วันที่ 12 กรกฎาคม 2025

“อนุทิน” นำทีมภูมิใจไทย เยือนปราสาทตาเมือนธม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 มิถุนายน 2568 “อนุทิน” นำทีม “ภูมิใจไทย” เยือนปราสาทตาเมือนธม มอบสิ่งของ-ให้กำลังใจทหารแนวหน้า พร้อมขอบคุณความทุ่มเทเสียสละ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะผู้บริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่เยือนปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลพื้นที่ชายแดน พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นและวัสดุสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงและการป้องกันภัย

นายอนุทินกล่าวว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นโบราณสถานที่สวยงามมาก มีศักยภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก หากไม่มีความตึงเครียดทางชายแดน เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย

“วันนี้ได้มาเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน รู้สึกอุ่นใจอย่างมาก เพราะพวกเรามีทหารที่เข้มแข็ง ดูแลบ้านเมืองด้วยหัวใจ ต้องขอขอบคุณและให้กำลังใจทุกนายที่เสียสละ” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าว

นอกจากนี้ ตลอดทั้งวัน นายอนุทินและคณะได้ลงพื้นที่หลากหลายจุดในเขตชายแดนสุรินทร์ เริ่มต้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านด่าน อำเภอกาบเชิง มอบสิ่งของจำเป็นและพูดคุยกับชาวบ้าน จากนั้นเดินทางไปที่ว่าการอำเภอกาบเชิงเพื่อประกอบพิธีมอบท่อคอนกรีตสำหรับสร้างหลุมหลบภัย

ช่วงบ่าย นายอนุทินเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอุโลก ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก เพื่อมอบวัสดุช่วยก่อสร้างหลุมหลบภัย พร้อมพูดคุยกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ก่อนปิดท้ายภารกิจด้วยการเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ณ ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง จุดยุทธศาสตร์สำคัญชายแดนไทย–กัมพูชา

Advertisement

กกต.ออกประกาศเตือน ว่าที่ผู้สมัคร อบต. ช่วงหาเสียง ร่วมงานพิธีห้ามใส่ซอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 มิถุนายน 2568 กกต.เตือนว่าที่ผู้สมัคร อบต.ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ร่วมงานแต่ง งานศพ งานบวช ได้ แต่ห้ามใส่ซอง เลี่ยงมอบเงิน-ของช่วยภัยพิบัติ เสี่ยงถูกร้อง

สำนักงาน กกต.ได้แจ้งแนวทางการปฏิบัติตัวของผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล โดยผู้สมัครสามารถเริ่มดำเนินการหาเสียงเลือกตั้งได้ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลา 180 วันก่อนวันครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 และสิ้นสุดการหาเสียงภายในเวลา 18.00 น.ของวันก่อนวันเลือกตั้ง

ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมายผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหรือประเพณีต่าง ๆ ได้ตามปกติ เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ หรือพิธีทางศาสนาอื่น ๆ แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด และระมัดระวังไม่ให้การเข้าร่วมนั้น เข้าข่ายเป็นการหาเสียงที่ผิดกฎหมาย โดยมีข้อควรปฏิบัติ คือ

1.ห้ามให้เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดในงาน โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถเข้าร่วมงานได้ในฐานะผู้รับเชิญ หรือแขกในพิธีการ เช่น เป็นเจ้าภาพ บังสุกุล หรือมีชื่อเป็นประธานในพิธีงานบุญโดยเจ้าภาพเป็นผู้จัดเตรียม แต่ห้ามมิให้มอบเงินหรือสิ่งของ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือการกระทำใดๆ อันอาจเข้าข่ายเป็นเหตุจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง หรือผู้อื่น อันเป็นการกระทำอันฝ่าฝืน มาตรา 65 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร ท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

2.ห้ามเจ้าภาพประกาศชื่อหรือหมายเลขผู้สมัครในลักษณะช่วยหาเสียง ทั้งนี้แม้ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะไม่ได้กระทำการหาเสียงโดยตรง แต่หากเจ้าภาพมีการประกาศ ชื่อ หมายเลข หรือแสดงเจตนาเชิญชวนให้เลือกบุคคลดังกล่าวในงาน อาจเข้าข่ายเป็นการหาเสียงผิดกฎหมาย

หากจำเป็นต้องจัดงานด้วยตนเอง ให้คำนึงตามฐานานุรูปและความเหมาะสม โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถจัดงานได้ เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน แต่ควรหลีกเลี่ยง การจัดงานที่มีลักษณะเกินความจำเป็น มีมหรสพ ความบันเทิง หรือการแจกจ่ายของที่ระลึก อันอาจถูกตีความว่า เป็นการจัดเลี้ยงหรือรื่นเริงเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

