งหกกรณีมาพิเคราะห์ร่วมกันเพื่อหยั่งทราบเจตนาของผู้คัดค้านว่ามุ่งประสงค์

การกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้อง ข้อ 4.1 (1) ถึง 4.1 (4) และ 4.1 (6) ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาพาดพิงถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนการกระทำตามคำร้อง ข้อ 4.1 (5) เป็นการลงข้อความพาดพิงถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พระนามในขณะนั้น) อันเป็นการแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควรอย่างยิ่ง เป็นการไม่เคารพในหน้าที่ของปวงชนชาวไทยที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้  ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้คัดค้านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 ที่กำหนดให้ผู้คัดค้านต้องพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์  ซึ่งการผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ นอกจากการกระทำโดยตรงแล้ว ยังหมายรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย เมื่อผู้คัดค้านยังคงปล่อยให้ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์บัญชีการใช้งานเฟซบุ๊กของผู้คัดค้านในลักษณะเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ พฤติการณ์ของผู้คัดค้านเป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพ และเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 6 มาตรา 50 (1) และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 การที่ผู้คัดค้านไม่ลบหรือนำภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวทั้งหมดออกจากระบบคอมพิวเตอร์ทั้งที่สามารถกระทำได้ เพื่อไม่ให้ปรากฏอยู่และเพื่อไม่ให้บุคคลใดสามารถเข้าถึงภาพถ่ายและข้อความทั้งหกกรณีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วยการกระทำของผู้คัดค้าน ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 ประกอบ ข้อ 27 วรรคหนึ่ง ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 วรรคสามและวรรคสี่ แต่ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 5 จึงยังไม่เห็นสมควรเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน

Advertisement

รมว.ยุติธรรม ชี้ “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษหรือไม่ ขึ้นกับกฎหมาย

People Unity News : 16 กันยายน 2566 พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม​ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ใกล้จะครบ 30 วัน ที่รักษาตัวนอกเรือนจำแล้ว ว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มีหลักปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักสากล ย้ำว่ามีมาตรฐานการควบคุมตัวเป็นไปตามระเบียบ ขณะนี้เป็นขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ หากมีการรักษาตัวนอกเรือนจำนานกว่า 30 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หากนานกว่า 60 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางปลัดกระทรวงยุติธรรม และหากนานเกิน 120 วัน จะต้องมีความเห็นจาก รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีความเห็นของแพทย์ที่รักษาด้วย เรื่องนี้มีรายละเอียด ส่วนกรณีนายทักษิณจะเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษหรือไม่ รมว.ยุติธรรม ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ทุกอย่างขึ้นกับกฎหมาย

Advertisement

“สุทิน” เผย สั่งกองทัพลดทหารเกณฑ์ จากเดิม 90,000-100,000 คน ลงอีก พร้อมสร้างแรงจูงใจพิเศษให้สมัครใจ

People Unity News : 14 กันยายน 2566 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางยกเลิกเกณฑ์ทหารว่า ต้องทำควบคู่กันไป ระบบสมัครใจและบังคับเกณฑ์ทหารยังคงต้องมีอยู่ แต่ควรไปกระตุ้นให้คนสมัครเยอะขึ้น หากครบตามที่กองทัพต้องการ ก็ไม่ต้องเกณฑ์ ทั้งนี้ กองทัพให้ความร่วมมืออยู่แล้ว และทำมาหลายปี

แต่เราจะเพิ่มความเร็ว ความแรง เหมือนอินเทอร์เน็ต 5G โดยการสร้างแรงจูงใจพิเศษขึ้นมา ตนสั่งให้กองทัพกลับไปลดตัวเลขทหารเกณฑ์ จากเดิมประมาณ 90,000-100,000 คน ลงอีก และรณรงค์ให้คนสมัครใจ ด้วยการเพิ่มสวัสดิการ เพิ่มเงินเดือน โดยไม่ต้องรบกวนงบประมาณของประเทศ

“เช่น หากสามารถลดได้ 10,000 คน เราจะนำงบฯ ของจำนวนที่ลดลงไปเติมเป็นค่าประกอบเลี้ยง ซึ่งปกติจะหักจากเงินเดือนที่ทหารเกณฑ์ จำนวน 3,000 บาท จากที่ได้รับ 10,000 บาท หากสามารถเติมเต็มตรงนี้ ส่งผลให้ทหารเกณฑ์ได้เงินเดือนจริง 10,000 บาท/เดือน เชื่อว่าต่อไปคนมาเกณฑ์ทหารจะได้รับเงินเดือนเต็ม”

