วันที่ 11 ธันวาคม 2024

มท. เปิดตัวบทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์  : 17 สิงหาคม 2567 กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับ โกไข่ ศิลปินจิตอาสา เปิดตัวบทเพลง “THE LIGHT OF LOVE” บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระผู้ทรงเป็นหลักชัยและศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์เปรียบประดุจแสงแห่งความรัก ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ที่ฟูมฟักทะนุถนอมประชาชนคนไทย ยังผลให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ด้วยทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เคียงคู่พระบารมี เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ยังประโยชน์สุขให้กับประชาชนคนไทย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย จึงได้ร่วมกับศิลปินจิตอาสา คือ ดร. จุมพล ทองตัน (โกไข่) ประพันธ์บทเพลง “THE LIGHT OF LOVE – บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งมีเนื้อหาบทเพลงที่สะท้อนความรักของประชาชนคนไทย ที่พร้อมเพรียงในการถวายหัวใจแห่งความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการปฏิบัติบูชา สืบสานงานตามพระราชดำริ ทั้งงานจิตอาสา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักชัย ผู้ทรงเปรียบประดุจแสงแห่งความรักที่ส่องสว่างให้ประชาชนคนไทยได้มีสิ่งที่ดีงามของชีวิต

สำหรับเนื้อเพลง “THE LIGHT OF LOVE” มีคำร้อง ดังนี้

A

When the sky is gray

It seems too hard to see

Soon, the dawn will shine bright The golden light will be back again

B

It’s the light of our love

That’s ready to be found

All the crowd will shout from their hearts

C

We’ll preserve all the things And contribute all your guides

Your vision will be in our lives

In our great beloved

King Vachiralongkorn.

D

The love of all Thai people

Together with our beloved queen

Forever we’ll be good

We’ll change all the wrong to be right.

We’ll apply the idea

Of life long living to our plan

Oh, in this motherland

We all will forever be on your side

(Repeat B / C / D)

E

With heart and unity

Volunteer society will be rise

Your light of love’s shining bright My life will be serving you forever

Forever

Forever

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ได้ร่วมรับฟัง และร่วมแชร์บทเพลงแสงแห่งรัก ผ่านทางเว็บไซต์ https://youtu.be/o4e_bJbqUJk?si=Kov1Oyn_MFj2t5h_ เพื่อร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และ เผยแผ่พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ขจรขจาย ด้วยความจงรักภักดี โดยพร้อมเพียงกัน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

นายกฯลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 สิงหาคม 2567 นายกรัฐมนตรีลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

วันนี้ (12 สิงหาคม 2567) เวลา 08.15 น. ณ ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง   นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567 พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและภริยา และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี  รองนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   จากนั้น นายกรัฐมนตรีลงนามถวายพระพร รองนายกรัฐมนตรีและภริยาถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์ฯ เสร็จพิธี

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวน ปชช. ชมความงดงามของสะพานภูมิพล-ทัศนียภาพ ม.เจ้าพระยายามค่ำคืน เฉลิมพระเกียรติ พระพันปีหลวง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 สิงหาคม 2567 รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เชิญชวน ปชช. ร่วมชมความงดงามของสะพานภูมิพล และทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน

วันนี้ (9 สิงหาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคมร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เปิดไฟประดับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 กรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 9 – 13 สิงหาคม 2567 เวลา 19.00 – 22.00 น. โดยในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 จะเปิดไฟประดับสะพานตั้งแต่เวลา 19.00 – 24.00 น. เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงเป็น “แม่ของแผ่นดิน” ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย รัฐบาลขอเชิญประชาชนร่วมชมความงดงามของสะพาน และทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน อันเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

นายคารม กล่าวว่า นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ  ในวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ) เวลา 00.01 – 24.00 น. รวม 3 สายทาง ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) 20 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน – ปากเกร็ด) 10 ด่าน โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษได้อีกด้วย

Advertisement

นายกฯ เปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 สิงหาคม 2567 นายกฯ เปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทยภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรฎกาคม 2567

วันนี้ (8 สิงหาคม 2567) เวลา 13.50 น. ณ ลานโลมา หาดป่าตอง  อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทยภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรฎกาคม 2567 โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะร่วมเข้าร่วม

