People Unity News : วันนี้ (1 มิ.ย. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย และงบประมาณปี 66 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลนั้นว่า รัฐบาลได้ดำเนินโครงสร้างต่างๆอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมาจนเกิดผลสำเร็จในวันนี้ รวมถึงนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาในการบริหารราชการ แก้ไขปัญหาโควิด-19 โครงการจัดทำ Big Data ต่างๆ ซึ่งล้วนได้ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น ตลอดจนมีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ และทำกฎหมายใหม่ เพราะต้องอยู่กันด้วยระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ซึ่งกฎหมายใดที่เป็นประโยชน์ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน ต่อประชาชน ก็ต้องช่วยกันให้ผ่านไปให้เร็ว อย่าได้แต่ขัดแย้งกันอยู่เลย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้งบประมาณมากพอสมควร ดังนั้น หากจะลดข้าราชการลง จะต้องพัฒนาการใช้เทคโนโลยี การใช้เครื่องมือก่อน จึงค่อยมีการปรับลดการบรรจุข้าราชการใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยรัฐบาลได้ให้นโยบายไปแล้วว่า ในการบรรจุข้าราชการใหม่ ทุกกระทรวงจะต้องลดปริมาณข้าราชการลง จากการเกษียณอายุในแต่ละปี ซึ่งอยู่ในแผนของสำนักงาน ก.พ. อยู่แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกๆในภูมิภาคอาเซียนที่พร้อมเปิดประตูสู่โอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล ทำให้การส่งผ่านข้อมูลรวดเร็วขึ้น โดยในปี 2564 ความเร็วเฉลี่ยของอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยอยูที่ 308 ล้านบิทต่อวินาที ถือว่าแรงเป็นอันดับต้นๆของโลก รวมทั้งโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ซึ่งมีจำนวน 74,987 หมู่บ้านทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ITU ในปี 2019 นอกจากนั้น ยังมีโครงการสายเคเบิลใต้น้ำ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ โดยมีอยู่ 1 เส้น วันนี้ได้ดำเนินการต่อซึ่งจะช่วยเสริมบทบาทของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เชื่อมต่อจีน อินเดีย อาเซียน ที่มีประชากรกว่า 3,300 ล้านคนด้วย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลได้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในเรื่องการทำให้เกิดสังคมไร้เงินสด พัฒนาแพลตฟอร์มในการขับเคลื่อนนโยบายมาตรการต่างๆ จนสามารถปฏิบัติได้จริง เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถจ่ายเงินโดยตรงให้กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ โครงการพร้อมเพย์ และ QR Payment การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Any ID เชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน แอพพลิเคชันถุงเงิน รวมไปถึง SME ขนาดเล็ก การใช้จ่ายเงินดิจิทัลของผู้ร่วมโครงการผ่านแอปเป๋าตัง ทั้งนี้สำหรับโครงการ 5G ที่รัฐบาลได้วางไว้นั้นสามารถรองรับพัฒนาต่อยอดระบบต่างๆได้อีกจำนวนมากโดยจะต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริการภาครัฐได้อย่างรวดเร็วและตรงตัวที่สุด ซึ่งเรื่องของดิจิทัลจะทำให้เกิดรายได้ประเทศเพิ่มขึ้น และเชื่อมต่อการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ โดยรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด โดยคำนึงถึงศักยภาพโอกาสของไทยคือเรื่องเกษตรกรรม ควบคู่กับการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนในเรื่องของพลังงาน ปุ๋ย หรืออื่นๆ ซึ่งรัฐบาลจะหาวิธีการที่จะดำเนินการให้ได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในส่วนของโครงข่ายเหล่านี้ ได้นำไปสู่เรื่องสาธารณสุข โครงการ Siriraj Smart Hospital โรงพยาบาลอัจฉริยะ และการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อให้เป็นสถานีอัจฉริยะ ยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในการที่จะร่วมมือกัน ขอย้ำว่า อะไรที่ไม่ดีก็รับไปพิจารณา ส่วนงบประมาณต่างๆ ก็เสนอผ่านจากส่วนท้องถิ่น ส่วนจังหวัดขึ้นมาทั้งสิ้น ผ่านกระทรวง ทบวง กรม คณะทำงานสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจสอบแผนงานและโครงการ ก่อนเสนอเป็นโครงการขึ้นมา เพื่อพิจารณาว่าอะไรที่รัฐบาลจะลงทุนเอง โดยเฉพาะโครงสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายเพื่อจะได้สอดประสานกันความต้องการของพื้นที่

Advertisement