3.ห้ามมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์พิเศษ แม้ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะมีเจตนาแสดงน้ำใจในฐานะส่วนบุคคล เช่น กรณีอุทกภัย ไฟไหม้ วาตภัย หรือโรคระบาด แต่หากมีการมอบสิ่งของหรือการช่วยเหลือในช่วงเวลาการหาเสียง อาจเป็นเหตุให้ถูกร้อง คัดค้านว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ได้

ทั้งนี้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด จึงขอให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง อบต. ศึกษากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และดำเนินการภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการกระทำที่อาจเป็นเหตุ ให้ขาดคุณสมบัติ หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในภายหลัง

Advertisement

“รักชนก” จี้ “ปธ.กสทช.” ลาออก อัดเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 มิถุนายน 2568 “รักชนก” จี้ “ประธาน กสทช.” ลาออกจากตำแหน่ง บอก เนื้อใบหน้าหนากว่าคนทั่วไป ไล่ออกทุกสัปดาห์ก็ไม่ออก บอกไม่มีอำนาจคุมหัวโต๊ะประมูลคลื่นความถี่ “นายกฯ” ต้องหยุดความเน่าเฟะให้ได้ อีกไม่กี่วันจะประมูลแล้ว เชื่อ ปชช. ต้องจ่ายแพงขึ้น อัดเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนเครือข่ายมือถือ

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านหลัก ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยตั้งข้อสังเกตถึงราคาเริ่มต้นประมูลต่ำเกินกว่าราคาที่รัฐจัดเก็บได้ในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาอยู่ที่คลื่น 2,100 และ 2,300 เมกะเฮิรตซ์

“คลื่น 2,100 เมกะเฮิรตซ์ AIS เคยเช่า NT ในราคา 12,000 ล้านบาท แต่ในการเริ่มประมูลครั้งนี้ กสทช. ตั้งต้นประมูลที่ความถี่ 4,500 ล้านบาท ส่วนคลื่น 2,300 เมกะเฮิรตซ์ ดีแทคเคยเช่า NT อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท แต่ กสทช. ตั้งต้นประมูลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท ต้องบอกว่าราคาตั้งต้นการประมูล อ้างอิงจาก 10 ปีที่แล้ว เหตุผลอะไรที่ต้องไปอ้างอิงราคาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้งที่โลกเปลี่ยนไป” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า หลังจากควบรวมค่ายมือถือ ทุกคนทราบว่าเหลือเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อยู่แค่ 2 รายเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่ได้ใช้ความถี่ทับกัน คำถามของพวกเราคือทำไม กสทช. ถึงตั้งราคาเริ่มต้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้

“กสทช.ท่านเป็นอะไรกับค่ายมือถือ ถึงต้องรักษาผลประโยชน์ให้เขาขนาดนี้ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่าเมื่อค่ายมือถือเหล่านี้ จ่ายเงินซื้อของราคาถูกแล้ว เขาจะเอาเงินส่วนต่างเหล่านี้มาลดหรือเพิ่มเป็นบริการที่ดีขึ้น ท่านบอกว่าพอเขาจ่ายของถูก เดี๋ยวเขาจะไปลดค่าบริการ ทำเสาสัญญาณให้ดีขึ้น ประชาชนประเทศนี้ไม่ได้กินหญ้า ตอนที่ควบรวมทรูกับดีแทค กสทช. เดี๋ยวบริการจะดีขึ้น ถามว่าทุกวันนี้ มันประจักษ์แก่สายตาประชาชนแล้วหรือยัง สัญญาณมือถือที่ท่านใช้รู้สึกว่ามันดีหรือห่วยกว่าเดิม” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก ระบุว่า ค่าบริการ โปรโมชั่นเสริมที่เมื่อก่อนนี้จะต้องแย่งลูกค้ากัน ทุกวันนี้มันหดหายไปเพราะเขาไม่ต้องแข่งทำอะไร เพื่อเอาใจผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีกรณีค่ายมือถือล่ม กสทช. จัดการอะไรได้หรือไม่ ท่านไม่มีการจัดการค่ายมือถือเหล่านี้เลย

“กสทช.เปลี่ยนชื่อเถอะ จากองค์กรบริหารคลื่นความถี่ ไปเป็นองค์กรบริหารคลื่นความถี่เพื่อกลุ่มทุน แล้ววงเล็บข้างหลังไปด้วยว่ากลุ่มทุนไหน เพราะตอนนี้กลุ่มทุนค่ายมือถือกลุ่มหนึ่ง แทบจะสั่งให้ กสทช. สำนักงานและบอร์ด ซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ท่านเปลี่ยนชื่อไปเลย มันจะได้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าองค์กรนี้จัดสรรขึ้นความถี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ประเด็นที่สอง เรื่องคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ท่านมีหน้านั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช.ได้อย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ มันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศเคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดอ้างอิงของวุฒิสภาสมัยที่แล้ว ท่านเป็นพวกเดียวกัน มาจากรัฐบาลรัฐประหารเหมือนกัน ทั้ง สว.และประธาน กสทช.

