People unity : ม.ล.ปนัดดา บรรยายพิเศษเรื่อง “การแบ่งแยกแล้วปกครอง” (divide and rule) ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ๑ เมษายน ๒๕๖๒

เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี ๒๕๓๒ และผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นครุฑทองคำ ประจำปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ บรรยายพิเศษเรื่อง “การแบ่งแยกแล้วปกครอง” (divide and rule) ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ๑ เมษายน ๒๕๖๒ แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานราชการ ครูอาจารย์ นักสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายปกครอง บุคลากรในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และลูกหลานเยาวชน ณ ห้องประชุม บ้านกรุณา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ม.ล.ปนัดดา กล่าวตอนหนึ่งว่า  “ตั้งแต่จำความได้ บุพการีสอนเรามาตั้งแต่เด็กให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเพียร เคารพบุพการีชน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยสักเวลาเดียวที่คำสอนอันเป็นตรรกะแห่งชีวิตคนไทยประการนี้ จะขาดหายไปจากความสำนึกของลูกหลานไทย มีแต่จะสถิตเสถียรอยู่ในดวงใจของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นใคร อาชีพอะไร ครอบครัวของใครผู้ใด หรืออายุในวัยไหน สิ่งที่บรรดาเหล่าข้าราชการยึดมั่น อันถือเป็นหลักแห่งมโนสุจริตของข้าราชการย่อมไม่ต่างไปจากที่ได้กล่าวแล้ว อันหมายรวมถึงพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่ต่างอบรมลูกหลานและศิษย์เพื่อให้เป็นคนดีของชาติบ้านเมือง

นับเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปีที่ผ่านพ้น บุคคลผู้นำความคิดอันก่อให้เกิดความแบ่งแยกจนกระทั่งกลับกลายเป็นความแตกแยกของคนไทย กลายเป็นเกิดขึ้นจากกลุ่มบุคคลที่แสวงหาอำนาจทางการเมืองอย่างปราศจากคุณธรรมจริยธรรม แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ข้าราชการประจำ แต่กลายเป็นกลุ่มบุคคลผู้มีความทะเยอทะยานทางการเมืองชนิดสุดโต่ง กระทั่งลืมรากเหง้าในความเป็นชาติ พระคุณใหญ่หลวงแห่งบรรพชนที่ได้ร่วมกันดำรงรักษาแผ่นดินไทยให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขมาได้ตราบทุกวันนี้ กลุ่มบุคคลดังกล่าวแม้มีจำนวนไม่มาก แต่อาศัยความมั่งคั่งทางฐานะของครอบครัว ผสานเข้ากับความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและหลงทางจากการไปศึกษาในต่างประเทศ กับอีกเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ขาดการพิจารณาเลือกเฟ้นที่เหมาะสมกับสังคมหนึ่งๆ ที่ทำให้สังคมเกิดขึ้นซึ่งสิ่งที่เรียกว่าภาพลวงตา บ้างเรียกว่าสร้างภาพในการหลอกลวงผู้คน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจก็ดีหรือความรู้เท่าไมถึงการ และการสุ่มเสี่ยงในการให้ทัศนคติที่เป็นเท็จ ให้ร้ายว่ากล่าวบรรพชนและบุคคลอื่นที่มีความเห็นไม่ตรงกับตน ชนิดที่อารยประเทศใดๆจะไม่กระทำอะไรเช่นนี้ กลับกลายเป็นความอับอายขายหน้าต่อการกระทำในสิ่งดังกล่าวของผู้ใดก็ตามอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป และหลักคุณธรรมจริยธรรมของประเทศ

มองในเชิงผลลัพธ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากต้นเหตุและที่มาของปัญหา ย่อมมีคำตอบได้โดยไม่ยากประมาณ ๒-๓ ข้อที่สมควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสียที่ต้นเหตุอย่างไม่ชักช้า เพราะการที่จะไม่ให้เกิดการให้ร้ายแก่บุคคล ใช้วาจาเพื่อสร้างความแตกแยกชนิดยากที่จะหันหน้าเข้าหากัน และการใช้ทรัพย์สินอันมหาศาลเพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงบุคคลและเพิ่มพูนปัญหาให้กับสังคมของคนในชาติ เข้าลักษณะความมุ่งมั่นให้เกิดการแบ่งแยกแล้วปกครอง (divide and rule) อย่างแยบยล ที่ถือเป็นภยันตรายอันดับแรกของการบ่อนทำลายประเทศ ที่ภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ไขให้แล้วเสร็จเป็นอันดับแรกในระบบรัฐปัจจุบัน ก่อนที่จะลงมือทำเรื่องอื่นๆต่อไป”

การเมือง : ม.ล.ปนัดดาชี้บ้านเมืองเผชิญภัยจากผู้ทะเยอทะยานการเมืองสุดโต่งที่ใช้การแบ่งแยกแล้วปกครอง

People unity : post 2 เมษายน 2562 เวลา 18.00 น.