People Unity News : ลุ้นบ่ายสองโมงวันนี้! ศาลรธน.ชี้ชะตา “ธนาธร” หากรอดได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไม่รอดถูกส่งดำเนินคดีตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ติดคุก 1-10 ปี เพจเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในหัวข้อ “9 ข้อควรรู้ ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีวีลัคของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่”

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20พ.ย.) เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดฟังคำวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.หรือไม่

ทั้งนี้ หากศาลวินิจฉัยว่า นายธนาธร ไม่มีความผิด ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ตามปกติ แต่หากศาลมีคำวินิจฉัยชี้ว่า มีความผิดความเป็นส.ส.จะสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (7) ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.ทันที หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายธนาธร มีความผิด อาจส่งผลให้มีการดำเนินคดีอาญาในมาตรา 151 นี้ โดยได้กำหนดโทษไว้ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี โดย กกต.ต้องเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป

อย่างไรก็ตามเพจเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ “9 ข้อควรรู้ ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีวีลัคของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” ว่า 1.หากนับระยะเวลาตั้งแต่ขั้นตอนรับเรื่องร้องเรียนของ กกต. ไปจนถึงวันที่ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการทั้งหมดของ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ใช้เวลา 417 วัน ส่วนของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ใช้เวลา 53 วัน 2.ในบรรดา ส.ส. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดที่ถูกร้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาธร ส.ส. ทั้งฝั่งรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือรัฐมนตรีรวมแล้วอีกหลายสิบคน มีเพียงธนาธรคนเดียวเท่านั้นที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

3.กกต ยังไม่ได้สอบปากคำพยานที่ลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นสักปาก ขณะที่ ปพพ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) กำหนดบทสันนิษฐานให้ข้อความในตราสารและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นถือว่าถูกต้องเป็นจริง แต่ กกต.ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อหักล้างบทสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าว การสอบสวนไต่สวนในชั้น กกต.ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ กกต. กลับเร่งยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ 4.ธนาธรได้โอนหุ้นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฯ และจวบจนบัดนี้ ยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาหักล้างบทสันนิษฐานความถูกต้องแท้จริงแห่งการโอนหุ้นดังกล่าวได้เลย

5.ในคดีนายดอน ได้มีการส่งหลักฐานบางชิ้นหลังการสืบพยานในศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญเรียกสอบพยานของดอนเพียง 3 ปาก และศาลเชื่อว่ามีการโอนหุ้นจริง ส่วนธนาธรโดนเรียกไต่สวนทั้งหมด 10 ปาก 6.บริษัท วีลัค มิได้ประกอบกิจการเป็น “สื่อมวลชน” หากแต่วีลัคเป็นกิจการรับจ้างตีพิมพ์เท่านั้น อาทิ รับจ้างตีพิมพ์นิตยสารที่แจกบนเครื่องบิน และวีลัคยังไม่มีอำนาจควบคุมเนื้อหาหรือแม้แต่ตีพิมพ์นิตยสารโดยพลการด้วย เพราะเป็นอำนาจของผู้ว่าจ้าง 7.บริษัท วีลัค ได้แจ้งหยุดกิจการต่อสำนักงานประกันสังคมแล้วตั้งแต่มกราคม 2562 บริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์ สินค้า และพนักงาน ตั้งแต่ก่อนธนาธรสมัคร ส.ส. ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

8.เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือต้องการไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอิทธิพลอำนาจหรือควบคุมสื่อมวลชนเพื่อนำไปเป็นคุณต่อตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมือง คำถามที่น่าสนใจคือ กระบวนการทั้งหมดที่พยายามเอาผิดกับธนาธรนั้นตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้วหรือไม่? 9.ในขณะที่ธนาธรและ ส.ส. อีกหลายสิบคนกำลังร้อนๆ หนาวๆ ว่าบริษัทของตนเองที่แม้ไม่ได้ทำสื่อจริง แต่มีเขียนระบุไว้ในบริคณห์สนธิว่าประกอบกิจการสื่อด้วยนั้นจะมีความผิดหรือไม่ แต่ยังมี ส.ส. คนหนึ่งที่นั่งสบายใจในสภาเพราะไม่ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนในประเทศก็รู้ดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้สื่อมวลชนเครือหนึ่งเพื่อเป็นคุณแก่พรรคพวกตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมืองอย่างประจักษ์ชัด