“สว.ชุดที่แล้วยังชี้ไปในรายงานฉบับนี้เลยด้วยซ้ำว่าประธาน กสทช.คนนี้ขาดคุณสมบัติ เอาง่ายๆว่าพวกเดียวกันยังแบกไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายเงินเดือนให้คนคนนี้ เพียงต้องจ่ายค่าดูงานต่างประเทศ จ่ายสวัสดิการ คนๆนี้ยังนั่งตัดสินใจเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ราคาประมูลมันเท่านี้ แต่ผลประโยชน์ของชาติมันหลักแสนล้านบาท ท่านไม่มีสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะ” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ต่อให้ตนเรียกร้องให้ประธาน กสทช.ลาออกทุกสัปดาห์ แต่ท่านคงไม่ออก เพราะเนื้อบริเวณใบหน้าท่าน อาจจะหนากว่าคนทั่วไปสักนิด ตนก็เข้าใจ ท่านลงจากอำนาจมา ก็น่าจะมีฝ่าเท้าที่คอยเหยียบย่ำท่าน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ตัวประธาน กสทช.จัดการตัวเอง และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ ประธาน กสทช. เสนอทูลเกล้าเพื่อปลดออกด้วย

“ดิฉันมาช่วยหาคะแนนให้คุณแพทองธาร ถ้าจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศจริงๆ เพราะทุกคนอาจจะทราบแล้วว่า องค์กรนี้ ทุกวันนี้ ทำงานรับใช้ใคร สีแดงๆ ค่ะ นายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดเรื่องราวความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นในองค์กร กสทช.” น.ส.รักชนก กล่าว

Advertisement

“ประเสริฐ” โต้ รมต.โทรคมนาคมกัมพูชา ชี้ชัด กัมพูชาศูนย์กลางอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 มิถุนายน 2568 “ประเสริฐ” โต้ รัฐมนตรีโทรคมนาคมกัมพูชา ชี้ชัด กัมพูชาศูนย์กลางอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัด ไม่เกี่ยวกับไทย นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าประเทศ เตรียมขอความร่วมมือนานาชาติตอบโต้กัมพูชา

นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเจีย วันเดธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์ และโทรคมนาคมแห่งกัมพูชา ตอบโต้ไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซนเตอร์ ว่า เป็นการแก้ต่างของกัมพูชา เพราะรายงานของความมั่นคง ฝ่ายต่างประเทศยืนยันชัดเจนว่าศูนย์กลางอาชญากรรมอยู่ที่กัมพูชา และ รายงานข่าวความมั่นคงของไทยก็ชี้ชัดว่าศูนย์ปฎิบัติการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ อยู่ในกัมพูชา และย้ายไปที่ปอยเปต

เมื่อถามว่าประเด็นที่นายเจีย กล่าวอ้าง เพราะไทยไปกล่าวอ้างในลักษณะนี้ทำให้นักท่องเที่ยวจีน เข้ามาท่องเที่ยวในภูมิภาคลดลง นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่จริง เป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากเหตุผล เพราะไทยเป็นประธานปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ในระดับอาเซียน และที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าประเทศกัมพูชา เป็นเพราะนักท่องเที่ยวจีนคุยกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับไทย

ส่วนไทยจะตอบโต้อย่างไรกับข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งกัมพูชา นายประเสริฐ กล่าวว่า คงจะต้องหาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆในการปราบปราม เพราะข้อเท็จจริงก็ปรากฎชัดว่าปอยเปตและเมืองสำคัญของกัมพูชาเป็นแหล่งของคอลเซนเตอร์ใช้เป็นฐาน เพราะสังเกตุจากการเข้มงวดด่านชายแดนต้นเดือนมิถุนายน การใช้โซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆลดลงเป็นจำนวนมาก คนเข้าออกด่านลดลง ส่งผลในสถิติอาชญากรรมลดลงไปด้วย

