People Unity News : รัฐบาลเดินหน้า 13 ด้านตามแผนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาความยากจน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และมุ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐ

วานนี้ (30 มีนาคม 2564) เวลา 14.15 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือหลักการสำคัญ ในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่รัฐบาลได้เดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายสำคัญคือ การหารายได้เพิ่ม โดยให้ประชาชนได้เข้าถึงประโยชน์ให้เกิดเศรษฐกิจต่อเนื่องทั้งภาคการเกษตร การค้าการลงทุน รวมทั้งยังได้พิจารณาถึงความเสี่ยงของสถานการณ์ทางการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามการค้าด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกด้วยว่า ได้ถือโอกาสแนะนำรัฐมนตรีใหม่ 2 ท่าน คือ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายปี 2564 และ 2565 จะเร่งดำเนินการ 13 เป้าหมาย ตามแผนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แบ่งเป็น 4 ด้านประกอบไปด้วย ด้านที่ 1 เศรษฐกิจ อาทิ เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบริการดิจิทัล ประตูการค้า การลงทุนและโลจิสติกส์ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์พวงมาลัยขวา การท่องเที่ยวเชิงคุณค่า เกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง ด้านที่ 2 วิถีชีวิตที่ยั่งยืน อาทิ การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ลด PM 2.5 ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การผลิตที่ทำลายสิ่งแวดล้อมจะต้องปรับเปลี่ยนให้วิถีชีวิตมีความปลอดภัยและยั่งยืน ด้านที่ 3 ขยายโอกาสสำหรับทุกกลุ่มคนและทุกพื้นที่ อาทิ SMEs วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจสังคม ให้มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พัฒนาพื้นที่และเมืองให้มีความทันสมัย น่าอยู่ ความยากจนข้ามรุ่นลดลง และมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอและเหมาะสม และด้านที่ 4 ปัจจัยสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศจากภาคการศึกษา ผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ เพิ่มความเข้มแข็งให้ภาครัฐด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้การบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการเร่งแก้ปัญหากำลังคนที่มีทักษะต่ำและภาครัฐที่ล้าสมัย ไปสู่กำลังคนและภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปสังคม และปฏิรูปกฎหมาย เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไปได้ด้วยดี

Advertising