วันที่ 12 กรกฎาคม 2025

“ประยุทธ์” ชี้แจงขอโทษพุทธอิสระไม่ได้เข้าข้าง ยันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพุทธอิสระ

People unity news online : นายกฯขอโทษแทนเจ้าหน้าที่เพราะทำไม่เหมาะสม ปฏิเสธไม่ได้เข้าข้างใคร ยืนยันไร้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระพุทธอิสระ วอนหยุดบิดเบือนสร้างความแตกแยกเมื่อวานนี้ (27 พฤษภาคม 2561) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มการเมืองตั้งข้อสังเกตเรื่องนายกรัฐมนตรีกล่าวขอโทษประชาชนแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุมนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธอิสระว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ หรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันหรือไม่ ว่า

“การกล่าวขอโทษของนายกฯไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ขอโทษเพราะเจ้าหน้าที่ทำไม่เหมาะสม ไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นใครก็ตาม เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะถูกตัดสินโดยศาล รวมทั้งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตวัดหรือสังฆาวาส ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนได้ โดยได้ตักเตือนให้เจ้าหน้าที่ยึดแนวทางปฏิบัตินี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้นำไปบิดเบือนสร้างเรื่องกันต่อไปโดยเฉพาะกลุ่มการเมืองและสื่อมวลชนบางสำนัก”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆกับนายสุวิทย์ และไม่เคยคิดนำเรื่องส่วนตัวไปปะปนกับการบริหารบ้านเมือง พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลยึดหลักกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หากกระทำผิดต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน

People unity news online : post 28 พฤษภาคม 2561 เวลา 15.20 น.

นายกฯประชุม คกก.ไซเบอร์แห่งชาติครั้งแรก เตรียมตั้ง Cyber Security Agency รับมือภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ

People unity news online : นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คกก. เตรียมการไซเบอร์แห่งชาติครั้งแรก ผลักดัน 4 เรื่องใหญ่ หวังหน่วยงานรัฐ เอกชน มีกำลังคนรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ พร้อมเตรียมตั้ง Cyber Security Agency รับมือภัยคุกคามไซเบอร์ทุกรูปแบบ

เมื่อวานนี้ (9 พฤษภาคม 2561) เวลา 14.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ Cyber Security ครั้งที่ 1/2561 พร้อมด้วย พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ภายหลังเลิกการประชุม ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงข่าวว่า ตามที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการจัดทำนโยบายแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตลอดจนการเตรียมการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติให้ทันสถานการณ์โลกในปัจจุบันต่อไป

ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ 4 เรื่อง คือ 1. กรอบแนวคิดนโยบายและแผนระดับชาติ เพื่อปกป้อง รับมือ ป้องกัน และลดความเสี่ยงและความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 2. แนวทางการกำหนดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure: CII) ของประเทศ และแนวทางปฏิบัติเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Standard Operating Procedure: SOP) 3. แนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระยะเร่งด่วน และ 4. แนวทางการจัดตั้ง Cybersecurity Agency (CSA) ทำหน้าที่หน่วยประสานงานกลางและหน่วยงานเผชิญเหตุด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั่วคราว เพื่อให้ความปลอดภัยมั่นคงไซเบอร์ของชาติอยู่ในระดับมาตรฐานสากล

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯชุดนี้ คือเตรียมการด้านการพัฒนาและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อม สามารถปกป้อง ป้องกัน และรับมือกับสถานการณ์ด้านภัยคุกคามไซเบอร์ ตลอดจนเตรียมแผนปฏิบัติการและมาตรการตอบสนองด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของสถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในขณะนี้ เกิดจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ใช้ง่าย และมีราคาถูก ทำให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด และภัยคุกคามไซเบอร์ที่ตามมา อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง เช่น การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญหรือข้อมูลที่มีชั้นความลับ อันอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ โดยสภาวะภัยคุกคามไซเบอร์ของไทยนั้น เหตุจูงใจไม่เฉพาะเพียงผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเกิดจากความหละหลวมในการให้ความใส่ใจต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบุคลากรในองค์กรด้วย

สำหรับดัชนีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศนั้น ในปี 2560 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ได้ทำการสำรวจระดับความเอาจริงเอาจัง (Commitment) ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของแต่ละประเทศ โดยพิจารณาจากมาตรการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมาย (Legal) ด้านเทคนิค (Technical) ด้านหน่วยงาน/นโยบาย (Organizational) ด้านการพัฒนาศักยภาพ (Capacity building) และด้านความร่วมมือ (Cooperation) พบว่า Global Cybersecurity Index (GCI) ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 22 จาก 194 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนแล้ว ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันขับเคลื่อนให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 20 อันดับแรกของประเทศที่มีความพร้อมต่อไป

