วันที่ 1 พฤษภาคม 2025

“ทักษิณ” โต้คนบอกยกประเทศให้เพื่อน คงมีแต่ควาย ยันไม่มีใครขายชาติ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2567 หัวหิน – “ทักษิณ” แจง MOU44 ตามสัญญา บอก เป็นเพียงกรอบคุยเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้ หากยังคุยกันไม่ได้อีก 20 ปีข้างหน้า โลกเรียกใช้พลังงานสีเขียว ทำสูญทรัพย์สิน 4 ล้านล้านบาท โต้คนบอกยกประเทศให้เพื่อน คงมีแต่ควาย ลั่น ไม่มีใครขายชาติ เหน็บขายได้แต่คนเฮงซวยได้ แต่ไม่มีใครเอา ก่อนย้อนอดีต ยกเครื่องบิน-คอมมานโด ขนคนไทยกลับประเทศ เหตุเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา หากไม่ใช่เพื่อนกัน คงโกรธกันไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งในงานสัมมนาโครงการเสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมืองพรรคเพื่อไทย นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร ได้ขอให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อธิบายรายละเอียดเรื่องสนธิสัญญา MOU44 หลังพรรคเพื่อไทยถูกนำเรื่องนี้มาโจมตีรัฐบาล

โดยนายทักษิณ กล่าวว่า เกือบลืมไป เพราะตอนแรกตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ จึงอยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่า ปี 2544 สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี บันทึกข้อตกลงดังกล่าวคือ เราจะตกลง และเราจะคุยกัน ในข้อที่เรายังไม่ได้ตกลงกัน และไม่ได้หมายความว่า เราตกลงกันแล้ว แต่เป็นกรอบที่เราจะพูดคุยในเรื่องที่เรายังตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดสนธิสัญญา MOU44 ซึ่งที่เราคุยกันก็คือการลากเส้นเขตแดนทางทะเลที่ไม่ตรงกัน โดยต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศ และอ้างสนธิสัญญา

ส่วนเรื่องเกาะกูด ที่มีการพูดโจมตี และคนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียดจริง ๆ แล้วมันไม่มี เกาะกูดเป็นของไทยมานานแล้ว และอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ในสมัยที่ยึดครองประเทศกัมพูชาในสมัยนั้น ที่ระบุว่าเกาะกูดเป็นของไทย เกาะกงเป็นของกัมพูชา แต่วิธีลากเส้นของกัมพูชาไม่ถูก ซึ่งผิดหลักกฏหมายสากลอยู่แล้ว แต่ของเรามั่นใจว่า วิธีลากเส้นของเราถูกกว่า แต่ผลสุดท้าย เราก็ต้องมาพูดคุยกันในเรื่องที่เราไม่ได้ตกลงกัน แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้คุยกัน เพียงแค่บอกว่าจะคุย แต่ก็เกิดการโวยวายกันใหญ่

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ปัญหาคือ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น อีกประมาณ 20 ปีจะไม่สามารถใช้ได้ เพราะคนกำลังเรียกหาพลังงานสีเขียว เลิกใช้พลังงานที่เกิดจากฟอสซิล เพราะฉะนั้นอีก 20 ปี เราจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้ประมาณ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งหากใช้ไม่ได้ก็จะหายไป แต่หากเราตกลงกันได้ ในข้อตกลง 2 อย่างคือ 1.ผลประโยชน์ทางทะเล 2.คือเส้น เขตแดน ซึ่งเขตแดนบนบกไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาที่ทางทะเล ทำให้เรื่องนี้ยังไม่จบ และรู้หรือไม่ว่าหลายชาติก็มีปัญหาเรื่องเขตแดน ซึ่งเราก็มีปัญหากับประเทศมาเลเซีย เมียนมาก็มี ลาวก็มี รวมไปถึงว้าแดง ที่เขาใช้ชนกลุ่มน้อยมาเป็นแนวกันชน ซึ่งตอนหลังก็ต้องมาดูกันว่าตรงนั้นเป็นของใคร เพราะต่างคนต่างอ้างสิทธิเส้นเขตแดน ซึ่งก็ต้องมาคุยกันตามหลักสากล

นายทักษิณ ยังยกตัวอย่าง แม้แต่หมู่เกาะทะเลจีนใต้ที่มีปัญหากันหลายประเทศ เพราะจีนก็บอกอีกเขตหนึ่ง อีกประเทศก็ยึดอีกเส้นเขตแดนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศชาติก็มีปัญหา

ช่วงหนึ่งนายทักษิณพูดผิดเป็นมาตรา 44 ก่อนบอกว่า เพราะ ม.44 โดนมาเยอะ โดนมาหลายดอก เลยยังพูดมาตรา 44 อยู่ แต่จะบอกว่าเรื่องของ MOU 44 เป็นเรื่องที่เราจะพูดคุยกัน ในเรื่องที่เรายังไม่ตกลงกัน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปโวยวาย

“ไม่มีใครเขาไปขายชาติหรอก ถ้าขายคนเฮงซวยพอขายได้ แต่ไม่มีใครเอา อยู่แล้ว กลัวเป็นภาระเขา” นายทักษิณ กล่าว

ส่วนเรื่องของ OCA ปัจจุบันยังไม่มีการตกลงใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยบอกว่า จะเป็นของใคร เพราะทุกอย่างมันชัดอยู่แล้ว เรื่องบนบกมันจบไปนานแล้ว เหลือแต่เรื่องเส้นทางทะเล ที่จะต้องแบ่งกันว่า ผลประโยชน์ตรงนี้ควรจะเป็นของใคร แต่สิ่งที่เถียงกันแทบตาย คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือใครรู้หรือไม่ คือ บริษัทที่ได้รับสัมปทานเดิม เพราะสัญญายังคงอยู่ ซึ่งประเทศจะได้ประโยนช์ ได้น้ำมัน ได้นำก๊าซธรรมชาติมาใช้ หากการขนส่งใกล้หน่อยก็จะมีต้นทุนที่ราคาถูก ซึ่งวันนี้ต้องมีคนอธิบาย กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายให้ชัดเจน จริง ๆ แล้วประเทศไทยเรา ต้องคณะกรรมการมาจากทุกฝ่าย ทั้งของกระทรวงต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคง ไม่มีอะไรทำง่าย ๆ เพราะบางทีบางคนก็นำไปว่า ไปด่าว่าตนมีความสัมพันธ์กับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน

ทำให้นายทักษิณ จึงเล่าความสัมพันธ์กับสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยระบุว่า ใครจำได้เหตุการณ์ตอนที่เผาสถานทูตไทย ในประเทศกัมพูชา วันนั้นตนก็เป็นเพื่อนกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งตนก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหา แล้วบอกว่า ตนไม่ยอม ที่มาเผาสถานทูตไทย คุณจะต้องรับผิดชอบ แล้วปัญหาก็คือ มีคนไทยอยู่ที่นั่น คุณจะเอาอย่างไร ดูแลได้หรือไม่ หากดูแลไม่ได้ พรุ่งนี้ตนจะส่งเครื่องบินไปรับ ซึ่งเวลาพูดคุยกัน ก็คุยรุนแรงเช่นนี้ แต่เราเข้าใจกัน ซึ่งการเป็นเพื่อน ก็ดีกว่าการเป็นศัตรู แต่งานของประเทศต้องมาก่อน ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วมาบอกว่า ยกประเทศให้เพื่อน นั่นมันควายแล้ว และขณะนั้นประเทศกัมพูชายังไม่มีเงินเท่าไหร่ แต่ต้องมาใช้หนี้ที่เผาสถานทูตไทย หากจำไม่ผิดประมาณ 3 ล้านเหรียญ และวันนั้นตนก็ส่งเครื่องบิน ส่งหน่วย คอมมานโดไปเอาคนไทยกลับมา ไม่เห็นจะโกรธกันเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันคงโกรธกันแล้ว ทำแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ ตนยังอยากทำแบบนี้กับอีกหลายเรื่อง พอดีเกรงใจนายกฯ แพทองธาร กลัวโดนลูกหลง

