วันที่ 16 กันยายน 2024

นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (28 กรกฎาคม 2567)  เวลา 08.00 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ มหาวิทยาลัยของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชน  เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อนายกรัฐมนตรีถึงบริเวณเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง เดินขึ้นสู่เวที ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วถวายธูปเทียนแพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ความว่า

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศ ต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญงอกงามของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงดำรงพระองค์ เป็นแบบอย่างแก่บรรดาข้าราชการในการปฏิบัติงาน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดินด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เน้นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญพร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า …….(ออกนามของผู้กล่าว แต่ละบุคคล) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทมุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางพระบรมราโชวาทตลอดไป” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและร้องเพลงสดุดีจอมราชา เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบไปด้วยกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยกิจกรรมส่วนกลาง กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ท้องสนามหลวง กิจกรรมส่วนภูมิภาค กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือในสถานที่เหมาะสม ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้เชิญชวนหน่วยงานจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ โดยดำเนินการพร้อมกับพิธีที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง

Advertisement

ก.พาณิชย์ ขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 ก.พาณิชย์ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูกและพระราชทานพันธุ์กระท้อนให้แก่ราษฎรจังหวัดอ่างทอง เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” เป็นกระท้อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นกระท้อนพันธุ์ “ทองใบใหญ่” ณ วัดยางทอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” มีลักษณะผลค่อนข้างกลม ขั้วผลนูนเล็กน้อย เปลือกบาง ผิวนอกไม่เรียบ ผลสุกสีเหลืองทอง เนื้อหนานุ่ม ฉ่ำ ปุยเมล็ดมีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอมหวาน มีการขยายพื้นที่ปลูกทั้งอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบตะกอนน้ำพา มีชุดดินสิงห์บุรีที่มีธาตุโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง รวมถึงภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในเรื่องการเพาะปลูกของเกษตรกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ ประกอบกับลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีเมฆมากและฝนตกชุก ส่งผลให้กระท้อนมีรสชาติหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย และเจริญเติบโตได้ดี จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านรสชาติอันดับ 1 ของจังหวัดอ่างทอง และได้มีการจัดงานมหกรรมกระท้อนทองใบใหญ่ทรงปลูก เพื่อเผยแพร่ผลผลิตกระท้อนให้เป็นที่นิยมของตลาด จนสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี

ทัั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้า GI เป็นสินค้าสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 206 สินค้า มูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดที่สนใจนำสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์และเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถนำมาปรึกษาเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368 ได้

Advertisement

เชิญชวน ปชช.จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลเชิญชวน ปชช.จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

วันนี้ (22 กรกฎาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 ก.ค. 2567 กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรให้มีความร่มเย็นเป็นสุข เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรและความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน และเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลทั้งภายในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก

นายคารม กล่าวว่า กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังกำหนดเปิดจำหน่ายจ่ายแลก และรับจองเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ (เหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบ) ณ สถานที่ดังต่อไปนี้

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เริ่มจำหน่าย จ่ายแลก วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ตามสถานที่ดังต่อไปนี้

– กรมธนารักษ์ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2278 5439, 0 2618 6340

– กองบริหารเงินตรา ถนนพหลโยธิน จังหวัดปทุมธานี โทร. 0 2565 7944

– พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2282 0820

– สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ 76 พื้นที่ทั่วประเทศ

– Online : www.treasury.go.th

เหรียญเฉลิมพระเกียรติ เริ่มจำหน่าย วันที่ 24 กรกฎาคม 2567

เหรียญที่ระลึก รับจอง วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 – 30 สิงหาคม 2567 ตามสถานที่ดังต่อไปนี้

– กรมธนารักษ์ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2278 5439, 0 2618 6340

– พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2282 0820

– พิพิธบางลำพู ถนนพระสุเมรุ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2281 9812

– พิพิธตลาดน้อย ซอยภาณุรังษี เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2233 7390

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0 5322 4237 – 8

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น โทร. 0 4330 6167

– พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดสงขลา โทร. 0 7430 7071

– Online : www.treasury.go.th

โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมธนารักษ์ โทร. 0 2059 4999 หรือ www.treasury.go.th และ Facebook กรมธนารักษ์ : The Treasury Department

สำหรับการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ครั้งนี้ ประกอบด้วย

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 5 ชนิด

1.เหรียญทองคำขัดเงา

– ชนิดราคา 20,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 50,000 บาท

2.เหรียญเงินขัดเงา

– ชนิดราคา 1,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 3,000 บาท

3.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 50 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 50 บาท

4.เหรียญโลหะสีขาวขัดเงา (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 20 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 200 บาท

และ 5.เหรียญโลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)

– ชนิดราคา 20 บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ 20 บาท

Advertisement

นายกฯ เชิญชวนประชาชนสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน ในโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี” ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 67

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เชิญชวนประชาชนแบ่งปันธารน้ำใจ สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกันในโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567”

วันนี้ (21 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บูรณาการความร่วมมือร่วมกับ สภากาชาดไทย ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดทำ “โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเพื่อสนับสนุนปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย สำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นการต่อชีวิตให้ผู้อื่น รวมถึงเสริมสร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันบริจาคโลหิตได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 ทั่วประเทศ ตามวันที่และสถานที่ ดังนี้

เดือนกรกฎาคม 2567

วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น

วันที่ 23 กรกฎาคม, อาคารนวม สุขุมวิท 21 กทม. และที่ว่าการอำเภอทัพถิ่น จ.อุทัยธานี

วันที่ 24 กรกฎาคม ตำรวจภูธรภาค 8 จ.ภูเก็ต, โรงพยาบาลตำรวจ กทม. และ สำนักงาน ป.ป.ท. กทม.

วันที่ 25 กรกฎาคม โรงพยาบาลตำรวจ กทม. และ โรงพยาบาลภูมิพล กทม.

วันที่ 26 กรกฎาคม โรงพยาบาลตำรวจ กทม., อาคารสำนักงานศาลยุติธรรม กทม., ตำรวจภูธรภาค 6 จ.พิษณุโลก และโรงพยาบาลปทุมธานี จ.ปทุมธานี

วันที่ 31 กรกฎาคม สำนักงานเขตวัฒนา กทม. และอาคารตำรวจภูธร จ. ยโสธร

เดือนสิงหาคม 2567

วันที่ 1 – 31 สิงหาคม ตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลกองทัพบกทั้ง 37 แห่งและหน่วยงานโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศ

วันที่ 2 สิงหาคม ที่ศาลาประชาคมจังหวัดตราด ที่สภากาชาดไทย กทม. และขอนแก่น

วันที่ 8 สิงหาคม กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กทม.

วันที่ 15 สิงหาคม บมจ.ไปรษณีย์ไทย กทม.

วันที่ 16 สิงหาคม สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี

วันที่ 20 สิงหาคม สำนักงานศาลปกครอง กทม.

วันที่ 22 สิงหาคม สำนักงานประกันสังคม (ส่วนกลาง) จังหวัดนนทบุรี

เดือนกันยายน 2567

วันที่ 1 – 30 กันยายน ตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น

วันที่ 13 กันยายน สำนักงาน ปปช.จังหวัดนนทบุรี

เดือนตุลาคม 2567

วันที่ 25 ตุลาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

วันที่ 31 ตุลาคม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กทม.

เดือนพฤศจิกายน 2567

วันที่ 14 พฤศจิกายน บมจ.ไปรษณีย์ไทย กทม.

วันที่ 21 พฤศจิกายน สำนักงานประกันสังคม (ส่วนกลาง) จังหวัดนนทบุรี

เดือนธันวาคม 2567

วันที่ 2 ธันวาคม ศาลาว่าการ กทม. 2

วันที่ 13 ธันวาคม สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2567 มีหน่วยงานเข้าร่วมจำนวน 65 หน่วยงาน จากทุกภาคส่วนทั่วประเทศที่ตั้งเป้าหมายการรับบริจาคโลหิตให้ได้ในจำนวน 10,000,000 ซีชี ภายในสิ้นปี 2567 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยผู้ป่วยได้ถึง 60,000 ราย โดยประชาชนที่สนใจสามารถศึกษาคุณสมบัติ การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการบริจาคโลหิตได้ที่ https://blooddonationthai.com/?page_id=735 และ https://blooddonationthai.com/?page_id=737

“นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แบ่งปันธารน้ำใจ ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่น สร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีมหามงคลนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ชาวไทยทุกคนสามารถแสดงความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมน้อมนำแนวพระราชดำริและพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นเข็มทิศในการดำเนินชีวิต อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนผลักดันการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคนให้อยู่ดีมีสุขโดยทั่วกัน” นายชัย กล่าว

Advertisement

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกรัฐมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 กรกฎาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกรัฐมนตรี

วันนี้ (20 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ช้างเผือก ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฎ แก่ นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม พุทธศักราช  2567

Advertisement

นายกฯ ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ลงเรือ ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งกำหนดให้จัดขึ้น ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2567) เวลา 08.30 น. ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี – ท่าวัดอรุณราชวราราม แขวงวชิร พยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยมี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วย

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงโรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี นายกฯ เดินเยี่ยมชมท่าสุกรี จากนั้น รับฟังการบรรยายสรุปเส้นทางขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จากนาวาเอกทรงชัย จิตหวัง หัวหน้านายทหารฝ่ายอำนวยการกรมการขนส่งทหาร

ต่อจากนั้น นายกฯ ลงเรือ ณ ท่าเทียบเรือ ท่าวาสุกรี เพื่อตรวจเส้นทางของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและท่าเทียบเรือ (เส้นทางท่าสุกรี – ท่าวัดอรุณราชวราราม) และร่วมถ่ายภาพร่วมกับคณะกรรมการจัดงาน ก่อนเดินทางกลับ

“การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ใช้เรือพระราชพิธี จำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ จัดขบวนเป็น 5 ริ้ว ความยาว 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร ใช้กำลังพลประจำเรือในขบวนเรือพระราชพิธี รวมทั้งสิ้น 2,200 นาย สำหรับงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กำหนดจัดให้มีขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 2567” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน รวมน้ำใจ บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เฉลิมพระเกียรติในหลวง 6 รอบ 72 พรรษา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 กรกฎาคม 2567 “เกณิกา” เผย รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน เข้าร่วมโครงการรวมน้ำใจ บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ครบ 6 รอบ 72 พรรษา

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี บูรณาการร่วมกับสภากาชาดไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จัดทำโครงการ “รวมน้ำใจ บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเพื่อให้สภากาชาดไทยมีโลหิตสำรองสำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้ เป็นการต่อชีวิตให้ผู้อื่น และผู้บริจาคโลหิตมีจิตสำนึกของการทำความดีด้วยหัวใจ รู้จักการเป็นผู้ให้ เป็นการสร้างจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า เนื่องด้วยโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลจึงเห็นสมควรดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระราชนโบายเกี่ยวกับการแก้ไขและพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงการดำเนินโครงการที่เป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล และเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งการบริจาคโลหิตเป็นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย

ทั้งนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนที่มีจิตอาสาร่วมบริจาคโลหิตของท่าน เพื่อต่อชีวิตให้ผู้อื่นได้ ในวันอังคารที่ 9 กรกฏาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาลในส่วนของจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ จะมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ร่วมกันให้มีการบริจาคโลหิตตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567

Advertisment

ธปท.ออกใช้ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 มิถุนายน 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกใช้ธนบัตร 100 บาท เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยจัดทำทั้งสิ้น 10 ล้านฉบับ ประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อขอแลกธนบัตรที่ระลึกนี้ได้ที่ธนาคารตั้งแต่ 23 ก.ค.นี้

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดทำธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสแลกธนบัตรไว้เป็นที่ระลึก และมีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดี

ธปท.จัดทำธนบัตรที่ระลึกในชนิดราคา 100 บาท จำนวนทั้งสิ้น 10 ล้านฉบับ โดยธนบัตรได้รับการออกแบบเป็นแนวตั้ง เพื่อให้พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความโดดเด่น งดงาม มีความพิเศษแตกต่างจากธนบัตรหมุนเวียนทั่วไปซึ่งตัวธนบัตรมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ ภาพดอกรวงผึ้ง ดอกไม้ประจำพระองค์ ภาพพญานาคแสดงถึงปีนักษัตรปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ ภาพดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทยและได้จัดพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง บนวัสดุพอลิเมอร์ เพื่อให้มีความทนทาน รวมทั้งมีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงอย่างครบถ้วน

ธนบัตรที่ระลึกนี้สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจ่ายแลกในราคาฉบับละ 100 บาท พร้อมกันนี้ ธปท. ได้จัดทำแผ่นพับสำหรับธนบัตรที่ระลึกดังกล่าว จำนวน 2 ล้านชุด เพื่อจำหน่ายในราคาชุดละ 10 บาท โดยรายได้จากการจำหน่ายแผ่นพับทั้งหมด จะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถติดต่อขอแลกธนบัตรที่ระลึกนี้ได้ที่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และที่ศูนย์การเรียนรู้ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

Advertisment

นายกฯ เปิด “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 มิถุนายน 2567 นายกฯ เปิด “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” รวมพลังจิตอาสาทุกภาคส่วน ร่วมปลูกป่า บำรุงรักษาต้นไม้

วันนี้ (14 มิ.ย. 67) เวลา 13.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิด “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” โดยมี พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนเหล่าทัพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกฯ และผู้เข้าร่วมพิธี รับชมวีดิทัศน์ “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ต่อจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงานการดำเนินโครงการฯ

โอกาสนี้ นายกฯ กล่าวว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยรวมพลังจิตอาสาทุกภาคส่วนในการร่วมกันปลูกป่าและบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ คืนอากาศสะอาดให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการปลูกป่าทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านต้น โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรับลงทะเบียน จัดหาพันธุ์กล้าไม้ และรวบรวมข้อมูลการปลูกต้นไม้ของทุกหน่วยงาน องค์กร กลุ่มบุคคล เพื่อใช้ประกอบการดูแลรักษาต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็น 1 ใน 10 โครงการที่ดำเนินการในนามของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีโครงการของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ร่วมจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานทุกภาคส่วนได้ร่วมทำกิจกรรมในวาระสำคัญกับพี่น้องประชาชน จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและพี่น้องประชาชนร่วมกันแสดงออกถึงพลังแห่งความจงรักภักดี และความสามัคคีของปวงชนชาวไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งเพื่อร่วมกันสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนางานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้มีความยั่งยืนสืบไป

ต่อจากนั้น นายกฯ ได้มอบต้นกล้า “ต้นรวงผึ้ง” จำนวน 26 ต้น ให้แก่ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวง ผู้แทนเหล่าทัพและกรุงเทพมหานคร แล้วเยี่ยมชมบูธนิทรรศการฯ พร้อมถ่ายรูปร่วมกับคณะผู้บริหาร

“การจัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการฟื้นฟูและรักษาสภาพป่าต้นน้ำ รวมถึงการคืนสภาพโครงสร้างของระบบนิเวศให้กับผืนป่าทั่วประเทศ โดยรวมพลังจิตอาสาของทุกภาคส่วนในการร่วมกันปลูกป่าและบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อคืนธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ อันเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

นายกฯติดตามความก้าวหน้า โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โครงการ 10 คลองสวยน้ำใสคนไทยมีสุข

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 มิถุนายน 2567 ​นายกฯ ตรวจติดตามความก้าวหน้า โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโครงการ 10 คลองสวยน้ำใสคนไทยมีสุข ชื่นชมการปรับปรุงคลอง ฝาก กทม. ชูไฮไลท์และจัดกิจกรรมเด่น ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยว

วันนี้ (13 มิถุนายน 2567) เวลา 09.30 น. ณ สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในโครงการ 10 คลองสวยน้ำใสคนไทยมีสุข “คลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง-บางลำพู)” โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมลงเรือที่ป้อมมหากาฬ ไปถึงท่าเรือสะพานหัน คลองโอ่งอ่าง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ระหว่างลงเรือ นายกฯ รับฟังบรรยายโครงการพัฒนาคลองรอบกรุงตั้งแต่คลองโอ่งอ่างถึงคลองบางลำพู โดยสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร จากนั้น นายกฯ ขึ้นเรือที่บริเวณสะพานหัน คลองโอ่งอ่าง พร้อมกับเยี่ยมชมร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมคลองโอ่งอ่าง โดยนายกฯ พอใจกับการพัฒนาโครงการคลองโอ่งอ่าง ทำให้คนในพื้นที่มีอาชีพ และชื่นชมการปรับปรุงคลองโอ่งอ่างว่ามีบรรยากาศที่ดี สวยงาม สะอาดเป็นระเบียบ และน่าท่องเที่ยว พร้อมฝากกรุงเทพมหานครให้ดึงไฮไลท์และกิจกรรมเด่น ๆ มาประชาสัมพันธ์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว  รวมถึงโปรโมทคลองโอ่งอ่างสู่สายตานักท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก ขณะที่ประชาชนในชุมชนได้ขอให้นายกฯ และ กทม. รักษาความสะอาดเป็นระเบียบแบบนี้ตลอดไป

จากนั้น นายกฯ นั่งเรือต่อที่ท่าสะพานหันไปยังท่าเทียบเรือพิพิธภัณฑ์บางลำพู ริมคลองบางลำพู เขตพระนคร พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บางลำพู โดยมีมัคคุเทศก์น้อยนำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บางลำพู ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ฯ ได้จัดเตรียมและมอบของที่ระลึกเป็นผลิตภัณฑ์ปักชุดโขนชุดละครของชุมชนตรอกเขียนนิวาสน์ – ไก่แจ้ และแผนที่ท่องเที่ยวบางลำพูฉบับพกพาให้นายกฯ  จากนั้น นายกฯ ได้ชม concept ของพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นหน้าต่าง ที่เห็นทัศนียภาพจากป้อมมหากาฬสู่ป้อมพระสุเมรุ และฟังเกร็ดความรู้และเรื่องราวจากมัคคุเทศก์เด็กบางลำพู

เสร็จแล้ว นายกฯ เดินทางไปตรวจติดตามความก้าวหน้าการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและความก้าวหน้าในการประดับตกแต่งเรือพระที่นั่ง ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครต่อไป

Advertisement

Verified by ExactMetrics