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความรู้สึกยินดี ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการ รักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน และจากการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีปริมาณขยะพลาสติกหลุดรอดลงสู่ทะเลมากที่สุดของโลก รัฐบาลได้ตระหนักและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เพื่อสร้างความตระหนักให้พี่น้องประชาชนในการช่วยกันอนุรักษ์ ดูแล รักษา ความสวยงามของชายหาดและท้องทะเลไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่บูรณาการขับเคลื่อนโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลของประชาชนชาวไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการดำเนินงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในการสร้างพื้นที่ต้นแบบ สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ชายหาดของประเทศไทยในวันนี้จะเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกบนชายหาดและในทะเลอย่างยั่งยืน คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย พร้อมที่จะส่งต่อมรดกอันล้ำค่าไปสู่คนรุ่นต่อไป

“โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อสร้างความตระหนักด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเพื่อส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของชายหาด ที่จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

สำหรับโครงการรักษ์ 72 หาดไทย โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 72 ชายหาด ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 6 จังหวัด ได้แก่ 1) จังหวัดตราด 2) จังหวัดระยอง 3) จังหวัดชลบุรี 4) จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5) จังหวัดตรัง และ 6) จังหวัดกระบี่ โดยมีโครงการPhuket Sandbox เป็นต้นแบบการดำเนินงานในการลดปัญหาขยะชายหาด ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความร่วมมือกับทั้งกลุ่มผู้ค้าบริเวณชายหาดและนักท่องเที่ยวเพื่อการจัดการขยะที่ถูกต้อง รวมถึงการส่งเสริมให้ธุรกิจที่สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมีการดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 –2570) มาเป็นกรอบแนวคิดในการจัดทำมาตรการดำเนินงาน ประกอบด้วย 4 มาตรการ ดังนี้ มาตรการที่ 1 ส่งเสริมการผลิตและขายบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  มาตรการที่ 2 รณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการที่ 3 การจัดการขยะ อย่างถูกหลักวิชาการ มาตรการที่ 4 เก็บขยะตกค้างบริเวณชายหาด” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (28 กรกฎาคม 2567)  เวลา 08.00 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ มหาวิทยาลัยของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชน  เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อนายกรัฐมนตรีถึงบริเวณเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง เดินขึ้นสู่เวที ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วถวายธูปเทียนแพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ความว่า

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศ ต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญงอกงามของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงดำรงพระองค์ เป็นแบบอย่างแก่บรรดาข้าราชการในการปฏิบัติงาน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดินด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เน้นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญพร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า …….(ออกนามของผู้กล่าว แต่ละบุคคล) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทมุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางพระบรมราโชวาทตลอดไป” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและร้องเพลงสดุดีจอมราชา เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบไปด้วยกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยกิจกรรมส่วนกลาง กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ท้องสนามหลวง กิจกรรมส่วนภูมิภาค กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือในสถานที่เหมาะสม ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้เชิญชวนหน่วยงานจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ โดยดำเนินการพร้อมกับพิธีที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง

Advertisement

ก.พาณิชย์ ขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 ก.พาณิชย์ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูกและพระราชทานพันธุ์กระท้อนให้แก่ราษฎรจังหวัดอ่างทอง เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” เป็นกระท้อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นกระท้อนพันธุ์ “ทองใบใหญ่” ณ วัดยางทอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” มีลักษณะผลค่อนข้างกลม ขั้วผลนูนเล็กน้อย เปลือกบาง ผิวนอกไม่เรียบ ผลสุกสีเหลืองทอง เนื้อหนานุ่ม ฉ่ำ ปุยเมล็ดมีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอมหวาน มีการขยายพื้นที่ปลูกทั้งอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบตะกอนน้ำพา มีชุดดินสิงห์บุรีที่มีธาตุโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง รวมถึงภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในเรื่องการเพาะปลูกของเกษตรกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ ประกอบกับลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีเมฆมากและฝนตกชุก ส่งผลให้กระท้อนมีรสชาติหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย และเจริญเติบโตได้ดี จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านรสชาติอันดับ 1 ของจังหวัดอ่างทอง และได้มีการจัดงานมหกรรมกระท้อนทองใบใหญ่ทรงปลูก เพื่อเผยแพร่ผลผลิตกระท้อนให้เป็นที่นิยมของตลาด จนสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี

ทัั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้า GI เป็นสินค้าสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 206 สินค้า มูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดที่สนใจนำสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์และเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถนำมาปรึกษาเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368 ได้

Advertisement

เชิญชวน ปชช.จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลเชิญชวน ปชช.จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

วันนี้ (22 กรกฎาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 ก.ค. 2567 กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรให้มีความร่มเย็นเป็นสุข เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรและความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน และเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลทั้งภายในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก

นายคารม กล่าวว่า กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังกำหนดเปิดจำหน่ายจ่ายแลก และรับจองเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ (เหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบ) ณ สถานที่ดังต่อไปนี้

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เริ่มจำหน่าย จ่ายแลก วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ตามสถานที่ดังต่อไปนี้

– กรมธนารักษ์ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2278 5439, 0 2618 6340

– กองบริหารเงินตรา ถนนพหลโยธิน จังหวัดปทุมธานี โทร. 0 2565 7944

– พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2282 0820

– สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ 76 พื้นที่ทั่วประเทศ

– Online : www.treasury.go.th

เหรียญเฉลิมพระเกียรติ เริ่มจำหน่าย วันที่ 24 กรกฎาคม 2567

เหรียญที่ระลึก รับจอง วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 – 30 สิงหาคม 2567 ตามสถานที่ดังต่อไปนี้

– กรมธนารักษ์ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2278 5439, 0 2618 6340

– พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2282 0820

– พิพิธบางลำพู ถนนพระสุเมรุ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2281 9812

– พิพิธตลาดน้อย ซอยภาณุรังษี เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2233 7390

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0 5322 4237 – 8

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น โทร. 0 4330 6167

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดสงขลา โทร. 0 7430 7071

– Online : www.treasury.go.th

โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมธนารักษ์ โทร. 0 2059 4999 หรือ www.treasury.go.th และ Facebook กรมธนารักษ์ : The Treasury Department

สำหรับการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ครั้งนี้ ประกอบด้วย

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 5 ชนิด

1.เหรียญทองคำขัดเงา

– ชนิดราคา 20,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 50,000 บาท

2.เหรียญเงินขัดเงา

– ชนิดราคา 1,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 3,000 บาท

3.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 50 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 50 บาท

4.เหรียญโลหะสีขาวขัดเงา (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 20 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 200 บาท

และ 5.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 20 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 20 บาท

Advertisement

นายกฯ เชิญชวนประชาชนสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน ในโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี” ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 67

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เชิญชวนประชาชนแบ่งปันธารน้ำใจ สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกันในโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567”

วันนี้ (21 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บูรณาการความร่วมมือร่วมกับ สภากาชาดไทย ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดทำ “โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเพื่อสนับสนุนปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย สำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นการต่อชีวิตให้ผู้อื่น รวมถึงเสริมสร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันบริจาคโลหิตได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 ทั่วประเทศ ตามวันที่และสถานที่ ดังนี้

เดือนกรกฎาคม 2567

วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น

วันที่ 23 กรกฎาคม, อาคารนวม สุขุมวิท 21 กทม. และที่ว่าการอำเภอทัพถิ่น จ.อุทัยธานี

วันที่ 24 กรกฎาคม ตำรวจภูธรภาค 8 จ.ภูเก็ต, โรงพยาบาลตำรวจ กทม. และ สำนักงาน ป.ป.ท. กทม.

วันที่ 25 กรกฎาคม โรงพยาบาลตำรวจ กทม. และ โรงพยาบาลภูมิพล กทม.