ส่วนที่วันนี้ มีการปล่อยข่าวไทยจะเปิดด่านชายแดนวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ นั้น นายประเสริฐ ไม่ขอแสดงความเห็นเพราะเป็นอำนาจฝ่ายความมั่นคง และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงจับตาตลอด ส่วนที่นักพนันและคนที่ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ กระทรวงดีอีเอสได้รับมอบหมายให้ดูเรื่องบัญชีม้า หากมีการกดเงิน หรือเอาเงินออกในรูปแบบอื่นเป็นจำนวนมากจะตรวจสอบได้ทันที และยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีการกดเงินที่ด่านชายแดน สระแก้วมากกว่าในจุดอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามบัญชีมาแล้ว และแก๊งคอลเซนเตอร์ในตอนนี้ใช้รูปแบบเดิมคือหลอกให้กดเงินสดออกแทนการโอนเงิน

Advertisement

นายกฯ สั่ง 7 มาตรการ รับมือผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 มิถุนายน 2568 นายกฯ ระบุสถานการณ์อิหร่าน-อิสราเอล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมสั่งการ 7 มาตรการ รับมือผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกด้าน ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายตอบโต้ การเปิด-ปิดด่านชายแดน เพื่อหวังผลทางการเมือง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ต่างๆระหว่างประเทศจากสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านและอิสราเอล มีผลที่จะขยายวงกว้างออกไปและส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจการเมือง สังคม และยังไม่มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอนว่าจะจบเมื่อไหร่ ส่งผลต่อการเจรจาของหลายๆประเทศต่อนโยบาย รวมถึงการเจรจาภาษีทางการค้ากับสหรัฐฯ ด้วย จากเดิมที่กำหนดไว้ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้เริ่มเจรจาแล้วหนึ่งรอบ กับคณะทำงานของสหรัฐฯ ซึ่งจากนี้จะมีการแถลงเพิ่มเติม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณและราคาพลังงาน การเงิน การคมมนาคม การท่องเที่ยว ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีทุกคนร่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมหามาตรการรองรับ เพื่อจะให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด และขอยืนยันอีกครั้งว่าสถานการณ์เช่นนี้เสถียรภาพของรัฐบาลและความสามัคคีของคนในชาตินั้นสำคัญมาก จึงขอให้คณะรัฐมนตรีทุกคนทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและแก้ไขปัญหาอย่างทันการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้านแรกคือ เรื่องของภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามประเทศ ซึ่งตามรายงานของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและขอย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายในการตอบโต้ การเปิดปิดด่านชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยได้เตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนบริเวณชายแดนไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้าเกษตร โดยได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งมีมาตรการรองรับไว้อยู่แล้ว จากภาคเอกชนและภาครัฐด้วย

ด้านของความมั่นคงและพลังงานกระทรวงพลังงานกำหนดมาตรการการรับมือ สำหรับพลังงานสำรองและมาตรการช่วยเหลือประชาชนในหากมีภาวะการขาดแคลน รวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งต้องหามาตรการไว้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจการเงินและปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยให้กระทรวงการคลังกำหนดมาตรการและเป้าหมายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในทุกระดับโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของประเทศ

ส่วนเรื่องของราคาพืชผล ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร เร่งหามาตรการแก้ไขเร่งด่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของราคาข้าวที่ต้องเร่งสนับสนุนและมีมาตรการเยียวยาเกษตรกรให้แล้วเสร็จโดยเร็วและเรื่องของการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อนของจากประเทศเพื่อนบ้านที่จะส่งผลกระทบให้ราคาพืชผลเกษตรบ้านเรานั้นตกต่ำ

ขณะที่ปัญหายาเสพติดให้กระทรวงกลาโหม บูรณาการการทำงานระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บัญชาการตำรวจทุกจังหวัด กำหนดมาตรการให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นและต่อเนื่องจากมาตรการซีลสต็อปเซฟ (Seal Stop Safe)

ส่วนการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเน้นย้ำมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

ค่าแรงขั้นต่ำให้กระทรวงแรงงาน เร่งนำมาตรการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาพิจารณาเร่งด่วน เพื่อให้ทันการขึ้นค่าแรงในในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

Advertisement

ประธานศาล รธน. รับหนักใจ แต่ยึดตามหน้าที่พิจารณาคลิปเสียง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 มิถุนายน 2568 “นครินทร์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ รับหนักใจ แต่ยึดตามหน้าที่พิจารณาคลิปเสียง “นายกฯ-ฮุนเซน” ไม่บอก 1 ก.ค. มีมติคดีเลยหรือไม่ เผยไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เสมอไป

นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์กรณีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ว่าในวันที่ 1 ก.ค.เรามีการนัดประชุมไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีการตัดสินคดีเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ วันนั้นก็จะเป็นวันที่ลงมติมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ส่วนเรื่องที่ร้องเรื่องคลิปเสียง ตนยังไม่ได้ดู ตอนนี้อยู่ในกระบวนการรับเรื่อง ขอให้กลับไปที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดูหนังสือทั้งหมดว่าเป็นตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่

ส่วนวันที่ 1 ก.ค.จะมีการพิจารณาเรื่องคลิปเสียงได้หรือไม่นั้น นายนครินทร์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ต้องให้คณะตุลาการตรวจเอกสารครบถ้วนก่อน ซึ่งหากมีการพิจารณาก็จะออกได้ 2 ทาง คือรับหรือไม่รับเรื่อง แต่วันที่ 1 ก.ค. จะมีคำสั่งได้เลยหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ต้องรอตรวจเอกสารก่อนและเข้าองค์คณะ ทุกครั้งที่เราประชุมจะต้องมีองค์คณะครบ 9 คน

หากวันที่ 1 ก.ค.ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคดีคลิปเสียง จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นายนครินทร์ กล่าวว่า ก็ไม่จำเป็นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เสมอไป ซึ่งเราก็จะดูว่ามีข้อเท็จจริงว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีที่เรารับคดี แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

สำหรับคดีที่อยู่ในความสนใจเราก็ไม่ได้มีกรอบที่จะต้องเร่งรัดการพิจารณา แต่คดีของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงหลังไม่มีความล่าช้า แทบไม่มีคดีตกค้าง แต่มีกรอบเรื่องเดียวคือคดีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญมาตรา 144 เกี่ยวกับเรื่องแปรงบประมาณเพื่อใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญจะล็อคไว้ว่าจะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ว่าผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องคลิปเสียงจะส่งผลกระทบในหลายๆเรื่อง นายนครินทร์ กล่าวว่า แน่นอนว่าหนักใจ แต่ในเมื่อเราอยู่ตรงนี้ ก็ต้องทำตามหน้าที่

เมื่อถามเพิ่มเติมว่าคดีล้มล้างการปกครองขณะนี้ยังมีคดีตกค้างอยู่หรือไม่ นายนครินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีภายหลังจากที่พึ่งมีคำสั่งไม่รับคำร้องไปในคดีที่เเล้ว

Advertisement

รัฐบาลแนะ 5 วิธีรับมือภาวะเครียดจากการเมืองอย่างสร้างสรรค์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 มิถุนายน 2568 รองโฆษกรัฐบาล แนะ 5 วิธี รับมือภาวะเครียดจากการเมืองอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเผยวิธีดูแลใจ สร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ชีวิตดีมีความสุข

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนร่วมดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสข่าวสารและความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์มีความหลากหลายและรุนแรงมากขึ้น

รัฐบาลโดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศเตือนให้ระวัง “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง” หรือ Political Stress Syndrome (PSS) ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับบุคคลที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หรือมีความโน้มเอียงไปทางความคิดเห็นใดทางหนึ่งมากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น

ภาวะ PSS ไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่สะท้อนความตึงเครียดที่ผู้คนมีต่อสถานการณ์รอบตัว โดยมีลักษณะสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

1.อาการทางร่างกาย เช่น ปวดตึงศีรษะ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ

2.อาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิด โกรธ เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นกับข่าว

3.พฤติกรรม เช่น การโต้เถียงหรือใช้ถ้อยคำรุนแรงในครอบครัวหรือบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย

ทั้งนี้ การสื่อสารที่รุนแรงอาจสร้างผลกระทบต่อบุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ส่งสาร ที่อาจพลาดพลั้งใช้ถ้อยคำรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ 2) ผู้รับสาร ที่อาจรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล และ 3) สังคมโดยรวม ที่เสี่ยงต่อการเกิดบรรยากาศของความแตกแยก ความเกลียดชัง และความไม่น่าไว้วางใจ

กรมสุขภาพจิตขอแนะนำ 5 แนวทางดูแลใจ เพื่อลดความเครียดและสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ดังนี้ 1.รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองขณะเสพข่าว 2.จำกัดเวลาในการติดตามข่าวสาร 3.ดำรงชีวิตอย่างสมดุล ไม่ละเลยหน้าที่ 4.เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง 5.พักผ่อนและผ่อนคลายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การนอนหลับ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึกๆ

สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าอาการเครียดส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ขอให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

“รัฐบาลขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “สติ” ในการเสพและสื่อสารข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในช่วงที่สังคมมีความอ่อนไหวสูง การรับฟังอย่างมีวิจารณญาณ พูดจาอย่างสร้างสรรค์ และเคารพความคิดเห็นที่หลากหลาย จะช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่ และร่วมกันประคับประคองประเทศให้ก้าวข้ามทุกความขัดแย้งไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Advertisement

นายกฯ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ปกป้องอธิปไตย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 มิถุนายน 2568 นายกฯ ขอบคุณกองทัพและทุกคน ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการปกป้องรักษาอธิปไตยของเรา

ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ตัวแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเป็นราษฎรอาสาสมัครในพื้นที่ที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบของประชาชนในพื้นที่

โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับ ชรบ.ต่อการปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้รับมอบดอกกุหลาบสีแดงจากส่วนราชการ และประชาชนที่มาให้การต้อนรับเพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อประเทศชาติและเพื่อประชาชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการมรกต ตำบลโดมประดิษฐ์ เพื่อพบปะกำลังพลกองกำลังสุรนารีและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่มาพบปะทหารทุกนายในวันนี้ ตั้งใจมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ขอชื่นชมในความเสียสละ ที่ต้องห่างไกลบ้าน ห่างไกลครอบครัว และสิ่งสำคัญต้องขอขอบคุณ แม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงผู้บังคับบัญชา ทหารทุกนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องอธิปไตยอย่างแน่วแน่ ด้วยความมุ่งมั่น อย่างต่อเนื่อง

“ขอให้คำมั่นว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ ทุกคนคือคนไทย แผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย จะต้องช่วยกันรักษา ทหารเปรียบเสมือนรั้วของชาติ รัฐบาลต้องการให้รั้วของชาติมีสุขภาพดี ทั้งแรงกาย และแรงใจ มีความสุขในการทำหน้าที่ อะไรที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน รัฐบาลยินดีและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจให้ทหารทุกนาย พร้อมทั้งขอนำกำลังใจจากประชาชนทุกคนมามอบให้ในวันนี้” นางสาวแพทองธาร กล่าว

Advertisement

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 18 มิถุนายน 2568 นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน เหมือนคุยกันกับรัฐมนตรีใน ครม. ทำงานมาตั้งแต่รุ่นของคุณพ่อ เรียกอาเรียกลุงเป็นปกติ และได้มีการพูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไร เมื่อคุยกันได้สักพัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจเรื่องของไทม์ไลน์กองทัพว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทางนั้นบอกให้เปิดด่าน ตนก็บอกว่าได้เลย เปิดพร้อมกันไหม จะได้แสดงสันติภาพว่าจับมือเปิดด่านพร้อมกัน แต่เขาก็ไม่ยอม แต่ตนก็ได้บอกไปว่า ไม่ยอมได้อย่างไร เพราะไทยก็ยอมแล้ว ไม่ได้มีการต่อสู้ เป็นการพูดเพื่อให้ฝั่งเข้าใจว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไร แต่เหตุใดทางนั้นจึงไม่ได้ ไทยต้องเปิดก่อน แต่เขาก็บอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น แต่ตนก็ไม่แน่ใจ จึงขออนุญาตปรึกษากับทีมกลาโหมก่อน และจะมาให้คำตอบในวันต่อไป คือวันที่มีการประชุมที่บ้านพิษณุโลก แต่เมื่อประชุมยังไม่เลิก สมเด็จฮุน เซน ก็มีการโพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าประเทศไทยไม่เปิดด่านภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านชายแดนทั้งหมด ตนก็รู้สึกว่า อ้าว ทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ตนก็พยายามจะพูดด้วยความใจเย็น เพราะอยากทราบว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร มีอะไรบ้างที่เราจะทำเพิ่มเติมให้ได้ หรือจะคุยกันอย่างไรให้เกิดการต่อรองและสันติภาพ ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อกัน นี่คือความตั้งใจของตน แต่สมเด็จฮุน เซน ก็ย้ำเรื่องของการเปิดด่านอย่างเดียว แต่ตนก็ไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนก็ไม่ได้รับปากสมเด็จฮุน เซน เพราะต้องรอประชุมกับกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงก่อน “แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ” ว่า ความต้องการของท่านจริงๆ แล้วเป็นความต้องการคะแนนนิยมภายในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ท่านต้องการจะมี Popularity ในประเทศของท่าน เพราะท่านก็เคยบอกดิฉันว่า popularity เริ่มตก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนความนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำสองท่านคุยกันส่วนตัว แต่มีการอัดคลิปและปล่อยออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้นค่ะ จะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่า จริงๆ แล้วเราต้องการเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้ Popularity ของท่านเพิ่มขึ้น ก็ไม่เป็นไร ก็ตามนั้นค่ะ”

