วันที่ 12 กรกฎาคม 2025

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนฝนตกหนัก ถึงหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 มิถุนายน 2567 อุตุฯ เตือนฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ฉบับที่ 8 อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก มีผลกระทบถึง 26 มิ.ย.นี้

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ฉบับที่ 8 (122/2567) (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2567)

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้

วันที่ 25 มิถุนายน 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

วันที่ 26 มิถุนายน 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

Advertisment

ไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคใต้ฝนตกหนักมาก

People Unity News : 8 พฤษภาคม 65 กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 5 ไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคใต้ฝนตกหนักมาก ขอประชาชนระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอล” ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 08 พฤษภาคม 2565

เมื่อเวลา 04.00 น. (วันที่ 8 พ.ค. 2565) พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 11.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 90.0 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนในวันนี้ (8 พ.ค.65) มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวขึ้นไปปกคลุมอ่าวเบงกอลตอนบนในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค.65 พายุนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย แต่จะทำให้ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีกำลังปานกลาง ถึงค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในบริเวณภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในขณะที่อ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 วันนี้ ถึง 06.00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควัน น้อยลง เนื่องจากมีฝนตกลงมาในบริเวณดังกล่าว มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และยะลา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

Advertisement

อีสาน-ตะวันออก เย็นลง 1-4 องศาฯ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 มกราคม 2567 อุตุฯ เผยภาคอีสานอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ ส่วนภาคตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ได้แผ่ปกคลุมถึงบริเวณประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่คลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกในวันนี้ (วันที่ 22 ม.ค. 67) โดยจะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายของอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี

พยากรณ์อากาศรายภาค

กทม.-ปริมณฑล : มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคเหนือ : อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง : อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก : อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากตามแนวชายฝั่งทะเล อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) : มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎ์ธานี ขึ้นไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) : มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

รองโฆษกรัฐบาล ย้ำ สำนักทะเบียนทั่วประเทศ เปิดบริการช่วงหยุดยาว

People Unity News : 30 กรกฎาคม 2566 รองโฆษกรัฐบาล ย้ำ วันหยุดยาว ถึง 2 ส.ค. ใช้บริการด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวได้ ณ สำนักทะเบียนทั่วประเทศ ตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้เห็นชอบให้วันที่ 31 ก.ค. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมในห้วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.66 วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ทำให้ในช่วงวันที่ 28 ก.ค. – 2 ส.ค.นี้ เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง รวม 6 วัน เพื่ออำนวยการความสะดวกให้กับประชาชน กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ในฐานะสำนักทะเบียนกลาง ได้เปิดระบบปฏิบัติการให้บริการประชาชนทางด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ในช่วงวันดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. เพื่อให้การบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในการติดต่อขอรับบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง

นางสาวรัชดา กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยคาดการณ์ว่าในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่องนี้ จะมีพี่น้องประชาชนมีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการจากหน่วยงานบริการของกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหน่วยงานราชการของแต่ละจังหวัด จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอ เป็นผู้นำข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการส่วนภูมิภาคที่มีหน้าที่ด้านการบริการพี่น้องประชาชน ให้ยึดมั่นในอุดมการณ์การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยร่วมกันวางแผนการเปิดให้บริการติดต่อราชการเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดยาว ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องเข้ารับบริการในวันหยุดราชการ ตลอดจนเน้นย้ำ ให้ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยงาน ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง กรม และจังหวัด ได้จัดให้มีคณะทำงานทั้งระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดูแลประจำสถานที่ราชการและสำนักงานนอกเหนือจากการจัดเวรยามประจำตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนตลอดช่วงวันหยุดยาวนี้

“ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบว่า ช่วงวันหยุดยาว ถึง 2 ส.ค. นี้ สำนักบริหารการทะเบียนทั่วประเทศ ทั้งสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่น เปิดให้การบริการด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในเวลา 08.30 – 16.30 น. ไม่มีวันหยุด ขอประชาชนอย่าเป็นกังวัล สะดวกพื้นที่ไหนสามารถใช้บริการในพื้นที่นั้นๆได้” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

ประธาน ป.ป.ช. ลั่นต่อหน้า OECD ขอร่วมทำประเทศไทยโปร่งใสไร้โกง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 สิงหาคม 2567 โรงแรม The Okura Prestige กรุงเทพฯ – ประธาน ป.ป.ช. ขอทุกภาคส่วนร่วมมือ ทำประเทศไทยโปร่งใสไร้โกง หวังยกระดับข้อกฎหมาย-มาตรการทัดเทียมมาตรฐาน OECD และเตรียมตัวเข้าเป็นสมาชิกตามนโยบายรัฐบาล

