People unity : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำถูกต้องแล้ว ที่สั่งห้ามมิให้พรรคพลังประชารัฐไปหาเสียงกับชาวบ้านว่า จะแก้กฎหมายให้ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 สามารถเปลี่ยนมือซื้อขายได้ เพื่อให้เป็น “ที่ดินทองคำ” ของชาวบ้าน

ประการที่ 1 เพราะที่ดิน ส.ป.ก.4-01 มีสถานะเป็นที่ดินของรัฐ ยังมิใช่ที่ดินของเอกชนหรือประชาชน ดังนั้น จึงไม่อาจเปลี่ยนมือด้วยการซื้อขายได้ เพียงแต่รัฐได้ให้สิทธิแก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินหรือคนยากจน ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ทำกิน ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งกฎหมายที่ดิน ส.ป.ก.ก็ได้ห้ามมิให้แบ่งแยกหรือโอนสิทธิไปให้บุคคลอื่น เว้นแต่ทายาท ทั้งนี้เพื่อมิให้ที่ดินตกไปเป็นสิทธิของบุคคลอื่นที่มิใช่เกษตรกร หรือนำไปทำอย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม การที่นักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐไปหาเสียงกับชาวบ้านว่าจะแก้ไขกฎหมายให้ซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ได้ จึงทำไม่ได้ ตราบใดที่ยังเป็นที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ซึ่งก็คือยังเป็นที่ดินของรัฐอยู่ นอกจากนี้ ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 มีเจตนารมณ์ให้สิทธิแก่เกษตรกรและคนยากจนใช้ทำกินในอาชีพเกษตรกรรม หากที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ซื้อขายได้ ก็จะถูกนำไปใช้ทำอย่างอื่นได้ และเชื่อแน่ว่าที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ส่วนใหญ่หรือจำนวนมากจะตกไปอยู่ในมือของนายทุนและทุนต่างชาติรวมทั้งนักการเมืองเอง ด้วยการเข้าไปกว้านซื้อหรือใช้วิธีการใดๆเพื่อให้ได้ที่ดินจากเกษตรกรมาเป็นของตนเอง “ที่ดินทองคำ” ของชาวบ้าน ก็จะกลายเป็น “ที่ดินทองคำ” ของนายทุนหรือนักการเมืองในที่สุด

ประการที่ 2 การหาเสียงด้วยนโยบายจะทำให้ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เปลี่ยนมือซื้อขายได้ เป็นการหาเสียงด้วยนโยบายที่เลวร้ายที่สุด เพราะเอาที่ดินของรัฐ เอาทรัพยากรของรัฐ ไปแลกกับคะแนนเสียงเลือกตั้ง เป็นที่สุดของที่สุดแห่งนโยบายประชานิยม เพราะสิ่งที่เอาไปแลกกับคะแนนเสียงคือที่ดินของรัฐ หากยอมให้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการเอาที่ดินของรัฐไปแจกได้ การเลือกตั้งก็ไม่ใช่การเลือกตั้งอีกต่อไป การหาเสียงก็ไม่ใช่การหาเสียงอีกต่อไป แต่เป็นการซื้อขายเสียงด้วยมูลค่าราคาสูงสุดดีๆนี่เอง

