วันที่ 16 กรกฎาคม 2025

ชาวนาโอดข้าวโดนกดราคาประกันเหลว ร้องเพื่อไทยจี้รัฐเร่งออกมาตรการแก้

People Unity News :  สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ยื่นหนังสือประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย สะท้อนความทุกข์ยาก ขายข้าวถูกกดราคา เรียกร้องรัฐเร่งออก มาตรการแก้ปัญหา

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ยื่นหนังสือถึง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงปัญหาความยากลำบากของเกษตรกร โดยเห็นว่า ชาวนาเป็นเกษตรกร ที่สำคัญของประเทศไทย แต่ปัจจุบันความเดือดร้อนเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาที่ปลูกข้าวมีปัญหา เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำเป็นอย่างมาก มาตรการที่รัฐประกาศว่าจะช่วยเหลือพี่น้องชาวนาก็ไม่ตรงกับความต้องการเช่นข้าวหอมมะลิ ชาวนาขายข้าวได้จริงเพียงตันละ 10,000 – 12,000 บาทต่อตันเท่านั้น แต่ราคาที่อ้างอิงในโครงการประกันสูงถึง 15,000 และราคาตลาดที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ สูงถึงกว่า 16,000 บาทต่อตัน ซึ่งที่ผ่านมาชาวนาไม่ได้ราคาตามความเป็นจริง

จึงขอเรียกร้องให้รัฐกลับไปประกาศราคาอ้างอิงใหม่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนาที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือก่อนหน้านี้ที่ขายข้าวไปก่อนประมาณ 15 วันซึ่งถือเป็นราคาที่ตกต่ำอย่างมาก ขณะที่โรงสีก็ไม่รับซื้อเนื่องจากสถาบันการเงินได้ตรวจเช็คเครดิตการขอเงินคืน จึงทำให้โรงสีไม่สามารถ รับซื้อข้าวจากชาวนาส่งผลให้เกิดการกดราคาชาวนา ขณะที่โรงสีก็ไม่ทราบว่าจะซื้อไปเพื่ออะไร เพราะต้องพบปัญหา ในขั้นตอนการส่งออกข้าวต่อเช่นกัน

ดังนั้นขอให้รัฐประกาศราคาอ้างอิงใหม่โดยเฉพาะในงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ซึ่งพรรคเพื่อไทยเสนอให้หามาตรการประกันการขายข้าวเช่นมาตรการประกันยุ้งฉางเพื่อให้เกษตรกรได้รับเงินสดไปใช้ก่อนในลักษณะปลอดดอกเบี้ย ขอให้ธนาคารปล่อยสินเชื่ออย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดสภาพคล่อง ทบทวนมาตรการประกันรายได้ ซึ่งไม่ตรงกับราคาที่ประกาศไว้โดยขอให้ไปชดเชยย้อนหลังในวันที่ชาวนาขายข้าวจริงด้วย และขอให้เร่งจ่ายเงินชดเชยจากน้ำท่วมและภัยแล้ง รวมถึงหามาตราการควบคุมราคาปัจจัยการผลิตให้เป็นธรรม

“ปารีณา-สิระ”บุกทำเนียบฯหลบสื่อ อ้างมาร้องเรียนเรื่องที่ดิน

People Unity News : “ปารีณา-สิระ”บุกทำเนียบฯหลบสื่อ อ้างมาร้องเรียนเรื่องที่ดิน ปฏิเสธพบ “บิ๊กป้อม” ปมกมธ.ป.ป.ช.ประชุม 20 พ.ย. สะพัด!”สมชาย-สมเจตน์-จรุงวิทย์”ถอนตัวไม่นั่งกมธ.แก้รธน.

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ผู้ืสื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพปชร. ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้า โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ลงลิฟท์มาที่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 แต่เมื่อพบผู้สื่อข่าวที่กำลังยืนรอสัมภาษณ์อยู่ น.ส.ปารีณาได้หลบเข้าไปในลิฟท์กลับขึ้นไปบนอาคารอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนมาลงทางบันไดของตึกบัญชาการ 2

ผู้สื่อข่าวจึงตรงเข้าไปสัมภาษณ์ว่า มาทำเนียบรัฐบาลทำไม น.ส.ปารีณาพยายามปฏิเสธโดยกล่าวต่อเพียงว่า มายื่นร้องเรียนความเดือดร้อนประชาชน พร้อมกับขึ้นรถ ออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในทันที

ส่วนนายสิระ เปิดเผยว่า ที่ตนเดินทางมาเพราะต้องการมายื่นเรื่องร้องเรียนที่ดินเกาะช้างจ.ตราด เพราะเห็นว่ามีรัฐมนตรีหลายคนเข้ามามาประชุมครม. ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบที่จะมีการประชุมในวันที่ 20 พ.ย.แต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้พบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ส่วนที่น.ส.ปารีณา เดินทางมาที่ทำเนียบฯ น่าจะเป็นเรื่องของชาวบ้านในพื้นที่แต่ไม่ได้ยื่นเรื่องพร้อมกับตน

“บิ๊กป้อม”ปัดเจอ”ปารีณา-สิระ”คุยปมครองที่ดิน

ทางด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเพิ่งประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จ ไม่ได้พบใคร ส่วนทั้ง 2 คน จะมาทำเนียบฯ ด้วยเรื่องอะไรนั้น ตนไม่มราบ เมื่อถามว่า ทั้ง 2 คน มารอพบที่หน้าห้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ส่วนที่มองว่ามาพบเพราะเรื่องคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นั้น ตนไม่รู้ เขาอาจจะมาคุยกับคนอื่นหรือเปล่า ยืนยันว่าตนไม่ได้พบ ไม่ได้เจอ น.ส.ปารีณา แต่อย่างใด นอกจากนี้ ปัญหาการครอบครองที่ดิน ภบท.5 ของ น.ส.ปารีณา เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบ และต้องทำทั่วประเทศอยู่แล้ว