นายสุทิน ยังย้ำว่า จะเพิ่มโอกาสให้คนที่มาสมัครใจเป็นทหารเกณฑ์ ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นในการประกอบอาชีพ สามารถไปต่อเป็นนักเรียนนายสิบ โดยอยากจะทำให้ค่ายฝึกทหารเกณฑ์ คล้ายโรงเรียนนายสิบ หรือโรงเรียนนายสิบตำรวจ ช่วยสร้างแรงจูงใจได้ อีกประการหนึ่ง ปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องยาเสพติดในค่ายทหารเกณฑ์ พร้อมเชื่อมั่นว่า เด็กที่ติดยาเสพติดแล้วมาเป็นทหารเกณฑ์ จะสามารถบำบัดพวกเขาเหล่านี้ได้ ตลอดจนจูงใจกับผู้ปกครองว่า ลูกหลานที่มาที่นี่หายจากติดยา ได้รับอนาคตที่ดี ได้เงินเดือนเต็ม

Advertisement

“ครม.เศรษฐา 1” แบ่งงานรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวง

People Unity News : 14 กันยายน 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (13 ก.ย.) ได้มีการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลกระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ) กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

Advertisement

นายกฯให้คำมั่นปราบผู้มีอิทธิพลเด็ดขาด

People Unity News : 12 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา – นายกฯ ระบุคดี “กำนันนก” เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ให้คำมั่นปราบผู้มีอิทธิพลเด็ดขาด การบริหารจัดการส่วนไหนมีปัญหาต้องจัดการทันที ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าพบวานนี้ (11 ก.ย.) ว่า เน้นย้ำเรื่องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ในวันนี้ (12 ก.ย.) กองพิสูจน์หลักฐานจะมีผลพิสูจน์ต่าง ๆ ออกมา คาดว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการแถลงข่าว ก่อนเที่ยงวันนี้ว่าผลสรุปออกมาเป็นอย่างไร

“ในฐานะที่ผมกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษก่อนหน้านี้ว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลอย่างมาก และเหตุการณ์กำนันนกถือว่าเหนือความคาดหมายและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับต่อไป ผมให้คำมั่นจะจัดการอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย การบริหารตั้งแต่ส่วนบนลงล่าง ส่วนไหนมีปัญหาก็ต้องบริหารจัดการ หากพบเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบจะจัดการทันที” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ปลัด มท. แจง คนมหาดไทยต้องทำงานอย่างไร “สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ปลัดมหาดไทยเผย คนมหาดไทยต้องทำงานเชิงรุกด้วยความรวดเร็ว พร้อมขับเคลื่อนงานทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า “ทำงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงวิธีการทำงานของคนมหาดไทยตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวในโอกาสพบปะข้าราชการเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ความว่า “…ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ..” เป็นเครื่องเตือนใจให้คนมหาดไทยต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว และมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องทำงานเชิงรุก เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้า “เข้าใจ เข้าถึง” พี่น้องประชาชนแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกเรื่อง ก็จะสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ทันที อะไรที่ยังแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ต่อสาธารณชน สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่คนมหาดไทยได้รับการบ่มเพาะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอดว่า “รอบรู้ รวดเร็ว ริ่เริ่ม และเร่งรัด” ดังที่ท่านวิญญู อังคณารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เคยกล่าวไว้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อวานนี้งานจะเสร็จได้อย่างไร ในเมื่อสั่งวันนี้” แต่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคนในฐานะข้าราชการประจำ ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจสอบคัดเลือกเข้ามารับราชการ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ ต่างก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วง นั่นคือ ทุกปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ หน้าที่ของคนมหาดไทย งานของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ลงสู่พื้นที่ ก็คืองานของคนมหาดไทย ดังนั้น พวกเราในฐานะข้าราชการประจำ จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นข้อจำกัดของการทำงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี คือ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์นำเสนอสิ่งที่ดีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นชอบตามที่เราได้คิด ได้เสนอ

“นอกจากนี้ คนมหาดไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ผู้บริหารระดับสูง ต้องเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ต้องรู้ลึก รู้กว้าง ถึงเรื่องที่จะขับเคลื่อน เพื่อนำไปสื่อสารกับนายอำเภอในฐานะผู้นำของพื้นที่และภาคีเครือข่าย ซึ่งมีนัยยะว่า “ผู้นำทำงานต่าง ๆ ลำพังคนเดียวไม่ได้” ต้องมีทีมงานจาก 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคสื่อสารมวลชน ช่วยขับเคลื่อนงาน และที่สำคัญ “ต้องเร่งรัด ติดตามการขับเคลื่อนงาน” เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนได้อย่างถูกต้องตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ ร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรับประโยชน์ ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า ซึ่งหากทุกคนสามารถทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะมีคุณสมบัติตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวไว้นั่นเอง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