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานเปิดการประชุมเพื่อเผยแพร่รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะของ OECD ในโครงการ Reinforcing Anti-Corruption Framework ภายใต้ OECD-Thailand Country Programme โดย Elodie Beth ผู้จัดการอาวุโสแผนกต่อต้านการทุจริต OECD ร่วมกล่าวเปิดและบรรยายเกี่ยวกับ OECD อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบน และคณะทำงานว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศของ OECD

พลตำรวจเอกวัชรพล กล่าวเปิดการประชุมว่าอยากเห็นประเทศไทยยกระดับกฎหมายและการดำเนินการที่เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตให้ก้าวหน้าสอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD มากขึ้น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นกิจกรรมภายใต้ Country Program ระหว่างรัฐบาลไทยกับ OECD โดยเริ่มตั้งแต่กลางปี 2566 ได้มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในการรวบรวมข้อมูล กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องส่งให้ OECD ไปวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงปลายปี 2566 ต่อเนื่องด้วยการที่ทุกภาคส่วนต่างๆ ร่วมให้ข้อมูลกับ OECD ในขั้นตอน on site visit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนมาวันนี้ OECD ได้จัดทำรายงานกรอบการดำเนินงานต่อต้านการทุจริตของไทยและข้อเสนอแนะเรียบร้อยแล้ว ตนจึงขอขอบคุณหลายภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.เป็นอย่างดี

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวอีกว่าในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้รับฟังข้อมูลที่น่าสนใจ นอกจากจะรับฟังผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของโออีซีดีแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับ OECD และกรอบอนุสัญญาว่าด้วยต่อต้านการให้สินบนของโออีซีดี ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ OECD และประเทศสมาชิก มาแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ จะช่วยให้ภาคส่วนต่างๆ ของไทยเกิดความตระหนักรู้ สามารถเตรียมตัวเพื่อจะยกระดับความสำคัญของไทยให้ใกล้ชิด OECD มากขึ้นตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของ OECD วันนี้ยังได้รับเกียรติจากตัวแทนสภาพัฒน์ฯ จะมาเล่าว่าไทยได้ดำเนินการและการเตรียมตัวอย่างไรหลังจากนี้ในการเข้าเป็นสมาชิก แม้ว่าโครงการ Reinforcing Anti-Corruption Framework จะดำเนินการมาจนใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว แต่ตนมองว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ให้เราได้ทบทวนกฎหมายและมาตรการต่างๆ ของไทยที่มีอยู่ ในปัจจุบันก็ยังมีอะไรขาดตกบกพร่องพี่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้ทัดเทียมกับมาตรฐานของ OECD ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสากลที่มีความเข้มข้นอย่างมาก หลังจากนี้ หวังว่าทุกภาคส่วนจะก้าวเดินไปพร้อมกับ ป.ป.ช. ในการทำให้ประเทศไทยโปร่งใสไร้ทุจริตและสินบนเพื่อให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป

Advertisement

ไทยครองอันดับ 5 เอเชีย “ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022”

People Unity News : 16 ตุลาคม 2565 โฆษกรัฐบาล เผยไทยเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียนในการจัดอันดับ “ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022” โดย usnews.com

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 28 ของโลกสำหรับประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 (U.S. News & World Report Best Countries Rankings) ของ usnews.com เว็บไซต์ที่จัดอันดับความนิยมด้านต่างๆ (https://www.usnews.com/news/best-countries/rankings) ซึ่งพบว่า จากผลสำรวจทั้งหมด 85 ประเทศทั่วโลกในปี 2022 ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกคือ สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 2 ถึง 5 เรียงตามลำดับ คือ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสวีเดน สำหรับ 5 อันดับสูงสุดของ ทวีปเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น อันดับ 6, จีน อันดับ 17, สิงคโปร์ อันดับ 19, เกาหลีใต้ อันดับ 20 และประเทศไทย อันดับที่ 28

การจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกโดยรวมจะวัดประสิทธิภาพด้วยตัวชี้วัดที่หลากหลาย การสำรวจนี้แบ่งเป็น 10 หัวข้อ ได้แก่ ความสามารถในการปรับตัวของประเทศ สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการ คุณภาพชีวิต ความมีเอกลักษณ์ สิทธิทางสังคม อิทธิพลทางวัฒนธรรม การเปิดกว้างต่อธุรกิจ สถานะของประเทศในเวทีโลก การท่องเที่ยว และมรดกทางวัฒนธรรม

“ต่างชาติมีมุมมองและมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย มีจุดสนใจที่เป็นบวก ซึ่งเป็นที่นิยมชมชื่นของชาวโลก เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเชื่อมั่นว่าปัจจัยที่จะทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากความมีชื่อเสียงของไทย ทั้งความเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคแล้ว สิ่งที่สำคัญคือทรัพยากรมนุษย์ของไทยที่มีความสามารถไม่แพ้ชาติใด รวมถึงมิตรไมตรีของคนไทย ความมีน้ำใจของทุกคน นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าหากคนไทยร่วมใจกัน จะสามารถพัฒนาชาติก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตได้อย่างแน่นอน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

 

ฝนถล่มทั่วไทย

People Unity News : 11 ตุลาคม 2566 กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 80% ของพื้นที่ และตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน โดยมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

พยากรณ์อากาศรายภาค

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

Advertisement

อย.เตือน รีวิวผลิตภัณฑ์อาหาร ต้องได้รับอนุญาตก่อนโฆษณา

People Unity News : 3 สิงหาคม 2566 อย. พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ในกรณีที่มีผู้เขียนรีวิวเชิญชวนให้กินแล้ว อ้างว่าหายจากโรคปวดตา ตาพร่ามัว และช่วยบำรุงสายตา ขอเตือนว่าอาหารไม่ใช่ยา รักษาโรคไม่ได้ และการโฆษณาอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษตามกฎหมาย

เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการตรวจพบการรีวิวผลิตภัณฑ์อาหารทางสื่อออนไลน์มากมาย ที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอแจ้งว่าการรีวิวข้อมูลเกี่ยวกับคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารเพื่อประโยชน์ทางการค้า เข้าข่ายเป็นการโฆษณาที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนโฆษณา เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะโฆษณาได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากข้อความที่รีวิว หรือโฆษณานั้นเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อการรีวิว หรือโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารที่โอ้อวด เป็นเท็จเกินจริง ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยา ไม่สามารถบำบัด บรรเทา รักษาโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ อย. ได้จัดทำหลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร พ.ศ. 2564 โดยระบุคำที่ไม่อนุญาตโฆษณา ซึ่งประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดได้ตาม QR code นี้

หากมีข้อสงสัย หรือพบการกระทำฝ่าฝืน แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือช่องทางอื่น ๆ เช่น อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th ตู้ปณ.1556 ปณผ. กระทรวงสาธารณสุข หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

Advertisement

อีสาน อุณหภูมิลด 4-6 องศาฯ กทม.อากาศเย็นตอนเช้า-ลมแรง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 มกราคม 2568 กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน อุณหภูมิลดลง 4-6 องศาฯ กับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันนี้ (27 ม.ค. 68) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมทั้งระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 28 ม.ค. 68

กรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

Advertisement

สธ.คุมเข้มร้านขายยา ตั้งแต่ 1 ก.ย. จ่ายยาต้านโควิด ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

People Unity News : 1 กันยายน 2565 รองโฆษกรัฐบาล ย้ำตั้งแต่ 1 ก.ย. 65 ร้านขายยาจ่ายยาต้านโควิด-19 ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น กำชับหน่วยงานติดตามการบันทึกตรวจสอบเคร่งครัด แนะประชาชนซื้อจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีมติให้ร้านขายยาสามารถจ่ายยาต้านโควิด-19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือแพกซ์โลวิด ได้ ตั้งแต่วันนี้ (1 ก.ย.) เป็นต้นไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำถึงผู้ประกอบการร้านขายยาทุกแห่งว่าจะต้องจ่ายยาเฉพาะกรณีมีใบสั่งแพทย์มาแสดงต่อเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากตามแนวทางการรักษาโควิด-19 ในปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องทานยาต้านไวรัส แต่แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและให้คำแนะนำเพื่อการใช้ยาที่เหมาะสม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า นายอนุทิน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอาหารและยา (อย.) สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ให้ติดตามเรื่องของการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาต้านไวรัสของร้านขายยา เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบโดยเคร่งครัด  ซึ่งปัจจุบันร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจะมีการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาควบคุมประเภทต่างๆอยู่แล้ว

“การที่ ศบค. ได้อนุญาตให้เพิ่มช่องทางการจ่ายยาโควิด-19 ได้ที่ร้านขายยาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่เนื่องจากยาต้านไวรัสไม่ได้เป็นยาสามัญทั่วไป ยังเป็นยาที่ต้องควบคุมการใช้ และไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนต้องทานยาต้านไวรัส ดังนั้นจึงยังจำเป็นที่ต้องให้ผู้ป่วยได้พบแพทย์เพื่อมีการวินิจฉัยไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเวชกรรม และให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังมีความห่วงใยและมีข้อแนะนำว่า ขอให้ประชาชนจัดหายาต้านไวรัสจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต อย่าซื้อยารับประทานเองโดยไม่มีแพทย์แนะนำ เพราะมีทั้งความเสี่ยงที่อาจจะได้ยาปลอม หรืออาจเกิดการใช้ยาไม่สอดคล้องกับอาการ โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ยา

Advertisement

Verified by ExactMetrics