“ธรรมนัส” ให้ กรมป่าไม้-ส.ป.ก.หาข้อสรุปที่ดิน “ปารีณา”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าไปติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า – ออก บริเวณฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ตนสั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก.พร้อมด้วยอธิบดีกรมป่าไม้หาข้อสรุปด้วยอิงกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งหากพิสูจน์ว่า เป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ก็ให้ปิดประกาศในพื้นที่และดำเนินการตามกฎหมาย เพราะปัญหาตอนนี้คือ เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศมันเป็นที่ทับซ้อนระหว่างกรมป่าไม้ กับ ส.ป.ก. ดังนั้น ทั้งสองหน่วยงานจะต้องประสานกันและหาทางออก ซึ่งเมื่อพิจารณาตามหลักความเป็นจริง ภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกใช้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินมันมีข้อสังเกตว่า พื้นที่กลางภูเขาเราจะมาประกาศเป็นเขต ส.ป.ก.ไม่ได้ ซึ่งยืนยันว่า มันต้องมีการบังคับใช้และมีการประกาศใช้แผนที่วันแม็ปให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาอย่างนี้อีก ส่วนที่ น.ส.ปารีณาเดินทางทำเนียบฯในช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) นั้น ไม่ได้มาคุยกับตน ทราบว่า มาพบกับรัฐมนตรีคนอื่น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ได้สั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก.ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับ ส.ป.ก.จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรายงานความคืบหน้าการจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกร รวมถึงที่ดินที่ยังไม่ได้จัดสรร รวม 40 ล้านไร่ ว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยย้ำไปว่า ทุกเรื่องต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส.ป.ก.เป็นหลัก ส่วนพื้นที่อื่นที่อยู่ในเขตของกรมป่าไม้ จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการต่อไป โดยเรื่องนี้จะต้องมีการจัดระบบใหม่ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถเอาผิดกับ น.ส.ปารีณาได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในส่วนของ ส.ป.ก.ถือว่า เขาเข้าอยู่ก่อนที่จะมีการปฏิรูปที่ดินแปลงนี้ ดังนั้น เรื่องอาญาเราเอาผิดเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องของการยึดคืนให้หลวง เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการตามหลักกฎหมาย ส่วนเรื่องกรอบเวลาการตรวจสอบนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่าการตกลงกันเรื่องแนวเขตของกรมป่าไม้กับ ส.ป.ก.น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะน่าจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน

เมื่อถามว่า การอ้างอิงว่าเช่าที่ดินมาจากเกษตรกร สามารถทำได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายของ ส.ป.ก.ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับการซื้อ – ขายที่ดิน ส.ป.ก.ก็ทำไม่ได้ ยกเว้นอย่างเดียวคือ เป็นมรดกตกทอดให้กับทายาท

เมื่อถามว่า ดูตามคุณสมบัติของ น.ส.ปารีณาแล้ว สามารถครอบครองที่ดินในลักษณะนี้ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเขาทำการเกษตรหรือไม่ และการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ต้องไม่เกิน 50 ไร่ เมื่อถามอีกว่า น.ส.ปารีณาเคยชี้แจงหรือไม่ว่า ทำไมถึงถือครองที่ดิน ส.ป.ก.เป็นพันๆ ไร่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เดี๋ยวทาง ส.ป.ก.จะรายงานตนมา เพราะเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย

เมื่อถามย้ำว่า การตรวจสอบ น.ส.ปารีณา จะสามารถจบได้เร็วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรายึดหลักกฎหมายเป็นหลัก อะไรก็ตามขอให้ยึดและเดินตามกฎหมาย เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจะให้เลขาธิการ ส.ป.ก.แถลงข่าว ส่วนที่มีการมองว่าจะมีอะลุ่มอล่วยเพราะอยู่พรรคเดียวกันนั้น กฎหมายไม่ได้เขียนยกเว้นให้ใคร

เมื่อถามถึงที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ดินของนางสมพรไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของ ส.ป.ก.

สะพัด!”สมชาย-สมเจตน์-จรุงวิทย์”ถอนตัวไม่นั่งกมธ.แก้รธน.

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลถึงความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลไปดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมาเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมชาย แสวงการและพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และยังขาดอีก 2 รายชื่อ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะหารือเพื่อพิจารณาอีก 2 รายชื่อร่วมกัน ก่อนนำรายงานต่อที่ประชุม ครม.นั้น

ปรากฏว่า นายวิษณุ และนายเทวัญ ไม่ได้รายงานผลสรุปการคัดสรรรายชื่อทั้ง 6 คนในสัดส่วน ครม. เนื่องจากผู้ที่มีทาบทามที่มีรายชื่อ 4 ใน 6 คนในสัดส่วน ครม .ได้ขอถอนตัวทั้งหมด เหลือเพียงนายไพบูลย์ ที่ยังยืนยันชัดเจนว่า ไม่ถอนตัวคนเดียว

ที่ปรึกษา”ชวน”ยันประชุมนัดพิเศษ 22 พ.ย.ไร้วาระรธน.

People Unity News : ที่ปรึกษา”ชวน”ยันประชุมนัดพิเศษ 22 พ.ย.ไร้วาระรธน. แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูก กมธ. แค่ลดความซ้ำซ้อน อัด จิรายุ อย่ากล่าวหาบิดเบือน “ชวลิต”หวังทุกฝ่ายถอยคนละหลายก้าว ส่งสัญญาณแก้ รธน.สร้างความเชื่อมั่นประเทศ ทางด้าน “อนุสรณ์” ชี้ควบคุมตัวนักการเมืองเรียกปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่าพอ กมธ.เชิญมา ปัญหาเยอะ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การประชุมสภาฯในวันที่ 20-21พ.ย. มีเรื่องรับทราบจำนวน 5 เรื่อง ดังนั้น การพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทันภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการอภิปรายของส.ส.ในเรื่องการรับทราบที่เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ 5 เรื่อง นอกจากนี้ ยังมีญัตติด่วน เรื่อง การคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากการใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 จากนั้นถึงจะถึงการพิจารณาญัตติการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นพ.สุกิจ กล่าวว่า การประชุมสภาฯนัดพิเศษวันที 22 พ.ย.เป็นเฉพาะการพิจารณาญัตติทั่วไปที่ค้างอยู่เท่านั้น โดยไม่มีการพิจารณาญัตติที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูกกมธ. แค่ลดความซ้ำซ้อน

นพ.สุกิจ พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกระเบียบสภาฯด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ.2562

นพ.สุกิจ กล่าวว่า สาเหตุที่มีการการออกระเบียบดังกล่าวเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาฯพ.ศ.2562 ข้อ 90 วรรคสี่และวรรคหกที่กำหนดให้ประธานสภาฯออกระเบียบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามข้อบ้งคับการประชุมสภาฯที่ว่าด้วยการให้คณะกรรมาธิการสามัญต้องรายงานเรื่องใดๆให้ประธานสภาทราบ ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภาฯมาจากความเห็นชอบของที่ประชุมสภาฯ ดังนั้น ระเบียบที่ออกมาจึงไม่ได้เป็นเรื่องการใช้อำนาจของประธานสภาฯโดยตรงแต่อย่างใด เพราะเป็นการดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ การที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ออกมาพูดกล่าวหาประธานสภาฯ จึงเป็นการอ่านข้อบังคับการประชุมสภาฯไม่ครบและไม่รู้ข้อเท็จจริง

“ระเบียบดังกล่าวประธานสภาฯไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง แต่ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ร่างระเบียบดังกล่าวออกมา และไม่ได้เป็นการใช้อำนาจประธานสภาฯในการแทรกแซงแต่อย่างใด อีกทั้งระเบียบลักษณะนี้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2552 สมัยท่านชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ การรายงานเช่นนี้จะมีประโยชน์ คือ การทำให้ประธานสภาฯได้ทราบว่ามีคณะกรรมาธิการไหนทำงานซ้ำซ้อนกันหรือไม่” นพ.สุกิจ กล่าว

สำหรับกรณีที่นายจิรายุ คัดค้านการประชุมสภาฯในวันที่ 22 พ.ย. เพราะมองว่าเป็นการหลอกให้กรรมาธิการมารายงานเรื่องที่จะทำต่อสภาฯ นพ.สุกิจ กล่าวว่า การที่นายจิรายุกล่าวหาเช่นนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการประชุมสภาฯวันที่ 22 พ.ย.เป็นการพิจารณาญัตติที่ค้างการพิจารณาเท่านั้น หากไม่มีการประชุมนัดพิเศษในวันที่ 22 พ.ย.จะทำให้ญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาเลย

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า การทำงานของสภาฯเวลานี้เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น ระเบียบที่ประธานสภาฯออกมานั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. โดยขณะนี้มีคณะกรรมาธิการบางคณะได้รายงานประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเข้าไปให้ประธานสภาทราบบ้างแล้ว

“วันนี้สภาฯและสังคมต้องการคนที่ดีไปบริหารบ้านเมือง ประธานสภาฯตั้งใจทำงานให้กับประชาชน ขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบิดเบือนเป็นอย่างอื่น ขอให้คุณจิรายุแสดงความรู้ความสามารถออกมาให้เห็น” นายสมบูรณ์ กล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมาธิการต่างๆ ว่า ตนเห็นด้วยและสนับสนุนการออกระเบียบดังกล่าว เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯโดยตรง ที่สามารถออกระเบียบเกี่ยวกับกิจการใดๆของสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้ข้อบังคับการประชุมสภา นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง ที่ประธานสภาได้จัดระเบียบการทำงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวของกับกิจการของรัฐสภา เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการทำงานของระบอบรัฐสภาต่อไป

ผมเชื่อว่านายชวน เป็นนักกฎหมาย แม่นข้อบังคับ จะไม่มีการกระทำความผิดตามมาตรา157อย่างแน่นอน เพราะการออกระเบียบในครั้งนี้ เป็นการออกระเบียบตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ90 ไม่ใช่การลุแก่อำนาจ หรือทำไปตามอำเภอใจ เพื่อกลั่นแกล้งใครคนใดคนหนึ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะใช้เป็นแบบอย่างหรือแนวทางการทำงานของคณะกรรมาธิการทุกคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาชุดนี้ มีประธานคณะกรรมาธิการ ที่มาจาก ส.ส.สมัยแรกจำนวนมากถึง11คณะ ซึ่งยังขาดประสบการณ์ในการทำหน้าที่ เพราะไม่เคยนั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการมาก่อน ถ้าไม่มีการวางกรอบหรือแนวทางในการทำงานให้เป็นอย่างที่ถูกต้อง ก็จะทำให้การทำงานของคณะกรรมาธิการไม่บรรลุเป้าหมายตามเจตนารมย์ของข้อบังคับการประชุมสภา และรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้

สำหรับสภาชุดนี้ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานรัฐสภา ซึ่งเปรียบเสมือนประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ นายชวนได้วางตัวเป็นกลาง และปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมทุกประการ เป็นส.ส.ที่มีอาวุโสสูงสุดในสภา ได้เห็นการทำงานของสภามาเป็นเวลายาวนาน เป็นที่เคารพนับถือของสมาชิกรัฐสภาทุกคน ท่านเป็นเหมือนครูใหญ่ของ ส.ส.ทั้งสภา อยากให้เพื่อน ส.ส.ทุกคนได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ คือการกอบกู้ศรัทธา และเรียกความเชื่อมั่นของรัฐสภากลับคืนมาให้เร็วที่สุด

“ชวลิต”หวังทุกฝ่ายถอยคนละหลายก้าว ส่งสัญญาณแก้ รธน.สร้างความเชื่อมั่นประเทศ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริง เห็นสัจธรรมร่วมกันว่า การมีกติกาบ้านเมือง คือ รธน.ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และออกแบบมาเพื่อให้ระบบการเมืองไม่มีเสถียรภาพ นั้น ในมุมหนึ่งอาจเป็นประโยชน์ในทางการเมืองกับภาคการเมืองกลุ่มหนึ่ง แต่ในภาพรวมของประเทศกลับสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล คือ “ประเทศขาดความเชื่อมั่น” ส่งผลให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ๆ ลงอย่างน่าใจหาย ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และไม่มีทางแก้ไขได้ หากไม่ร่วมมือกันทุกภาคส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา อย่าไปสงสัยว่า กว่า 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบประมาณมากมายมหาศาล แต่ทำไมเศรษฐกิจกลับฝืดเคือง ยิ่งใช้เงินมาก คนจนยิ่งเพิ่มขึ้น ๆ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะประเทศของเราไม่ได้รับความเชื่อมั่น มีแต่การลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ประเทศจึงเหมือนกับคนพิการ เดินขาเดียว ไปไม่รอด ไม่มีทางทันเพื่อน และจะถูกทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้แก้ที่หัวใจของปัญหา คือ การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ให้เป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ

ขณะนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ภาคส่วนต่าง ๆ เริ่มพูดคุยกันมากขึ้นเกี่ยวกับญัตติขอแก้ไข รธน.ซึ่งรอการพิจารณาอยู่ในสภา ฯ เห็นมีการชิมลางปล่อยชื่อ กมธ.ออกมาบ้างแล้ว มีการให้ความเห็นหลากหลายมุมออกมามากขึ้น ๆ สะท้อนว่าการแก้ รธน.อยู่ในกระแสของสังคมระดับหนึ่งแล้ว ในฐานะที่ผมเป็น ส.ส.เขต ได้ลงพื้นที่ทั้งในเขตตัวเอง และไปในต่างจังหวัดหลายจังหวัด พบว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่จมลึกลงไปเรือย ๆ จนยากจะเยียวยา หากทุกภาคส่วนไม่ร่วมมือกันฟื้นสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา

หากรัฐบาล และ ส.ว.ซึ่งเป็นองค์กรตาม รธน.ที่มีส่วนสำคัญว่าจะแก้ไข รธน.สำเร็จหรือไม่ เห็นความเดือดร้อนของประชาชนในปัญหาเศรษฐกิจที่ยากจะเยียวยา แล้วร่วมมือกันกับภาคส่วนต่าง ๆ ส่งสัญญาณที่จะแก้ไข รธน.ให้เป็น รธน.ของประชาชน ผมมั่นใจว่า ความเชื่อมั่นจะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้ามีการปรับพื้นฐานทางด้านการเมืองให้มีเสถียรภาพ ประเทศไทยก็ไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคนี้ ผมหวังว่า เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อนในปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องอย่างยิ่งดังกลาวข้างต้น ความสามัคคีที่ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศจะเกิดขึ้นในการพิจารณาญัตติขอแก้ไข รธน.ในสภา ฯ โดยเร็วที่สุด

“อนุสรณ์”ชี้ควบคุมตัวนักการเมืองเรียกปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่าพอ กมธ.เชิญมา ปัญหาเยอะ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ระเบียบดังกล่าว ออกมาภายหลังเกิดปัญหา กรณีกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ออกหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ถึง 3 ครั้งแล้วไม่มา การออกคำสั่งเช่นนี้ของประธานสภาผู้แทนราษฎร สุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงภารกิจตามกฎหมายของคณะกรรมาธิการ และอาจเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พรรคพลังประชารัฐเขาจะปั่นป่วนวุ่นวาย กวนน้ำให้ขุ่นอย่างไร เพื่อหวังจะอุ้มพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ให้รอด ก็เป็นเรื่องของพรรคเขา แต่ท่านประธาน อย่าไปเกี่ยวแฝกมุงป่า กับเขาเลย ท่านเป็นประธานสภาฯ เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ การดำเนินการอะไร ที่อาจถูกมองว่าอาจตกเป็นเครื่องมือของพรรคพลังประชารัฐ ท่านต้องระมัดระวัง

“5 ปีที่ผ่านมา คณะรัฐประหาร คสช. เรียกนักการเมืองไปควบคุมตัว แล้วบอกกับสังคมว่า เป็นการปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่า แต่พอกรรมาธิการซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน เชิญพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการบ้าง กลับไม่กล้ามา ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา” นายอนุสรณ์ กล่าว

“สาธิต”ชวนรวมพลังชุมชนยุติเอดส์ “จุติ”รับหนังสือ”ตัวแทนเครือข่ายสตรี”