“วราวุธ” เปิดใจกับคนสุพรรณฯ ลั่นกระทรวง พม. จะดูแลคนทุกระดับวัยทั้งประเทศ ให้คนสุพรรณฯภูมิใจ

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ที่สุพรรณบุรี – “วราวุธ” ให้คำมั่น ชทพ.ทุ่มเททำงาน ลั่น พม. ดูแลคนทุกระดับวัย จ่อ คืนลูกหลานให้ครอบครัว ทำประเทศชาติแข็งแรง

ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา สาขาจังหวัดสุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รับแจกันดอกไม้แสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จากชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึง นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ร่วมแสดงความยินดีด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ที่แสดงความยินดีกับตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การจะเดินทางมาถึงในจุดนี้ได้ตนต้องขอขอบคุณทุกๆคะแนนเสียง ที่มอบให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา จนสามารถทำให้เรามีโอกาสมาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในทุกระดับ เพราะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น ดูแลตั้งแต่เด็กแรกเกิด แก่ เจ็บ และเสียชีวิต เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มคนที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ตนเชื่อว่าจะสามารถตอบแทนทุกๆคะแนนเสียงที่ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจกับพรรคชาติไทยพัฒนา แม้วันนี้ยังไม่สามารถพูดเรื่องงานได้อย่างเต็มที่ เพราะในวันที่ 11 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อแถลงเสร็จแล้วเราจะสามารถพูดเรื่องงานได้อย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า กรณีปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาที่มีปัญหาเรื่องเงินสนับสนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท ที่ไม่สามารถนำเงินโอนเข้าบัญชีของแต่ละครอบครัวได้นั้น ต้องกราบขออภัย แต่เท่าที่ได้ทราบข้อมูลจากทางกระทรวง พม. ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทางกระทรวงจะส่งเรื่องเข้าสู่การประชุม ครม. และไม่เกิน 18 ก.ย.66 เงินจำนวนดังกล่าวจะสามารถโอนเข้าบัญชีกรณีเงินสนับสนุนเด็กแรกเกิดได้ทุกๆครอบครัว

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้คำมั่นว่า เมื่อตนได้มาดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราจะทุ่มเททุกๆสรรพกำลังในการดูแลพี่น้องประชาชน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล เราจะเป็นกำแพงให้กับประชาชนเอาไว้พักพิงยามเหนื่อยล้า ยามท้อแท้ และจะเป็นเกราะกำบัง ป้องกันอันตราย ให้กับประชาชนยามเกิดปัญหา เราจะคืนลูกหลานให้กับครอบครัว และจะคืนครอบครัวให้กับสังคม และเราจะคืนสังคมให้กับประเทศชาติ เพราะประเทศชาติจะแข็งแรงได้จะต้องมาจากรากฐานหน่วยที่เล็กที่สุด คือสถาบันครอบครัว ดังนั้นวันนี้ พวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า คนชื่อวราวุธ ได้เป็น รมว.พม.ได้เพราะคนชื่อประภัตรและพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ตอนแรกที่มีข่าวว่าจะไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ตนก็แอบกังวล เพราะด้วยความสามารถยังนึกไม่ออกว่าถ้าอยู่กระทรวงพาณิชย์ จะมาช่วยประชาชนกว่า 800,000 ชีวิตในจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างไรแต่เมื่อท้ายที่สุดได้มาอยู่กระทรวง พม. ก็ดีใจหลายเรื่อง เพราะกระทรวงนี้ดูแลประชาชน ตั้งแต่เด็ก เยาวชน สตรี กลุ่มความหลากหลายทางเพศ ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ จะทำให้ตนจะสามารถดูแลสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนแผ่นดินไทย ก็จะเป็นโอกาสที่เราชาวพรรคชาติไทยพัฒนา และชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้พี่น้องชาวไทยได้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า การที่มีคนสุพรรณบุรีมาเป็นหัวเรือของกระทรวงที่ดูแลปากท้องของประชาชนนั้นเราจะทำให้กระทรวงนี้มีความแตกต่างอย่างไร