เมื่อถามว่า เนื้อหาการสนทนาในคลิปที่หลุดออกมา มีการพูดในลักษณะว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา เป็นเทคนิคในการสนทนาของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร รีบปฏิเสธทันทีว่า หมายถึงเรากับกัมพูชา เราเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว การที่จะมาคุยกัน เราก็พูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว แต่ตนต้องการทำความเข้าใจกับเขาว่า แม่ทัพภาค 2 พูดไปแบบนั้น เพราะข้อความก่อนที่จะคุยกัน ล่ามที่แปลบอกว่า สมเด็จฮุน เซน โกรธที่มีคลิปแม่ทัพภาค 2 ออกมาแล้วก็ว่าออกไป แต่จริงๆ แล้วถ้าฟังทั้งหมดก็ไม่ได้มีอะไร แต่เป็นการตัดประโยคตรงนั้นออกไป

เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีการปล่อยคลิปเต็มออกมา จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะความมั่นคง เพราะเหมือนกับว่าถูกยุยงให้รบกันเองภายในประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ใช่ค่ะ” ที่ไม่อยากให้คนไทยไปหลงกลตรงนี้ เพราะนี่ก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่าเราทะเลาะกันเอง แต่จริงๆ แล้วที่ตนพูด เพื่อต้องการให้เขาบอกความต้องการของเขาว่า อะไรที่จะทำให้ประเทศชาติสงบสุข อะไรที่จะทำให้การปะทะจบลง ตนก็อยากรู้ ตนก็ใช้ความสามารถในการพูดคุยว่าจะเอายังไง เพราะตนก็ไม่ยอมที่จะเปิดด่าน แต่หากจะเปิดก็เปิดพร้อมกัน กับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดีหรือไม่ จะได้เป็นความสัมพันธ์ร่วมกันว่า เราเลิกทะเลาะกันแล้ว และมาเปิดด่านร่วมกัน นี่คือความตั้งใจของตน แต่สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่ยอม ท่านบอกประมาณว่า เป็นการโกหก แต่ตนก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ เนื่องจากเป็นการแปลจากล่าม เสียงก็จะก้องๆ หน่อย ซึ่งท่านบอกว่า ได้ข้อมูลมาว่าที่ไม่เปิดเพราะทหารโกหก เมื่อท่านได้ข้อมูลนี้มา ตนก็ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูล เพราะไม่ได้ดีลตรงนั้น จึงบอกไปว่า ไทยจะมีการประชุมกับฝ่ายความมั่นคงและทหาร เรียกทุกคนมาครบหมด ขอปรึกษากับกองทัพก่อนว่าจะเอาอย่างไร

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะมีการปล่อยคลิป จะมีการพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี นิ่งคิด ก่อนจะบอกว่าไม่ทราบ

เมื่อถามว่า จะยึดหลักสันติในการเจรจากับกัมพูชาได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนก็ไม่ใช่คนที่จะไปท้าตีท้าต่อยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

เมื่อถามว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรและตระกูลฮุน สิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่ายังไง แต่ตนไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องของความไว้ใจ

เมื่อถามย้ำว่า เนื้อหาในคลิปจากล่ามที่แปล บอกประมาณว่า นายกฯ พูดว่าอยู่ตรงข้ามกับแม่ทัพภาคที่ 2 จำเป็นจะต้องมีการทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกันระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจเลยว่า ถ้าตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพจริงๆ เหตุใดตนจึงต้องบอกว่ารอปรึกษากองทัพว่าคิดอย่างไร เหตุใดตนต้องรอกองทัพคิดก่อนว่ากองทัพคิดอย่างไร ทำไมตนต้องรอกองทัพ ถ้าตรงข้ามก็ไม่ต้องรอ แต่นี่ไม่ใช่ ซึ่งตนเห็นจากคลิปแล้ว เขาก็เล่าและสุมกันมาเลยว่า สมเด็จฮุน เซน โกรธมากที่เห็นคลิปนี้ ตนก็คิดว่าตายแล้ว จะเพิ่มเรื่องปัญหาจะมากขึ้นหรือไม่ ตนจึงทำความเข้าใจว่า ไม่มีอะไรหรอก เวลาคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามพูดถึงกันก็เป็นแบบนี้ พยายามสื่อสารว่าไม่มีอะไรจริงจัง เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า หากเขายอมเรื่องนี้​ ไทยจะยอมเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อคุยเรื่องการเปิดด่านและมีอาวุธ จึงต้องจำกัดเวลา