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย รณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธันวาคม 2562 และเทิดพระเกียรติพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ “รวมพลังชุมชนยุติเอดส์” สร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกัน ลดการรังเกียจกีดกัน และเลือกปฏิบัติ มีเป้าหมาย “ไม่ติด-ไม่ตาย-ไม่ตีตรา” “รมว.พม.” รับหนังสือ “ตัวแทนเครือข่ายสตรี” ย้ำไม่สนับสนุนความรุนแรงในครอบครัว พร้อมหนุนสิทธิสตรีทุกด้าน

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเนื่องในวันเอดส์โลก และเป็นโอกาสเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ในการป้องกัน เอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNAIDS Goodwill Ambassador for HIV Prevention for Asia and the Pacific) ภายใต้แนวคิด “Communities make the difference รวมพลังชุมชนยุติเอดส์” ให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการยุติปัญหาเอดส์ สร้างการมีส่วนร่วมเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย “ไม่ติด-ไม่ตาย-ไม่ตีตรา” โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ (Ending AIDS) ภายใน 10 ปี โดยเน้นให้ชุมชนทั้งภาครัฐและ ภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมสร้างความตระหนักและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ภาคประชาสังคมร่วมจัดบริการ ให้เข้าถึงกลุ่มผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงได้รับการตรวจเอชไอวี ส่งเสริมการป้องกันและดูแลรักษา เชื่อมต่อกับสถานบริการภาครัฐ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ได้รับการดูแลแบบองค์รวม ยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลางและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน สู่เป้าหมาย “ไม่ติด-ไม่ตาย-ไม่ตีตรา” คือ ลดจำนวน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย ลดการรังเกียจและการเลือกปฏิบัติ อันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศภาวะลงจากเดิมร้อยละ 90 นำไปสู่การยุติปัญหาเอดส์ของประเทศไทยภายในปี 2573

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ในปี 2561 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกสะสม 37.9 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 1.7 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ 770,000 คน ส่วนประเทศไทยคาดประมาณปี 2562 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 5,500 คน เฉลี่ยวันละ 15 คน มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมดประมาณ 467,600 คน ซึ่งผลการดำเนินงานในปี 2561 พบว่า มีผู้ติดเชื้อได้รับการวินิจฉัยและรู้สถานะการติดเชื้อฯ ตนเอง ร้อยละ 94 แต่มีผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพียงร้อยละ 79 ของผู้ติดเชื้อฯ ที่ได้รับการวินิจฉัยและในจำนวนของผู้ที่กำลังรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส สามารถกดไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จ ร้อยละ 97

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค และศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เชิญชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์วันเอดส์โลกพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และติดโบว์แดง เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงการสนับสนุนการร่วมใจกันของทุกภาคส่วนในสังคม “รวมพลังชุมชนยุติเอดส์” สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

“รมว.พม.”รับหนังสือ”ตัวแทนเครือข่ายสตรี”ย้ำไม่สนับสนุนความรุนแรงในครอบครัว

ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนเครือข่ายสตรี ประมาณ 50 คน เดินทางมายื่นข้อเสนอต่อนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงต่อสตรีเพื่อนำไปพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ขอให้ไม่ขยายเวลาให้สถานบริการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาจัดหลักสูตรทักษะชีวิต เรื่อง เพศ และครอบครัว 3.ขอให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อสอบสวนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว 4.ขอให้ตำรวจ 191 เข้าระงับเหตุทันทีเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแม่และเด็ก 5.สิทธิการครอบครองที่ดินของสตรี 6.สิทธิการฝากครรภ์และการคลอดฟรีทุกโรงพยาบาล 7.ให้มีหน่วยงานการติดตามการค้ามนุษย์ขึ้นโดยตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี

โดย นายจุติ กล่าวภายหลังการรับหนังสือ ว่า หลายเรื่องรัฐบาลได้ทำอยู่แล้ว เช่น การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ทางกระทรวงพม. โดยการนำของนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ตำรวจช่วยเพิ่มการบรรจุพนักงานสอบสวนหญิง ส่วนเรื่องการละเมิดสิทธิทั้งชายและหญิงสิ่งที่สำคัญคือการให้ความเป็นธรรมต่อกัน เรามีอาสาสมัครและองค์กรภาคประชาชนจำนวนมากที่ทางกระทรวงพม.ร่วมทำงานด้วย เราไม่เคยสนับสนุนความรุนแรงในครอบครัว ไม่สนับสนุนในเรื่องการทำผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์

“ผมเคารพสิทธิของสตรี ฉะนั้นสิทธิที่มีควรจะเท่าเทียมกัน ในทางกฎหมายและทุกมิติของสังคม ที่ท่านนำเสนอมาทั้งหมดเราจะทำร่วมกับท่านและองค์กรสตรีอื่น ๆ เพื่อให้ผู้หญิงเกิดความเข้มแข็ง ผมเชื่อว่าถ้าเติมพลังผู้หญิงให้เต็มที่แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นมากกว่านี้ ผมพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ผมขอเชิญชวนทุกองค์กรมาช่วยกันกับกระทรวงพม. เพื่อรักษาสิทธิ คุ้มครองสิทธิ ส่งเสริมผู้หญิงให้เข้มแข็งต่อไป” นายจุติ กล่าว

“บิ๊กป้อม”เชื่อศาลรธน.ตัดสินคดี”ธนาธร”ถือหุ้นไร้วุ่น

People Unity News : “บิ๊กป้อม”เชื่อศาลรธน.ตัดสินคดี”ธนาธร”ถือหุ้นไร้วุ่น ขณะที่”กกต.”มีมติเอกฉันท์ให้”อคน.”ส่งเอกสารแจง คดีหัวหน้าปล่อยกู้พรรค

