วันที่ 29 เมษายน 2024

นำร่องจังหวัดอุดรธานี! สภาสตรีฯผนึกพลัง”พช.” รณรงค์ใส่ผ้าไทยทั่วประเทศ หนุนเศรษฐกิจชุมชนกว่า 9 พันล้าน

People Unity : สภาสตรีฯผนึกพลังกับ กรมพัฒนาชุมชน รณรงค์ใส่ผ้าไทยทั่วประเทศหนุนเศรษฐกิจชุมชนกว่า 9 พันล้านบาท ลงพื้นที่นำร่องจังหวัดอุดรธานี

วันที่ 19 ต.ค.2562 เวลา 09.49 น. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และ นางรชตพร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์และที่ปรึกษาประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และคณะกรรมการจากสภาสตรีแห่งชาติ ฯ

เพื่อร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ระหว่าง นายนิรัตน์ ดร.วันดี และองค์กรสตรีในจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยนางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง จ.อุดรธานี ดร. ประกายแก้ว รัตนะนาคะ นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนจังหวัดอุดรธานี แพทย์หญิงเฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจหญิง และวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี นายหมวดตรี ดร. ยงฤดี พูลทรัพย์ นายกสมาคมสตรีอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี รศ. ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติอุดรธานี โดยมีนายอิทธพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี นำสตรีในองค์กรมาร่วมงาน 50 คน และหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยองค์สตรี ในจังหวัดอุดรธานี จากอำเภอต่างๆ จำนวน ๒๕๐ คน เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ ห้อง ประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล

โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) และดร.วันดี ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ร่วมกันระหว่างสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีองค์กรสมาชิก จำนวน ๒๑๒ องค์กร กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ กับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุมพระกรุณานิวาสน์ 1 สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ให้ชาวโลกได้ชื่นชม อีกทั้งเพื่อเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่นให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยแก่ประชาชนทั่วไปทั่วประเทศ และยังสนับสนุนส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีในท้องถิ่นสภาสตรีแห่งชาติฯจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เพื่อรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าทอไทย ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพื่อช่วยกันสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งนี้ การใส่ผ้าทอไทยทุกผืน ก่อให้เกิดรายได้กระจายไปยังชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีกว่า 90% รายได้ที่เกิดจากการทอผ้าออกจำหน่ายจะสามารถช่วยสตรียกระดับคุณภาพชีวิต ส่งบุตรหลานให้มีโอกาสเล่าเรียน ดูแลครอบครัวได้เมื่อยามเจ็บป่วย สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

ดร.วันดี กล่าวว่า”หากคนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันสวมใส่ผ้าไทยในทุกวันทั้งประเทศ จะช่วยเป็นการส่งเสริมการทอผ้าในชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ถ้าคนไทยร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าไทย เพียง 30 ล้านคน จะมีความต้องการใช้ผ้าไทยถึง 300 ล้านเมตร/ปี เฉลี่ยราคาเมตรละ 300 บาทจะมีมูลค่ากว่าปีละ 9,000 ล้านบาท” ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯกล่าวเชิญชวน

เพื่อไทยยอมรับสภาพ ส.ส.หายเบี้องต้นสามเสียงโหวตงบฯปี63

People Unity : “สุทิน​”ประธานวิปฝ่ายค้านยอมรับสภาพ ส.ส.เพื่อไทย หายเบี้องต้นสามเสียงโหวตงบฯปี63

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา นายสุทิน​ คลังแสง​ ส.ส.มหาสารคาม​ พรรคเพื่อไทย(พท.)​ในฐานะประธานคณะกรรมการ​ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน​(วิปฝ่ายค้าน)​ ให้สัมภาษณ์​ก่อนการอภิปรายร่าง​พระราช​บัญญัติ​(พ.ร.บ.)​งบประมาณ​รายจ่ายประจำปีงบประมาณ​พ.ศ.​2563 วันที่​ 3 ว่า​ ขณะนี้เหลือเวลาอภิปรายอยู่ประมาณ​ 7​ ชั่วโมง​ หากทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย​ การพิจารณา​ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ​ รวมถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)​น่าจะเสร็จ​ภายใน​ 21.00 น.

นายสุทิน กล่าวว่าภาพรวมการอภิปรายวันนี้​ ฝ่ายค้านจะอภิปรายถึงโจทย์ที่ยังติดใจอยู่และรัฐบาลยังไม่ตอบ​เช่น​ การประมาณการณ์รายรับและการบริหารงบ​ เพราะปีที่แล้ว​ การใช้งบประมาณใช้ไปเพียง​ 60​ เปอร์เซ็นต์​ แทนที่จะได้กระตุ้นเศรษฐ​กิจ​จากงบเหล่านี้ ก็ทำไม่ได้​ ขณะที่ปีนี้มีเวลาใช้งบเพียง 8​ เดือน​ จะเข้าตำรา​ “คนจนกู้เงินใช้ไม่หมด” หรือไม่

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการโหวตร่างพ.ร.บ.​งบประมาณฯ​ ว่า​ ฝ่ายค้านจะประชุมกันในช่วงเที่ยงวันนี้​ มั่นใจว่าเสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน​ แต่รายละเอียด​ของแต่ละพรรคเราไม่ทราบ​

ผู้สื่อข่าวถามว่า​ จะมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่โหวตไปในแนวทางเดียวกับพรรคหรือไม่​ นายสุทินกล่าวว่า​ แต่ละพรรคคงมีอยู่แล้ว​ แม้เรื่องดังกล่าวเป็นเอกสิทธิ์​ แต่เชื่อว่าส.ส.แต่ละพรรคจะมีวินัย​ ดำเนินการตามแนวทางของพรรค​ บทลงโทษขณะนี้ยังไม่มี​ แต่อาจจะมีในช่วงของการพิจารณา​ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงการส่งเสริมความก้า​วหน้าในพรรค​ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง​แต่ถึงอย่างไร​ เราก็ต้องฟังเหตุผลการชี้แจงของเขาด้วย​

เช่น​ ของพรรคเพื่อไทย​ วันนี้ก็มีนอนโรงพยาบาล​อยู่​ อาทิ​ นายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์​ ส.ส.บึงกาฬ​ นายจักพรรดิ​ ไชยสาส์น​ ส.ส.อุดรธานี​ และถ้ารวมกับนายนวัธ​ เตาะเจริญสุข​ ส.ส.ขอนแก่น​ ที่ต้องคำพิพากษา​อยู่​ก็จะทำให้เสียงของเพื่อไทยหายไป​ 3 คน​

เมื่อถามว่า​ สภาฯจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญอีกครั้งในวันที่​ 1 พฤศจิกายน​ ฝ่านค้านจะยื่นอภิปราย​ไม่ไว้วางใจ​เลยหรือไม่​ นายสุทินกล่าวว่า​ ต้องดูตามความสมควร​ และเ​ท่าที่ดูข้อมูลก็พอจะมีเหตุและหลักเกณฑ์​ที่ต้องลงแซ่​ เช่น​ การไม่ปฏิบัติตาม​กฎหมาย​โดยเฉพาะ​เรื่องเงินนอกงบประมาณ​ ที่จะไปขัดกับเรื่องวินัยการเงินการคลังได้​ และคิดว่าจะยื่นอภิปราย​ภายในสิ้นปีนี้​ เพราะการอภิปราย​ไม่ไว้วางใจ​จะทำได้ปีละ​ 1 ครั้งตามวงรอบปฏิทิน​

“ธนกร”เย้ย อนค.ผิดฟอร์มถกงบฯปี63 หลัง”ธนาธร”ออกอาการร่อแร่

People Unity : “ธนกร”มั่นใจงบ63 ผ่านฉลุย ชี้รัฐบาลชี้แจงได้ชัดเจน ชม”บิ๊กตู่”ใจเย็น ชี้แจงได้ทุกรายละเอียด เย้ยอนค. อภิปรายผิดฟอร์ม หลัง”ธนาธร”ออกอาการร่อแร่

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไป ความจำเป็น ความเหมาะสม และความคุ้มค่าของการจัดทำงบประมาณ ขณะที่ฝ่ายค้านก็อภิปรายตามปกติ ไม่ได้เข้มข้นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็คงทำการบ้านมาอย่างดี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วเห็นว่าการจัดทำงบประมาณเป็นประโยชน์กับประชาชนจึงไม่ได้คัดค้านอะไรมากมาย หรือดุเด็ดเผ็ดร้อนเอาเป็นเอาตายเหมือนในอดีต

นายธนกร กล่าวอีกว่า การอภิปรายครั้งนี้ต้องขอชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ที่ใจเย็น มีอารมณ์ขัน และสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ตนเจอส.ส.ฝ่ายค้านบางคนก็ยังพูดชมท่านนายกฯ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า งบประมาณปี63ประชาชนได้ประโยชน์ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย เพราะประชาชนรออยู่ ตนอยากให้บรรยากาศเป็นแบบนี้ เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน หากอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการฯ อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์สูดสุดกับพี่น้องประชาชน รัฐบาลเดินหน้าดำเนินการแน่นอน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ขณะที่การอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่นั้น เข้าใจได้ว่าส.ส.หลายท่านคงไม่มีกะจิตกะใจ เพราะหัวหน้าพรรคกำลังเหนื่อยหลายเรื่อง เหมือนคำพระที่ว่า กัมมุนาวัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมที่จะตามมา

“สุวิทย์”แจงสภาฯ เร่ง Re-skill Up-skill คนรับดิสรัปชั่น

People Unity : “สุวิทย์” แจงสภาฯ อว.เร่งพัฒนาคนทั้งการศึกษา ในและนอกระบบ รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงภารกิจสําคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คือ การเตรียม ประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีภารกิจสําคัญสามเรื่อง คือ การสร้างและพัฒนาคน การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เรื่องการสร้างคน ภารกิจ อว. ไม่ได้เน้นการผลิตบัณฑิตอย่างเดียวแล้ว ซึ่งการผลิตบัณฑิตแต่ละปี ประมาณ 2.5 ล้านคน แต่ต้องขยายไปถึงคนที่อยู่ในการทํางาน จําเป็นต้อง Re-skill Up-skill เพราะโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน แรงงานที่มีอยู่อาจตกงาน และต้องมีการเปลี่ยนงานมากกว่า 38 ล้านคน ประเด็นที่หลายท่าน ได้อธิบายไปแล้วเรื่องคนสูงวัยนั้น ภารกิจ อว. คือ การทํางานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อการศึกษาและเรียนรู้ ของคนสูงวัยจํานวน 11 ล้านคน บทบาทนี้ไม่เพียงแต่การศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต อีกประเด็น หนึ่งซึ่งมีสมาชิกบางท่านห่วงใยเรื่องการเปิดหลักสูตรจํานวนมาก ซึ่งหลักสูตรจํานวนหนึ่งเป็นหลักสูตรที่ตอบ โจทย์อาชีพ เช่น บัณฑิตพันธุ์ใหม่ ไม่เพียงแต่การเรียนการสอนในระบบ Degree แต่มี Non-degree ด้วย

นอกจากนี้เรื่องการสร้างองค์ความรู้ การลงทุนวิจัยและพัฒนา 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วน 0.48% ต่อ GDP วันนี้ ได้ขยับขึ้นเป็น 1.1% ต่อ GDP และจะเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี ควรขยับจาก 1.1% เป็น 1.5% ต่อ GDP หรือ 280,000 ล้านบาท ซึ่งงบวิจัย 80% จะมาจากเอกชน เป็นตัวคูณสมทบเพิ่มไปอีก 4-5 เท่า ของงบ วิจัยภาครัฐ 24,000 ล้านบาท

ส่วนประเด็นคําถามที่ว่างานวิจัยจะไปสู่จุดไหนนั้น จากเดิมเป็นเบี้ยหัวแตก ต่างคนต่างทํา แต่ อว. มุ่งเน้นว่าการวิจัยต้องตอบโจทย์ประเทศ โจทย์เอกชน โจทย์จากชุมชน โดยแบ่งงานเป็น 4 ส่วน คือ 1) การ พัฒนาคน (Brain power และ Man power) 2) การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3) การลดความเหลื่อมล้ํา พัฒนาพื้นที่ ให้ความสําคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และ 4) การวิจัยตอบโจทย์ท้าทายสังคม เช่น ปัญหาขยะ ภาวะ โลกร้อน ซึ่งได้แบ่งเป็น 16 โปรแกรม

จุดสําคัญคือ งานวิจัยต้องมีเป้าหมาย นายกรัฐมนตรีจึงเน้นเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรวมด้านเกษตร อาหาร การแพทย์ สุขภาพ พลังงาน วัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างมูลค่า ได้ 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21% GDP และจะขยับเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ประชาชน 18 ล้านคน จะได้ประโยชน์ เช่น จากการยกระดับเกษตรกรเป็น Smart farming การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้าง งานเพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกร เพิ่มขึ้น

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะเรียนเพิ่มเติมคือ อว. ขับเคลื่อนงานรองรับโดยการยกเครื่องมหาวิทยาลัย ภารกิจที่ผ่านมา คือ การเดินหน้าปลดล็อกข้อจํากัดของมหาวิทยาลัย แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 Track หรือ ลู่วิ่ง มหาวิทยาลัย จะตอบตัวเองว่าจะวิ่งลู่ไหน ลู่วิ่งที่ 1 มหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้แข็งนานาชาติ/ระดับโลก ลู่วิ่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นเทคโนโลยีและภาคอุตสาหกรรม ลู่วิ่งที่ 3 ซึ่งต่อไปจะมีความสําคัญมาก คือ มหาวิทยาลัย เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่

“บิ๊กตู่”ปัดจัดงบฯปี 63 ให้สิทธิพิเศษนักธุรกิจ ผ่อนชำระได้!อย่ากลัวหนี้สาธารณะเกินเพดาน

People Unity : “บิ๊กตู่” ยันจัดทำงบฯปี63 ทั่วถึงทั้งประเทศ ปัดให้สิทธิพิเศษนักธุรกิจ แต่ต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุน ลั่น ไม่สนิท-ไม่ขัดแย้งกับใคร อย่ากลัวหนี้สาธารณะเกินเพดาน เหตุประเทศมีความสามารถผ่อนชำระ

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันสุดท้ายว่า รู้สึกพอใจกับการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯในห้วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งตนก็รับฟังทั้งหมด สิ่งไหนที่เป็นเรื่องดีก็จะนำไปบูรณาการ

ทั้งนี้ งบประมาณของแต่ละกระทรวงได้มากน้อยลดหลั่นกันไป ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เช่น การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการและนำปัญหาที่ใหญ่ที่สุดมาจัดการ บางครั้งต้องใช้งบประมาณบูรณาการหรืองบของกระทรวงอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ และถ้ามีปัญหาเร่งด่วนก็สามารถดึงงบกลางมาใช้ได้

ทั้งนี้ งบกลางจำนวน 4 แสนล้าน มองดูเหมือนจะมาก แต่เราใช้ในภาระต่าง ๆจำนวนมาก ทั้งเรื่องเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ยังไม่รวมถึงการช่วยเหลือน้ำท่วมซึ่งใช้งบหลายหมื่นล้าน ตลอดถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาต่างๆ ยืนยันว่าการใช้งบกลางไม่ได้ใช้จ่ายไปเรื่อยเปื่อย ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร) ทุกจังหวัดก็มีการเสนอโครงการเร่งด่วนเข้ามา ตนก็ต้องนำมาดูว่าสามารถปรับใช้งบประมาณตรงไหนได้บ้าง โดยเน้นในเรื่องแผนงานต่างๆ ถ้างบประมาณยังไม่เพียงพอ เราก็จะนำงบกลางเติมลงไปให้

นายกฯกล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหม ซึ่งวันนี้อาจไม่ทราบกันว่าทหารทำอะไรบ้าง เฉพาะกองทัพบก เรามี 7 กองกำลังที่อยู่ตามชายแดน จำนวนหลายหมื่นคนที่ต้องทำงานทุกวัน ทั้งเรื่องการสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมาย นี่คือหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ซึ่งเราให้ความสำคัญ โดยได้แยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมา และตนได้ย้ำว่าจะต้องมีโครงการลงไปในพื้นที่

ดังนั้นการทำแผนงบประมาณครั้งนี้ เราเน้นว่าทำอย่างไรให้เกิดความทั่วถึง พื้นที่ไหนเร่งด่วนก็ทำก่อน เช่น การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้เรามีแผนงานและโครงการกว่า 2,000 โครงการ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากติดปัญหาหลักอยู่ที่งบประมาณและที่ดินของประชาชน ซึ่งตามหลักการแล้ว ตนก็ยอมรับในความคิดเห็นของทุกคนว่าแต่ละคนต้องการสิ่งต่างๆ เพราะเข้าใจว่าความขาดแคลนมีเยอะ แต่เราก็ทยอยดำเนินการแก้ปัญหา ขณะที่งบประมาณมีจำกัด ต้องบูรณาการจัดสรรไป

ปัจจุบันนี้ภารกิจมีจำนวนมากที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ยอมรับว่าที่ผ่านมางบประมาณที่ใช้ไปกับการรักษาพยาบาล การแก้ไขปัญหาสินค้าการเกษตร มีเป็นจำนวนมาก และในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาสำคัญที่ต้องคิดคือเราจะหาเงินเข้าประเทศอย่างไร การลงทุนภายในประเทศของเราเองก็ติดขัดเรื่องกฎหมาย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเขาปลดล็อกเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้ การลงทุน หลายคนก็มาบอกว่าเอื้อประโยชน์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะภาษีเราก็ได้มาจากเขา จึงจะต้องสนับสนุนให้มีการลงทุน ดังนั้นต้องสนับสนุนให้มีการลงทุนภายในประเทศของเราเอง โดยยึดกฎหมายทุกฉบับ

“ยืนยันว่านายกฯไม่มีสนิทสนมกับใคร ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น จะให้สิทธิพิเศษใครไม่ได้ ทุกอย่างต้องผ่านการประมูล ซึ่งงบประมาณตรงนี้เรามีอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท ก็จะไปช่วยเสริม ไปช่วยเรื่องการลงทุนอย่างต่ำ 20 เปอร์เซ็นต์ตามที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งเราก็จัดสรรได้มากที่สุดในขณะนี้ จะเห็นว่า 20 เปอร์เซ็นต์ตรงนี้พร้อมที่จะลงทุน ทั้งในเรื่องรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน รถไฟรางเดี่ยวในต่างจังหวัดซึ่งต้องทำให้ทั่วถึง โดยเงินลงทุนทั้งหมดมาจากภาคเอกชน จากเดิมที่เป็นการลงทุนของภาครัฐอย่างเดียว โดยการกู้เงิน ก็จะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ หนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่จำนวน 41 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่น่ากังวล หากมองตัวเลขอาจจะดูน่ากลัว แต่ก็สูงตามค่าจีดีพี ไม่อยากให้มากังวลตรงนี้เพราะเรามีขีดความสามารถในการใช้หนี้ ในส่วนของหนี้ระยะสั้นอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ขณะที่หนี้ระยะยาวก็ผ่อนชำระไป เมื่อหาเงินได้มากขึ้น เราก็ผ่อนเงินต้น แล้วก็น่าจะกู้ใหม่ได้อีกประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้จะต้องไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ต่างประเทศมีหนี้สาธารณะ 200 เปอร์เซ็นต์ แต่เขามีขีดความสามารถในการผ่อนชำระ รวมถึงมีอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งของเราก็กำลังจะเดินไปตรงนี้ แต่ต้องใช้เวลา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯยังกล่าวยืนยันอีกว่า ไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ถ้ามาบอกว่ารัฐบาลไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันไม่น่าจะได้ ซึ่งตนเกรงว่าประชาชนจะไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างการรับรู้ของประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ หากทุกคนเรียกร้องพร้อมกันทั้งหมด ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาได้ การนำหลักการของประเทศต่างๆมา ตนก็นำมาใช้ ตนรู้และผ่านการศึกษามา และตนก็เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง เอกสารหรือโครงการต่างๆที่น่าสนใจ ตนก็กลับมาดูว่าสามารถนำมาปรับใช้กับประเทศของเราได้หรือไม่ แต่ปัญหาของประเทศเราติดอยู่ที่งบประมาณ และความเข้าใจของประชาชน ปัญหาในปัจจุบันมันมีมากกว่าสิ่งที่เราคิดทำ และบางอย่างก็ติดปัญหาด้านกฎหมาย ซึ่งตนก็โทษใครไม่ได้ และยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งประชาชน อย่ามาแยกแยะว่ากลุ่มนี้รวย กลุ่มนี้จน เพราะคนรวยก็มีความเสี่ยงในเรื่องการลงทุน ในขณะที่รัฐบาลก็ดูแลเรื่องการแข่งขันให้เกิดความเท่าเทียมกัน ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร และสิ่งที่ตนจะเตือนเพราะการพูดจาในสภาฯถูกถ่ายทอดไปสู่ประชาชน และบางครั้งประชาชนเขาไม่ได้รับฟังในสิ่งที่รัฐบาลชี้แจง เขาฟังสิ่งที่ฝ่ายค้านพูด ซึ่งฟังแล้วก็ดูดีหมด ในส่วนของตนก็คิดว่าดีทุกเรื่อง แต่ต้องมาดูว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน

“ธนาธร”อภิปรายงบฯปี63นอกสภาฯ ลุยต่อช่วย”ไพรัฏฐโชติก์”หาเสียงนครปฐม

People Unity : “ธนาธร”ลุยต่อลงพื้นที่ช่วย “ไพรัฏฐโชติก์” เลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 ขอพี่น้องสามพรานเป็นแรงบันดาลใจให้เขตเลือกตั้งซ่อมอื่นทั่วประเทศ พร้อมอธิปรายงบฯปี 2563 นอกสภาฯ

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ช่วย นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 5 ของพรรคอนาคตใหม่ หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่จะมาถึงในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยในช่วงเช้านายธนาธร ลงพื้นที่ในตลาดสมภพพลาซ่า เดิแจกใบปลิวพร้อมแนะนำผู้สมัครให้กับพ่อค้าแม่ขายตามแผงเรียงกันไปทั้งตลาด บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น​ พ่อค้าแม่ขายในตลาดต่างให้กำลังใจและหยิบโทรศัพท์​มือถือขึ้นมามาเซลฟี่กับนายธนาธรอย่างเป็นกันเอง

นายธนาธร กล่าวว่า หากพรรคในฝ่ายประชาธิปไตยชนะในเขตเลือกตั้งซ่อมทั้งหมด อาจจะทำให้เปลี่ยสมการ เปลี่ยนสมดุล​ทางการเมืองได้ เขต 5 จ.นครปฐม จึงเปรียบเหมือนเป็นโดมิโน​ตัวแรก ถ้าที่นี่แสดงให้เห็นได้ ถ้าประชาชนไม่ให้การสนับสนุน​รัฐบาล​ชุดนี้ ก็อาจจะเกิดโดมิโน ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง​รัฐบาล​ โดยไม่ใช้ความรุนแรงผ่านกลไลรัฐสภา​ ตนอยากให้พี่น้องชาวสามพราน เป็นกำลังใจ และเป็นแรงบันดาลใจ​ ให้กับเขตเลือกตั้งซ่อมอื่นทั่วประเทศ

ทั้งนี้นายธนาธร ยังได้กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ​รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า เราเห็นช่องว่างในสิ่งที่รัฐบาลพูดและรัฐบาลทำ งบประมาณ​ฉบับ​นี้ไม่สามารถแก้ปัญหา​ความเหลื่อมล้ำได้ งบประมาณฉบับ​นี้ไม่สามารถแก้ปัญหา รัฐราชการรวมศูนย์​อยู่ที่กรุงเทพฯได้ งบประมาณฉบับนี้ไม่มีการลงทุนที่เพียงพอ สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้นถ้าประชาชนติดตามการอภิปรายของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นอกจากจะวิจารณ์​การใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพ​แล้ว เรายังเสนอทางออก และให้ข้อคิดเห็นไปอีกด้วย ว่าถ้าเป็นอนาคตใหม่จะจัดสรรงบประมาณอย่างไร เพราะพรรคอนาคตใหม่ต้องการจะสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายธนาธร ลงพื้นที่ตลาดสมภพเรียบร้อยแล้ว ได้ขึ้นรถแห่ เพื่อใช้เครื่องกระจายเสียง จากตลาดสมภพไปยังซอยโรมัน โดยระหว่างที่นายธนาธร ขึ้นรถแห่เพื่อหาเสียงช่วยนายไพรัฏฐโชติก์ ประชาชนสองข้างทางได้โบกไม้โบกมือให้การต้อนรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดสองข้างทาง

ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่ จะมีการปราศรัย​ใหญ่ก่อนการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 สามพราน จ.นครปฐม​ในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.)​ ที่ตลาดธันยา ตั้งแต่เวลา17.00 น. เป็นต้นไป

“บิ๊กตู่”ยันรัฐบาลตั้งใจแก้น้ำท่วมแต่งบฯไม่เพียงพอ

People Unity : “บิ๊กตู่”ยันรัฐบาลตั้งใจแก้ไขปัญหาบริหารจัดการน้ำ แต่ไม่สามารถแก้ไขทีเดียวได้ทั้งหมด เพราะงบฯไม่เพียงพอ ต้องคำนึงถึงที่ดิน ปชช.ยันรัฐไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วันที่ 18 ต.ค.2562 หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า การจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำและการพัฒนาลุ่มน้ำ ไม่เหมาะสม เพราะจัดสรรงบประมาณแบบรัฐรวมศูนย์ราชการเป็นใหญ่ ทั้งนี้พบการจัดสรรงบประมาณที่เน้นการเยียวยามากกว่าเตรียมพร้อม หรือรักษามากกว่าการป้องกันวิกฤต ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำควรนำตัวอย่างจากต่างประเทศมาพิจารณา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กบช. ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า มีการบูรณาการหลายหน่วยงานและทำงานในรูปแบบคณะกรรมการเพื่อบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ซึ่งการแก้ไขปัญหาจะมองด้านใดด้านหนึ่งว่าอุทกภัยหรือภัยแล้งอย่างเดียวไม่ได้ แม้จะมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ แต่ปัญหาคือการบริหารจัดการกักเก็บน้ำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วม และมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวทางการบริหารจัดการน้ำว่า ต้องไม่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งในกรณีจำเป็นเร่งด่วนก็ต้องใช้งบฯกลางแก้ไขทั้งสิ้น แต่สมาชิกหลายคนกลับพยายามอภิปรายเสนอตัดงบฯกลาง แต่ปัญหาคือไม่มีทางแก้ไขได้ 100 % เนื่องจากยังมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของประชาชน ทั้งการพัฒนาระบบชลประทานการจัดทำบ่อกักเก็บน้ำ รวมถึงการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก เนื่องจากมีอุปสรรคเกี่ยวกับพื้นที่ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน รวมถึงการแก้ไขปัญหาไม่สามารถทำได้ทีเดียวทั้งหมด เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้งเกษตรกร พยายามแก้ไขปัญหา แต่ต้องคำนึงถึงขั้นตอนที่ซับซ้อนด้วย จะเอาแต่หลักวิชาการอย่างเดียวมาแก้ปัญหาคงไม่ได้ ต้องเอาพฤติกรรมและความเป็นคนไทยมาพิจารณา เพื่อแก้ปัญหาแบบบูรณาการ รวมถึงขอให้ ส.ส.ไปพูดคุยกับประชาชนและหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย หากสามารถดำเนินการได้ รัฐบาลก็มีงบประมาณแก้ปัญหาให้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ และมีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้มีพื้นที่ชลประทานมากขึ้นและน้ำจะไม่ท่วม

“ช่อ”อัด”บิ๊กตู่” 5 ปีใช้งบฯดับไฟใต้ 8 หมื่นล้านเหลว

People Unity : “ช่อ”อัด”บิ๊กตู่” 5 ปีใช้งบฯดับไฟใต้ 8 หมื่นล้านเหลว สาเหตุอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำ ขณะที่ รมช.กห. ย้ำจัดสรรงบฯชายแดนช่วยสร้างสันติสุข

วันที่ 18 ต.ค.2562 น.ส.พรรณิการ์ วาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายเรื่องงบประมาณด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม ว่า งบฯ ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งกว่า 16 ปีที่มีความขัดแย้งมากที่สุดในโลก มีคนเสียเสียชีวิตกว่า 4 พันราย บาดเจ็บนับหมื่นราย ตนดีใจที่นายกฯ ลุกขึ้นตอบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แต่ 5 ปีที่เป็นนายกฯ มาใช้งบฯ จัดการปัญหาภาคใต้ไปถึง 81,924 ล้านบาท เฉลี่ยประชาชนเสียภาษีให้กับการแก้ไขปัญหานี้วันละ 56 ล้านบาท แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้แก้ปัญหาไม่สำเร็จ เพราะติดที่วิสัยทัศน์ผู้นำ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ งบฯ ที่ลงสู่จังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช่แค่ 1 หมื่นกว่าล้านบาทที่อยู่ในแผนบูรณาการ รวมแผนพื้นฐานงบจังหวัด กลุ่มจังหวัด งบฯบุคลากร แผนยุทธศาสตร์ต่างๆ รวมแล้ว 36,561 ล้านบาท ปีนี้ลดลงไป 520 ล้านบาท ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นองค์กรสำคัญที่รัฐใช้ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาชายแดนใต้ แต่มีอำนาจในการแทรกแซงการใช้งบฯ 36,561 ล้านบาท โดยเฉพาะงบจังหวัด ทั้งที่ในพื้นที่อื่น กอ.รมน.ไม่มีอำนาจในการแทรกแซง ซึ่งปี 2561 เบิกจ่ายงบฯ ของตัวเองได้แค่ 77 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหน่วยงานรัฐทั้งประเทศ

“ความรุนแรงภาคใต้ลดลงปีละ10เปอร์เซ็นต์ และนายกฯ บอกว่าที่ลดลงเพราะกลุ่มผู้ก่อการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ เป็นการยกระดับปัญหาไปสู่เวทีนานาชาติจึงจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงน้อยลง เพื่อให้เกิดการยอมรับในนานาชาติ ฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่ความสำเร็จของแผนบูรณาการของรัฐบาล ไม่ใช่ตัวชี้วัดอะไรได้ และตัวชี้วัดในเรื่องการพูดคุยสันติภาพก็ไม่มี พยายามเปิดอ่านก็ไม่มี ตัวชี้วัดดังกล่าวเคยเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการวัดความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ คือการพูดคุยสันติภาพมีความคืบหน้า แต่ตอนนี้ตัวชี้วัดนั้นไม่มีและไม่ได้รับการพูดถึงในแผน ไม่ทราบว่าความฝันที่จะสร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้เป็นความฝันเดียวกับที่ประชาชนต้องการหรือไม่ หรือตกลงสันติภาพสร้างที่ปลายกระบอกปืน หรือสันติภาพสร้างบนการเคารพสิทธิมนุษยชน” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

“พงศกร”ชงสภาตัดงบมั่นคง 2.6 หมื่นล้านหนุนเศรษฐกิจแทน

พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเสนอให้ใช้งบประมาณน้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นการเพิ่มงบในสัดส่วนกองทัพอากาศ 2 ส่วน และกองทัพบกกับกองทัพเรือฝ่ายละ 1 ส่วน โดยชี้ถึงยุทธวิธีการรบสมัยใหม่ที่เน้นการโจมตีทางอากาศเป็นส่วนใหญ่ ต่างจากการรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ใช้กำลังภาคพื้นเป็นหลัก แต่การจัดสรรงบประมาณกลับเน้นไปที่กองทัพบก 2 ส่วน ส่วนกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ฝ่ายละ 1 ส่วน ทั้งที่ควรจะจัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพอากาศมากที่สุด เพื่อประหยัดงบประมาณเกี่ยวกับกำลังพล

ทั้งนี้ พล.ท.พงศกร ขอให้คำนึงถึงการเพิ่มงบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารให้เพียงพอ เพื่อนำไปสู่การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ภายในประเทศ ลดภาระงบประมาณในการจัดซื้อจากต่างประเทศ รวมทั้งเสนอปรับลดงบประมาณด้านความมั่นคง 26,335 ล้านบาท เพื่อให้วางแผนการใช้งบประมาณด้วยการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ แล้วจึงสร้างความมั่นคงด้วยการกำหนดการพัฒนากองทัพให้ชัดเจน

รมช.กห.ย้ำจัดสรรงบฯชายแดนช่วยสร้างสันติสุข

ขณะที่พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2563 มีการจัดสรรงบประมาณ 7 กระทรวง 53 หน่วยงาน ตามแผนบูรณาการพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหา นำไปสู่การลดความรุนแรง สร้างชุมชนเข้มแข็ง และร่วมกันปกป้องสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งในแผนบูรณาการประกอบด้วยงานด้านความมั่นคง 5,500 ล้านบาท และงานด้านการพัฒนา 5,300 ล้านบาท โดยด้านความมั่นคง มีเป้าหมายเหตุรุนแรงลดลง ประชาชนและนานาชาติให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามความสำคัญของแผนบูรณาการ คือการพัฒนาให้สังคมทุกหมู่เหล่าอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

“วราวุธ”ยันช้างป่าล้ม 11 ตัวไม่ใช่ 13 วอนโซเชียลหยุดแชร์ข้อมูลเท็จ

People Unity : “วราวุธ”ยันช้างป่าล้ม 11 ตัวไม่ใช่ 13 วอนโซเชียลหยุดแชร์ข้อมูลเท็จ จะยิ่งเหมือนซ้ำเติมและบั่นทอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข้อมูลผ่านโซเชียลระบุพบซากช้างป่าตกเหวนรกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพิ่มอีก 2 ซาก รวมเป็นช้างป่าล้ม 13 ตัวนั้น ขอชี้แจงว่า ข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง ยืนยันว่ามีช้างล้มจากกรณีดังกล่าว 11 ตัว ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

“การโพสต์หรือแชร์ข้อมูลข่าวช้างป่าตกเหว หากเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจะยิ่งเหมือนซ้ำเติมและบั่นทอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอยู่ในพื้นที่ขณะนี้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และช้างที่ตายมีเพียง 11 ตัวเท่านั้น ดังนั้น ผมขอร้องผู้ที่คิดจะโพสต์หรือแชร์ข่าวนี้ กรุณาใช้วิจารณญาณให้มากๆ และตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องด้วย อย่าใจร้อน” นายวราวุธ กล่าวและว่า

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กำลังเร่งทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงขอวอนให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทุกคน

“ธนาธร”ขอโทษพาดพิง”ทักษิณ”ไม่เหมาะสมในศาลรธน.

People Unity : “ธนาธร”โพสต์เฟซบุ๊ก ขอโทษพาดพิง”ทักษิณ” ไม่เหมาะสมในศาลรธน. ขณะที่ “หมวดเจี๊ยบ” สุดข้องใจถามทำไมต้องพูดแขวะ

วันที่ 18 ต.ค.2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว”Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ขอโทษที่มีการพูดพาดพิงถึงอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร โดยมีเนื้อหาว่า เมื่อกลับมาฟังสิ่งที่ผมพาดพิงถึงคุณทักษิณในระหว่างการไต่สวนในศาลวันนี้ ผมยอมรับว่าตนเองกระทำไม่เหมาะสมที่กล่าวถึงบุคคลที่สามเช่นนั้นผมเองเจตนาจะบอกว่า ผมตั้งใจที่จะออกจากธุรกิจเมื่อตัดสินใจเข้าสู่การเมือง และทราบดีว่าสังคมจ้องจับตาเรื่องนี้ จึงพยายามสร้างมาตรฐานให้มากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ด้วยบรรยากาศในศาลทำให้ผมสื่อสารออกมาผิดพลาด ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

“หมวดเจี๊ยบ”สุดข้องใจถามทำไมต้องพูดแขวะ

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงต้องกล่าวพาดพิงถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้ได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ นายธนาธร ควรต้องเอาพยานหลักฐานไปแสดงต่อศาล เรื่องการถือหุ้นสื่อ แต่ก็แปลกเพราะพอเป็นเรื่องของตัวเอง นายธนาธร กลับอ้างว่า จำเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้เลย แม้แต่เรื่องง่ายๆ ที่คนมีสติสัมปชัญญะ โดยเฉพาะคนที่คิดการใหญ่ถึงขั้นเสนอตัวเป็นแคนดิเดต นายกฯ ควรต้องจดจำ เพราะเป็นเรื่องกติกาในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เช่น ตัวเองโอนหุ้นก่อนหรือหลังกำหนดวันหาเสียง นายธนาธร กลับอ้างว่าจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรก่อน-หลัง แต่นาย ธนาธร กลับรู้ดีว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ คิดอะไรหรือทำอะไร

ที่สำคัญ นายธนาธร ย่อมต้องเล็งเห็นล่วงหน้าอยู่แล้วว่า สิ่งที่นายธนาธรพูดในศาลเกี่ยวกับอดีตนายกฯทักษิณ จะต้องกลายเป็นประเด็นให้ทีมงานโซเชียลเอาไปโพสต์ โจมตี อดีตนายกฯ ทักษิณ ในโลกออนไลน์ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า นายธนาธร ทำแบบนี้เพื่ออะไร ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้พูดในฐานะรองโฆษกพรรค แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว โดยไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคฝ่ายค้าน และตนกำลังพูดถึง นายธนาธร ไม่ได้พูดถึงพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งก็ต้องขออภัยผู้บริหารพรรคล่วงหน้า หากทำให้พรรคไม่สบายใจ แต่ที่พูดเพราะสงสัยจริงๆ ว่า นายธนาธร พูดถึงแต่เรื่องของตัวเองไม่ได้เหรอ ทำไมนายธนาธร จึงกล่าวพาดพิง อดีตนายกฯ ทักษิณให้ได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ นายธนาธร ควรใช้เวลาในศาลเพื่อชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แล้วนายธนาธร จะพูดแขวะอดีตนายกฯ ทักษิณ เพื่ออะไร

Verified by ExactMetrics