Advertisement

นายกฯ ย้ำ แคมเปญ “โอกาสไทย ทำได้จริง” หลังทำงานครบ 90 วัน วอนทุกภาคส่วนร่วมทีมทำงาน เพื่อโอกาสประเทศไทย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 ธันวาคม 2567 นายกฯ แพทองธาร ย้ำแคมเปญ “โอกาสไทย ทำได้จริง” หลังทำงานครบ 90 วัน ประกาศปี 68 รัฐบาลเดินหน้า 5 นโยบายหลัก “ล้างหนี้ประชาชน-บ้านเพื่อคนไทย-ทุนการศึกษา-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-ดิจิทัลวอลเล็ต” ขอทุกภาคส่วนร่วมทีมทำงาน เพื่อโอกาสประเทศไทย

วันนี้ (12 ธ.ค. 2567) เวลา 10.00 น. ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานครบรอบ 90 วันที่รัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ภายใต้แคมเปญ  “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง : 2025 Empowering Thais: A Real Possibility ” พร้อมมอบนโยบายให้แก่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบในแต่ละนโยบายด้วย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า  นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรวมทั้งสิ้น 11 นโยบาย แบ่งเป็นนโยบายระยะยาว ที่ต้องทำในเชิงโครงสร้าง 6 นโยบาย คือ การจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง   การแก้ปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ปัญหายาเสพติด  การทลายการผูกขาด   การแก้ปัญหาธุรกิจนอกระบบ และนโยบายการลงทุนครั้งใหญ่ในอนาคต  และเป็นนโยบายที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จำนวน 5 นโยบาย คือ โครงการ SML หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน ดิจิทัลวอลเล็ต การแก้หนี้ครัวเรือน และบ้านเพื่อคนไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวเริ่มต้นงานว่า ผลงานของรัฐบาลแพทองธาร เป็นผลงานที่ต่อเนื่องมาจากการบริหารงานของอดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา   วันนี้รัฐบาลแพทองธารได้ทำงานผ่านความร่วมมือของคณะรัฐมนตรีและพี่น้องข้าราชการ เพื่อพี่น้องประชาชนมาแล้ว 90 วันเต็ม ทำให้วันนี้  “ทุกคนคือทีมเดียวกัน”  และจะร่วมกันเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ วางรากฐานของประเทศไทยในทศวรรษหน้า ให้คนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี ประเทศไทยในปี 2568 จะเป็นปีแห่ง “โอกาส” รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นจริง

นโยบายแรก คือ การแก้ไขปัญหา “น้ำท่วม-น้ำแล้ง”  น้ำต้องเพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค เกษตร และอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการทั้งระยะสั้น-กลาง-ระยะยาว   รวมทั้งการศึกษาแนวทางที่จะอนุญาตให้ประชาชนขุดลอกคูคลองแล้วนำดินไปใช้หรือขายได้ และให้มีการศึกษาโครงการ Floodway และโครงสร้างขนาดใหญ่ที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างยั่งยืนด้วย

นโยบายต่อมาคือเรื่องปัญหา “หมอกควัน”  นายกรัฐมนตรีประกาศ KPI ว่า PM 2.5 จะต้องลดน้อยลง ทั้งในแง่ปริมาณฝุ่นและตัวเลขประชาชนที่ป่วยจากฝุ่น ต้องลดลงทุกปี โดยปัจจุบันรัฐบาลควบคุมการเผาในประเทศ การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผา และการออกกฎหมาย พ.ร.บ. อากาศสะอาด เช่นเดียวกับเรื่องยาเสพติด ที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “การผูกขาดทุกชนิด เป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประชาชน และทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง” รัฐบาลจะเร่งดำเนินการปลดล็อคการผูกขาด โดยเฉพาะ เรื่องข้าว ที่ตั้งเป้าให้เกษตรกรทุกคนสามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง หรือการปลดล็อคการผูกขาดราคาพลังงานด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย เพื่อปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานให้ถูกลงให้ได้

