People Unity News : นายกรัฐมนตรีเผยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยืนยันรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง เร่งผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วและได้มากที่สุด

เมื่อวานนี้ (7 พ.ย. 63) เวลา 10.00 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ประสบอุทกภัย ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมมอบสิ่งของผู้ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่  จังหวัดนครศรีธรรมราช

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้นำความพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงมีความห่วงใยมาถึงทุกคน รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบด้วย วันนี้ ได้นำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาด้วย ยืนยันรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ซึ่งจากสถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 900 มิลลิเมตร เกิดปริมาณน้ำไหลหลากเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช  แม้จะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเองตั้งแต่ต้น แต่ก็ติดตามข้อมูลต่างๆด้วยความห่วงใย และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบกับอุทกภัยในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเร่งผลักดันน้ำออกให้มากที่สุด

ทั้งนี้  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงห่วงใยประชาชน โดยพระราชทานถุงยังชีพพระราชทานผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 10,000 ชุด และจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 1 แห่ง และพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า ทุกวันนี้ โลกมีการเปลี่ยนแปลง คนต้องอยู่กับน้ำให้ได้ แต่ต้องไม่ขาดแคลนทั้งสิ่งของเครื่องใช้  ซึ่งรัฐบาลจึงได้เดินหน้าโครงการต่างๆ เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน  โครงการคนละครึ่ง ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี และกำลังจะมีโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ในเดือนมกราคม  นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า คาดว่าวัคซีนสำหรับโควิด-19 น่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณกลางปีหน้า ดังนั้น ทุกคนต้องไม่ประมาท ให้ระมัดระวังตนเอง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันยังไม่ใช่การระบาดขนาดใหญ่ หรือ ซุเปอร์สเปรดเดอร์  เพราะสามารถติดตามย้อนกลับไป ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ในไทยอยู่อันดับท้ายๆของโลก ที่สำคัญ คือ คนไทยทุกคนต้องรักกัน รวมทั้งขอให้ยึดมั่นในชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์  เพื่อรวมกันเดินประเทศไทย สู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

Advertising