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ประโยคสนทนาแบบนี้ ไม่ควรจะออกมาแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้นำระดับประเทศ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 32​ ปี​ และเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน การนำออกมาเผยแพร่ก็เป็นแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินเข้ามายืนร่วมวงแถลงข่าวด้วย โดยยืนอยู่ข้าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นพ.พรหมินทร์ ได้เอื้อมมือไปแตะให้มายืนอยู่ข้างๆ ซึ่งนายอนุทิน มีสีหน้าเรียบเฉย

Advertisement

ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 มิถุนายน 2568 ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่… พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ .. พ.ศ. ….(การกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีประจำศาลยุติธรรม)

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มี “เจ้าพนักงานคดี”เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือศาลในการดำเนินและการดำเนินกระบวนพิจารณาอื่นใดตามที่ศาลมอบหมายและเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… รวม 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว รวมทั้งรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรม (ศย.) เสนอ

นายคารม กล่าวว่า สาระสำคัญ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ เป็นร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเจ้าพนักงานคดีทำหน้าที่ช่วยเหลือศาลในการดำเนินคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่นใดตามที่ศาลมอบหมายแต่จะต้องมิใช่เป็นการก้าวล่วงไปวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือดำเนินกระบวนพิจารณาอื่นใดที่ศาลจะต้องดำเนินการเองเป็นการเฉพาะ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือศาลในการดำเนินคดีประเภทอื่นที่มีกฎหมายวิธีพิจารณาความบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะด้วย โดยกำหนดให้อำนาจหน้าที่และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานคดี คุณสมบัติ การแต่งตั้ง การเลื่อนระดับการบังคับบัญชาการรักษาจริยธรรม ตลอดจนการบริหารงานบุคคลของเจ้าพนักงานคดี เป็นไปตามข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา รวมถึงให้เจ้าพนักงานคดีได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด ทั้งนี้ การกำหนดให้มีตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีไว้ในประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งดังกล่าวจะมีผลเป็นการรับรองตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีไว้ครอบคลุมในทุกประเภทคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญา คดียาเสพติด คดีค้ามนุษย์ คดีแพ่งทั่วไป หรือคดีอื่น ๆ ในศาลยุติธรรม

ส่วนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ .) พ.ศ. …. เป็นร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วเช่นเดียวกัน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของศาลยุติธรรม) เพื่อกำหนดให้เจ้าพนักงานคดีดังกล่าวเป็นข้าราชการศาลยุติธรรม รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมให้เจ้าพนักงานคดีที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น ปฏิบัติงานมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี ได้รับโอกาสในการมีสิทธิเป็นผู้สมัครทดสอบความรู้เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการ (สนามเล็ก) ต่อไป เพื่อสนับสนุนสายงานเจ้าพนักงานคดีให้เป็นบุคลากรสายวิชาชีพเฉพาะด้าน ทั้งนี้ การกำหนดให้มีเจ้าพนักงานคดีจะเป็นการช่วยลดภาระงานในส่วนที่ผู้พิพากษาไม่จำต้องกระทำเองซึ่งจะทำให้ผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้อย่างเต็มที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณา พิพากษาคดีของศาลยุติธรรมส่งผลให้คดีเสร็จสิ้นไปได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและหลักประกันให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมว่าการพิจารณา พิพากษาคดีนั้นจะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เที่ยงธรรม และมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว

นายคารม กล่าวต่อว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการตามแนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว และได้เสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่..) พ.ศ. ….จำนวน 3 ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานศาลปกครอง พิจารณาแล้วเห็นชอบหรือไม่ขัดข้องในหลักการของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ รวม 2 ฉบับ โดยมีความเห็นหรือข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ เช่น

1)ประเด็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่า การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่และการบริหารงานบุคคลของเจ้าพนักงานคดี ควรให้คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมเป็นผู้กำหนด

2)ประเด็นอัตรากำลังของตำแหน่งเจ้าพนักงานคดี สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่า ควรจัดทำกรอบอัตรากำลังของตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีเท่าที่จำเป็นและควรเกลี่ยอัตรากำลังเจ้าพนักงานคดีที่ปฏิบัติงานในศาลยุติธรรมแทนการเพิ่มอัตรากำลังเป็นลำดับแรกเพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว

3)ประเด็นคุณสมบัติของผู้สมัครทดสอบความรู้เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการ สำนักงาน ก.พ. เห็นว่า ควรกำหนดระดับของข้าราชการและระยะเวลาปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีหรือข้าราชการศาลยุติธรรมที่ได้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายในตำแหน่งอื่นเพิ่มเติม เช่น ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ

4)ประเด็นอื่นๆ กระทรวงยุติธรรมเห็นว่า เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว ควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย

Advertisement

Verified by ExactMetrics