ประเด็นต่อมา รัฐบาลจะนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินและกำกับให้ถูกกฎหมาย คาดว่าธุรกิจใต้ดินมีมูลค่ากว่า 49% ของ GDP ไทย การแก้ปัญหานี้จะทำให้รัฐบาลปกป้องประชาชนได้และยังเป็นรายได้ของรัฐบาลด้วย

ในเรื่องเทคโนโลยี และ AI รัฐบาลไทยตั้งเป้าจะเป็น AI Hub ของภูมิภาค เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริษัทใหญ่มาลงทุนทำศูนย์ข้อมูล (Data center) เป็นเงินลงทุนมากกว่าล้านล้านบาทแล้ว

ในส่วนของนโยบายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการนำนโยบาย “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน” หรือ ODOS กลับมาอีกครั้ง โดยใช้งบประมาณจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งมีโครงการที่เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศเป็นเวลาสั้นๆ ในโครงการ “1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์” และโครงการอัพเกรดโรงเรียนประจำอำเภอ ทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ เติมครู เติมเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา และ AI ให้เด็ก ๆ ในทุกอำเภอ

และให้โอกาสคนทุกตำบลหมู่บ้านในการคิดและลงมือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ผ่านโครงการ SML ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จะกระจายโอกาสและเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน พร้อมกับกองทุนเพื่อฟื้นฟู SME ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจไทยอีกกว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมี โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” (Public Housing) คอนโดคุณภาพดีพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เป็นเวลาประมาณ 30  ปี และให้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี ที่จะเป็นความหวังของคนไทยที่อยากมีบ้าน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีประกาศว่า จะดำเนินโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 โดยเงินสดจะถึงมือผู้สูงอายุประมาณ 4 ล้านราย  ไม่เกินตรุษจีน นี้  หลังจากนั้น จะดำเนินการระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องพร้อมกับยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล

นโยบายสุดท้ายที่แถลง คือ การแก้หนี้ครัวเรือน โดยเน้นที่หนี้  “รถยนต์”  และ “บ้าน” โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคาร ตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 39,000 ล้านต่อปี และธนาคารพาณิชย์จะเติมให้อีก 39,000 รวมกันเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2568 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด สำหรับลูกหนี้มูลหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท

สุดท้ายนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและข้าราชการว่า นักการเมืองและข้าราชการ ต่างมาจากภาษีของประชาชน เราต่างมีหัวใจเดียวกันคือ การทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน การทำให้ประไทยดีขึ้น วันนี้อยากให้เพื่อนข้าราชการทุกท่านยึดคติในใจว่า หลังจากนี้ จะเป็นปีแห่งการสร้าง “People Empowerment” เพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจเรา หรือการลดและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ

Advertisement

นายกฯ ประชุมวิดีโอคอล 12 ผู้ว่าฯ จว.ใต้ สั่งพร้อมรับมือฝนระลอกสองถล่มภาคใต้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 ธันวาคม 2567 พร้อมรับมือ ฝนระลอกสองภาคใต้ สัปดาห์นี้ นายกฯ “แพทองธาร” ประชุมวิดีโอคอล 12 ผู้ว่าฯ จว.ใต้ สั่งพร้อมรับมือฝนระลอกสองภาคใต้ 12 ธันวาคมนี้ พร้อมขอบคุณส่วนราชการพื้นที่ลดขั้นตอนพื้นที่ไม่ต้องรอเงินเยียวยานานหลัง มท1 รายงานจ่ายแล้วเกือบ 90 เปอร์เซนต์

