People Unity News : นายกรัฐมนตรีจะผลักดันเอสเอ็มอีไทย สู่ตลาดออนไลน์ ยืนยันพัฒนาระบบภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรม

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2563 เวลา 14.10 น. ณ อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า จะผลักดันเอสเอ็มอีไทย สู่ตลาดออนไลน์ โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีรัฐบาลจีนเปิดสินค้าออนไลน์เสรี รัฐบาลมีแนวทางให้การอบรม ให้การเรียนรู้ผู้ประกอบการ ถ้าให้อย่างเดิม ช่วยทุกอย่างจะเป็นยาชาหรือยาพิษ ฉะนั้นต้องร่วมมือพัฒนาร่วมกัน ปฏิรูปร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อย เอสเอ็มอีต่างๆ โดยวันนี้มีการพัฒนารูปแบบตลาดออนไลน์มากขึ้นทั้งในส่วนของสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน มีกองทุนชุมชน กองทุนการเงินประชาชน ที่กำลังดำเนินการอยู่

สำหรับการปรับปรุงระบบภาษี นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ต้องการไปรีดภาษีใคร ถ้าไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีก็มีการดูแลอย่างหนึ่ง เมื่อเสียภาษีได้ก็ต้องช่วยกันดูแลเสียภาษี ตนไม่เคยบอกว่าประชาชนไม่เสียภาษี ภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่ก็กลับเข้ามาสู่เรื่องงบท้องถิ่น ซึ่งได้จำนวนไม่ถึง 100,000 ล้านบาท แต่ใช้งบประมาณท้องถิ่นประมาณ 400,000 ล้านบาท จึงใช้งบกลางมาสนับสนุน 300,000 ล้านบาท ฉะนั้น ต้องทำให้ท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น และต้องมีการพัฒนาระบบภาษี รัฐบาลกำลังพัฒนาปรับปรุง ต้องทำให้ทุกคนเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ เป็นพลเมืองที่ถูกกระตุ้นด้วยตัวของเขาเอง ขณะเดียวกันก็ต้องมีการช่วยเหลือตามสมควร

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการลงทุน ยืนยันว่ารัฐบาลก่อนและรัฐบาลนี้ไม่ต้องการสนับสนุนการทำผิดกฎหมายแม้แต่นิดเดียว การอนุมัติเห็นชอบก็เสนอมาจากคณะกรรมการหลายๆส่วน ตนขอยืนยันในคณะรัฐมนตรีและตนเชื่อมั่นในข้าราชการ ฉะนั้น การที่จะอ้างจากโน่นจากนี่ก็ไม่เป็นธรรมกับตนมากนัก ทั้งนี้ ตนเป็นคนริเริ่ม Big Data ให้ทุกคนไปทำ Big Data เพื่อมาใช้ประโยชน์ โดย Big Data มาจาก 3 ส่วน คือรัฐบาล โซเชียลมีเดีย และจากการเยี่ยมเยียนประชาชน ถือเป็นฐานข้อมูลที่รัฐบาลมี จำนวนคนก็ยังมีการแยกประเภท แยกรายได้ ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ไม่ใช่การเหมาจ่ายทั้งหมดด้วย

โฆษณา