ประการที่ 3 การหาเสียงด้วยการเอาที่ดินหรือทรัพย์สินของแผ่นดินไปแลกกับคะแนนเสียง เป็นการใส่ความคิดและค่านิยมอันตรายให้กับประชาชนอย่างน่ากลัวที่สุด เพราะทำให้ประชาชนเกิดค่านิยมยอมรับหรือเห็นดีเห็นงามกับการได้รับสิ่งตอบแทนแลกกับการลงคะแนนให้มากยิ่งขึ้น เพราะแม้แต่ที่ดินของรัฐก็ยังหาทางเอามาแจกให้ได้ นอกเหนือจากการนำเงินของรัฐมาแจกในรูปแบบต่างๆในการเลือกตั้งทุกครั้งระยะหลังที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเป็นเรื่องจิ๊บๆทันทีเมื่อเทียบกับการแจกที่ดินทองคำ ค่านิยมและความเคยชินที่ประชาชนได้รับแจกด้วยมูลค่ามากขึ้นๆเพื่อแลกกับการลงคะแนนเสียงให้ จะทำให้ทุกรัฐบาลต้องสรรหาสิ่งต่างๆที่มีมูลค่าสูงมากขึ้นๆเพื่อนำไปแจกทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง งบประมาณและผลประโยชน์ของส่วนรวม ไปจนถึงทรัพย์สินของแผ่นดิน จะถูกนำไปใช้เป็น “กระสุนเลือกตั้ง” ของฝ่ายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ภายใต้การเล่นแร่แปรธาตุหรือการใช้ข้ออ้างต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน หรือเพื่อสวัสดิการต่างๆ ไปจนถึงเพื่อทำให้ประชาชนรวยทางลัดดังเช่นนโยบายหาเสียงแจก “ที่ดินทองคำ” เมื่อประชาชนถูกสร้างให้มีค่านิยมผิดๆ ประชาธิปไตยก็จะเป็นประชาธิปไตยแบบผิดๆ รัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลแบบผิดๆ และบริหารประเทศแบบผิดๆ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อรัฐบาลแจกได้ พรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาล หรือเคยมีผลงานด้านการแจก ก็จะต้องคิดค้นนโยบายแจกแหลกราญกว่ามาใช้หาเสียง ดังเช่นที่บางพรรคจะแจกบัตรคนรวย เพื่อเกทับบัตรคนจนของฝ่ายรัฐบาล ประชาชนจะยิ่งมัวเมากับการได้รับแจก เห็นดีเห็นงามและเรียกร้องหาประชาธิปไตย เพราะกินได้ โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ได้รับแจกนั้นเป็นเงินหรือเป็นทรัพย์ของนักการเมืองหรือเป็นของชาติ อีกทั้งไม่คิดไม่สนใจด้วยว่า นักการเมืองนักเลือกตั้งจะเข้ามาโกงหรือไม่

ประการที่ 4 พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาเตือนนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆบ่อยครั้งว่า นโยบายหาเสียงต้องเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่เพ้อฝัน และต้องไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาเบรกนโยบายเอาที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ไปซื้อขายได้ของพรรคพลังประชารัฐ คือ รูปธรรมทางการกระทำว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดเตือน ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือเป็นการสกัดจุดพรรคการเมืองอื่น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เอาด้วยกับการหาเสียงด้วยนโยบายลักษณะนี้จริงๆ และต้องการให้เป็นบรรทัดฐานของการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ทุกพรรคจะต้องปฏิบัติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบนโยบายหาเสียงของทุกพรรคการเมืองอย่างจริงจัง เพราะแม้แต่พรรคพลังประชารัฐเอง ซึ่งเป็นพรรคที่ผู้ก่อตั้งพรรคเป็นคนในรัฐบาล และเป็นพรรคที่คาดว่าจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ยังถูก พล.อ.ประยุทธ์ เบรกนโยบายหาเสียงหัวทิ่ม

และล่าสุด นโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปพูดหาเสียงว่า จะเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 500 บาท เป็น 1,000 บาท ก็ถูกโฆษกกระทรวงการคลังเบรกตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปอีกหนึ่งนโยบาย

จึงมองได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพยายามสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้จริงๆ และนโยบายของพรรคการเมืองใดจะถูกหวยเป็นรายต่อๆไป

โดย : พูลเดช กรรณิการ์ นักวิชาการอิสระด้านการเมือง 17 มกราคม 2562

การเมือง : “บิ๊กตู่” กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่นโยบายหาเสียงพรรคการเมือง?

People unity : post 17 มกราคม 2562 เวลา 01.40 น.