วานนี้ (9 ธันวาคม 2567) เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เพื่อรับรายงานความเสียหาย และการเตรียมการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ผ่านระบบ Video Conference กับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ 12 จังหวัด และได้ประชุมกับผู้ว่าราชการทั้ง 12 จังหวัด โดยแจ้งว่าได้ปรับหลักเกณฑ์การอนุมัติเงินฉุกเฉินระดับจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 70 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ ครม. ได้อนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านบาทในการช่วยเหลือ รายละ 9,000 บาทไปแล้ว โดยได้จ่ายเยียวยาเบื้องต้นไปแล้วกว่า 2,700 ล้านบาท ซึ่งขอบคุณจังหวัดที่สามารถทยอยมอบให้ ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนในอดีตที่ต้องรอนานหลายเดือนกว่าจะได้รับ

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้ ศปช.ส่วนหน้าให้เตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเนื่องจากสัปดาห์นี้ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ ศปช.ได้แจ้งเตือนแล้วว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมได้ ขอให้ส่วนหน้าเตรียมพร้อมรับมือให้ทันสถานการณ์ตลอด 24 ชม.

ด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ทำงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะทำงาน ได้มีการสั่งการคนที่ดูแลพื้นที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที ที่ผ่านมานายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ลงพื้นที่ไปแล้ว โดยได้รายงานพื้นที่ประสบอุทกภัยกลับมา รัฐบาลยินดีพร้อมที่จะดูแลประชาชน ขณะเดียวกันได้รับเสียงสะท้อนจากหลายจังหวัดว่าระดับน้ำลดลง ตนเองรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่สถานการณ์น้ำในพื้นที่ใดยังมีจำนวนมาก หากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ถนน น้ำประปา ที่ติดปัญหาก็ขอให้แจ้งให้ชัดเจน เพื่อจะได้ส่งความช่วยเหลือให้ถูกต้อง เพราะต้องการให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่ปกติได้รวดเร็ว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ล่าสุดตนเองได้กลับไปดูพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ภาพรวมกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ยังต้องบำรุงรักษาให้เกิดความสวยงามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดพร้อมเปิดการท่องเที่ยวแล้ว ดังนั้น ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ถือว่ามีบทเรียน และมีกรณีตัวอย่างจากทางภาคเหนือและอีสานแล้ว จึงสามารถที่จะลงช่วยเหลือพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมก็ถือว่ามีข้อดีอยู่บ้าง นั่นคือ การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

ภายหลังรับฟังรายงานความเสียหาย และการเตรียมการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ผ่านระบบ Video Conference กับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้) นายกรัฐมนตรีกล่าวขอขอบคุณผู้ว่าราชการภาคใต้ 12 จังหวัด ที่ได้ทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสั่งการให้ดำเนินการ ดังนี้

1.ด้านชีวิตความเป็นอยู่ ให้ทุกหน่วยงานเร่งเข้าให้การช่วยเหลือ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ทั้งด้านที่อยู่อาศัย ดูแลด้านการดำรงชีพเบื้องต้นให้เพียงพอ และให้พิจารณาถึงความต้องการพิเศษโดยเฉพาะผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการฟื้นฟูในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการประกอบอาชีพ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

2.ด้านสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐาน เร่งฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า และระบบน้ำประปา ในพื้นที่ประสบภัยที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติโดยเร็ว  ออกมาตรการลดผลกระทบเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา ระบบโทรคมนาคม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยเร็ว

3.การเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดจังหวัดดำเนินการ ดังนี้ เร่งรัดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ซึ่งได้เห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยให้สามารถเบิกจ่ายถึงมือประชาชนได้โดยเร็ว

4.การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในห้วงต่อไป ให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย โดยให้อพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว/พื้นที่ปลอดภัยที่หน่วยงานภาครัฐจัดไว้ให้ ก่อนเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ ให้เตรียมความพร้อมทรัพยากรทุกด้าน ทั้งด้านเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย กำลังเจ้าหน้าที่ ไว้ประจำในพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดภัย

“คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 12 – 16 ธันวาคม 2567 จะเกิดฝนตกต่อเนื่องในปริมาณที่หนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอเน้นย้ำเรื่องการแจ้งเตือนภัยให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง และเตรียมตัวอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขอให้เร่งสำรวจความเสียหายภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้กำชับทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ได้ใช้แนวทางการช่วยเหลือเหตุการณ์ในภาคเหนือ ซึ่งจะทำให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ

Advertisement

โฆษกรัฐบาลยันเงินหมื่นเฟส 2 ได้แน่ภายใน ก.พ.68

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 ธันวาคม 2567 โฆษกรัฐบาลยันเงินหมื่นเฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุได้แน่ ช้าแต่ชัวร์ คาดไม่เกิน ก.พ.68

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการเสียงจากใจไทยคู่ฟ้า ถึงการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้เมื่อไหร่นั้น ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ยังมีข้อสังเกตบางอย่าง จึงทำให้การพิจารณาล่าช้าออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ยืนยันว่า ช้าแต่ชัวร์ พร้อมคาดว่าโครงการสามารถดำเนินการได้ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568

“จึงขอฝากบอกไปยังผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปว่าโครงการเฟส2 มาแน่ แต่ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดอีกเล็กน้อย ส่วนเฟส 3 ขอให้รอติดตาม” โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ

Advertisement

กกต. แนะเช็กคุณสมบัติก่อนลงสมัคร อบจ. ให้ดีๆ เตือนรู้ไม่มีสิทธิ แต่ยังลงสมัคร เจอโทษหนัก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 พฤศจิกายน 2567 กกต. ชวนเช็กคุณสมบัติก่อนลงสมัคร อบจ. 23-27 ธ.ค.นี้ เตือนรู้ไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัครเจอโทษหนัก

สำนักงาน กกต.เผยแพร่คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งจะมีการประกาศรับสมัครระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.67 และมีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ 68 โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครที่สำคัญ อาทิ มีสัญชาติไทยโดยการเกิด หากสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี ถึงวันเลือกตั้ง มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

ผู้สมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกรัฐสภา ส่วนผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่กำหนดวุฒิการศึกษา

สำหรับลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งที่สำคัญ เช่น เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 39 เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือ นักบวช อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันเป็นการกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ เป็นข้าราชการหรือมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น

ส่วนการสมัคร ผู้สมัครจะต้องยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดพร้อมหลักฐานการสมัคร เช่น บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบรับรองแพทย์ รูปถ่ายหน้าตรง หลักฐานการศึกษาหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปีนับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัคร คือ ปี 2564 ,2565,2566 เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี และเสียค่าธรรมเนียมในการสมัคร โดยสมัครสมาชิกสภา อบจ. เสียค่าธรรมเนียมการสมัครจำนวน 2,000 บาท สมัครนายก อบจ. เสียค่าธรรมเนียมจำนวน 30,000 บาท

สำนักงาน กกต. ยังเตือนว่าการสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้ว่าตนเองขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัคร มีโทษตามมาตรา 120 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ.ศ. 2562 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ 2566 ที่กำหนดว่าผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น 2562 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ 2566 พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ 2562 หรือเว็บไซต์สำนักงาน กกต. และขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด และสายด่วน 1444

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่น หลังผลโพลคะแนนรัฐบาลเพิ่ม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 พฤศจิกายน 2567 นายกฯ ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นการทำงาน หลังสวนดุสิตโพลชี้ประชาชนไว้ใจ 2 เดือน คะแนนรัฐบาลเพิ่ม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นต่อการทำงานของตนและรัฐบาล ซึ่งขอยืนยันว่า จะต้องเร่งทำงานหนักอีกมาก เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปี ในทุกๆ ด้าน

โดยในช่วง 2 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตลอดระยะปีเศษ ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันที่ทำงานไปได้ประมาณ 2 เดือนกว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นการตอบสนองปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินหมื่น การเข้าช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์เมื่อยามเกิดภัยพิบัติในทุกองคาพยพ หรือการแก้ไขปัญหาเชิงรุก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการปราบปรามยาเสพติด ที่เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนเป็นอย่างมาก