นายวราวุธ กล่าวว่า บางคนบอกว่าจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มากระทรวง พม. เป็นการลดระดับ แต่ตนว่าไม่ใช่ แต่จะเป็นการเพิ่มระดับ เพราะตนจะทำให้กระทรวง พม. ขึ้นมาเป็นกระทรวงเกรดเอ และจะทำให้ไม่เฉพาะคนไทย แต่จะทำให้ต่างประเทศได้รู้จักว่า กระทรวงที่ชื่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นั้น คือ หัวใจของคนไทยอย่างไร กระทรวงจะใหญ่หรือจะเล็ก ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการ ตนมั่นใจว่าจะสามารถดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีได้อย่างละเอียด ได้อย่างถึงเนื้อถึงตัว ภายใต้การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา ตนรับประกันว่ากระทรวง พม. จะต้องดูแลคนไทยทั้ง 66 ล้านคน จะยากดีมีจน สถานะใด เพศใด วัยใด เราจะดูแลให้หมด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำงานในกระทรวง พม.นี้ จะทำให้ความมั่นคงของพรรคชาติไทยพัฒนามั่นคงตามไปด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า การได้อยู่กระทรวง พม.คราวนี้มีความบังเอิญหลายอย่าง สี ประจำกระทรวงคือสีชมพู ซึ่งเป็นสีของพรรคชาติไทยพัฒนา จากห้องทำงาน รมว.พม. ก็มองเห็นที่ตั้งพรรคชาติไทยเดิม ในสมัยที่นายบรรหาร นายประภัตร ทำงานร่วมกัน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.คนแรก เมื่อปี 2545 คือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ จากพรรคชาติไทยในขณะนั้น พรรคเราดูแลกระทรวงนี้ตั้งแต่วันแรก และเราจะมาสานงานต่อจากนายบรรหาร เรามั่นใจว่าจะทำให้มีชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตากับคนสุพรรณบุรี ต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากนายประภัตรและชาวสุพรรณด้วย

Advertisement

รมว.ดีอีเอสคนใหม่ เผยนโยบายเร่งด่วน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Fake News เร่งขับเคลื่อน “รัฐบาลดิจิทัล”

People Unity News : 7 กันยายน 2566 รมว.ดีอีเอส เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ย้ำเดินหน้า​ปราบปราม​การหลอก​ลวง​ทางเทคโนโลยี​ และขับเคลื่อน​รัฐบาล​ดิจิทัล

นาย​ประเสริฐ​ จันทร​รวง​ทอง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ดิจิทัลเพื่อ​เศรษฐกิจ​และ​สังคม​ (ดีอีเอส) เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ถือฤกษ์​ 09.29​ น.​ สักการะ​พระพรหม​บริเวณ​อาคาร​รัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ จากนั้น​ให้​สัมภาษณ์​ผู้สื่อข่าว​​ว่า​ นโยบาย​เร่งด่วน​คือ​ การปราบปราม​การ​หลอกลวงทางเทคโนโลยี​ แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​ และข่าว​ปลอม​ (Fake​ News) ซึ่ง​สร้าง​ความ​เสียหาย​ต่อ​ประชาชน​ โดยจะวางมาตรการ​การ​ตรวจสอบ​อย่างเข้มข้น

นอกจาก​นี้​จะเร่งขับเคลื่อน​ “รัฐบาล​ดิจิทัล” โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในหน่วยงานต่างๆ​ ของ​รัฐ​ เพื่อ​เพิ่มศักยภาพการทำงานขององค์กรรัฐให้รวดเร็ว ก้าวทันตามเทคโนโลยี รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูล ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐง่ายยิ่งขึ้นและเพื่อ​ให้การบริการ​ของ​ภาค​รัฐ​เป็น​ไป​อย่าง​มีประสิทธิภาพ

Advertisement

“เศรษฐา” น้อมนำกระแสพระราชดำรัสเป็นแนวทางปฏิบัติ ลั่นจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที

People Unity News : 5 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ นำ ครม.ถ่ายภาพหมู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เผยพร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ยืนยันจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรีถ่ายภาพหมู่ ที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวครั้งแรก โดยรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมฯ มีสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากนั้น นายเศรษฐา แถลงว่า ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ขอยืนยันว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน ที่จะเข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที เอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยจะลงพื้นที่ตั้งแต่วันศุกร์นี้ (8 ก.ย.66) ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และในวันจันทร์ (11 ก.ย.) จะแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา พร้อมสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ฟื้นฟูหลักนิติธรรม สร้างโอกาสความเท่าเทียม และเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา เผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) จะเป็นการพูดคุยกันในพรรคร่วมฯ เพื่อกำหนดนโยบายก่อนที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา พร้อมขอโอกาสให้รัฐมนตรีได้ทำงาน เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเข้าใจนโยบายของตนที่ให้ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมผลักดันนโยบายที่จำเป็น เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน มั่นใจการทำงานของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีการแบ่งฝ่าย

Advertisement

Verified by ExactMetrics