People Unity News : “สุวัจน์”มองอีอีซีโอกาสประเทศไทยและเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ พร้อมฝากอารยะสถาปัตย์กับเหตุสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่ม แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา ในงาน ASA Real Estate Forum 2019 ณ พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้า สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร โดยมีนายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ นายวีรพล จงเจริญใจ ประธานการจัดงานฯ และนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคม อสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมเปิดงาน

ภายหลังจากการเปิดงาน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ประเทศไทย : เมืองแห่งโอกาส และความเท่าเทียม โดยนายสุวัจน์ได้กล่าวถึง วิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีผลมาจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และ Disruptive Technology ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 มีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนทางไลฟ์สไตล์ เกิดการผันผวนในการทำธุรกิจ

และนายสุวัจน์ได้แสดงวิสัยทัศน์ เรื่องเมืองแห่งโอกาส ที่จะสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยกล่าวถึง เมกะโปรเจคใหญ่ๆ อย่าง EEC (Eastern Economic Corridor) ที่เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก(Eastern Seaboad)​ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทางอุตสาหกรรม ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก  โดยเป้าหมายของ EEC ​ คือ 1.การทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง 2.บรรยากาศการลงทุนของประเทศไทยต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 10 % 3. GDP ประเทศไทยต้องโต 5 % 4.จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คน 5.ภาคโลจิสติกส์​ ซึ่งเป็นตัวดึงนักลงทุน จะมีราคาถูกลง 6.จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ

นอกจากโครงการ EEC แล้ว โครการใหญ่ๆที่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ก็ถือเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุน รองรับนักท่องเที่ยวๆได้ 150 ล้านคนต่อปี จะมีการจ้างงาน และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล การสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ก่อให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจในเรื่องของ อสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่ม รถไฟรางคู่ที่ออกไปสู่ต่างจังหวัด จะเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปให้เกษตรกร และ ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึง มอเตอร์เวย์สายต่างๆที่จะกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ Technology 5g มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ ด้านการแพทย์ ด้านการศึกษา องค์ความรู้ต่างๆจะหลั่งไหลสู่ชุมชนที่ห่างไกล และนอกเหนือจากเรื่องของเทคโนโลยี นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงการสร้างพันธมิตร เช่น การเป็นประธานจัดงานประชุมอาเซียน ที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ การรวมกลุ่มทางการค้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งและข้อต่อรองทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสทางการลงทุนทีามากขึ้น และสุดท้าย นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทย 2 ประการ นั่นก็คือ 1.การเกษตร ต้องใช้เทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมมาใช้ในการเกษตรเพื่อแปรรูป และเพิ่มมูลค่า วัตุดิบคุณภาพของประเทศ 2.การท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยมีความสวยงาม และมีความหลายหลายในแต่ละท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะกระจายไปในทุกๆที่ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานมารองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว

และก่อนที่จะปิดการปาฐกถา นายสุวัจน์ได้ฝากถึงสถาปนิก ว่าต้องให้ความสำคัญกับ Universal Design (อารยะสถาปัตย์)​เพราะสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่มผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงทุกๆคน เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคม และการใช้งานของคนทุกกลุ่ม

แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ส่วนตัวขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการประสานงานของแต่ละพรรคควรพูดคุยทำความเข้าใจ และหาข้อยุติเรื่องประธานคณะกรรมาธิการ จะได้ไม่กระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายสุวัจน์ เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไปพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก่อน แต่ส่วนตนเองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานมา อย่างไรก็ตาม ขอไม่แสดงความเห็นในเรื่องตัวบุคคลว่าใครเหมาะสม ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าบุคคลที่จะมาเป็นประธานกรรมาธิการชุดนี้จะต้องมีบารมี เป็นที่ยอมรับ และสามารถควบคุมการประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดี

“เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะความเห็นที่แตกต่างกันทำให้เกิดกระทบกับเสถียรภาพ และเกิดความไม่เข้าใจในสังคม”