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว สอดคล้องกับผลโพลของ “สวนดุสิตโพล” วันนี้ ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2567” พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคมปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน โดยประชาชนให้คะแนนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน และผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบ คือ มาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงเกิดภัยน้ำท่วม

“รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มุ่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เร่งเดินหน้าทำงานเชิงรุกผ่านมาตรการ โครงการต่างๆ พร้อมกับเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ผ่านนโยบาย Soft power และจะเร่งขับเคลื่อนทุกนโยบายเพื่อนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศชั้นนำของโลกให้ได้ในเร็ววัน” นายจิรายุ กล่าว

Advertisement

นายกฯ สั่ง คมนาคม-เกษตร-อุตสาหกรรม รับมือ PM 2.5 ไม่รับซื้อข้าวโพด – อ้อย จากการเผาทั้งใน-ต่างประเทศ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 ตุลาคม 2567 นายกฯ “แพทองธาร“ สั่ง คมนาคม-เกษตรฯ-อุตสาหกรรมหาแนวทางแก้ PM 2.5 ไม่รับซื้อข้าวโพด – อ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ

วันนี้ (29 ตุลาคม 2567) เวลา 12.10 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  สั่งการให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว รวมไปถึงปัญหาภาคการเกษตรฯ ว่าจะมีมาตรการอย่างไรบ้าง เช่น ไม่รับซื้อข้าวโพด อ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงปัญหาฝุ่นควันจากรถยนต์ และภาคอุตสาหกรรม โดยได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงคมนาคม ให้ตรวจจับรถยนต์เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แล้วกระทรวงคมนาคม ให้ออกมาตรการควบคุมโรงงานที่รัดกุมมากขึ้น

Advertisement

โฆษกรัฐบาล โต้ข่าวลือเขี่ยทิ้งคนจน ยันเงินหมื่นเฟส 2 มาแน่ คนลงทะเบียนรับ 100%

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “จิรายุ” โฆษกรัฐบาล โต้ข่าวลือเขี่ยทิ้งคนจน ยันเงินหมื่นเฟส 2 มาแน่ คนลงทะเบียนรับ 100% พร้อมเผยโอนเงินกลุ่มเปราะบางก๊อก 2 แล้ว 3.1 แสนคน ยังค้างอีก 6.5 หมื่นคน ไม่ผูกพร้อมเพย์ เตือนเร่งดำเนินการก่อนเสียสิทธิ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า” ถึงความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่า ตามที่มีข่าวว่ากระทรวงคลังขยับจัดระเบียบสวัสดิการรัฐไล่เขี่ยทิ้งคนจนนั้น ตนได้พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง แต่ในความเป็นจริงโดยเร็ววันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและเศรษฐกิจฐานราก โดยจะมีการหารือถึงแนวทางในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการใหม่ทุก 2 ปี พูดง่ายๆ ก็คือวันสุดท้ายวันที่ 31 มี.ค.2568 ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ช่วงหลังปีใหม่

ทั้งนี้ในรายการได้มีการเปิดเสียงที่นายจิรายุ สัมภาษณ์นายจุลพันธ์ ซึ่งกล่าวยืนยันว่า สุดท้ายเงิน 10,000 บาทถึงมือพี่น้องประชาชนทุกคนที่ลงทะเบียนแน่นอน โดยแบ่งการดำเนินการเป็นเฟส เฟสแรกดำเนินการแล้วในรูปแบบเงินสด สำหรับกลุ่มเปราะบาง ขั้นตอนถัดไปกำลังเริ่มการประชุมหารือเพื่อวางกรอบที่ชัดเจนเพื่อเติมเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียนแล้วกับแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” รวมถึงกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ต้องลงทะเบียนต่อไป ยืนยันกับทุกคนว่าโครงการนี้ยังเดินหน้าโครงการ และทุกคนจะได้เงิน 10,000 บาท 100 เปอร์เซ็นต์

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการโอนเงินหนึ่งหมื่นบาทเฟสแรกให้กับกลุ่มผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้วเกือบ 14 ล้านคนยังมีตกหล่นไม่ได้เงินเพราะไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ 3.7 แสนคน แต่เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการโอนรอบ 2 สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ 311,000 กว่าคน ยังคงค้างอีกประมาณ 6.5 หมื่นคน ส่วนมากไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ซึ่งจะมีการโอนซ้ำให้อีก 2 รอบ คือวันที่ 21 พ.ย. และ 21 ธ.ค.นี้ ดังนั้นขอให้คนที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิ แล้วยังไม่ได้ดำเนินการผูกพร้อมเพย์ ก็ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย เพราะหากโอนครบ 2 รอบแล้วยังไม่ได้ดำเนินการก็จะถือว่าท่านสละสิทธิ์

Advertisement

 

“ชูศักดิ์” เผยตรวจสอบที่ดิน 3 แปลง “ไร่เชิญตะวัน” ไม่รุกที่ป่าสงวน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “ชูศักดิ์” เผยตรวจสอบที่ดิน 3 แปลง “ไร่เชิญตะวัน” ไม่บุกรุกที่ป่าสงวน กำชับสำนักพุทธฯ จังหวัด เร่งตรวจสอบแชร์แครอทภาคอีสาน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ของพระ ว.วชิรเมธี ในจังหวัดเชียงราย ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า อาจบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นจากการตรวจสอบทั้งหมด 3 แปลงที่ขออนุญาตไป ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอไป 2 แปลง มูลนิธิวิมุตตยาลัย ขออนุญาตไป 1 แปลง ผลการตรวจสอบไม่ปรากฎว่ามีการบุกรุกที่สาธารณะ อยู่ในขอบเขต

เมื่อถามถึงความคืบหน้าตรวจสอบบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ได้มีการรายงานความคืบหน้าเข้ามาหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีการรายงานเข้ามา ส่วนจะมีพระเข้าข่ายผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ ย้ำว่า ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ วินัย ที่คณะสงฆ์จะต้องชี้ และหากผิดอาญาก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องดำเนินคดี และขออย่าคาดเดาว่าจะมีใครเข้าข่ายความผิด ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อน

ส่วนกรณีแชร์แคร์รอท ในพื้นที่ภาคอีสาน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สำนักพุทธฯ ได้ส่งเรื่องไปสำนักพุทธฯ ประจำจังหวัดในภาคอีสาน ตรวจสอบว่ามีกรณีเหล่านี้ที่ไหนบ้าง และให้รีบรายงานเข้ามาโดยด่วน

ส่วนการเล่นแชร์ของพระสงฆ์ สำนักพุทธฯ รายงานว่าผิดวินัยหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะต้องว่ากัน แต่หากดูเรื่องวิจารณญาณของคนธรรมดาสามัญทั่วไปก็พอจะวินิจฉัยแล้ว แต่เรื่องวินัย ตนย้ำมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องของคณะสงฆ์

“ถามว่าเราประชาชนคนธรรมดา พระเล่นแชร์ผิดหรือไม่ มันก็ใช้วิจารณญาณดูพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขณะนี้รอให้สำนักพุทธฯ รายงานเรื่องดังกล่าวเข้ามาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องฮอต เป็นประเด็นที่สื่อและประชาชนให้ความสนใจ” นายชูศักดิ์ กล่าว

Advertisement

นายกฯ เซ็นตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ นั่ง ปธ.เอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “แพทองธาร” นายกฯ เซ็นตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ นั่งประธานเอง ขณะที่ “หมอเลี๊ยบ” ปธ.คกก.พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง 2 ฉบับ ฉบับแรก ลงวันที่ 16 ต.ค.2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่กำกับการกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศในด้านต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ และบูรณาการการทำงานของหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะ และปลดล็อกศักยภาพของคนไทย ให้สร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ส่วนฉบับที่ 2 น.ส.แพทองธาร ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ขึ้นมารับตำแหน่งเดิมของ น.ส.แพทองธาร ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อจัดทำแผนเฉพาะด้านในด้านต่างๆ และกำกับการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ

Advertisement

Verified by ExactMetrics