อีกทั้งในส่วนเรื่องของยุทธศาสตร์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการขับเคลื่อนประเทศ โดยคณะกรรมการชุดนี้ ได้กำหนดแผนงานระยะเร่งด่วน 6 เดือน 1 ปี และ 2 ปี ตามลำดับที่หน่วยงานจะร่วมกันทำต่อไปใน 8 ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2564 คือ 1. การปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศ (Critical Information Infrastructure Protection: CIIP) 2.การสร้างศักยภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Emergency Readiness) 3. การบูรณาการการจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ (Cybersecurity Governance) 4.การประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Public-Private Partnership) 5. การสร้างความตระหนักและรอบรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Capacity Building) 6. การพัฒนากฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Law, Regulation and Standard) 7. การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (International Cooperation) และ 8. การวิจัยและพัฒนาเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Research & Development)

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการจัดกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศ (Critical Information Infrastructure: CII) 6 กลุ่มแรก ได้แก่ 1.กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐ 2. กลุ่มการเงิน 3. กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 4. กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์ 5. กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และ 6. กลุ่มสาธารณสุข พร้อมยกระดับแผนการทำงานร่วมกัน เช่น ซ้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงจัดทำแผนปฏิบัติการรับมือไซเบอร์ (National Incident Handling Flow)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Centre ตามมติที่ประชุม TELMIN-Japan หรือการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ณ ประเทศกัมพูชาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งศูนย์ฯดังกล่าว ขณะนี้ได้มีความพร้อมเป็นอย่างมาก โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือนมิถุนายน 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งกระทรวงดีอี ได้มอบหมายให้ ETDA เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ฯนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นทั้งด้านงบประมาณและองค์ความรู้ต่างๆ ทำให้สามารถดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญในการรับถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากประเทศชั้นนำด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งจะผนึกกำลังสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของบุคลากร อันจะส่งผลดีต่อการประเมินความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในเวทีสากล รวมถึงการปรับปรุงอันดับ ITU GCI ให้ขึ้นสู่ 20 อันดับต้นของโลกได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีความจำเป็นในการดำเนินโครงการเร่งรัดการพัฒนาบุคลากร ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กว่า 1,000 คน ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน CII, ภาครัฐ-เอกชน และสถาบันการศึกษาเตรียมพร้อมหน่วยงานประสานงานกลาง ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ ETDA ทำหน้าที่หน่วยประสานงานกลาง เป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างจัดตั้ง Cybersecurity Agency (CSA) เพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีให้รู้เท่าทันสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

People unity news online : post 10 พฤษภาคม 2561 เวลา 09.10 น.

“ประยุทธ์” เผยแรงบันดาลใจแต่งเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน”

People unity news online : “ประยุทธ์” เผยแรงบันดาลใจแต่งเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ แม้จะมีคำติฉินนินทาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้อดทน

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 14.20 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ว่า เพลงนี้มีการเรียบเรียงทำนองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เรียบเรียงคำร้อง และทำนองโดยผู้แต่งเพลงบุพเพสันนิวาส ท่วงทำนองจึงมีความคล้ายคลึงกัน โดยแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ แม้จะมีคำติฉินนินทาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้อดทน และในวันนี้ได้กล่าวกับคณะรัฐมนตรีในที่ประชุมว่า ทุกคนมีหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจที่มีความมุ่งมั่นทำเพื่อแผ่นดิน บทเพลงทุกเพลงที่แต่งมาตั้งใจมอบให้ทุกคน ด้วยความศรัทธา และความเชื่อมั่นในการทำเพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อประเทศชาติ มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์ชาติเป็นแผนหลักในการบริหารประเทศ อาศัยกลไกประชารัฐในการขับเคลื่อน รวมทั้งแนวทางไทยนิยมที่เป็นนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

People unity news online : post 11 เมษายน 2561 เวลา 14.00 น.

“ประยุทธ์” เปิด Website และ Facebook “สายตรง ไทยนิยม”

People unity news online : รัฐบาลเปิดสายตรงไทยนิยม ช่องทางการรับฟังปัญหาจากประชาชน 24 ชม. โดยได้เพิ่มช่องทางสื่อสารเปิด Website และ Facebook ชื่อ “สายตรง ไทยนิยม”

เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2561) เวลา 13.45 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการสายตรงไทยนิยม โดยฝากสื่อมวลชนชี้แจงต่อประชาชนถึงช่องทางการสื่อสารของรัฐบาล โดยได้เพิ่มช่องทางสื่อสารเปิด Website และ Facebook ชื่อ “สายตรง ไทยนิยม” เพื่อรับคำร้องเรียน ร้องทุกข์ ข้อเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น และใช้ในการกระจายข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ข้อมูลสาธารณประโยชน์ ข้อเท็จจริงต่างๆที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เสริมช่องทางเดิมที่มีอยู่ ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม แต่เป็นอีกหนึ่งช่องทางการรับฟังปัญหาจากประชาชน ในขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความต้องการสาธารณูปโภคพื้นฐานมากถึง 50% ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การค้าขาย  การคมนาคมได้สะดวก นอกจากนี้ ยังมีด้านสาธารณสุข 8% ด้านการเกษตรประมาณ 10% และด้านอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานต้องทำงานในเชิงโครงสร้างในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ส่งเสริมผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งการดูแลแรงงานภาคการเกษตรให้กลับสู่ภูมิลำเนา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเกษตรทั้งระบบ ซึ่งได้ดำเนินการทบทวนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานให้มากขึ้น รวมทั้งการเจรจาค้าขายกับต่างประเทศ โดยต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรภายในประเทศ ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนคำนึงถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ เพื่อให้เป็นแรงงานที่มีศักยภาพ และเพิ่มรายได้สูงขึ้น

People unity news online : post 4 เมษายน 2561 เวลา 09.00 น.

นายกฯระบุร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ต้องไม่กระทบโรดแมป และต้องไม่มีปัญหาภายหลัง

People unity news online : นายกรัฐมนตรียืนยัน ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย โดยรัฐบาลประสานงานใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบโรดแมป

เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2561) เวลา 13.45 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้ส่งหนังสือตอบกลับไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เกี่ยวกับประเด็นการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ภายหลังมีการประสานงานและหารือระหว่างฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลและ สนช. เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนส่งร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยไม่เกิดความขัดแย้งในภายหลัง ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ สนช. เป็นผู้ดำเนินการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามไม่ให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้ง โดยมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังดำเนินการไม่ให้กระทบโรดแมป และไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ส่วนการแก้ไขคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 ตามที่พรรคการเมืองทักท้วงว่า มีปัญหาในทางปฏิบัตินั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้หารือกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อนำเสนอประเด็นข้อติดขัดต่างๆมายัง คสช. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางธุรการ ดังนั้น คสช. จะพิจารณาแก้ไขในประเด็นที่เป็นปัญหา โดยยังไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช. เพื่อลดปัญหาทางธุรการเท่านั้น

People unity news online : post 4 เมษายน 2561 เวลา 07.50 น.

พรุ่งนี้ “ประยุทธ์” ลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้

People unity news online : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจราชการจังหวัดปัตตานี วันพุธที่ 4 เมษายน 2561 โดยมีกำหนดการดังนี้

เวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางโดยเครื่องบิน C – 130 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จากนั้น เดินทางต่อไปยังสนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานีเพื่อเป็นประธานพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 โดยกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการของรัฐ เอกชน และท้องถิ่นร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 7 เมษายนนี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นกิจกรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีของลูกเสือต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เทิดพระเกียรติพระบรมราชจักรีวงศ์ และเพื่อแสดงความพร้อมศักยภาพของลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงเพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือทำความดีมีจิตอาสา มีความสามัคคีอยู่ร่วมในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข สำหรับการชุมนุมลูกเสือครั้งนี้ มีตัวแทนลูกเสือ – เนตรนารีจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมงานชุมนุม รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,548 คน โดยมีตัวแทนลูกเสือจากต่างประเทศเข้าร่วมจำนวน 443 คน ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เนปาล ศรีลังกา และกาตาร์

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมพญาตานี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี

ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบปะพร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้ตัวแทนนักเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ จำนวน 5 โรงเรียน ณ วัดทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมชุมชนพหุวัฒนธรรม (ไทยพุทธและไทยมุสลิม) ที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติ พร้อมพบปะผู้นำศาสนาและประชาชน เพื่อรับทราบปัญหา ข้อเสนอแนะ รวมถึงสร้างการรับรู้ต่อนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล รวมทั้งเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่ ณ อาคารอเนกประสงค์ มัสยิด นัจมุดดีน บ้านควนลังงา จังหวัดปัตตานี เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

People unity news online : post 3 เมษายน 2561 เวลา 07.50 น.

นายกฯเตรียมลงพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู 22 มีนาคมนี้

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีกำหนดการลงพื้นปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดหนองบัวลำภู ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อพบปะประชาชนและติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา ได้แก่ การพัฒนาเกษตรปลอดภัยสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อลดปัญหาสุขภาพจากสารเคมีตกค้างและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยใช้เทคโนโลยี Solar Cell เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งการบริหารจัดการที่สาธารณประโยชน์แบบมีส่วนร่วม รวมถึงการสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าพื้นเมือง และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านนวัตกรรมจนได้ผ้าที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม ไม่มีสารเคมีตกค้างได้รับการยอมรับทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยมีกำหนดการ ดังนี้

เวลา 07.00 น. ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยเครื่องบิน Embraer และเดินทางต่อไปยังจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์ โพธิ์ศรีสำราญ ตำบลหัวนา อำเภอเมือง เพื่อพบปะประชาชน และเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และทำพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโพธิ์ศรีสำราญ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกรและแปลงปลูกผักอินทรีย์

ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ รับฟังการนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของเครือข่าย เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้านตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ประมาณ 300 คน ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมกระบวนการผลิตผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ด้านหัตถกรรม และสินค้าโอทอป เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

People unity news online : post 20 มีนาคม 2561 เวลา 11.00 น.

คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกฯเสนอให้สังคมผู้สูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ

People unity news online : เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมอาคารรับรองเกษะโกมล บ้านเกษะโกมล

ในที่ประชุม คณะกรรมการฯเห็นว่า โดยที่ในปี พ.ศ.2560 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 11.35  ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.8 ของประชากรไทย และมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนั้นทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องกำหนดมาตรการ โดยการร่วมมือของกระทรวง ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านการดูแลผู้สูงอายุ ด้านแรงงาน ซึ่งผู้สูงอายุต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเพิ่มเติม รวมทั้งจะต้องเตรียมการรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและก้าวไปสู่ THAILAND 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม คณะกรรมการฯจึงสมควรเสนอให้มีการกำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ในการเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อันจะทำให้ผู้สูงอายุเข้าถึงสิทธิประโยชน์ ความคุ้มครอง และความเป็นธรรมในการทำงานต่อไป

People unity news online : post 16 มีนาคม 2561 เวลา 14.00 น.

มหาดไทยชี้แจง “ไทยนิยมยั่งยืน” ไม่ใช่โครงการหว่านเงินโดยไม่มีโครงการ

People unity news online : จากกรณีที่ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “มองการณ์ไกลประเทศไทย ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม และการผูกขาดเศรษฐกิจ” ตอนหนึ่งว่า…โครงการไทยนิยมฯที่มีการกำหนดงบประมาณไว้ล่วงหน้า โดยที่ยังไม่แน่ชัดว่า โครงการคืออะไร สอดคล้องกับกลุ่มที่จะต้องช่วยเหลือหรือไม่…

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืน เป็นการบูรณาการทุกหน่วยงานในระดับพื้นที่ เพื่อจัดทำเวทีประชาคมในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนจะร่วมกันระบุปัญหาที่แท้จริงของชุมชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา หรือนำความต้องการของประชาชน/ชุมชนนำมาจัดทำแผนงาน/โครงการ เช่น โครงการเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ หมู่บ้าน/ชุมชน (พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก) หมู่บ้าน/ชุมชนละ 200,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการที่จะถูกเสนอโดยประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานอันประกอบด้วย ถนน น้ำเพื่อการบริโภค/อุปโภค ระบบไฟฟ้า จึงเป็นการสนองตอบความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในการบริหารงบประมาณการลงเวทีประชาคมได้คำนึงถึงความคุ้มค่าและความถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงาน “โครงการไทยนิยมยั่งยืน” ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด

ภาพ : บ้านเมือง

People unity news online : post 13 มีนาคม 2561 เวลา 02.10 น.

“บิ๊กตู่” ชื่นชมเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

People unity news online : นายกรัฐมนตรีให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐ ยึดมั่นในความดี ไม่ท้อถอย ย้ำรัฐบาลต่อต้านการทุจริตและทำลายธรรมชาติทุกรูปแบบ วอนประชาชนเชื่อมั่น กระตุ้นข้าราชการสำนึกในหน้าที่ของตนเอง

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง ถูกต้อง และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยขอให้ยึดมั่นในคุณงามความดี ไม่ท้อถอย และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นและคนรุ่นหลังต่อไป

“ยกตัวอย่างกรมราชทัณฑ์ที่ได้ลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดต่อหน้าที่ เช่น เรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้ผู้ต้องขัง และมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฯลฯ อย่างเด็ดขาด โดยไม่เห็นแก่พวกพ้อง รวมทั้งกรณีของหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่นำกำลังเข้าจับกุมผู้กระทำผิดร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างตรงไปตรงมา”

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ โดยหากพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำผิดจริง ผู้กระทำผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและถูกลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น เช่นเดียวกับการปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งเห็นได้จากนโยบายทวงคืนผืนป่า การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่า การจัดเก็บรายได้เข้าชมอุทยานเพื่อนำไปดูแลทรัพยากรธรรมชาติได้มากขึ้น หรือแม้แต่การเพิ่มจำนวนสัตว์ป่า เช่น ช้าง และเสือโคร่ง ในธรรมชาติมากขึ้น

“อยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์โดยยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนสำนึกในหน้าที่ ยึดถือแบบอย่างของการทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้อย่างเต็มภาคภูมิ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

People unity news online : post 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.00 น.

Verified by ExactMetrics