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือครองหุ้นสื่อ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของมวลชน และเชื่อว่าไม่มีอะไร เรื่องนี้เป็นกระบวนการของศาลและไม่ต้องมีการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นพิเศษ ส่วนที่ประชาชนไปให้กำลังใจถือเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมย้ำว่าฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ

“กกต.”มีมติเอกฉันท์ให้”อคน.”ส่งเอกสารแจง คดีหัวหน้าปล่อยกู้พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมพิจารณาสำนวนการสืบสวน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินของตนเอง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามมาตรา 66 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงาน กกต. และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ได้ดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการ และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้ว

ทั้งนี้ มติของ กกต.พิจารณาแล้ว เห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวข้างต้นปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ชัดเจน และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป โดยเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเอกสารที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหา หรือข้อโต้แย้งได้เคยเรียกเอกสารดังกล่าวแล้ว แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้แก่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

“สิระ”จี้”เสรีพิศุทธ์”แจงออกมติที่ประชุมแต่งตั้ง “วัฒนา”เป็นกุนซือล่วงหน้า

People Unity News : “สิระ”จี้”เสรีพิศุทธ์”แจงออกมติที่ประชุมแต่งตั้ง “วัฒนา เมืองสุข “เป็นกุนซือล่วงหน้า ก่อนวันประชุม ย้ำเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบได้แต่งตั้งให้นายวัฒนา เมืองสุขเป็นที่ปรึกษาว่า เนื้อหาในประกาศดังกล่าว มีกาาระบุมติที่ประชุมกมธ.ฯ  ในวันที่ 20 พ.ย.62 และอ้างประกาศ ณ วันที่ 20 พ.ย.62 ลงชื่อพล.ต.อ.  เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ว่า ตนไม่ทราบว่าหนังสือดังกล่าวออกมาล่วงหน้าก่อนวันประชุมวันที่ 20 พ.ย.ที่จะถึงได้อย่างไร เพราะเป็นกาาลงนามในคำสั่งล่วงหน้าเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเรื่องนี้คงต้องสอบถามไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถึงข้อเท็จจริงว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

“ตนขอให้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ออกมาตอบคำถามแก่สังคม เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นอำนาจของประธานาี่จะแจ่งตั้งที่ปรึกษาของตัวเองได้ แต่หนังสือดังกล่าวมีการกล่างอ้างมติของที่ประชุมกรรมาธิการอย่างชัดเจน ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีการประชุมในวันดังกล่าว พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ต้องชี้แจงเรื่องนี้ว่าจริงเท็จประการใด” นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า หาก พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าประกาศดังกล่าวไม่ใช่ของจริง ก็ต้องย้อนกลับไปถามนายวัฒนาว่าเอาเอกสารที่มีการปลอมแปลงลายเซ็นของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาได้อย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะมีการแอบอ้างมติประชุมกรรมาธิการ ทั้ง 15 คน โดยได้นำมาเผยแพร่สู่สาธารณชน ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว

“วราวุธ”เผยผลสอบที่”ปารีณา” พบมีหลายพื้นที่พิกัดไม่ชัด เร่งทำรังวัดชี้จุดเอง

People Unity News : “วราวุธ”เผยผลสอบที่”ปารีณา” พบมีหลายพื้นที่พิกัดไม่ชัด เร่งทำรังวัดชี้จุดเอง ยันกรมป่าไม้ ส.ป.ก. และคณะกรรมมาการระดับจังหวัดหารือกันอยู่ตลอด

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐว่า ในบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ปารีณา ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ดิน 1,700 ไร่ ระบุว่าเป็นพื้นที่ ภ.บ.ท.5 และมีจำนวนหลายแปลง ซึ่งไม่มีพิกัดอย่างชัดเจน ซึ่งจะต่างกับที่ดินที่มีโฉนด จนถึงเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ทางกรมป่าไม้ ส.ป.ก. และคณะกรรมมาการระดับจังหวัด ก็ยังประชุมหารือกันอยู่ตลอด เพื่อหาข้อสรุปที่ดินของ น.ส.ปารีณาว่าพื้นที่อยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งจะต้องลงพื้นที่ทำรังวัดกันอีกครั้งหนึ่ง

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีที่ดินที่มีปัญหาเช่นนี้อยู่หลายพื้นที่ ซึ่งก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งรัฐมนตรี ทางกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด เพราะการหาพิกัดแต่ละที่และการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จริงๆ ที่มีจำนวนมากนั้นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร พอมาถึงกรณีของ น.ส.ปารีณา ก็ต้องพยายามเร่งรัดการทำงาน เพราะเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่ามีการกำหนดระยะเวลาการทำงานแล้ว แต่คงต้องขอสอบถามทางอธิบดีกรมป่าไม้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากตรวจพบว่า การถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณาผิดกฎหมาย ในส่วนนี้ก็ไม่ถือว่ายุ่งยาก เพราะมีขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งต้องรอการทำรังวัดพื้นที่อย่างชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนจะมีการจัดการทำรังวัดใหม่เพื่อขีดเส้นพื้นที่ให้ชัดเจนทั้งประเทศนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้จำเป็นต้องทำ เพราะพื้นที่ทั่วประเทศมีจำนวนเป็นล้านไร่ แต่ต้องเกณฑ์เจ้าหน้าที่มาทำกรณีของ น.ส.ปารีณาก่อน รวมถึงจะให้ น.ส.ปารีณาไปชี้จุดที่ดินของตัวเองด้วย

