People Unity News : 12 สิงหาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล 12 ส.ค.66 – รัฐบาลประสานประเทศสมาชิกน้ำโขงและจีน ร่วมบริหารจัดการน้ำ หลังระดับน้ำโขงสูงมาก พร้อมเร่งแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยง

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักสะสมในลุ่มน้ําโขงตอนล่าง และบริเวณแขวงบอลิคําไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป ลาว) ทําให้ระดับน้ำแม่น้ำโขง เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ทําให้ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่แม่น้ำโขงตอนล่าง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 10 – 15 สิงหาคม 2566

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมและให้มีการเฝ้าระวัง อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชน 8 จังหวัดริมน้ำโขง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทางสํานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานว่า ทำการประสานประเทศสมาชิกน้ำโขงและจีน ผ่านสํานักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Secretariat: MRCS) ขอความร่วมมือช่วยบริหารน้ำเพื่อควบคุมระดับแม่น้ําโขง เพื่อลดความเสี่ยงอุทกภัย จากฝนตกหนักใน สปป.ลาว

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงวันที่ 12-18 สิงหาคม 2566 ทางกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ คาดการณ์ผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกําลังแรงขึ้น จะมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ดังนี้ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย (อําเภอแม่จัน แม่สาย และแม่ฟ้าหลวง) จังหวัดเชียงใหม่ (อําเภออมก๋อย) จังหวัดตาก (อําเภอท่าสองยาง แม่สอด แม่ระมาด และอุ้มผาง) จังหวัดน่าน (อําเภอเมืองน่าน บ่อเกลือ ปัว เชียงกลาง ทุ่งช้าง เฉลิมพระเกียรติ และสองแคว) โดยเฉพาะจังหวัดน่านซึ่งปัจจุบันมีน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่อําเภอเวียงสา อําเภอท่าวังผา และอําเภอแม่จริม ระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย (อําเภอเมืองหนองคาย เฝ้าไร่ โพนพิสัย และรัตนวาปี) จังหวัดบึงกาฬ (อําเภอเมืองบึงกาฬ ปากคาด บุ่งคล้า เซกา ศรีวิไล พรเจริญ โซ่พิสัย และบึงโขงหลง) จังหวัดนครพนม (อําเภอเมืองนครพนม ท่าอุเทน ศรีสงคราม บ้านแพง นาทม และโพนสวรรค์) จังหวัดสกลนคร (อําเภอบ้านม่วง และอากาศอํานวย) ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง (อําเภอเขาชะเมา บ้านค่าย แกลง และบ้านฉาง) จังหวัดจันทบุรี (อําเภอเมืองจันทบุรี ขลุง เขาคิชฌกูฏ และท่าใหม่) จังหวัดตราด (อําเภอเมืองตราด คลองใหญ่ บ่อไร่ แหลมงอบ เขาสมิง เกาะกูด และเกาะช้าง) ภาคใต้ จังหวัดระนอง (อําเภอเมืองระนอง กะเปอร์ และกระบุรี) จังหวัดพังงา (อําเภอคุระบุรี และท้ายเหมือง) จังหวัดภูเก็ต (อําเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดสตูล (อําเภอละงู) จังหวัดตรัง (อําเภอกันตัง สิเกา และปะเหลียน)

“นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการป้องกันความเสียหาย การอพยพ การเข้าช่วยเหลือ ฟื้นฟู ส่วนเรื่องการเยียวยาความเสียหายต่อพืชผลการเกษตรนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้าไปสำรวจทันทีเมื่อสามารถดำเนินการได้” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement