11 กันยายน 2568 ม.หอการค้าไทย  เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่อง คาด การเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล และโครงการคนละครึ่งช่วยดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 2.5

นายธนวรรธน์  พลวิชัย  อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนสิงหาคม 2568 ปรับตัวลดลงต่ำที่สุดในรอบ 33 เดือนสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 7  ต่ำสุดในรอบ 32  เดือน ปัจจัยหลักมาจาก ความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และฟื้นตัวได้ช้า อย่างไรก็ตามคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวที่ร้อยละ 2 จากเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้ดีจากการเร่งการส่งออกและไทยน่าจะประคองสถานการณ์ด้านภาษีกับสหรัฐได้ รวมถึงเศรษฐกิจประเทศจีนขยายตัวเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น พร้อมกับการส่งออกจากไทยไปจีนจะขยายตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเข้ามาดูแลของคณะรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งขึ้น มีโอกาสที่ไตรมาส 4 จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 33-34 ล้านคนได้ ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง หากรัฐบาลมีการอัดงบประมาณ 25,000 ล้านบาท จะทำให้มีเงินเข้าไปหมุนเวียนในเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท ประชาชนที่มีเงินออมเหลืออาจมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้นทำให้เงินที่หมุนเวียนในระบบสามารถอยู่ในระดับ 70,000-100,000 ล้านบาทได้ เมื่อรวมกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 และการเร่งขับเคลื่อนนโยบายการคลัง จะสามารถดันให้เศรษฐกิจไทยขยายได้ที่ร้อยละ 2.5

อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองว่าหากรัฐบาลสามารถขยายกรอบวงเงินโครงการคนบะครึ่งได้เป็น 50,000 ล้านบาท ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 โตได้ถึงร้อยละ 3-4 ซึ่งภายในต้นปีหน้า(2569) เศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่งพอที่จะรองรับการยุบสภา ทั้งนี้การกำหนดการใช้จ่าย วงเงิน และหลักเกณฑ์ต่างๆในโครการจะส่งผลต่อการกระตุ้นการใช้เงินที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เป็นผู้กำหนด

Advertisement