“รองโฆษกพปชร.”โต้”ปิยบุตร”ทิ้งหลักวิชาชีพนักกฎหมาย

People Unity News : “รองโฆษกพปชร.”โต้”ปิยบุตร”เป็นนักการเมืองแล้วทิ้งความรู้หลักวิชาชีพนักกฎหมาย กล่าวหาผู้พิพากษาใช้ความคิดอุดมการณ์ส่วนบุคคล จี้หยุดประดิษฐ์วาทกรรม “ลอว์แฟร์” หวังทำลายความเชื่อถือของศาลใช่หรือไม่

วันที่ 19 พ.ย.2562 จากกรณียูทูปของพรรคอนาคตใหม่เผยแพร่วิดีโอที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ บรรยายกลไกทำงานเกี่ยวกับลอว์แฟร์ หรือ Lawfare หรือการใช้กระบวนการทางยุติธรรมเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูทางการเมือง และกล่าวหาว่า ผู้พิพากษาที่อยู่ในบังลังก์ตัดสินคดีล้วนมีจิตสำนึกที่เป็นตัวของตัวเอง มีความคิดความเชื่อ อุดมการณ์ส่วนบุคคลนั้น น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า อยากถามนายปิยบุตรว่า เหตุใดจึงกล่าวหาผู้พิพากษาและกระบวนการยุติธรรมเช่นนั้น นักกฎหมายต่างๆ รวมถึงผู้พิพากษาต้องมีจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพอยู่แล้ว ซึ่งองค์ความรู้ของวิชา LA461 หลักวิชาชีพของนักกฎหมายที่นายปิยบุตรได้เคยเรียนมาแล้วในระดับปริญญาตรีเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ก็เคยสอนไว้ชัดเจนว่า “ในการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ผู้พิพากษาจะต้องละความเป็นปุถุชนของตนเอง ทำหน้าที่โดยปราศจากอคติทั้ง 4 พิจารณาคดีเพื่อดำรงความยุติธรรม”

และหากนายปิยบุตรจำความรู้ของวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมายได้ ย่อมรู้แก่ใจว่าการกล่าวหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จึงขอให้หยุดประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและพรรคพวกในฐานะนักการเมือง หยุดสร้างกระแสชี้นำสังคมเพื่อมุ่งหวัง “บั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม”

“การประดิษฐ์คำและแปลความของคำว่า Lawfare ของนายปิยบุตร ว่ามาจากคำว่า Warfare และ Law มารวมกันเป็น “Lawfare” หมายถึง”นิติสงคราม” น่าจะผิดพลาด เพราะคำว่า “Fare” ไม่ได้แปลว่า สงครามแต่อย่างใด และรัฐบาล ไม่เคยใช้กฎหมายกลั่นแกล้งใคร อำนาจตุลาการเป็นอำนาจอิสระ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันสิ่งที่เรากำลังทำคือการยกระดับสวัสดิการ หรือ “Welfare” ของประชาชน เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่ควรทำในฐานะนักการเมือง ผู้แทนของประชาชน

ซัด“ช่อ-อนาคตใหม่” ปั่นกระแสป้ายสี “มาดามเดียร์”

น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวจากกรณีที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาแถลงข่าวพาดพิงไปยังนางสาว น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทำนองว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของสื่อชัดเจน แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีนั้นว่า น.ส.วทันยาปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวใดๆของสื่อในเครือเนชั่น จึงขอให้น.ส.พรรณิการ์ ไปทำความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.และ ส.ส. ตามมาตรา 98 (3) รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร … เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” ก่อนที่จะออกมาชี้นำให้สังคมเกิดความสับสนเช่นนี้

เพราะเรื่องนี้น.ส.พรรณิการ์และพรรคอนาคตใหม่เองรู้อยู่เต็มอกว่า น.ส.วทันยา นั้นทำทุกอย่างถูกต้อง เมื่อกระบวนการขั้นตอนถูกต้องตามคุณสมบัติแล้ว จึงไม่มีความผิด และหากน.ส.พรรณิการ์ กับพรรคอนาคตใหม่เห็นว่าน.ส.วทันยา ขาดคุณสมบัติส.ส. ตามมาตราใดของรัฐธรรมนูญ ก็สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. ได้ แต่เมื่อถึงเวลาใกล้กำหนดวันชี้ขาดกรณีของนายธนาธร กลับไปหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมา หวังปั่นกระแสสร้างความเข้าใจผิด น.ส.พรรณิการ์และพรรคอนาคตใหม่ไม่ควรมาแถลงข่าวบิดเบือนให้ผู้อื่นเสียหายเช่นนี้ น.ส. พรรณิการ์ ควร “ตั้งสติ” รอผลคำตัดสินของศาลเสียก่อนเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือโทษต่อพรรคอนาคตใหม่ทั้งนั้น แต่การแถลงข่าวของ น.ส.พรรณิการ์ เมื่อวานนี้ทำให้ประชาชนมีคำถามว่า กระทำเพื่อหวังกดดันกระบวนการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ หรือเป็นการหวังลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่

“ขอให้น.ส.พรรณิการ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนพูด รวมถึงข้อมูลต่างๆ เพราะทั้ง น.ส. วทันยา และคู่สมรสไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ถือหุ้นสื่อใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้หยุดชี้นำสังคมว่า นักการเมืองที่มีบุคคลในครอบครัวทำงานด้านสื่อหรือในอดีตนักการเมืองเคยทำงานด้านสื่อแล้วนักการเมืองท่านนั้นจะมีอิทธิพลต่อสื่อนั้นๆ จะทำให้สื่อออกข่าวให้คุณให้โทษต่อนักการเมืองได้ มิฉะนั้นแล้วหากสังคมถือตามบรรทัดฐานนี้ ประชาชนอาจมองว่าการที่หัวหน้าพรรคการเมืองท่านหนึ่งมีมารดาผู้ให้กำเนิดถือหุ้นสื่อใหญ่ในปัจจุบัน หรือในอดีตโฆษกพรรคการเมืองท่านหนึ่งก็เคยทำงานด้านสื่อ เป็นพิธีกรรายการข่าวและบรรณาธิการข่าว ก็อาจจะมีอิทธิพลต่อสื่อนั้นๆ ด้วยเช่นกัน”น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ขอให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางกฎหมายที่สุด อธิบายกับน.ส.พรรณิการ์และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ให้ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญกำหนดข้อห้ามของคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเฉพาะในมาตรา 184 ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น คุณสมบัติของ ส.ส. ตามมาตราอื่น เป็นข้อบังคับเฉพาะตัวของผู้เป็นส.ส. นั้นเอง เช่น มาตรา 98 (3) บัญญัติห้ามผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ นั้น กฎหมายบัญญัติห้ามใครบ้าง ห้ามบุคคลในครอบครัวเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อหรือไม่ กฎหมายไม่ได้ห้ามอดีตผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง การที่อดีตเคยทำงานสื่อหรือมีบุคคลในครอบครัวหรือไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะครอบงำสื่อได้

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนสงสัยอย่างมากว่า การเคลื่อนไหวต่างๆ ของพรรคอนาคตใหม่ทั้งการแถลงปิดคดีนอกศาล การจัดงานเวทีพรรค การยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำคดีตามหน้าที่ การสร้างกระแสประดิษฐ์วาทกรรมบั่นทอนความน่าเชื่อถือของศาล การแถลงข่าวกล่าวอ้างเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญกับบิดเบือนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั้น น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของนายธนาธรซึ่งจะมีการตัดสินคดีในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่ (20พฤศจิกายน 2562) เพราะตัวนายธนาธรเองคงรู้ข้อเท็จจริงอยู่แก่ใจว่าในขณะที่สมัคร ส.ส. นั้น ได้โอนหุ้นบริษัทวีลัคมีเดียไปแล้วหรือยัง เมื่อจำความอะไรไม่ได้ในศาล ไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นความจริงพิสูจน์ว่าตนโอนหุ้นไปแล้ว จึงพยายามสร้างกระแสอื่น ชี้นำสังคมเพื่อให้เป็นคุณประโยชน์แก่ตนเองหรือเปล่า

“มาดามเดียร์”เตรียมฟ้อง”ช่อ” ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนชั่นแล้ัว

People Unity News : “มาดามเดียร์” เตรียมฟ้อง “ช่อ”ปมแถลงข่าวบิดเบือนยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของเนชั่น เพราะลาออกและขายหุ้น ตั้งแต่ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี” ชี้แจงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวพาดพิงว่า ขอชี้แจงความจริง และขอให้หยุดบิดเบือนเผยแพร่ข้อความใส่ร้ายผู้อื่น 1. ดิฉันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 2. ในอดีตดิฉันได้ประกอบอาชีพโดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชน และตั้งแต่ก่อนลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดิฉันได้ลาออกจากทุกตำแหน่ง โอนขายหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของและมีหุ้นส่วนในกิจการสื่อใดๆทั้งสิ้น 3. ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเคารพ ปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรมเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด

น.ส วทันยา ระบุอีกว่า การแถลงข่าวของนางสาวพรรณิการ์ นั้นเป็นการแถลงโดยขาดข้อมูลที่ถูกต้องอาจเป็นด้วยไม่ได้มีการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
จึงขอเรียนว่า เพื่อให้นางสาวพรรณิการ์ได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น จึงกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตามกฏหมายเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง

“เพื่อไทย”คัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่นเขต 7

People Unity News : “เพื่อไทย”แถลงเป็นทางการคัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่น เขต 7

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต7 ขอนแก่น โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ตามที่พรรคได้ออกคำประกาศให้ผู้ที่สนใจลงสมัคร ปรากฏมีผู้เสนอตัวทั้งหมด 4 คน คือนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นายประสงค์ ศรีวัฒน์ นายกเทศมนตรี ต.หนองเรือ และนายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยที่ประชุมได้พิจารณาตัดสินใจเลือกนายธนิกและนายอดิศร โดยจะเสนอชื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ ประกาศขึ้นเว็บไซต์ ให้คณะกรรมการคัดสรรประจำจังหวัด พิจารณาคัดเลือกอีกครั้ง

จากนั้นจะนำข้อสรุปมาหารือกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ได้ข้อยุติในวันที่ 21 พ.ย. อย่างไรก็ตาม หวังว่าตัวแทนผู้สมัครของเราจะลงไปช่วงชิงและได้รับชัยชนะ จ.ขอนแก่น เป็นฐานเดิมของพรรค ที่สำคัญนายธนิก นายอดิศร ต่างเคยเป็นผู้แทนและเป็น ส.ส.ขอนแก่นมาแล้ว ในที่ประชุมเสนอให้ทาบทามนายพงศกร อรรณนพพร อดีตรมช.ศึกษาธิการ เป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.ขอนแก่น ซึ่งส.ส.ทั้งหมดจะช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส.ของพรรคเข้ามาต่อสู้ในสภาฯ อีกครั้ง

“ขอเรียกร้องฝ่ายรัฐวางตัวให้เที่ยงธรรม เป็นไปตามข้อกฎหมาย อย่าใช้อำนาจและกลไกของรัฐให้เป็นคุณเป็นโทษต่อผู้สมัคร ส่วนพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะสามารถได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชน และจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายภูมิธรรมกล่าว

Verified by ExactMetrics