วันที่ 26 กรกฎาคม โรงพยาบาลตำรวจ กทม., อาคารสำนักงานศาลยุติธรรม กทม., ตำรวจภูธรภาค 6 จ.พิษณุโลก และโรงพยาบาลปทุมธานี จ.ปทุมธานี

วันที่ 31 กรกฎาคม สำนักงานเขตวัฒนา กทม. และอาคารตำรวจภูธร จ. ยโสธร

เดือนสิงหาคม 2567

วันที่ 1 – 31 สิงหาคม ตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลกองทัพบกทั้ง 37 แห่งและหน่วยงานโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศ

วันที่ 2 สิงหาคม ที่ศาลาประชาคมจังหวัดตราด ที่สภากาชาดไทย กทม. และขอนแก่น

วันที่ 8 สิงหาคม กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กทม.

วันที่ 15 สิงหาคม บมจ.ไปรษณีย์ไทย กทม.

วันที่ 16 สิงหาคม สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี

วันที่ 20 สิงหาคม สำนักงานศาลปกครอง กทม.

วันที่ 22 สิงหาคม สำนักงานประกันสังคม (ส่วนกลาง) จังหวัดนนทบุรี

เดือนกันยายน 2567

วันที่ 1 – 30 กันยายน ตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น

วันที่ 13 กันยายน สำนักงาน ปปช.จังหวัดนนทบุรี

เดือนตุลาคม 2567

วันที่ 25 ตุลาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

วันที่ 31 ตุลาคม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กทม.

เดือนพฤศจิกายน 2567

วันที่ 14 พฤศจิกายน บมจ.ไปรษณีย์ไทย กทม.

วันที่ 21 พฤศจิกายน สำนักงานประกันสังคม (ส่วนกลาง) จังหวัดนนทบุรี

เดือนธันวาคม 2567

วันที่ 2 ธันวาคม ศาลาว่าการ กทม. 2

วันที่ 13 ธันวาคม สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2567 มีหน่วยงานเข้าร่วมจำนวน 65 หน่วยงาน จากทุกภาคส่วนทั่วประเทศที่ตั้งเป้าหมายการรับบริจาคโลหิตให้ได้ในจำนวน 10,000,000 ซีชี ภายในสิ้นปี 2567 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยผู้ป่วยได้ถึง 60,000 ราย โดยประชาชนที่สนใจสามารถศึกษาคุณสมบัติ การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการบริจาคโลหิตได้ที่ https://blooddonationthai.com/?page_id=735 และ https://blooddonationthai.com/?page_id=737

“นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แบ่งปันธารน้ำใจ ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่น สร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีมหามงคลนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ชาวไทยทุกคนสามารถแสดงความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมน้อมนำแนวพระราชดำริและพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นเข็มทิศในการดำเนินชีวิต อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนผลักดันการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคนให้อยู่ดีมีสุขโดยทั่วกัน” นายชัย กล่าว

Advertisement

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกรัฐมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 กรกฎาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกรัฐมนตรี

วันนี้ (20 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ช้างเผือก ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฎ แก่ นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม พุทธศักราช  2567

Advertisement

นายกฯ ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ลงเรือ ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งกำหนดให้จัดขึ้น ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2567) เวลา 08.30 น. ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี – ท่าวัดอรุณราชวราราม แขวงวชิร พยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยมี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วย

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงโรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี นายกฯ เดินเยี่ยมชมท่าสุกรี จากนั้น รับฟังการบรรยายสรุปเส้นทางขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จากนาวาเอกทรงชัย จิตหวัง หัวหน้านายทหารฝ่ายอำนวยการกรมการขนส่งทหาร

ต่อจากนั้น นายกฯ ลงเรือ ณ ท่าเทียบเรือ ท่าวาสุกรี เพื่อตรวจเส้นทางของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและท่าเทียบเรือ (เส้นทางท่าสุกรี – ท่าวัดอรุณราชวราราม) และร่วมถ่ายภาพร่วมกับคณะกรรมการจัดงาน ก่อนเดินทางกลับ

“การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ใช้เรือพระราชพิธี จำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ จัดขบวนเป็น 5 ริ้ว ความยาว 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร ใช้กำลังพลประจำเรือในขบวนเรือพระราชพิธี รวมทั้งสิ้น 2,200 นาย สำหรับงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กำหนดจัดให้มีขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 2567” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics