พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ 20 กันยายน 2568 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าย้ำประชาชนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่า “ที่อยู่อาศัยของตน” ถูกมิจฉาชีพนำไปแอบอ้างจดทะเบียนเป็น “ที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล” หรือไม่​ หากพบความผิดปกติ สามารถส่งเรื่องให้ตรวจสอบและดำเนินคดีได้ทันที เผยยอดตรวจสอบแล้วกว่า 28,000 ครั้ง พบมีนิติบุคคลไร้สำนักงานจริงถึง 44 ราย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากแจ้งความเดือดร้อนว่าที่อยู่อาศัยของตนเองถูกแอบอ้างใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติบุคคล โดยไม่เคยได้รับการติดต่อหรือยินยอมจากเจ้าของที่อยู่ กรมฯ จึงได้เร่งพัฒนาระบบตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานใหญ่ผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ง่ายและรวดเร็วด้วยตนเอง

ระบบดังกล่าวเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประชาชนสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์กรมฯ แล้วเลือก “ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคล” จากนั้นกรอกข้อมูลที่อยู่อาศัย ระบบจะแสดงข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ เลขทะเบียน ชื่อบริษัท และที่ตั้งสำนักงาน หากพบว่ามีการใช้ที่อยู่โดยไม่ได้รับอนุญาต ประชาชนสามารถยื่นคำร้องต่อกรมฯ หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมาย

“ตั้งแต่เปิดระบบถึงวันที่ 18 กันยายน 2568 มีประชาชนเข้าตรวจสอบแล้ว 28,232 ครั้ง และยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบนิติบุคคล 58 ราย พบว่านิติบุคคล 44 ราย ไม่มีสำนักงานตามที่จดทะเบียนไว้จริง กรมฯ จึงได้หมายเหตุในระบบว่า ‘นิติบุคคลไม่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ณ ที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้’ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย” อธิบดีอรมนกล่าว

สำหรับ​เอกสารที่ใช้ยื่นคำร้องประกอบด้วย:

สำเนาทะเบียนบ้าน (เจ้าบ้าน) หรือโฉนดที่ดิน (เจ้าของกรรมสิทธิ์)

สำเนาบัตรประชาชน

สัญญาเช่าและหนังสือยกเลิกสัญญาเช่า (ถ้ามี)

แผนที่สถานที่ตั้ง

ข้อมูลผู้ประสานงาน เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่

เอกสารเพิ่มเติมอื่น ๆ (ถ้ามี)

ทั้งนี้​สามารถยื่นคำร้องได้ทั้งทาง e-Mail: checkaddr@dbd.go.th หรือส่งเอกสารที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

การตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันปัญหา “บัญชีม้า” และ “นอมินี” ที่จดทะเบียนบริษัทโดยใช้ข้อมูลปลอม หรือไม่มีสถานที่ตั้งจริง ปัจจุบันกรมฯ กำลังอยู่ระหว่างทดสอบระบบ IBAS (Intelligent Business Analysis System) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมนิติบุคคลที่อาจเป็นมิจฉาชีพ และใช้ข้อมูลสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“กรมฯ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันตรวจสอบ เพื่อร่วมกันป้องกันการแอบอ้าง และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพ” อธิบดีอรมนกล่าวทิ้งท้าย

Advertisement